Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1281

ตอนที่ 1281

อย่าปล่อยให้รอดไปแม้แต่คนเดียว

ขุนเขาทะเลที่เจ็ดกำลังมาแล้ว!

กองกำลังทั้งหมดไม่ได้มาถึงในทันที แต่ผู้บุกรุกกลุ่มแรกเริ่มทำให้รอยแตกระหว่างสองขุนเขาทะเลขยายมากขึ้นในทันที

รอยแตกนั้นคือช่องทางที่พวกมันสามารถจะผ่านเข้ามาในขุนเขาทะเลที่แปดได้ และในทันทีที่พวกมันปรากฏตัวขึ้น ก็เริ่มจัดตั้งค่ายกลเวทเป็นจำนวนมาก คล้ายกับเป็นกองกำลังป้องกัน พวกมันยังได้โจมตีไปยังรอยแตกนั้นด้วยตนเองอีกด้วย เพื่อพยายามเปิดให้กว้างมากขึ้นกว่าเดิม

ที่น่าประทับใจมากไปกว่านั้นก็คือ ผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลที่เจ็ดกลุ่มใหญ่รวมพลังเข้าด้วยกันเพื่อเรียกมังกรขนาดใหญ่เก้าหัวสีดำสนิทออกมา และเมื่อมันแผดร้องคำรามเข้าไปในรอยแตกนั้น ก็ทำให้รอยแตกขยายกว้างมากขึ้นไปเรื่อยๆ

สายลมกรีดร้องระงม ดังก้องไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่แปด นำพาเสียงของราชันแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ดมาด้วย

“เปิ่นจุน (คำเรียกตัวเองของผู้ที่ถูกเทิดทูนบูชา) ซือหม่าเต้า ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด! ขอประกาศสงครามกับ…ขุนเขาทะเลที่แปด! พวกเจ้าทั้งหมดจะยอมจำนนหรือตายไป!” เสียงของมันเย็นเยียบราวน้ำแข็ง ขณะที่ดังก้องไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่แปด

แน่นอนว่าราชันแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ดคงไม่ได้ออกจากขุนเขาทะเลของมันมาในเวลานี้ มันคงจะรอจนกระทั่งผู้ฝึกตนที่เป็นกองกำลังหลักจากขุนเขาทะเลที่เจ็ด เคลื่อนทัพเรียบร้อยแล้วก่อนที่มันจะปรากฏตัวขึ้น

แต่มันก็ต้องร้องตะโกน…และประกาศสงครามออกไป!

เสียงอันน่าตกใจของมันทำให้ขุนเขาทะเลที่แปดสั่นสะท้าน ผู้ฝึกตนและสำนักทั้งหมดที่ได้ยินเสียงมัน ต่างก็ตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกและไม่อยากจะเชื่อกันถ้วนหน้า

“นี่…นี่…”

“ขุนเขาทะเลที่เจ็ดกำลังรุกรานเข้ามา!!”

“สงครามขุนเขาทะเล ตำนานสงครามขุนเขาทะเล! คาดไม่ถึงว่ามันจะปรากฏขึ้นในตอนนี้!!”

“นี่มันกะทันหันมากเกินไป เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร? ขุนเขาทะเลที่เจ็ดกำลังจะก่อสงครามขุนเขาทะเลขึ้นมาจริงๆ แต่พวกเราแทบไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับพวกมันแม้แต่น้อย!”

คนทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่แปดกำลังตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธมิตรเทพสวรรค์ คำสั่งถูกกระจายออกไปในทันทีเพื่อเรียกให้ทุกคนมารวมตัวกันอย่างรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

สาขาย่อยของพันธมิตรเทพสวรรค์ถูกรวมอยู่ในคำสั่งนั้นด้วย ขณะที่ตระกูลใหญ่อื่นๆ ในขุนเขาทะเลที่แปด ซึ่งก็คือตระกูลหาน ค่ายกลเวทป้องกันเริ่มทำงานขึ้น และที่ตั้งทั้งหมดต่างก็มีคนเฝ้าประจำการ

พายุขนาดใหญ่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว!

การเตรียมตัวเหล่านี้เริ่มขึ้นในทันทีที่ขุนเขาทะเลที่เจ็ดเริ่มผ่านเข้ามาในรอยแตก เวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปในตระกูลเมิ่ง ผู้ฝึกตนที่รุกรานเข้ามากำลังหวาดกลัวอยู่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว แต่จากนั้นเมื่อพวกมันรับรู้ได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น สีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้น และยังรู้สึกดีใจอีกด้วย

“กองกำลังเสริมจากขุนเขาทะเลที่เจ็ดกำลังมาแล้ว!!”

“ฮา ฮา ฮา! สงครามขุนเขาทะเลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว พวกเราอยู่ข้างขุนเขาทะเลที่เจ็ด จะต้องชนะอย่างแน่นอน!”

“ตระกูลเมิ่ง สงครามจะเกิดขึ้นแล้ว พวกเจ้ายังไม่ยอมจำนน?”

เสียงร้องตะโกนของผู้ฝึกตนที่รุกรานมา กลายเป็นคลื่นเสียงที่ม้วนกวาดออกไปยังผู้ฝึกตนตระกูลเมิ่งทั้งหมด รวมทั้งไว่ผอและปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสทั้งห้า สีหน้าของปรมาจารย์สลดลง ซีดขาวไร้สีเลือดไปโดยสิ้นเชิง

สำหรับกลุ่มคนทรยศของตระกูลเมิ่ง พวกมันแหงนหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา แฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งและดีใจเป็นอย่างยิ่ง

พวกมันเพิ่งจะตกใจกลัวเมิ่งฮ่าว แต่ตอนนี้เมื่อกองกำลังเสริมจากขุนเขาทะเลที่เจ็ดกำลังเดินทางมา ทำให้ความเชื่อมั่นของพวกมันกลับคืนมา ในจิตใจพวกมัน การคุกคามจากเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ไม่ได้น่ากลัวเท่าใดนัก

พวกมันเชื่อว่าทั้งตระกูลเมิ่งและเมิ่งฮ่าว คงลังเลใจอยู่ในตอนนี้ ลังเลใจเกี่ยวกับ…ความปลอดภัยของตนเอง

ผู้ฝึกตนที่รุกรานเข้ามาไม่ใช่คนโง่เขลา กลุ่มที่ถอยไปทางด้านหลังก่อนคือบุรุษชุดดำจากขุนเขาทะเลที่เจ็ด พวกมันรู้ว่าเมื่อไหร่ที่กองกำลังเสริมมาถึง ก็จะอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ แต่เมื่อไหร่ที่พวกมันไม่อาจจะกวาดล้างตระกูลเมิ่งไปได้ ก็จำเป็นต้องคิดถึงความปลอดภัยของตนเองก่อน

ในความคิดของพวกมัน เมื่อไหร่ที่ตระกูลเมิ่งกำลังลังเล นั่นคือโอกาสดีสำหรับการล่าถอย แน่นอนว่าตระกูลเมิ่งคงไม่กล้าไล่ตามพวกมันไปในตอนนี้

นั่นคือสิ่งที่สำนักซึ่งรุกรานเข้ามากำลังคิดอยู่ในตอนนี้ เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนที่ทรยศของตระกูลเมิ่ง ในที่สุดคนทั้งหมดก็ถอยไปทางด้านหลัง เตรียมตัวที่จะจากไป

อันที่จริง พวกมันต่างก็คาดเดาได้อย่างถูกต้อง ผู้ฝึกตนตระกูลเมิ่งรวมทั้งห้าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋า ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ไม่กล้าจะต่อสู้ต่อไป หรือพยายามจะไปขัดขวางไม่ให้ศัตรูของพวกมันจากไป เมื่อคิดไปถึงสงครามขุนเขาทะเลที่ใกล้จะปะทุขึ้นมา และการมาถึงของกองกำลังเสริมจากขุนเขาทะเลที่เจ็ด ตระกูลเมิ่งทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ในแรงกดดัน

อย่างไรก็ตาม ผู้รุกรานได้คำนวณพลาดไปเกี่ยวกับคนผู้หนึ่ง และนั่นก็คือ…เมิ่งฮ่าว!

“ใครบอกให้พวกเจ้าจากไป?” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ ลอยตัวอยู่ที่นั่นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ตระกูลเมิ่งวิตกเกี่ยวกับขุนเขาทะเลที่เจ็ด เช่นเดียวกับพันธมิตรเทพสวรรค์ แต่เมิ่งฮ่าวไม่แยแสแม้แต่น้อย

บุคคลที่เขาใส่ใจในขุนเขาทะเลที่แปดแห่งนี้คือไว่ผอและคนของท่านเท่านั้น ไม่ว่าคนทั้งหมดจะอยู่หรือตายไป ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา และเขาก็ไม่อาจจะทำอะไรเพื่อหยุดสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้เช่นกัน เขารู้ว่าในที่สุดสงครามใหญ่อันน่าตกใจก็จะเกิดขึ้นในอาณาจักรขุนเขาทะเล กองกำลังโบราณสองกลุ่มที่อยู่ด้านนอกสามสิบสามสวรรค์กำลังใกล้เข้ามาแล้ว และสงครามนั้น…ก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้

คำพูดที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะกล่าวออกไป คล้ายกับเป็นสายลมอันหนาวเหน็บ ทำให้จิตใจของผู้รุกรานต้องตื่นตระหนก พวกมันมองกลับมาที่เขา

เสียงอันเย็นชาดังก้องออกมาจากภายในกลุ่มฝูงชน “กำลังเสริมจากขุนเขาทะเลที่เจ็ดมาถึงแล้ว แค่ปกป้องตระกูลเมิ่งก็ยังเป็นปัญหา เจ้ายังกล้าไม่ยอมให้พวกข้าจากไป?”

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเยือกเย็นขณะที่กวาดมองไปยังกลุ่มฝูงชน

เพียงชั่วขณะก็พบผู้ฝึกตนที่เพิ่งจะพูดขึ้นมา และพลังที่อยู่ในสายตาของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งทะยานขึ้นไปในทันที ชั่วขณะต่อมาบุรุษผู้นั้นก็ระเบิดขึ้น

จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็พุ่งทะยานตรงไป โบกสะบัดมือออกไป เพื่อเรียกอสูรโลหิตออกมาให้ม้วนกวาดเข้าไปในกองกำลังศัตรูอย่างฉับพลัน

ภูติเกราะดำกรีดร้องออกมา ขณะที่พวกมันเริ่มทำการสังหาร ร่างจำแลงโลหิตและอ๋าวเฉี่ยนก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน กลิ่นอายอันน่ากลัวพุ่งกระจายออกไป

“เมื่อพวกเจ้ากล้ามารุกรานสถานที่แห่งนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องจากไป ข้าไม่แยแสว่าจะมีสงครามระหว่างขุนเขาทะเลที่เจ็ดและแปดหรือไม่ แต่ข้าบอกกับพวกเจ้าได้ว่าข้าเกลียดผู้ทรยศ”

“ไม่ว่าพวกเจ้าจะทรยศต่อตระกูลของตัวเอง หรือทรยศต่อขุนเขาทะเลที่พวกเจ้าอาศัยอยู่ ต่างก็เป็นเช่นเดียวกัน” เสียงเมิ่งฮ่าวเย็นชาขณะที่โบกสะบัดมือออกไปอีกครั้ง ปลดปล่อยพื้นฐานโบราณเพื่อเรียกภูเขาจำนวนมากให้ตกลงมาจากทั่วทุกทิศทาง

ภูเขาเหล่านี้ไม่ได้ปะทุปราณเซียนออกมาอีกต่อไป แต่พวกมันให้ความรู้สึกที่เก่าแก่โบราณ ราวกับว่าได้คงอยู่มานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน เหล่านี้คือภูเขาโบราณ และขณะที่พวกมันปรากฏขึ้น ก็ส่งระลอกคลื่นอันทรงพลังให้กระจายออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

เมิ่งฮ่าวมองไปยังผู้ฝึกตนตระกูลเมิ่งรวมทั้งห้าปรมาจารย์ด้วยสายตาที่เย็นชา เมื่อสายตาเมิ่งฮ่าวตกกระทบไปบนร่างของปรมาจารย์เหล่านั้น พวกมันก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที เมิ่งฮ่าวร้องคำรามออกมา “ตระกูลเมิ่ง ยังไม่ลงมืออีก?”

พวกมันได้เห็นทัณฑ์โบราณอันน่ากลัวของเมิ่งฮ่าว ได้เห็นเซียวอี้หานหลบหนีจากไปอย่างรวดเร็ว และได้เห็นพลังอันน่ากลัวของเมิ่งฮ่าวด้วยสองตาของตนเอง พวกมันจึงกัดฟันแน่น ตัดสินใจทำตามคำสั่งของเขา

ห้าปรมาจารย์แผดร้องคำราม พุ่งตรงไป “ผู้ฝึกตนตระกูลเมิ่งลงมือ สังหารผู้ทรยศและผู้รุกรานให้หมดสิ้น!”

สมาชิกของตระกูลคนอื่นๆ ลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ร้องตะโกนขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน ขณะที่พุ่งตรงไปโจมตี

เกิดการต่อสู้กันต่อไป แต่ครั้งนี้ตระกูลเมิ่งไม่ได้ตกอยู่ในสภาวะที่อ่อนแออีกต่อไป แต่กลับกันโลหิตของผู้ทรยศและผู้รุกรานไหลนอง เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจดังก้องออกมา ขณะที่ชีวิตนับไม่ถ้วนถูกสังหารไป

เมิ่งฮ่าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและหายตัวไป

เมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ก็ไปอยู่ที่เบื้องหน้าของบุรุษชุดดำ หนึ่งในผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าชรา ซึ่งมาพร้อมกับเซียวอี้หาน ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ชายชราก็กัดปลายลิ้นเล็กน้อย พ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ ขณะที่มันพุ่งถอยไปทางด้านหลังด้วยความรวดเร็วสูงสุด แต่ในขณะที่ทำเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็ชี้นิ้วออกไป

เป็นท่วงท่าที่เรียบง่าย แต่ผลลัพธ์ก็คือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะเทือน เมื่อพลังที่มองไม่เห็นมารวมตัวกันอยู่รอบๆ ชายชราในทันที กดทับลงไปบนร่างมันด้วยแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ

ราวกับเป็นพลังแห่งขุนเขาทะเลเอง ที่กดทับลงไปบนร่างของมัน ทำให้เกิดเป็นเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวขึ้น ขณะที่เสียงแผดร้องนั้นดังออกมาจากปากมัน ร่างกายก็ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียดไป

“พลังขุนเขาทะเล” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ตอนนี้เขารู้สึกได้อย่างเด่นชัดถึงพลังแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลที่อยู่ภายในร่าง และรู้วิธีที่จะควบคุมมันได้บางส่วนแล้วเช่นกัน

เมื่อผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าคนอื่นๆ มองเห็นสิ่งที่เขาเพิ่งจะทำไป พวกมันก็ตกตะลึง แต่ขณะที่พวกมันเริ่มหลบหนีจากไป เมิ่งฮ่าวก็หันหน้าไปมองและเดินตรงไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าของผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าอีกคน โบกสะบัดมือออกไปทำให้เกิดเป็นสายลมระเบิดพุ่งออกไป ที่ใดก็ตามที่สายลมนี้พุ่งผ่านไป

เสียงแผดร้องก็จะดังก้องออกมา และผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังก็จะถูกกำจัดไป ไม่ว่าพวกมันจะพยายามต่อต้านกลับมามากแค่ไหนก็ตาม

“หนีเร็ว! รีบหนีไป!!”

“ดาวเพชฌฌาต! คนผู้นี้คือดาวเพชฌฌาต!!”

“บัดซบ ขุนเขาทะเลที่เจ็ดต้องมากวาดล้างตระกูลเมิ่งไปในไม่ช้า!!”

ขณะที่เสียงแผดร้องดังก้องออกมา ผู้รุกรานที่มาโอบล้อมและกลุ่มคนทรยศตระกูลเมิ่ง ต่างก็หวาดกลัวต่อการถูกสังหารไป สามารถจะคิดได้แค่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น จะหลบหนีไปได้อย่างไร

ในที่สุดทัพหน้านับหมื่นก็เหลืออยู่แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น คนทั้งหมดกำลังกระจัดกระจายออกไป หลบหนีไปด้วยความรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เวทลับต่างๆ ถูกใช้ออกมาจนหมดสิ้น ผู้ฝึกตนตระกูลเมิ่งกดดันพวกมันอย่างหนักในการไล่ล่าติดตามไป และในที่สุดผู้รุกรานก็แตกกระจายไปโดยสิ้นเชิง

“เมื่อทำสงคราม ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครมีชีวิตรอดจากไปได้” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ กระทืบเท้าขวาลงไป ทำให้ทะเลแห่งเปลวไฟพุ่งขึ้นมา ซึ่งก็คือแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ ที่กระจายออกไปด้วยความโหดร้ายอย่างรวดเร็ว

ในชั่วพริบตาเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ก็ม้วนกวาดออกไป ปกคลุมไปรอบๆ ผู้ฝึกตนที่กำลังหลบหนีจากไป เคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วกว่าพวกมัน และในที่สุดก็ก่อตัวเป็นรูปวงแหวนห้อมล้อมพวกมันไว้

เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือ และวงแหวนแห่งไฟก็กลายเป็นกำแพงเปลวไฟ กักขังศัตรูไว้โดยสิ้นเชิง ตอนนี้หนทางหลบหนีของพวกมันถูกปิดกั้นไว้ทั้งหมด

“อย่าปล่อยให้รอดไปแม้แต่คนเดียว” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป ทำให้สายลมอันดุร้ายพุ่งขึ้นมา เวลาเดียวกันนั้นดวงตาผู้ฝึกตนตระกูลเมิ่งก็กลายเป็นสีแดงก่ำ และพวกมันก็พุ่งตรงไปโจมตีในทันที

เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจดังก้องขึ้นมาอย่างไม่รู้จบ เสียงการเข่นฆ่าสังหารดังกระจายไปทั่ว เมิ่งฮ่าวมุ่งเน้นไปที่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋า ปล่อยให้สมาชิกตระกูลเมิ่งจัดการสังหารกลุ่มคนทั่วไป โดยมีจุดประสงค์ให้พวกมันคุ้นเคยกับการต่อสู้ที่โหดร้ายของการศึกสงคราม

ฝ่ายหนึ่งต่อสู้อย่างเหี้ยมหาญ อีกฝ่ายแผดร้องด้วยความหวาดกลัว นี่ไม่ใช่การสู้รบขนาดใหญ่ และความแข็งแกร่งของกองกำลังทั้งสองฝ่ายก็เทียบกันไม่ติด เพียงไม่กี่ชั่วยามทั้งผู้ทรยศและผู้รุกรานต่างก็…ตกตายไปโดยสิ้นเชิง!

ถึงแม้ว่าตระกูลเมิ่งจะต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปอย่างหนักหนาสาหัส และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก แต่ผู้ที่รอดชีวิตก็ผ่านสมรภูมิการสู้รบมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ถึงแม้ว่าพวกมันจะยังคงรู้สึกหวาดกลัว แต่เปลวไฟแห่งการสังหารก็ยังคงลุกโชนอยู่ในแววตา ในที่สุดความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วทั้งสนามรบ และสมาชิกตระกูลเมิ่งทั้งหมดก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างช้าๆ

ยากที่จะบอกได้ว่าใครเป็นคนแรก แต่ในที่สุดคนทั้งหมดต่างก็คุกเข่าลงไปที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

เสียงของพวกมันรวมเข้าด้วยกัน ร้องตะโกนออกมาจนสุดกำลัง ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน ห้อมล้อมไปด้วยซากศพและโครงกระดูกของศัตรู พวกมันร้องตะโกนจนดังก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว “ขอคารวะ ท่านปรมาจารย์!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!