ตอนที่ 1291
ใครบอกว่าเป็นเวทที่ไร้ค่า?
แทบจะราวกับว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้สังเกตเห็นผู้ฝึกตนที่ใกล้เข้ามาเหล่านั้น เขาเดินไปเหมือนเช่นเคย แต่จากนั้นก็โบกสะบัดมือออกไปเหมือนไม่ได้ตั้งใจ ทันใดนั้นผู้ฝึกตนทั้งสิบกว่าคนก็เริ่มสั่นสะท้าน สีหน้าหมองคล้ำ ล้มลงไปทีละคน กลายเป็นส่วนหนึ่งของเศษซากปรักหักพังที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น
เมิ่งฮ่าวไม่ได้สังหารพวกมัน แต่ทำให้หมดสติไป ทำให้พวกมันตกอยู่ในสภาวะที่หลับใหล และจะตื่นขึ้นมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ขณะที่เขาเดินทางผ่านเข้าไปในพันธมิตรเทพสวรรค์ ก็สังเกตเห็นดาวเคราะห์หลายดวงที่ครั้งหนึ่งเคยมีอยู่ แต่ในตอนนี้กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้วทั้งหมด มองเห็นซากศพอยู่ทั่วทุกที่ ซึ่งเป็นผู้ฝึกตนจากทั้งขุนเขาทะเลที่เจ็ดและแปด
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ขณะที่เดินทางลึกเข้าไปในอาณาเขตของพันธมิตรเทพสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ ที่เบื้องหน้าขึ้นไปเขารู้สึกได้ถึงระลอกคลื่นที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้าน ปฐพีต้องสะเทือน และยังได้ยินเสียงแผดร้องดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงระเบิดขนาดใหญ่อีกด้วย
เห็นได้ชัดว่านั่นคือ…แนวหน้าของสงคราม
เมิ่งฮ่าวกระจายสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป ทั่วทั้งพันธมิตรเทพสวรรค์ ในสถานที่เหล่านั้นทั้งหมด มีแค่สองคนเท่านั้นที่เขารู้สึกห่วงใย หนึ่งคืออี้หรันจื่อ และอีกคน…อยู่บนขุนเขาที่แปด
จริงๆ แล้ว คนทั้งสองคือเหตุผลทั้งหมดที่เมิ่งฮ่าวต้องมายังที่แห่งนี้
ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขา ทำให้เมิ่งฮ่าวมองเห็นอาณาเขตครึ่งหนึ่งของพันธมิตรเทพสวรรค์ได้กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้วในตอนนี้ และถูกควบคุมโดยขุนเขาทะเลที่เจ็ด ตอนนี้ผู้ฝึกตนของพวกมันมีจำนวนนับล้าน และถูกแบ่งออกเป็นสี่กองกำลังหลัก บุกรุกเข้าไปในพันธมิตรเทพสวรรค์ทั้งสี่ทิศทาง
ผู้ฝึกตนแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์ ก็แบ่งออกเป็นสี่กองกำลังหลักด้วยเช่นกัน เพื่อต่อต้านการรุกรานเหล่านั้น แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังถูกบังคับให้ถอยร่นไปทางด้านหลัง และคงจะพ่ายแพ้ไปในที่สุด โอกาสที่จะชนะมีอยู่น้อยมาก
ที่ห่างออกไปจากเมิ่งฮ่าวไม่ไกลมากนัก ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของพันธมิตรเทพสวรรค์ ในสนามรบที่เต็มไปด้วยความขมขื่นและโลหิต ดวงดาวที่แตกกระจายไปกำลังกลายเป็นหลุมดำ และเริ่มกลืนกินผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นเข้าไปมากมาย
สงครามใหญ่กำลังต่อสู้กันในที่แห่งนั้น พร้อมด้วยผู้ฝึกตนแต่ละฝ่ายมากกว่าเจ็ดแสนคน มันคือการต่อสู้ขนาดใหญ่และมักจะมีเสียงแผดร้องของคนที่กำลังตกตายไปดังก้องออกมาเป็นระยะ
เสียงระเบิดดังก้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแสงวิชาเวทก็พุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ระลอกคลื่นอันน่ากลัวพุ่งกระจายออกไปด้วยความปั่นป่วน และภาพที่เห็นนั้นก็เต็มไปด้วยความวุ่นวายโดยสิ้นเชิง
สูงขึ้นไปในอากาศเป็นสถานที่ซึ่งผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋ากำลังต่อสู้กันอยู่
เมิ่งฮ่าวมองเห็นหัวหน้าผู้พิทักษ์เต๋าแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์ รวมทั้ง…เด็กชายเซียวอี้หาน คนทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าผู้พิทักษ์เต๋าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียวอี้หาน แต่ชุดเกราะนักรบสีเขียวที่มันสวมใส่ ก็ช่วยให้พลังของมันพุ่งขึ้นไปจนถึงจุดที่สามารถจะต่อต้านได้นานขึ้นอีกเล็กน้อย
ยังมีผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าอยู่ในสนามรบนั้นอีกหลายคน และเมื่อไหร่ที่พวกมันต่อสู้กัน เสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องออกมา
เมิ่งฮ่าวมองเห็นปรมาจารย์อันดับหนึ่งแห่งสำนักเฮ่าหรัน ที่ในตอนนี้จะดูเหมือนว่าอยู่ในสภาวะแห่งความสิ้นหวัง แทบจะตกตายไปได้ทุกเมื่อ
หลังจากที่เมิ่งฮ่าวใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ม้วนกวาดไปทั่วทั้งสนามรบ ในที่สุดก็มองเห็นอี้หรันจื่ออยู่ในบริเวณนั้น
อย่างน่าตกใจยิ่ง ท่านกำลังต่อสู้กับสองผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าจากขุนเขาทะเลที่เจ็ด ซึ่งกำลังโจมตีมาโดยพร้อมเพรียงกัน เป็นการต่อสู้ที่ทำให้แทบจะต้องหยุดหายใจ แต่โชคร้ายที่ตอนนี้ท่านกำลังอ่อนแอลงไป ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ใบหน้าซีดขาวโดยสิ้นเชิง ดูคล้ายกับเป็นตะเกียงที่น้ำมันกำลังจะหมดไป แทบจะถูกสังหารไปได้ทุกเมื่อ
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นท่าน ดวงตาก็สาดประกายด้วยความเย็นชา และก้าวเดินไปยังทิศทางนั้นในทันที
ในสนามรบแห่งนั้น อี้หรันจื่อกำลังหัวเราะด้วยความขมขื่นออกมา เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และโลหิตก็พุ่งออกมาจากบาดแผลของท่าน ขณะที่ถูกบังคับให้ต้องถอยไปทางด้านหลังอย่างต่อเนื่อง ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่หลายแห่ง ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ท่านต่อสู้มาแล้วหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน
ถึงแม้ว่าจะต่อสู้ด้วยความสิ้นหวัง แต่ก็ทำให้ขุนเขาทะเลที่เจ็ดต้องบ้าคลั่งขึ้นมาอย่างที่ไม่อาจจะหยุดลงได้ สำนักเฮ่าหรัน…ไม่มีอีกต่อไป ศิษย์จำนวนมากถูกสังหารไป และปรมาจารย์อันดับสามก็ตกตายไป มีเพียงอี้หรันจื่อและปรมาจารย์อันดับแรกเท่านั้นที่ยังคงอยู่
“บางทีสนามรบแห่งนี้…คือที่ที่ข้าต้องตายไป” อี้หรันจื่อคิดขณะที่ขยับมือร่ายเวท ต่อสู้กลับไปอีกครั้งยังสองคู่ต่อสู้อาณาจักรเต๋า หนึ่งในนั้นเป็นบุรุษวัยกลางคน อีกคนเป็นชายชรา พื้นฐานฝึกตนของพวกมันอยู่ในระดับเดียวกันกับอี้หรันจื่อ และพวกมันก็โจมตีมาด้วยความโหดเหี้ยมโดยสิ้นเชิง
เห็นได้ชัดว่าต้องการสังหารอี้หรันจื่อมากกว่าสิ่งอื่นใด และด้วยการตอบรับการเคลื่อนไหวของท่าน พวกมันปลดปล่อยพลังแก่นแท้ออกมา สร้างเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ ซึ่งภายในภูเขามีลูกตาสีดำถูกผนึกไว้
ขณะที่ภูเขาพุ่งตรงไปยังอี้หรันจื่อ มันก็หลอมละลายไป ทำให้เกิดเป็นความเย็นเยียบระเบิดออกไป เสียงแตกร้าวได้ยินมา ขณะที่ทุกสรรพสิ่งถูกแช่แข็งไป และกำลังถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งชั้นแล้วชั้นเล่า เวลาเดียวกันนั้นลูกตาสีดำก็ลอยออกมา กลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งตรงไปยังอี้หรันจื่อ
ท่านหัวเราะอย่างขมขื่นขณะที่น้ำแข็งแพร่กระจายออกไปทั่วร่าง และลำแสงสีดำก็ใกล้เข้ามา ในที่สุดท่านก็กัดปลายลิ้นและพ่นลูกทรงกลมโลหิตออกมา จากนั้นก็กลายเป็นกลุ่มหมอกโลหิตเพื่อปิดกั้นแสงสีดำ
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น แสงแห่งความดื้อรั้นปรากฏขึ้นในแววตาอี้หรันจื่อ ท่านสูดหายใจเข้าลึกๆ และจากนั้นก็กล่าวว่า “เต๋าอยู่ในจิตใจ!”
ทันใดนั้นน้ำแข็งที่ปกคลุมตัวท่านก็มีรอยร้าว และจากนั้นก็แตกกระจายไป
“ทำเช่นนั้นอีกแล้ว? อี้หรันจื่อ พวกเราต่อสู้กันมาหลายครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าพยายามจะใช้เวทผนึกสวรรค์นั่น แต่มันก็ไม่เคยได้ผล! ใครๆ ก็รู้ว่ามันเป็นเวทที่ไร้ค่าโดยสิ้นเชิง!”
“เวทผนึกสวรรค์เป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้น เหล่าฟูเคยได้ยินผู้คนบอกว่าเจ้าเคยทำได้ครั้งหนึ่ง ใช่หรือไม่? จริงๆ แล้วเหล่าฟูก็อยากจะเห็นว่า เจ้าตัวคนเดียวสามารถใช้เวทผนึกสวรรค์ทำการขัดขวางคู่ต่อสู้ได้นับหมื่น เหมือนที่คนอื่นเคยพูดไว้ด้วยเช่นกัน” สองผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าหัวเราะอย่างเย็นชา แทนที่จะโจมตีกลับไป พวกมันเพียงแค่ลอยตัวอยู่ที่นั่น มองไปยังอี้หรันจื่อด้วยแววตาเยาะเย้ยดูถูก
คำพูดของพวกมันเสียดแทงใจ แต่ดวงตาอี้หรันจื่อก็ยังคงสาดประกายขึ้นด้วยความดื้อรั้น ถึงแม้ว่าท่านจะเคยทำได้สำเร็จมาแค่หนึ่งครั้งก็ตาม แต่เป็นหนึ่งครั้งที่ช่วยให้ศิษย์ของตนเองมีโอกาสหลบหนีจากไปได้สำเร็จ
หนึ่งครั้งที่ทำได้สำเร็จนั้นเป็นสิ่งที่ท่านไม่มีทางจะลืมเลือนไปได้
เวทผนึกสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่ไร้ค่า!!
“เจตจำนงอยู่ในดวงตา!” อี้หรันจื่อกัดฟันแน่น แสดงท่าทางออกมาพร้อมกับแผดร้องคำรามดังก้องขึ้น ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ดที่อยู่ตรงหน้าทั้งสอง มองมาด้วยแววตาที่ดูถูกเยาะเย้ยอย่างเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้น
“`ครอบครองขุนเขาทะเล เวทผนึกสวรรค์!” อี้หรันจื่อแหงนหน้าขึ้นและแผดร้องคำรามออกมา กวาดแขนออกไปเป็นวงกว้าง แต่…ไม่มีวิชาเวทใดๆ ปรากฏขึ้นแม้แต่น้อย
แววตาอี้หรันจื่อหม่นหมองไร้ประกาย และกระอักโลหิตออกมากองโต หัวเราะหึๆ ขึ้นอย่างขมขื่น แต่ลึกลงไปในจิตใจก็ยังคงเชื่อว่าเวทผนึกสวรรค์นี้ไม่ได้ไร้ค่าแต่อย่างใด
“เจ้าพยายามใช้เวทนั้นมากี่ครั้งแล้ว? ทุกครั้งก็พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นเวทที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง!”
“น่าเสียดาย ที่พวกเราไม่อาจจะได้เห็นสิ่งที่ถูกเรียกว่าเวทผนึกสวรรค์นี้แล้ว”
สองผู้ฝึกตนจากขุนเขาทะเลที่เจ็ดส่ายหน้าไปมา และจากนั้นก็เริ่มพุ่งตรงไปยังอี้หรันจื่อพร้อมกับรังสีสังหารที่แวบขึ้นมา
ในความขมขื่นนั้น อี้หรันจื่อเริ่มพูดขึ้น ดูเหมือนว่าไม่ได้พูดให้ใครฟัง แต่พูดกับตัวเอง “มันไม่ใช่วิชาเวทที่ไร้ค่า มันคือเวทผนึกสวรรค์ ซึ่งข้าคิดค้นขึ้นมาเอง…
เวทผนึกสวรรค์!”
“ข้าเคยทำได้สำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง…” อี้หรันจื่อพึมพำ ท่านได้จ่ายค่าตอบแทนไปอย่างที่ไม่อาจจะคาดคิดได้ เพื่อสร้างเป็นเวทผนึกสวรรค์ขึ้นมา และความทรงจำของสิ่งที่เคยเกิดขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่ท่านไม่ต้องการจะหวนรำลึก เป็นความเจ็บปวดอย่างน่าเหลือเชื่อที่ท่านเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของจิตใจ
ตูม!
ขณะที่สองผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าใกล้เข้ามา พวกมันรวมพลังกันปลดปล่อยวิชาเวทที่แข็งแกร่งออกมา ภาพของตะขาบสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น อ้าปากกว้างด้วยความดุร้าย ราวกับว่าต้องการจะกลืนกินอี้หรันจื่อเข้าไป
“จงตายไปพร้อมกับเวทที่ไร้ค่านั่นเถอะ!”
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่เสียงอันเย็นชาราวน้ำแข็ง จู่ๆ ก็ดังก้องออกไปทั่วทั้งสนามรบ ระเบิดเข้าไปในหูของสองผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋า
“พวกเจ้าต้องการเห็นเวทผนึกสวรรค์? ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็นในตอนนี้… เต๋าอยู่ในจิตใจ!” ในทันทีที่คำว่า ‘เต๋าอยู่ในจิตใจ’ ดังก้องขึ้น เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ก็ดังเต็มไปทั่วทั้งฟ้าดิน และทุกสรรพสิ่งก็สั่นสะเทือน เวลาเดียวกันนั้น กลิ่นอายอันน่าตกใจก็กระจายออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
สีหน้าของสองผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าสลดลง เสียงจากเมื่อครู่นี้เสียดแทงเข้าไปในจิตใจพวกมัน ทำให้ต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่าง พวกมันมองขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และเห็นเงาร่างๆ หนึ่งใกล้เข้ามา
เงาร่างนั้นสวมใส่ชุดยาว และการปรากฏกายขึ้นของคนผู้นั้นก็ทำให้ผู้ฝึกตนนับล้านที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุร้ายในสนามรบ ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึง จากคำพูดที่ดังก้องออกมาคล้ายกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำราม
ผู้ที่มาใหม่นี้ก็คือเมิ่งฮ่าวนั่นเอง!
เมื่ออี้หรันจื่อมองเห็นเมิ่งฮ่าว ก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นมา และดวงตาก็เต็มไปด้วยความดีใจ เริ่มหัวเราะออกมา และแววตาก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้น
“ศิษย์ที่ดี, ศิษย์ที่ดี…”
“เจตจำนงอยู่ในดวงตา!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น เป็นประโยคที่สองของเวทนี้ เมื่อเสียงของเขาดังก้องออกไป เสียงกระหึ่มที่คล้ายเสียงฟ้าร้องก็ดังก้องขึ้น ทำให้สองผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าจากขุนเขาทะเลที่เจ็ดต้องกระอักโลหิตออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อแวบขึ้นมา
ไม่ใช่เพียงแค่พวกมันเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าคนอื่นๆ ในบริเวณนั้น ต่างก็มองมาด้วยความประหลาดใจ แน่นอนว่าสิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดสำหรับพวกมัน ไม่ใช่พลังจากเสียงของเมิ่งฮ่าว แต่จากความจริงที่ว่าทันใดนั้น…แรงกดดันอย่างที่ยากจะอธิบายเริ่มกดทับลงมาบนร่างพวกมัน
แรงกดดันอันไร้ขอบเขตนั้นให้ความรู้สึกราวกับว่า ภูเขาขนาดใหญ่กำลังบดขยี้ลงมาบนแผ่นหลังของพวกมัน
นั่นก็คือ…พลังแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล!
ปรมาจารย์อันดับแรกแห่งสำนักเฮ่าหรันมองมาด้วยความประหลาดใจ ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าคนอื่นๆ ที่อยู่ในสนามรบทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้สึกว่าจิตใจกำลังหมุนคว้าง สำหรับหัวหน้าผู้พิทักษ์เต๋าแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์ เมื่อมันตระหนักว่าเป็นเมิ่งฮ่าว ก็อ้าปากค้างขึ้นมาในทันที
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ตื่นตระหนกมากที่สุดไม่ใช่มัน แต่เป็น…เด็กชายเซียวอี้หาน มันมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่เบิกกว้างชั่วขณะ ก่อนที่จะหันหลังและหลบหนีจากไป
นั่นคือปฏิกิริยาของผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋า สำหรับผู้ฝึกตนนับล้านที่อยู่ในสนามรบทั้งหมด พลังแห่งขุนเขาทะเลทำให้พวกมันสั่นสะท้าน และจิตใจก็หมุนคว้าง ทันใดนั้นการต่อสู้ทั้งปวงก็หยุดลงโดยสิ้นเชิง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคนผู้หนึ่งเท่านั้น!
“ข้าจะครอบครองขุนเขาทะเล…” เมิ่งฮ่าวกล่าวเป็นประโยคที่สามของวิชาเวท ทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เกิดเป็นเสียงกระหึ่มราวกับเป็นเสียงกลองสงคราม เป็นเสียงที่ทำให้คนทั้งหมดในบริเวณนั้นต้องสั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง จิตใจพวกมันเกิดเป็นเสียงหึ่งๆ ขณะที่พลังแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลดูเหมือนว่าจะยิ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
ราวกับว่าพลังอันมหาศาลนั้นถูกสร้างขึ้นมาและตอนนี้ก็พร้อมที่จะถูกปลดปล่อยออกไปแล้ว ทำให้เกิดเป็นแรงกดดันเต็มอยู่ในจิตใจของคนทั้งหมด เป็นแรงกดดันที่ไม่ได้แค่ส่งผลกระทบต่อพื้นฐานการฝึกตนของพวกมันเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วก็ทำให้คนทั้งหมดแทบจะหยุดหายใจไป
มีแต่อี้หรันจื่อเท่านั้นที่กำลังยิ้มออกมา สำหรับสองคู่ต่อสู้อาณาจักรเต๋าของท่าน ใบหน้าพวกมันซีดขาว และจิตใจก็หมุนคว้างจนไม่อาจจะควบคุมได้
โลกทั้งหมดนี้ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งมวล ดูเหมือนว่าจะมารวมตัวกันที่เมิ่งฮ่าว คนทั้งหมดมองไปขณะที่เมิ่งฮ่าว…กล่าวเป็นประโยคที่สามออกมา กวาดแขนออกเป็นวงกว้าง และจากนั้นก็ชี้ตรงขึ้นไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เวลาเดียวกันนั้นก็กล่าวเป็นคำพูดสุดท้ายออกมา
“เวท…ผนึก…สวรรค์!”