ตอนที่ 1280
ตะเกียงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่
นี่คือตะเกียงวิญญาณที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะท้าน เนื่องจากรู้สึกประหลาดใจใน…ตะเกียงราชันที่แท้จริง!
ถ้าให้กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว มันไม่ควรจะปรากฏขึ้น
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเซียวอี้หาน บางทีเมิ่งฮ่าวอาจจะจุดได้แค่ตะเกียงสีโลหิตดวงที่สามสิบสองเท่านั้น เขาคงไม่อาจจะจุดตะเกียงได้ถึงสามสิบสามดวง!
อันที่จริงเซียวอี้หานกำลังป้องกันไม่ให้เมิ่งฮ่าวทำการจุดตะเกียงวิญญาณขึ้นมาได้ มันไม่เคยคาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์ตรงกันข้ามเกิดขึ้นมา…มันคือตัวแปรหลักในการช่วยให้เมิ่งฮ่าวจุดตะเกียงดวงที่สามสิบสาม ซึ่งเป็นตะเกียงราชันที่แท้จริง
“ข้าบอกได้เลยว่าเมื่อไหร่ที่ตะเกียงวิญญาณดวงที่สามสิบสามนี้ปรากฏขึ้น ทุกสรรพสิ่ง…จะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด” เมิ่งฮ่าวพึมพำ
ในเวลาเดียวกับที่ธนูดอกที่สองของเซียวอี้หานส่งเสียงกระหึ่มตรงเข้ามา
เมิ่งฮ่าวก็ขยับสองมือร่ายเวท จากนั้นก็ผลักตรงไปยังธนูฝนสีดำ ถึงแม้ว่าจะทำให้มันช้าลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หยุดมัน ธนูยังคงแทงเข้ามาในร่าง จากนั้นก็กระจายออกไป กลายเป็นหยดน้ำฝนสีดำนับไม่ถ้วนเต็มอยู่ภายในร่าง
หยดน้ำฝนสีดำเหล่านี้แทบจะดูเหมือนกับว่ามีเจตจำนงของตนเอง ไหลซึมเข้าไปในเลือดเนื้อ ซึมผ่านร่างกาย หลอมรวมเข้ากับเส้นลมปราณ เต็มอยู่ในร่างเมิ่งฮ่าวพร้อมกับพลังทำลายล้าง
อย่างไรก็ตาม พลังนั้นก็ทำให้ตะเกียงวิญญาณดวงสุดท้ายของเมิ่งฮ่าว กระจายเป็นแสงอันเจิดจ้าออกมา จากนั้นก็เริ่มดูดกลืนหยดน้ำฝนสีดำที่กำลังสั่นสะท้านอยู่นั้น
ตอนนี้เซียวอี้หานเริ่มพอจะรู้แล้วว่ากำลังมีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ธนูแห่งความมืดและแสงสว่างของมัน ก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความรวดเร็วสูงสุดแล้ว ชั่วขณะก็แทงเข้าไปในร่างเขา
ตูมมมมมมม!
โลหิตพ่นกระจายออกมาจากหน้าอกที่ระเบิดขึ้นของเมิ่งฮ่าว มองเห็นกระดูก รวมทั้งหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นบาดแผลที่สาหัส แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังคงยิ้มออกมา และยังได้เริ่มหัวเราะขึ้นอีกด้วย
สีหน้าเซียวอี้หานสลดลงด้วยความไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง มันตกตะลึง ประหลาดใจ ยากที่จะเชื่อได้ถึงสิ่งที่กำลังรู้สึกอยู่…ซึ่งก็คือกลิ่นอายของตะเกียงวิญญาณอีกดวงที่อยู่ภายในร่างเมิ่งฮ่าว!!
“นี่…นี่เป็นไปไม่ได้! ตะเกียงราชันของมันปรากฏขึ้นมาแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีตะเกียงวิญญาณดวงอื่นโผล่ออกมาอีก นอก…นอกจากว่าตะเกียงก่อนหน้านี้จะไม่ใช่ตะเกียงราชันของมัน!!”
“แต่นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าตะเกียงสีโลหิตนั่นคือตะเกียงราชันของมัน!!”
แม้ในขณะที่สีหน้าของเซียวอี้หานหมองคล้ำลง กลิ่นอายตะเกียงวิญญาณบนร่างเมิ่งฮ่าวไม่เพียงแต่จะกระจายออกมาเท่านั้น มันยังได้ระเบิดออกมาอีกด้วย ธนูทั้งสี่ดอกที่เพิ่งจะยิงเข้าไปในร่างเขา หายไปโดยสิ้นเชิง ถูกดูดซับเข้าไปโดยตะเกียงวิญญาณดวงใหม่
เมิ่งฮ่าวแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา จากนั้นลำแสงก็ปรากฏขึ้นเหนือร่างซึ่งก็คือ…แสงสีฟ้า!!
แสงนั้นทำให้ฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะท้าน และพลังแห่งฟ้าดินที่กำลังจางหายไป
จู่ๆ ก็เริ่มมีความเข้มข้นขึ้นมาอีกครั้ง ปกคลุมไปรอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว กลายเป็นพลังแห่งกระแสน้ำวนที่ไหลเข้าไปในร่าง นี่คือพลังที่เขาต้องการเพื่อจุดตะเกียงวิญญาณดวงที่สามสิบสาม!
เมิ่งฮ่าวกู่ร้องเป็นเสียงดังก้องออกไป ขณะที่แสงสีฟ้าเหนือร่างเริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ คนทั้งหมดที่กำลังเฝ้ามองดูอยู่ ต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง ความหวาดกลัวอย่างที่ไม่อาจจะควบคุมได้ ระเบิดออกมาจากในส่วนลึกของจิตวิญญาณพวกมัน
ซึ่งรวมทั้งกลุ่มคนตระกูลเมิ่งและผู้ฝึกตนที่รุกรานเข้ามา ไม่ว่าพวกมันจะมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ในระดับใด ทั้งอาณาจักรเซียน อาณาจักรโบราณ หรือแม้แต่อาณาจักรเต๋า ในตอนนี้คนทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ในความหวาดกลัวโดยไม่รู้สึกตัวในทันที
แม้แต่เซียวอี้หาน ที่เริ่มจากการเป็นเด็กชายและในตอนนี้ก็เป็นบุรุษหนุ่ม ก็ไม่อาจจะสะกดข่มความหวาดกลัวที่กำลังพุ่งขึ้นมาในจิตใจได้
“นั่น…แสงสีฟ้านั่น…” มันพึมพำสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ ทั่วทุกที่ในขุนเขาทะเลที่แปด ทุกเขตพื้นที่ต่างก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง เวลาเดียวกันนั้น เต่าเสวียนอู่ที่อยู่ภายในสระสวรรค์บนขุนเขาที่แปดก็ชูคอสูงขึ้นไปและกู่ร้องออกมา
ในขุนเขาที่เก้า, ขุนเขาที่เจ็ด, ขุนเขาที่หก…ในอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งหมด เต่าเสวียนอู่ภายในสระสวรรค์บนขุนเขาทั้งเก้ากำลังสั่นสะท้าน ชูคอสูงขึ้นไปและกู่ร้องออกมา
เสียงกู่ร้องของเต่าเสวียนอู่จากเก้าขุนเขา ทำให้อาณาจักรขุนเขาทะเลสั่นสะเทือนไปทั่ว เช่นเดียวกับคนทั้งหมดที่อยู่ด้านใน
อันที่จริง ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเลที่แปด ปรมาจารย์เอกะเทวะซึ่งกำลังลอยตัวอยู่ด้วยความเบิกบานใจ ก็สั่นสะท้านขึ้นมาด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นมันก็รู้สึกราวกับว่าไม่อาจจะควบคุมร่างกายตัวเองได้ ราวกับว่าโลหิตของมันกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างปลุกขึ้นมา ทำให้ต้อง…ชูคอขึ้นไปและกู่ร้องออกมาด้วยเช่นกัน!
คาดไม่ถึงว่า เมื่อเสียงกู่ร้องของมันรวมเข้ากับเสียงกู่ร้องของเต่าเสวียนอู่อีกเก้าตัว ก็เหมือนกับว่า…มีอยู่สิบขุนเขาและมีเต่าอยู่สิบตัว!
ดวงตะวันและจันทราแวบแสงขึ้น และหยุดการโคจรหมุนวน ขุนเขาทั้งเก้าสั่นสะเทือน และทะเลทั้งเก้าก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน แสงสีฟ้าที่อยู่ด้านบนเมิ่งฮ่าวเริ่มมองเห็นได้อย่างเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุด ก็สามารถจะมองเห็นเปลวไฟสีฟ้าอยู่ภายในนั้น ภายในเปลวไฟนั้นคือเงาร่างของผู้ฝึกตนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ผู้หนึ่ง
ผู้ฝึกตนนั้นสวมใส่ชุดยาวสีฟ้า และถึงแม้ว่าจะดูคล้ายคลึงกับเมิ่งฮ่าว แต่ถ้ามองดูให้ละเอียดก็จะสามารถมองเห็นได้ถึงความแตกต่าง เห็นได้ชัดว่าเปลวไฟสีฟ้านี้ประกอบไปด้วยกลิ่นอายอยู่เล็กน้อย
กลิ่นอายนั้นคือ…กลิ่นอายแห่งผู้ยิ่งใหญ่!
ตะเกียงวิญญาณดวงที่สามสิบสามของเมิ่งฮ่าวเริ่มส่องประกายขึ้นมา และน่าตกใจยิ่ง…ที่เจตจำนงแห่งหยดโลหิตของจิ่วเฟิงจื้อจุนในร่างเมิ่งฮ่าวได้กลายเป็น…ตะเกียงวิญญาณ!
มันคือ…ตะเกียงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่!
“ตะเกียงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่!!” เซียวอี้หานคิดด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน ดวงตามันเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตกตะลึง ขณะที่จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ถึงตำนานเรื่องหนึ่ง เป็นตำนานที่มันเคยอ่านมาจากบันทึกโบราณในครั้งหนึ่ง และมันก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้
“มันคือ…มันคือ…”
หนังศีรษะเซียวอี้หานเริ่มด้านชาขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็มองไปยังศีรษะเมิ่งฮ่าวและตะเกียงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่สีฟ้าที่กำลังลอยอยู่ด้านบน มันเริ่มตระหนักว่าสามารถจะรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างทั้งบนร่างเมิ่งฮ่าวและตะเกียงวิญญาณ นั่นก็คือ…กลิ่นอายแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล!
มันถอยหลังไปอย่างช้าๆ และจากนั้นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย รีบหันร่างหลบหนี หายตัวจากไปอย่างไร้ร่องรอยใดๆ
แม้ในขณะที่มันหลบหนีจากไป เมิ่งฮ่าวก็มองขึ้นไปในทันทีและกล่าวว่า “ตะเกียงวิญญาณดวงที่สามสิบสาม ติดขึ้นมา!”
เขาโบกสะบัดสองมือออกไป ทำให้พื้นฐานฝึกตนปะทุขึ้นด้วยพลัง ขณะที่ตะเกียงวิญญาณสีฟ้าลอยขึ้นมาจากกระหม่อม เพื่อลอยขึ้นไปตรงด้านบนในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
ในที่สุดท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็มีเพียงสีเดียวเท่านั้นที่สามารถจะมองเห็นได้ ซึ่งก็คือสีฟ้า!
เนื่องจากแสงสีฟ้านั้น ทำให้ตะเกียงวิญญาณอื่นๆ ทั้งหมดต้องมืดสลัวลงไป แม้แต่ตะเกียงวิญญาณสีโลหิต ไม่เพียงแต่จะเห็นได้ชัดว่าตะเกียงดวงนี้คือราชันเหนือตะเกียงดวงอื่นๆ ทั้งหลายเหล่านั้น มันยังทำให้เมิ่งฮ่าวกระจายเป็นแรงกดดันที่สามารถสะกดข่มใครก็ตามที่เขากวาดมองไป ทำให้คนเหล่านั้นยากที่จะโคจรหมุนเวียนพลังการฝึกตนของตัวเองได้
ราวกับว่าการปรากฏขึ้นมาของตะเกียงวิญญาณสีฟ้านี้ทำให้บางสิ่งบางอย่างภายในร่างเมิ่งฮ่าวตื่นขึ้นมา…กลิ่นอายแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งปวง!
มันออกมาจากมรดกพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูร และเป็น…แรงกดดันที่ออกมาจากราชันแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล! ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนักในตอนนี้ แต่ยิ่งเมิ่งฮ่าวมีพลังการฝึกตนที่ลึกล้ำมากขึ้นเท่าใด กลิ่นอายนั้นก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ในที่สุดแค่เมิ่งฮ่าวมองไปเพียงแวบเดียว ก็จะทำให้พื้นฐานฝึกตนของจักรพรรดิเต๋าหกแก่นแท้ ต้องถูกสะกดข่มลงไปโดยสิ้นเชิง
นี่คือ…ราชันแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล!
ภาพที่ปรากฏขึ้นมาในจิตใจเมิ่งฮ่าว คือภาพของอาณาจักรขุนเขาทะเล เขามีความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าตนเอง…สามารถจะยื่นมือออกไป หยิบฉวยอาณาจักรทั้งหมดมาอยู่ในมือได้
จากนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะทำเช่นนั้น ยื่นมือออกไป และรู้สึกราวกับว่าเขากำลังถือบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นอยู่ การกระทำเช่นนั้นทำให้ขุนเขาทะเลที่แปดสั่นสะเทือน รวมทั้งขุนเขาทะเลอื่นๆ ทั้งหมด แม้แต่ดวงตะวันและจันทราก็สาดประกายขึ้นมาด้วยแสงอันเจิดจ้า และสั่นสะท้าน…ด้วยความมุ่งหวัง!
เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ก็ทำให้พลังการฝึกตนของเมิ่งฮ่าวต้องเหือดแห้งหายไปในทันที เขารีบดึงมือกลับมาอย่างรวดเร็ว และพลังการฝึกตนก็ค่อยๆ ฟื้นกลับคืนมาอย่างช้าๆ
ตะเกียงวิญญาณสามสิบสามดวงโคจรหมุนวนอยู่รอบๆ ตัว กระจายเป็นแสงอันอ่อนโยนออกมา ทั้งหมดนั้นกำลังดูดซับพลังแห่งฟ้าดินเข้าไปอย่างต่อเนื่อง และเริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ
“อาณาจักรโบราณ…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ในตอนนี้เขาอยู่ในอาณาจักรโบราณอย่างแท้จริง ก้าวต่อไปก็จะเป็นการค่อยๆ ดับตะเกียงวิญญาณทั้งหมดลงไปทีละดวง หลังจากที่บรรลุถึงวงจรอันยิ่งใหญ่ เขาก็จะ…ทะลวงผ่านด้วยศักดิ์ฐานะที่เป็นเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้า เข้าไปในอาณาจักรต่อไป อาณาจักรเต๋า!
เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ว่าถึงแม้ตนเอง…จะไม่อยู่ในอาณาจักรเต๋า แต่ก็สามารถจะได้รับความรู้แจ้งแห่งแก่นแท้ ถ้าต้องการจะทำ…
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้สึกได้ว่าแก่นแท้เหล่านี้ได้ชี้ตรงไปยัง…เวทผนึกอสูร!
“ข้าคือสมาชิกของพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูร และแก่นแท้ของข้าก็จะกลายเป็นเวทผนึกอสูร!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น
“ไม่รู้ว่าหลังจากที่ดับตะเกียงวิญญาณทั้งสามสิบสามดวงลงได้แล้ว ข้าสามารถจะครอบครองได้ถึงเก้าแก่นแท้หรือไม่ ถ้าทำได้ อาณาจักรที่ข้าต้องทะลวงผ่านเข้าไป…จะยังคงถือว่าเป็นอาณาจักรเต๋าหรือไม่…?”
“หรืออาจจะเป็นไปได้ว่า…ข้าสามารถบรรลุถึง…อาณาจักรพื้นฐานเต๋า…ที่
จิ่วเฟิงจื้อจุนอยู่ห่างแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น จากนั้นข้าก็จะกลายเป็น…ต้นกำเนิดแห่งแก่นแท้!” ใบหน้าเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความรู้แจ้ง ถึงแม้ว่าเขาจะคาดเดาอยู่ แต่อย่างน้อยก็พอจะเป็นแนวทางให้เดินต่อไปได้
“เมื่อข้าคือเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้า และไม่มีใครที่เป็นเหมือนข้าจะสามารถผ่านเข้าไปในอาณาจักรโบราณได้สำเร็จ ถ้าเช่นนั้นก็เป็นที่แน่ใจได้ว่าวิถีทางของข้าแตกต่างไปจากคนอื่นๆ ทำให้มีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะผ่านเข้าไปในอาณาจักรโบราณ!”
“สำหรับเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าแล้ว อาณาจักรโบราณคือรูปแบบของทัณฑ์โบราณอย่างแท้จริง สำหรับข้าก็หมายถึง…ทัณฑ์โบราณสามสิบสามแบบ!”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่มองไปยังตะเกียงวิญญาณดวงแรกของตนเอง และรู้สึกว่าเพียงแค่มีความคิดแวบขึ้น เขาก็สามารถจะดับมันลงไปได้อย่างง่ายดาย
เวลาเดียวกันนั้น ตะเกียงวิญญาณทั้งหมดของเขา ก็ดูเหมือนว่าจะมีการเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
เมิ่งฮ่าวละสายตากลับมา โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้ตะเกียงวิญญาณทั้งสามสิบสามดวงกลับเข้ามาอยู่ในร่างกาย จากนั้นก็หมุนตัวมองลงไปยังตระกูลเมิ่ง ยังผู้ฝึกตนที่รุกรานเข้ามา และผู้ทรยศทั้งหมด
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองลงไป ร่างกายพวกมันก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้น
ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น เสียงกระหึ่มก็ดังก้องอยู่ในขุนเขาทะเลที่แปด ดังออกมาจากที่ห่างไกลเป็นอย่างยิ่ง ส่งผลให้เกิดเป็นระลอกคลื่นที่ทรงพลังขึ้นมา และลมพายุก็ม้วนกวาดออกไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่แปด!
ผู้ฝึกตนทั้งหมดตกตะลึงไปตามๆ กัน และในตอนนี้พันธมิตรเทพสวรรค์ก็ตกอยู่ในความประหลาดใจโดยสิ้นเชิง
เป็นเสียงที่ดังออกมาจากเขตชายแดนระหว่างขุนเขาทะเลที่แปดและขุนเขาทะเลที่เจ็ด ทันใดนั้นตรงเกราะป้องกันระหว่างสองขุนเขาทะเล มีรอยแตกขนาดใหญ่เปิดออก สายฟ้าเต้นไปมา และสายลมก็กรีดร้องระงม ขณะที่เงาร่างจำนวนมากพุ่งผ่านออกมาจากรอยแตก กระจายเป็นรังสีสังหารออกไป ทันใดนั้นก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีผู้ฝึกตนเหล่านั้นอยู่เป็นจำนวนมาก…และคนทั้งหมดกำลังพุ่งเข้ามาในขุนเขาทะเลที่แปด
พวกมันคือ ผู้ฝึกตนจากขุนเขาทะเลที่เจ็ดนั่นเอง!