Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1290

ตอนที่ 1290

กลับไปยังพันธมิตรเทพสวรรค์

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นพร้อมกับแค่นเสียงเย็นชา สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกไป และทันใดนั้นกลุ่มหมอกทั้งหมดก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน ราวกับมีหัตถ์ยักษ์ที่มองไม่เห็นกำลังกวัดแกว่งไปมา ในชั่วพริบตากลุ่มหมอกทั้งหมดก็ส่งเสียงดังกระหึ่มพร้อมกับเริ่มหมุนวนไปรอบๆ

ถ้ามองลงมาจากด้านบน ก็จะดูเหมือนว่ากลุ่มหมอกได้กลายเป็นกระแสน้ำวน ทำลายความเงียบในโลกแห่งนี้ไป เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่ลอยตัวอยู่ในจุดศูนย์กลางของกระแสน้ำวน ร่างกายดูเหมือนเป็นภาพลวงตาที่คงอยู่ไปตราบชั่วนิรันดร์ เวลาเดียวกันนั้นกลิ่นอายอันแข็งแกร่ก็กระจายออกมาจากร่าง เป็นพลังจากวิญญาณรวมเข้ากับพลังจากสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง!

ในตอนนี้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวมีพลังเทียบเท่ากับสี่ในสิบส่วนของผู้ยิ่งใหญ่

พลังเช่นนี้อาจจะดูเหมือนว่าไม่มากนัก แต่ในความเป็นจริงมันได้บรรลุถึงระดับที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้…พลังสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิเต๋าห้าแก่นแท้ก็มีเพียงแค่หนึ่งในสิบส่วนของผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น แม้แต่ราชันขุนเขาทะเลที่แข็งแกร่งต่างๆ มีมากที่สุดก็แค่สามในสิบส่วนเท่านั้น มีแต่จักรพรรดิเต๋าหกแก่นแท้ที่อยู่ในจุดสูงสุดเท่านั้น ถึงจะมีถึงสี่ในสิบส่วน

แต่ตอนนี้เมิ่งฮ่าวก็มีสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิเต๋าหกแก่นแท้แล้ว เมื่อพลังนั้นระเบิดออกไป ก็ทำให้เกิดเป็นสีสันแวบขึ้น และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็สั่นสะท้าน นอกจากนี้…จักรพรรดิเต๋าหกแก่นแท้ก็คือผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดรองจากผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น!

ยิ่งไปกว่านั้นก็เป็นเรื่องยากที่จะพบเห็นผู้ยิ่งใหญ่ จึงถือได้ว่าจักรพรรดิเต๋าหกแก่นแท้คือผู้ไร้พ่ายอย่างแท้จริง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวส่งเสียงดังกระหึ่ม และพลังก็พุ่งทะยานขึ้นไป เขาก้าวเนิบนาบตรงไป และเมื่อเหยียบย่างเท้าลง ก็กลับไปอยู่ที่เบื้องหน้าของดาวเคราะห์ดวงนั้น!

ทั้งหมดนั้นแค่หนึ่งก้าวเท่านั้น!

ทันใดนั้นเสียงแผดร้องด้วยโทสะก็ดังก้องออกมาจากภายในความว่างเปล่า และหัตถ์ยักษ์พร้อมด้วยเกล็ดสีแดงก็ยื่นออกมาด้วยความต้องการจะบดขยี้เมิ่งฮ่าวไป

“ข้ากำลังรออยู่” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับแค่นเสียงเย็นชา เมื่อหัตถ์ยักษ์ใกล้เข้ามา เมิ่งฮ่าวก็ยกแขนขึ้น ดวงตาสาดประกายด้วยรังสีสังหารอันเย็นชา

“ระเบิด!” ในทันทีที่เขาเปล่งคำนี้ออกมา ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ระเบิดออกไป ด้วยพลังทำลายล้างที่เริ่มฉีกกระชากทุกสรรพสิ่งออกเป็นชิ้นๆ เริ่มจากส่วนชายขอบของมัน โดยมีเมิ่งฮ่าวเป็นจุดศูนย์กลาง

ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล ก็จะเห็นว่าเขตชายขอบของกระแสน้ำวนกำลังพังทลายลงไปชั้นแล้วชั้นเล่า เข้าไปใกล้เขตตรงกลางมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ร่างกายของหัตถ์ยักษ์ที่ยื่นลงมานั้น ซึ่งแอบหลบซ่อนอยู่ภายในความว่างเปล่า ก็เริ่มถูกปกคลุมด้วยพลังทำลายล้างแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว

ตูมมมมมมม!

เสียงระเบิดขนาดใหญ่อย่างน่าตกใจดังก้องขึ้น และหัตถ์ยักษ์ที่เต็มไปด้วยเกล็ด ก็ไม่มีโอกาสที่จะบรรลุถึงตัวเมิ่งฮ่าวได้ เสียงแผดร้องโหยหวนดังก้องออกมา ขณะที่หัตถ์ยักษ์ถูกปกคลุมไปด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ และจากนั้นก็ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ

เวลาเดียวกันนั้น ภายในความว่างเปล่าที่ห่างออกไปไม่ไกลมากนักจากเมิ่งฮ่าว เริ่มมองเห็นเงาร่างสีแดงเข้มขนาดใหญ่ร่างหนึ่ง แต่เป็นแค่เค้าโครงคร่าวๆ เท่านั้น ไม่อาจจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน มีความสูงถึงหนึ่งหมื่นจ้าง

พร้อมกับเขาสองข้างที่งอกยาวออกมาจากศีรษะ และเห็นได้ชัดว่าเป็นอสูรที่ยิ่งใหญ่ ขณะที่พลังทำลายล้างจากสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวปกคลุมไปทั่วร่าง มันก็แผดร้องออกมา

“ข้าจะสังหารเจ้า!!” มันแผดร้องขึ้น ต่อสู้กลับมายังพลังจากสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว และยังได้ก้าวเดินตรงมาราวกับว่าต้องการจะเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเย็นชา ขณะที่โบกสะบัดมือไปยังเงาร่างนั้น

“ระเบิด!” เขากล่าวแค่สองคำเท่านั้น

แต่เมื่อสองคำนี้หลุดออกจากปาก พลังแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงมากกว่าเดิม ตอนนี้มันไม่ได้กระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง มันรวมตัวกันอยู่ตรงจุดเดียวเท่านั้น แทนที่จะระเบิดออกไปรอบๆ บริเวณนั้น เขากลับใช้พลังทั้งหมดสร้างเป็นลมพายุที่ม้วนกวาดตรงไปยังเงาร่างขนาดยักษ์นั้น

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น และเงาร่างยักษ์ก็แผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา มันไม่พยายามเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าวอีก แต่กำลังลอยไปทางด้านหลังด้วยลมพายุแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว

“ข้าไม่ยอม!” สิ่งมีชีวิตนั้นแผดร้องด้วยโทสะ แต่ก็ไม่อาจจะป้องกันไม่ให้ตนเองลอยละลิ่วไปทางด้านหลังได้ ในชั่วพริบตามันก็ลอยห่างไกลออกไป

“เจ้าไม่ยอม ข้าก็เช่นกัน ครั้งต่อไป…เจ้าไม่ต้องมาหาข้า ข้าจะไปหาเจ้าเอง” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ จากนั้นก็ก้าวเดินตรงไปยังดาวเคราะห์ ลอยเข้าไปด้านใน และพบกับกายเนื้อที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น

ร่างกายเมิ่งฮ่าวแห้งเหี่ยวลงไปอย่างน่ากลัว เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะตกตายไป

เมิ่งฮ่าวไม่ลังเลแม้แต่น้อย รีบเข้าไปใกล้ร่างตนเอง นั่งลงขัดสมาธิอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน จิตใจเกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้น จากนั้นก็หลอมรวมเข้าไป

ย้อนกลับไปในขุนเขาทะเลที่แปด ภายในดาวเคราะห์ที่ไม่มีใครมองเห็นได้

เมิ่งฮ่าวที่นั่งขัดสมาธิอยู่จู่ๆ ก็สั่นสะท้านขึ้นมา จากนั้นก็ลืมตาขึ้นในทันที แววตาสีเทาที่ไร้ประกายก่อนหน้านี้เปล่งแสงเจิดจ้าออกมา เวลาเดียวกันนั้นกายเนื้อก็ฟื้นฟูจากสภาวะที่แห้งเหี่ยวกลับคืนมา และกลิ่นอายแห่งความตายก็หายไปจากเลือดเนื้อ พลังชีวิตเริ่มพุ่งขึ้นมาอย่างช้าๆ

เมิ่งฮ่าวสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หลับตาลงช้าๆ ตะเกียงวิญญาณดวงแรกถูกดับลงไปแล้วโดยสิ้นเชิงในตอนนี้ กลุ่มควันลอยขึ้นไปด้านบน แทบจะดูเหมือนว่ามันจะมีสติปัญญาในตัวเอง

ขณะที่ไหลซึมเข้าไปในดวงตา หู จมูกและปากของเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นตะเกียงวิญญาณที่ดับลง ก็ปะทุขึ้นด้วยกลิ่นอายอันน่าตกใจเต็มอยู่ในร่างเมิ่งฮ่าว

เขาสั่นสะท้านขณะที่กายเนื้อฟื้นฟูกลับคืนมาโดยสมบูรณ์ โลหิตเริ่มไหลเวียนอย่างแข็งขัน เวลาเดียวกันนั้น พื้นฐานฝึกตนก็พุ่งขึ้นไป ทุกสิ่งทุกอย่างยกเว้นลักษณะทางภายนอก มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เช่นเดียวกับวิญญาณและสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ทุกสรรพสิ่งพุ่งทะยานขึ้นไป สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สองเท่าเหมือนที่เคยคาดหวังไว้ แค่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ยังคงทำให้พลังของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ บรรลุถึงระดับที่น่าตกใจโดยสิ้นเชิง

กลิ่นอายของเขาพุ่งขึ้นไป และเสียงกระหึ่มก็ดังก้องขึ้นพร้อมกับความรู้สึกของพลังที่เพิ่มขึ้นไป

สามวันผ่านไปในชั่วพริบตา

ทันใดนั้นความว่างเปล่าก็บิดเบี้ยวไปมา ขณะที่ดาวเคราะห์ที่มองไม่เห็นก่อนหน้านี้เริ่มมองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้นมันก็แตกกระจายไป แต่ก็ไม่มีเสียงดังก้องออกไปแม้แต่น้อย ดาวเคราะห์ดวงนั้นระเบิดออกไปอย่างไร้เสียง…กลายเป็นเถ้าธุลีไป ราวกับว่ามันถูกกัดกร่อนไป

ที่กำลังลอยตัวอยู่ภายในเถ้าธุลีนั้นคือเงาร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่ร่างหนึ่ง ซึ่งก็คือเมิ่งฮ่าว เขาถูกห้อมล้อมด้วยตะเกียงวิญญาณสามสิบสามดวง…สามสิบสองดวงสว่าง หนึ่งดวงดับลงไป!

เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไปจากร่างเมิ่งฮ่าว ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะท้าน แต่จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาเขาลืมขึ้นมาในทันที และสาดประกายเจิดจ้าขึ้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้แต่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็ดูเหมือนว่าจะเจิดจ้าขึ้นมา

เมิ่งฮ่าวสูดหายใจเข้าลึกๆ ทำให้พลังแห่งฟ้าดินจำนวนมากส่งเสียงดังกระหึ่มไหลเข้ามาในร่าง จากนั้นก็หายใจออกช้าๆ

“อาณาจักรโบราณ…คือสถานที่ซึ่งผู้ฝึกตนสามารถจะพุ่งทะยานขึ้นไป เป็นสถานที่ซึ่งความเน่าเปื่อยสามารถเปลี่ยนเป็นความมหัศจรรย์ ช่างเป็นอาณาจักรที่ลึกลับอะไรเช่นนี้!” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงแผ่วเบา จากนั้นก็ลุกขึ้นมายืน และเสียงแตกร้าวก็ดังก้องออกมาจากภายในร่าง

เมิ่งฮ่าวมองไปยังตะเกียงวิญญาณที่กำลังลุกไหม้อยู่ทั้งสามสิบสองดวง จากนั้นก็ส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆ “น่าเสียดายที่ไม่เหมือนกับที่ข้าคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ ตะเกียงวิญญาณที่เหลืออยู่ไม่ได้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น”

ในที่สุดเขาก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้ตะเกียงวิญญาณเริ่มเลือนลางลงและจางหายไป

“ข้าจำเป็นต้องทำภารกิจในขุนเขาทะเลที่แปดนี้ให้เสร็จสิ้น จากนั้นก็ไปยังขุนเขาทะเลที่สี่ให้รวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้…เพื่อนำสวี่ชิงกลับมา”

เมิ่งฮ่าวหันหน้ามองตรงไปยังทิศทางของขุนเขาทะเลที่เจ็ด แต่สิ่งที่เขากำลังมองไปนั้นไม่ใช่ขุนเขาทะเลที่เจ็ด แต่เป็นขุนเขาทะเลที่อยู่ห่างไกลออกไป…ขุนเขาทะเลที่สี่

“จากความทรงจำของหลู่ว์โหว…สงคราม…ไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้นในที่แห่งนี้” หลังจากที่ทบทวนข้อมูลที่เขาได้มาจากการใช้วิชาควาญวิญญาณ ก็ตระหนักว่าขุนเขาทะเลที่เจ็ดไม่ใช่ขุนเขาทะเลเดียวเท่านั้นที่กำลังรุกรานเพื่อนบ้าน

“ขุนเขาทะเลที่หกก็เริ่มทำสงครามขุนเขาทะเลด้วยเช่นกัน”

“ขุนเขาทะเลที่เจ็ดรุกรานขุนเขาทะเลที่แปดด้วยจุดประสงค์ที่มากไปกว่านั้น พวกมันต้องการใช้สถานที่แห่งนี้เป็นจุดรวมพลไปยังขุนเขาทะเลที่เก้า”

“สำหรับขุนเขาทะเลที่หก พวกมันรุกรานขุนเขาทะเลที่ห้าด้วยเป้าหมายเดียวกัน…เพื่อรวมพลในที่แห่งนั้นไปโจมตียังขุนเขาทะเลที่สี่ซึ่งแข็งแกร่งมากที่สุดในขุนเขาทะเลทั้งปวง!” หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเดินตรงไป มุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของพันธมิตรเทพสวรรค์

โดยที่ไม่ต้องกังวลใจเกี่ยวกับตระกูลเมิ่ง เขาจึงมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ในความคิดของเมิ่งฮ่าว วิธีที่ดีที่สุดในการจบสงครามนี้ไม่ใช่ป้องกันผู้ฝึกตนจากขุนเขาทะเลที่เจ็ดไม่ให้โจมตีไปยังขุนเขาทะเลที่แปด แต่…เขาจำเป็นต้องไปยังรอยแตกระหว่างสองขุนเขาทะเล ไปเผชิญหน้ากับราชันแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ดที่ใกล้เข้ามาแล้ว!

ดวงตาเมิ่งฮ่าวทอแววครุ่นคิด ขณะที่เข้าไปใกล้พันธมิตรเทพสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เป็นเช่นนั้น ก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนที่คุ้นเคยซึ่งกำลังกระจายออกมาจากขุนเขาที่แปด และอยู่ภายในอาณาเขตของพันธมิตรเทพสวรรค์

ไม่กี่ชั่วยามต่อมา เมิ่งฮ่าวก็มาถึงพันธมิตรเทพสวรรค์ ดวงดาวที่ครั้งหนึ่งเคยมีอยู่ตรงนั้นได้หายไปแล้ว กลายเป็นเศษซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยซากศพ

นี่คือสถานที่ที่ขุนเขาทะเลที่เจ็ดได้โจมตีมาเป็นเวลานาน จนกลายเป็นศูนย์กลางคำสั่งของพวกมันด้วยเช่นกัน และซากปรักหักพังที่ยืดยาวออกไปก็ดูคล้ายกับเศษซากเซียนเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งคู่ต่างก็เหลือแต่เพียงเศษซากทิ้งไว้หลังการทำสงคราม

เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปในอาณาเขตของพันธมิตรเทพสวรรค์ ขณะที่เดินทางไป ก็รับรู้ได้ถึงระลอกคลื่นของเศษชิ้นส่วนวิชาเวท รวมทั้งกลิ่นคาวโลหิตที่ลอยคละคลุ้งไปทั่ว

ที่ห่างไกลออกไป เมิ่งฮ่าวมองเห็นเงาร่างสิบกว่าสายกำลังพุ่งผ่านซากปรักหักพัง เพื่อค้นหาผู้ฝึกตนที่แสร้งตายและสังหารพวกมันไป จากนั้นก็หยิบเอาของวิเศษและถุงสมบัติไป

ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวปรากฎตัวขึ้น เงาร่างเหล่านั้นก็มองเห็น แทบจะทันใดนั้นดวงตาพวกมันก็แวบรังสีสังหารออกมา พวกมันส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์มายังเมิ่งฮ่าว จนรู้ว่าเขาอยู่เพียงแค่อาณาจักรโบราณเท่านั้น และรอยยิ้มอันดุร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“มันคือผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเลที่แปดที่ยังเหลืออยู่ สังหารมัน!”

ในทันทีที่คำพูดนั้นดังก้องออกมา พลังการฝึกตนของคนทั้งสิบก็พุ่งขึ้นไป ดวงตาพวกมันแดงก่ำจากการสังหารมานานนับเดือน แต่โชคร้ายที่พลังการฝึกตนของพวกมันไม่อาจจะตรวจพบได้ว่าเมิ่งฮ่าวมีความน่ากลัวมากแค่ไหน คิดว่าเขาเป็นแค่ผู้ฝึกตนอีกคนที่มีชีวิตรอดจากสนามรบเมื่อเร็วๆ นี้เท่านั้น พวกมันเข้ามาใกล้ด้วยความต้องการจะสังหารเขาไปในทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!