ตอนที่ 1283
หลู่ว์โหว
เห็นได้ชัดว่าแมงมุมยักษ์เข้าใจคำพูดของมัน เมื่อบุรุษหนุ่มที่อยู่ในชุดสีเขียวมรกต ซึ่งนั่งอยู่บนหลังของมันพูดจบ แมงมุมยักษ์ก็แผดร้องออกมา ดวงตาส่องประกายแห่งความตะกละขึ้น
แมงมุมอีกสองตัวก็แผดร้องออกมาด้วยเช่นกัน ทำให้พลังของคนกลุ่มนั้นพุ่งทะยานขึ้นไป
ที่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก ผู้ฝึกตนตระกูลหานที่กำลังหลบหนีได้ยินเสียงแผดร้องทั้งสาม ทำให้สีหน้าพวกมันสลดลงไป บางคนยังมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังอย่างรุนแรงอีกด้วย
หนึ่งในนั้นเป็นสองชายชราซึ่งเป็นผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าที่อยู่ด้านข้างหานชิงเหลย กล่าวขึ้นมาด้วยความวิตกว่า “ชิงเหลย เจ้าแน่ใจในสิ่งที่กล่าวมา?
ข้าจำเป็นต้องรู้! ถ้าเจ้าคิดผิด พวกเราต้องตายไปอย่างแน่นอน และตระกูลหาน…ก็จะถูกกำจัดไปอย่างแท้จริง!”
“ตระกูลเมิ่งคือความหวังเดียวของพวกเรา เมื่อไหร่ที่ไปถึงที่นั่น พวกเราจะปลอดภัย!” หานชิงเหลยกล่าวผ่านร่องฟัน หลังจากที่ขุนเขาทะเลที่เจ็ดบุกรุกเข้ามา ไม่นานนักคนทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่แปดต่างก็รู้ว่าตระกูลเมิ่งไม่ได้ต่อสู้ในสงครามครั้งนี้
ด้วยการที่กองกำลังจากขุนเขาทะเลที่เจ็ด ไม่ได้ย่างเท้าเข้าไปในอาณาเขตที่ถูกควบคุมโดยตระกูลเมิ่ง ทำให้สำนักและตระกูลส่วนใหญ่อดที่จะขบคิดไม่ได้ บางคนยังได้ข้อสรุปอีกด้วยว่าตระกูลเมิ่งได้ทรยศต่อขุนเขาทะเลที่แปดแล้ว
เมื่อตระกูลหานถูกโจมตีและถูกทำลายไป หานชิงเหลยต้องมองไปด้วยความตกตะลึง ขณะที่กลุ่มผู้อาวุโสของตระกูลเกือบทั้งหมดตกตายไปในการต่อสู้ ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งมากที่สุดหลายคนถูกสังหารไป มีแต่ปรมาจารย์หนึ่งแก่นแท้สองคนเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสทั้งคู่ พวกมันนำผู้รอดชีวิตที่มีอยู่แค่น้อยนิดหลบหนีจากไป แน่นอนว่าความหวังเพียงเล็กน้อยที่พวกมันได้รับมา ก็เนื่องมาจากว่าปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งมากที่สุดของตระกูลยอมต่อสู้จนตัวตายเพื่อยื้อเวลาให้กับพวกมัน
แต่ก็ไม่มีสถานที่ให้พวกมันหลบซ่อนตัว ในทะเลแห่งดวงดาวอันไร้ขอบเขต ไม่มีความหวังใดๆ หลงเหลืออยู่ ขุนเขาทะเลที่แปดตกอยู่ในเปลวไฟแห่งสงครามโดยสิ้นเชิง ไม่มีสถานที่ที่ปลอดภัยเหลืออยู่แม้แต่น้อย…
ในช่วงวิกฤตนั้น หานชิงเหลยก็คิดไปถึงตระกูลเมิ่ง!
มันยังคิดไปถึงตอนที่ไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงร่องรอยของเมิ่งฮ่าวในสามสิบสามนรก พบเห็นแต่ผู้ฝึกตนหนุ่มจากตระกูลเมิ่งเท่านั้น แต่มันก็ไม่ยอมเชื่อว่าเมิ่งฮ่าวจะถูกสังหารไปอย่างง่ายดายเช่นนั้น หลังจากที่ใคร่ครวญไตร่ตรองเรื่องราวหลังจากนั้น มันก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า บุรุษหนุ่มที่มันเคยพบเห็นนั้น…ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเมิ่งฮ่าวอย่างแน่นอน
จากนั้นก็คาดไม่ถึงว่าตระกูลเมิ่งจะไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ในสงครามครั้งนี้ ต่อมาก็มีคำพูดเริ่มแพร่กระจายออกไปว่า การสู้รบขนาดใหญ่เพิ่งจะเกิดขึ้นในที่แห่งนั้น ตอนที่ขุนเขาทะเลที่เจ็ดเพิ่งจะมาถึง ทำให้หานชิงเหลยยิ่งมีความมั่นใจต่อความคิดคาดเดาของตนเองมากขึ้น
เมื่อไม่มีสถานที่แห่งใดให้ไปได้ มันจึงตัดสินใจที่จะเดิมพันว่าเมิ่งฮ่าวอยู่ในตระกูลเมิ่งจริงๆ มันกำลังเสี่ยงดวงว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตระกูลเมิ่ง ก็สืบเนื่องมาจากเมิ่งฮ่าว
เมื่อผู้ฝึกตนตระกูลหานที่อยู่รอบๆ ได้ยินคำพูดของหานชิงเหลย พวกมันก็ระเบิดเป็นความเร็วทั้งหมดเท่าที่จะทำได้ออกไป เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่พวกมันบินตรงไปยังอาณาเขตของตระกูลเมิ่ง แมงมุมยักษ์ทั้งสามไล่ติดตามมาอย่างเร่งร้อน และเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ในตอนนี้เองที่หานชิงเหลยและคนอื่นๆ มาถึงเขตชายแดนของตระกูลเมิ่ง และพวกมันก็ตระหนักว่าตระกูลเมิ่งถูกห้อมล้อมด้วยวงแหวน…ของกระดูกที่กำลังลอยไปมา
กระดูกเหล่านั้นถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบด้วยวิชาเวท เพื่อก่อตัวเป็นเขตชายแดน นี่คือ…เขตชายแดนที่แท้จริงของตระกูลเมิ่ง และกระดูกเหล่านั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเป็นกระดูกของศัตรูที่มารุกรานพวกมัน
ในทันทีที่หานชิงเหลยมองเห็นกระดูกเหล่านี้ จิตใจก็สั่นสะท้านขึ้น ผู้ฝึกตนตระกูลหานคนอื่นๆ หอบหายใจออกมา แต่ก็ไม่ลังเลใดๆ พวกมันทั้งหมดผ่านเข้าไปในอาณาเขตของตระกูลเมิ่งอย่างฉับพลัน
ทันใดนั้นสามแมงมุมยักษ์ที่พุ่งตรงมายังพวกมันจากที่ห่างไกล ก็ส่งเสียงกรีดร้องและหยุดชะงักนิ่งอยู่ตรงเขตชายแดนในทันที แววตาพวกมันมีท่าทางลังเล ขณะที่มองไปยังทวีปตระกูลเมิ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป
เมื่อเห็นว่าแมงมุมยักษ์หยุดลง บุรุษหนุ่มในชุดยาวสีเขียวมรกตก็ขมวดคิ้ว ข้างกายมันเป็นชายชราผู้หนึ่ง เริ่มพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาในทันที
“เสาจู่ (นายน้อย) นั่นคือ…ตระกูลเมิ่ง ราชันขุนเขาทะเลของพวกเราออกคำสั่งว่า ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปตอแยพวกมัน”
บุรุษหนุ่มแค่นเสียง มองไปยังโครงกระดูก จากนั้นก็มองไปยังอาณาเขตของตระกูลเมิ่งที่เหลือ และหานชิงเหลยรวมทั้งคนอื่นๆ ที่กำลังหลบหนีออกไปยังที่ห่างไกล จากนั้นแววตามันก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเย็นชา
“ราชันขุนเขาทะเลกล่าวว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าไปตอแยพวกมัน แต่ไม่เคยบอกว่าอย่าไปตอแยพวกมัน มุ่งหน้าต่อไป!” ชายชราลังเลอยู่ชั่วขณะ คิดว่าจะขัดขวางดีหรือไม่ แต่จากนั้นเมื่อคิดไปถึงกองกำลังอันแข็งแกร่งแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด ก็คิดไปว่าการทำลายเขตชายแดนของตระกูลเมิ่ง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นเพื่อตอบรับคำพูดของบุรุษหนุ่ม แมงมุมยักษ์ทั้งสามมุ่งหน้าตรงเข้าไปในอาณาเขตของตระกูลเมิ่งในทันที พวกมันไล่ตามหานชิงเหลยและคนอื่นๆ ไปอย่างบ้าคลั่ง ในชั่วพริบตาก็ไปถึงกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มนั้น
เมื่อผู้ฝึกตนตระกูลหานตระหนักว่าผู้ที่ไล่ตามพวกมันมา ไม่สนใจการตอบโต้จากตระกูลเมิ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนไป ก่อนที่พวกมันจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ แมงมุมยักษ์ทั้งสามก็อ้าปากขึ้น และพ่นเส้นใยออกมาเป็นจำนวนมาก กลายเป็นร่างแหขนาดใหญ่เตรียมจะห่อหุ้มผู้ฝึกตนตระกูลหานไว้ภายใน
บุรุษหนุ่มในชุดสีเขียวมรกต มองไปด้วยแววตาที่โหดเหี้ยม สำหรับผู้ฝึกตนอื่นๆ จากขุนเขาทะเลที่เจ็ด พวกมันกระจายเป็นกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมาอย่างเข้มข้น
สองปรมาจารย์จากตระกูลหานหันหน้าไปพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำ แผดร้องคำรามออกมา ขณะที่เตรียมตัวจะโจมตีกลับไป แต่ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น…
เสียงแค่นเย็นชาก็ดังก้องออกมาจากความว่างเปล่า ฉับพลันนั้นใยแมงมุมที่ตกลงมาก็เริ่มสั่นสะท้าน และเกิดเป็นเสียงแตกร้าวดังขึ้น ชั่วขณะต่อมาก็ระเบิดออกไป
แมงมุมทั้งสามกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และไม่กล้าจะพุ่งตรงไปอีก อันที่จริงพวกมันยังได้เริ่มถอยไปทางด้านหลังอีกด้วย ผู้ฝึกตนบนหลังพวกมันต่างก็ตกตะลึง เสียงแค่นเย็นชานั้นไม่เพียงแต่จะทำให้ใยแมงมุมต้องแตกกระจายไปเท่านั้น ยังทำให้จิตใจพวกมันต้องหมุนคว้างไปมาอีกด้วย และบางคนยังพบว่าโลหิตกำลังไหลซึมออกมาจากปากพวกมันอีกด้วย
สีหน้าบุรุษหนุ่มเปลี่ยนไป และทันใดนั้นสามชายชราก็ปรากฏขึ้นที่ข้างกายมัน ทั้งหมดอยู่ในอาณาจักรเต๋า และใบหน้าพวกมันก็เคร่งเครียด ขณะที่จ้องมองไปยังบุรุษหนุ่มที่กำลังก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในความว่างเปล่าที่เบื้องหน้าตอนนี้
บุรุษหนุ่มผู้นั้นสวมใส่ชุดยาวสีขาว และดูคล้ายกับเป็นนักศึกษา แต่ก็มีความเก่าแก่โบราณอยู่ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่านี่ก็คือเมิ่งฮ่าว
“เมิ่งฮ่าว!” หานชิงเหลยร้องอุทานขึ้น
“พี่หาน ไม่พบกันนาน หวังว่าท่านจะสบายดี” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ประสานมือและโค้งตัวลง
ผู้ฝึกตนตระกูลหานคนอื่นๆ ก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าวด้วยเช่นกัน ยกเว้นปรมาจารย์ทั้งสอง แค่มองไปยังเขาเท่านั้น จากนั้นก็มองไปรอบๆ บริเวณนั้น เมื่อแน่ใจว่ามีแต่เมิ่งฮ่าวเพียงลำพัง จิตใจพวกมันก็ตกวูบลงไป และกำลังจะกล่าวอะไรออกมา แต่บุรุษหนุ่มในชุดสีเขียวมรกตก็ลุกขึ้นมายืน และกล่าวขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชา
“ช่างบังอาจนัก! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาขัดขวางขุนเขาทะเลที่เจ็ดของพวกข้า เมิ่งฮ่าว…ข้ามีทางเลือกให้เจ้าสองข้อ หนึ่ง, ไสหัวกลับตระกูลเมิ่งของเจ้าไป และข้าจะไม่กวาดล้างคนของพวกเจ้า”
“สอง, ข้าจะกำจัดเจ้าและตระกูลออกไปจากแผนที่ในวันนี้!” เสียงของผู้ที่ถูกเรียกว่าเสาจู่ผู้นี้เย็นชาและน่ากลัว คำพูดของมันช่างป่าเถื่อนเย่อหยิ่ง หลายเดือนมานี้ที่มันอยู่ในขุนเขาทะเลที่แปด มันเคยเห็นผู้ฝึกตนในที่แห่งนี้มากมายไม่อาจจะทำอะไรได้ นอกจากตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับมัน
เนื่องจากเช่นนั้น ทำให้จิตใจมันเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ถึงแม้จะรู้ว่าราชันขุนเขาทะเลของมันได้ออกคำสั่งไปว่าอย่าได้ตอแยตระกูลเมิ่ง แต่มันก็ยังคงมีจิตใจที่ดูแคลน
ในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากของบุรุษหนุ่ม สีหน้าผู้ฝึกตนตระกูลหานก็เปลี่ยนไปด้วยความหวาดกลัว และพวกมันก็คิดย้อนกลับไปตอนที่ต่อสู้กันอย่างดุร้ายเมื่อตระกูลของตนเองถูกโจมตี เสาจู่ผู้นี้ได้พุ่งเข้ามาในสนามรบเพียงกลุ่มเดียวจากหนึ่งในกองกำลังมากมายเพื่อกวาดล้างตระกูลหาน และจากการที่กองกำลังนี้ประกอบไปด้วยผู้ฝึกตนถึงสามพันคน ก็หมายความว่าพลังการสู้รบของมันต้องมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้นก็เห็นได้ชัดว่าขุนเขาทะเลที่เจ็ดกำลังได้เปรียบในสงครามครั้งนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าเสาจู่ผู้นี้จะยิ่งมีความน่ากลัวมากแค่ไหน
ผู้ฝึกตนสามพันคนบนหลังแมงมุม ต่างก็ลุกขึ้นมายืน และโคจรหมุนวนพื้นฐานการฝึกตนของตัวเอง กลิ่นอายอันน่ากลัวระเบิดออกไป กลายเป็นสายลมที่ปั่นป่วนวุ่นวาย สำหรับสามชายชราที่ยืนอยู่รอบกายบุรุษหนุ่ม พวกมันขมวดคิ้ว แต่ก็ปลดปล่อยพลังการฝึกตนออกไปด้วยเช่นกัน ชายชราทั้งสามเหล่านี้เป็นผู้ฝึกตนหนึ่งแก่นแท้ ไม่ใช่ราชันเต๋า แต่เมื่อคิดว่าพวกมันคือตัวแทนแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด จึงแทบจะไม่มีใครในขุนเขาทะเลที่แปดจะกล้าไปหาเรื่องพวกมัน
“หุบปาก!” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ โบกสะบัดมือขวาออกไป แค่การกระทำที่เรียบง่ายนี้ก็ทำให้เกิดเป็นแรงกดดันอันมหาศาล กดทับลงมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เมื่อแรงกดดันนั้นกระแทกลงไปยังเสาจู่ มันก็แผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก และสีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที จากเย่อหยิ่งกลายเป็นประหลาดใจ
ราวกับว่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวกำลังบดขยี้ลงมาบนร่างมันด้วยตัวเอง ในชั่วพริบตา มันก็แทบจะถูกบดขยี้จนกลายเป็นก้อนเนื้อเลอะเลือนไป แต่ในตอนนี้เองที่แสงสีเทาได้ปะทุออกมาจากร่างมัน พยายามที่จะต่อสู้กลับไปยังแรงกดดันของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
แสงสีเทานั้นกลายเป็นภาพของบุรุษวัยกลางคน ในชุดเกราะนักรบสีดำ ด้านหลังมันเป็นสนามรบขนาดใหญ่ที่ยืดยาวออกไป เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนที่กำลังต่อสู้กันไปมานับไม่ถ้วน
“ใครก็ตามที่บังอาจมาทำร้ายบุตรชายข้า ต้องตาย!!” บุรุษผู้นั้นร้องตวาดขึ้น อย่างน่าตกใจยิ่งร่างมันปะทุด้วยพลังแห่งผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าสี่แก่นแท้ออกมา
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวไร้ความรู้สึกไปโดยสิ้นเชิง ไม่แม้แต่จะมองไปยังบุรุษผู้นั้น จริงๆ แล้ว ขณะที่เสียงของมันยังคงดังก้องออกมา แสงสีเทาก็แตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ และเสาจู่ก็ถูกบดขยี้ไปด้วยแรงกดดันจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว กลายเป็นก้อนเนื้อเลอะเลือนไปในทันที
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ไม่อาจจะทำอะไรได้ นอกจากจ้องมองไปด้วยความตกตะลึงเท่านั้น
“เจ้า…เจ้า…”
“เจ้าบังอาจสังหารบุตรชายของหลู่ว์โหวไปจริงๆ! เจ้า…”
ผู้ฝึกตนนับพันบนหลังแมงมุมแทบไม่อาจจะพูดออกมาได้ด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าสามผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าซีดขาว โดยไม่ลังเลใดๆ แม้แต่น้อย พวกมันพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
พวกมันตระหนักดีว่าหลู่ว์โหวมีความน่ากลัวเช่นไร และรู้ว่าถ้าพวกมันไม่สังหารเมิ่งฮ่าวไปในตอนนี้ คนทั้งสามคงจะต้องถูกทรมานจากความพิโรธของมัน ขณะที่คนทั้งสามพุ่งออกไป พลังการฝึกตนของพวกมันก็พุ่งทะยานขึ้น
“พวกเจ้าทั้งหมด สังหารคนผู้นี้!” เสียงของสามชายชราเจือปนไปด้วยเวทลับ ทำให้สามแมงมุมยักษ์แผดร้องขึ้นมาในทันที จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ผู้ฝึกตนบนหลังพวกมันก็บินออกมาด้วยเช่นกัน ปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์และอาวุธเวทที่แตกต่างกันออกไป พยายามจะสังหารเมิ่งฮ่าวไปให้จงได้
ผู้ฝึกตนตระกูลหานอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ขณะที่มองดูเมิ่งฮ่าวยืนรับมืออยู่เบื้องหน้าผู้ฝึกตนทั้งสามพันคนเพียงลำพัง
เมิ่งฮ่าวมองไปยังกลุ่มผู้ฝึกตน สามผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋า และแมงมุมที่ดุร้ายทั้งสาม ที่ใกล้เข้ามาด้วยสายตาที่เยือกเย็น ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชา ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นไปในอากาศอย่างช้าๆ และจากนั้น…
ก็กำมือลงไปอย่างรุนแรง!
เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็สั่นไปมา ราวกับว่ามือขนาดใหญ่ที่มีความกว้างนับพันจ้างกำลังยืดยาวออกไปในความว่างเปล่า เพื่อคว้าจับไปยังผู้ฝึกตน…ทั้งสามพันคน!