Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1292

ตอนที่ 1292

ท่านคือ…ไว่กงข้าหรือไม่?

สายฝนเริ่มตกลงมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

หรือบางทีอาจจะถูกต้องกว่าถ้าจะเรียกว่า หยดน้ำตาแห่งขุนเขาทะเล…หยดน้ำตาแห่งสนามรบ หยดน้ำตาแห่งซากปรักหักพัง หยดน้ำตาแห่งการสังหาร หยดน้ำตาอันเนื่องมาจากการทำลายล้างซึ่งกันและกันจากผู้ฝึกตนขุนเขาทะเล

หยดน้ำตาเริ่มตกลงมาในทันทีที่เมิ่งฮ่าวกล่าวเวทคำสุดท้ายออกมา พวกมันตกลงมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวกระจายเต็มไปทั่วทั้งสนามรบ พร่างพรมไปยังผู้ฝึกตนทั้งหมดในที่แห่งนั้น

มันคือสายฝนอันอ่อนโยนที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ประกอบไปด้วยพลังแต่อย่างใด ตอนแรกผู้ฝึกตนต่างก็จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง แต่จากนั้นก็เริ่มผ่อนคลายลง แรงกดดันจากเมื่อครู่นี้ช่างน่าตกใจอย่างถึงที่สุด แต่ในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าสายฝนนี้จะไร้พลังใดๆ โดยสิ้นเชิง ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าจากขุนเขาทะเลที่เจ็ด ซึ่งวิตกกังวลเป็นอย่างมากจากเมื่อครู่นี้ ต่างก็มีสีหน้าแปลกๆ ขึ้นในตอนนี้

คนทั้งสองที่เคยต่อสู้กับอี้หรันจื่อยังได้หัวเราะหึๆ ออกมาอีกด้วย

“เวทผนึกสวรรค์? นี่คือเวทผนึกสวรรค์?”

“น่าหัวเราะนัก ช่างเป็นวิชาเวทที่น่าขำจริงๆ” ความวิตกกังวลของพวกมันเริ่มจางหายไปในทันที หลังจากที่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกมันก็เริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา

แต่กระนั้นพวกมันก็ยังต้องถอยไปทางด้านหลัง ถึงแม้ว่าพวกมันไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อเวทผนึกสวรรค์ แต่การปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันของเมิ่งฮ่าวในสนามรบ ก็เป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง

หัวหน้าผู้พิทักษ์เต๋าแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์แอบถอนหายใจ และผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าคนอื่นๆ แห่งขุนเขาทะเลที่แปดก็มองมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง

มีเพียงสามคนเท่านั้นในสนามรบที่มีปฏิกิริยาแตกต่างกันออกไป หนึ่งคือเมิ่งฮ่าว และอีกคนก็คืออี้หรันจื่อ

อี้หรันจื่อกำลังหัวเราะออกมา เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความดีใจและตื่นเต้น

คนที่สามมีการกระทำที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งก็คือเด็กชายเซียวอี้หาน มันกำลังหลบหนีจากไปอย่างรวดเร็ว และออกไปจากสนามรบในชั่วพริบตา ในคนทั้งหมดตอนนี้ มันคือคนที่เข้าใจเมิ่งฮ่าวดีที่สุด และหวาดกลัวเขามากที่สุด

สำหรับเมิ่งฮ่าว เขาสงบนิ่งไปโดยสิ้นเชิงขณะที่หลับตาลง

เสียงหัวเราะของอี้หรันจื่อยังคงดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง และท่านก็หลับตาลงด้วยเช่นกัน

ในตอนที่อาจารย์และศิษย์หลับตาลง ทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็เริ่มสั่นสะท้าน จากนั้นสายฝนที่กำลังตกลงมาก็ปะทุขึ้นด้วยพลังที่ทำให้ฟ้าดินต้องสั่นสะเทือน ขณะที่พลังนั้นพุ่งขึ้นไป ความอ่อนโยนจากก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นการลุกไหม้อย่างบ้าคลั่ง

ราวกับว่าจู่ๆ อาณาจักรขุนเขาทะเลก็เริ่มเปลี่ยนจากความโศกเศร้าอย่างน่าเหลือเชื่อ กลายเป็นมีโทสะขึ้นอย่างถึงที่สุด!

เป็นเพลิงโทสะที่สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรขุนเขาทะเลสังหารซึ่งกันและกัน เป็นเพลิงโทสะที่สามสิบสามสวรรค์ผนึกอาณาจักรขุนเขาทะเลไว้โดยสิ้นเชิง เป็นเพลิงโทสะยังทุกสรรพสิ่ง!

ตูม!

หยดน้ำฝนระเบิดออก พุ่งผ่านผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเลที่แปด และกระแทกเข้าไปยังผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด สีหน้าพวกมันสลดลง ขณะที่พลังจากการระเบิดของหยดน้ำฝนกระแทกลงมาบนร่างพวกมันราวกับเป็นภูเขา

ตูมมมมมมม!

น้ำฝนหยดแล้วหยดเล่าเริ่มระเบิดขึ้น ทำให้ทั่วทั้งสนามรบเต็มไปด้วยแรงระเบิดมหาศาล ในชั่วพริบตาสนามรบทั้งหมดก็พังทลายลงไป ขณะที่พลังอันไร้ที่เปรียบแห่งขุนเขาทะเลปะทุออกไปอย่างรุนแรง!

เสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวดังก้องขึ้น จากผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด ขณะที่ผู้ฝึกตนเกือบหนึ่งล้านคนกระอักโลหิตออกมากองโต โลหิตเหล่านั้นรวมตัวเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดเป็นทะเลโลหิตม้วนกวาดออกไปราวกับเป็นอุทกภัย!

ตูมมมมมมม!

เรื่องราวยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ ยังมีการระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่สายฝนทั้งหมดระเบิดออกไป พลังแห่งขุนเขาทะเล…ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด ราวกับเป็นยักษ์ที่กำลังแผดร้องคำรามไปทั่วทั้งสนามรบ ทุกครั้งที่มันแกว่งแขนออกไป โลหิตก็จะพ่นกระจายออกมาจากปากของผู้ฝึกตนที่กำลังลอยละลิ่วปลิวขึ้นไปในอากาศ

สีหน้าผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ดตกตะลึง พวกมันรับรู้ได้ถึงพลังแห่งขุนเขาทะเลได้อย่างชัดเจน และสามารถจะบอกได้ว่ามันกำลังมีโทสะอยู่!

“นี่…นี่คือพลังอะไรกัน?!”

“ข้ารู้สึกได้ถึงเพลิงโทสะแห่งฟ้าดิน นี่…นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ!!”

“ฟ้าดินกำลังมีโทสะ อาณาจักรขุนเขาทะเลกำลังขับไล่พวกเรา! ข้ารู้สึกได้ว่าแม้แต่แก่นแท้ของข้าก็กำลังสั่นสะท้าน!!” เสียงแผดร้องด้วยความตกใจดังก้องขึ้น เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อและประหลาดใจ

ผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด กำลังถูกสะกดข่มโดยเจตจำนงแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลเอง เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไป ขณะที่โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากพวกมัน และร่างก็ลอยละลิ่วปลิวขึ้นไปในอากาศ

ภาพอันน่าตกใจนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ในสนามรบทั้งหมด โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ดทั้งหมด และพวกมันเริ่มถอยไปทางด้านหลัง ถึงแม้ว่าจะไม่ยินยอมก็ตาม พวกมันกำลังถูกผลักออกไปโดยพลังอันมหาศาล

ผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเลที่แปดทั่วทั้งสนามรบ ต่างก็มองไปด้วยปากที่อ้าค้าง หัวหน้าผู้พิทักษ์เต๋าแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์กำลังประหลาดใจ และปรมาจารย์อันดับแรกแห่งสำนักเฮ่าหรันก็ตกตะลึง ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าทั้งหมดแห่งขุนเขาทะเลที่แปดต่างก็ตื่นตระหนก

โดยที่ไม่ต้องเอ่ยถึงผู้ฝึกตนอื่นๆ ที่ไม่อยู่ในอาณาจักรเต๋า คนทั้งหมดต่างก็ขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆ กัน

“พลังนี้…มันคือพลังแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล เป็นเจตจำนงแห่งขุนเขาทะเล!”

“เวทผนึกสวรรค์…เวทผนึกสวรรค์ของอี้หรันจื่อสามารถควบคุมอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งหมดได้จริงๆ!!” ท่าทางไม่อยากจะเชื่อเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าแห่งขุนเขาทะเลที่แปด

ตอนนี้ในสนามรบเกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่ก็ไม่มีใครถูกสังหารไปแม้แต่คนเดียว ผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ดได้รับบาดเจ็บและตื่นตระหนก พื้นฐานฝึกตนของพวกมันถูกสะกดไว้แต่ก็ไม่มีใครถูกสังหารไป

ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ก็น่าประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง

สองผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าที่เคยต่อสู้กับอี้หรันจื่อก็รวมอยู่ในคนกลุ่มนั้น ใบหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังระเบิดที่โจมตีมายังพวกมัน ความรู้สึกไม่สบายใจอย่างลึกล้ำพุ่งขึ้นมาในจิตใจ

คนทั้งสองรู้สึกราวกับว่ากำลังตกอยู่ภายใต้การโจมตีจากพลังอันน่ากลัวบางอย่าง ทำให้ต้องลอยละลิ่วไปทางด้านหลังพร้อมกับเสียงกระหึ่มกึกก้อง

แม้ในขณะที่พวกมันลอยละลิ่วไปทางด้านหลัง ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็ลืมขึ้นมาในทันที และสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร กล่าวขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ “พวกเจ้าทั้งสอง ต้องตาย!”

นั่นไม่ใช่คำขอร้อง มันคือคำสั่งที่เปล่งออกมาด้วยความเยือกเย็นอย่างถึงที่สุด

ในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว สองผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าก็แผดร้องเป็นเสียงโหยหวน ขณะที่พลังแห่งขุนเขาทะเลฉีกกระชากพวกมันออกเป็นเสี่ยงๆ โลหิตและชิ้นเนื้อพุ่งกระจายออกไป ถึงแม้ว่าแรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันจะปรากฏขึ้นและพยายามจะหลบหนี แต่ก็ถูกทำลายไปอย่างรวดเร็วด้วยพลังแห่งขุนเขาทะเล

การตายไปของคนทั้งสองทำให้ผู้ฝึกตนทั้งสองฝ่ายบนสนามรบอ้าปากค้าง ตอนนี้ทั้งสองกองกำลังถูกบังคับให้ต้องแยกออกจากกัน ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ อี้หรันจื่อลืมตาขึ้นมา และใบหน้าก็ฉีกเป็นรอยยิ้มกว้าง

รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความดีใจและพึงพอใจ เมื่อท่านมองไปยังเมิ่งฮ่าว แววตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความขอบคุณอย่างลึกล้ำ

เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ยังสนามรบ จากนั้นก็กล่าวขึ้นอย่างช้าๆ “ใครบอกว่าเวทผนึกสวรรค์คือเวทที่ไร้ค่า?”

ไม่มีใครกล่าวตอบ ไม่มีผู้ฝึกตนแม้แต่คนเดียวที่จะกล้าพูดอะไรออกมา คนทั้งหมดจากทั้งขุนเขาทะเลที่เจ็ดและขุนเขาทะเลที่แปด ต่างก็สั่นสะท้านไปตามๆ กัน เมื่อพวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าว ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเกรงขามอย่างลึกล้ำ

ใครก็ตามที่สามารถจะใช้พลังแห่งขุนเขาทะเลออกมาได้ ต้องเป็นคนที่น่ากลัวอย่างแท้จริง เป็นใครบางคนที่…เทียบเท่ากับราชันแห่งขุนเขาทะเล สามารถใช้พลังที่คนทั่วไปไม่อาจจะใช้ออกมาได้ แม้แต่จักรพรรดิเต๋าก็ยังต้องหวาดกลัวต่อคำสั่งของพลังแห่งขุนเขาทะเล จนกว่าพวกมันจะกลายเป็นราชันแห่งขุนเขาทะเลเอง

ถ้าไม่ใช่ความจริงที่ว่า ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด มั่นใจว่าราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปดกำลังหลับใหลอยู่และไม่มีทางตื่นขึ้นมาได้ พวกมันก็คงจะเชื่อว่าเมิ่งฮ่าวคือราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปดอย่างแน่นอน!

เมิ่งฮ่าวกวาดมองไปทั่วทั้งกลุ่มฝูงชน จากนั้นก็มาหยุดนิ่งยังอี้หรันจื่อ ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ

“ขอคารวะซือจุน”

“ดี ดี ดี!” อี้หรันจื่อกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้น หัวเราะออกมา แต่ก็ต้องโซเซเล็กน้อยจากความอ่อนแรงและอาการบาดเจ็บภายใน เมิ่งฮ่าวรีบเดินตรงไป และยื่นแขนออกไปช่วยพยุง ในทันทีที่เขาสัมผัสตัวท่าน พลังอันอ่อนโยนก็กระจายออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว และเริ่มผ่านเข้าไปในร่างอี้หรันจื่อเพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของท่าน

ในตอนนี้สายตาทุกคู่ต่างก็จ้องนิ่งมายังอี้หรันจื่อ สำหรับผู้ฝึกตนจากขุนเขาทะเลที่เจ็ด สีหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เมื่ออี้หรันจื่อรู้สึกว่าอาการบาดเจ็บของตนเองได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวและคิดว่าท่านตัดสินใจถูกแล้วที่รับเขาเป็นศิษย์

อันที่จริงเพื่อเมิ่งฮ่าวแล้ว ทำให้ท่านต้องมีปัญหากับคนทั้งหมดในพันธมิตรเทพสวรรค์

“ซือจุน ข้าไม่อาจจะอยู่ที่นี่ได้อย่างยาวนาน มีเรื่องสำคัญที่ต้องไปทำ ซือจุนได้โปรดรับแผ่นหยกนี้ไว้ ถ้า…ขุนเขาทะเลแห่งนี้พังทลายลงไปสักวันหนึ่ง โปรดใช้มันเพื่อยืมพลังจากเวทผนึกสวรรค์ ไปยัง…ขุนเขาทะเลที่เก้า นั่นเป็นบ้านของข้า”

เมิ่งฮ่าวเอ่ยขึ้นอย่างเงียบๆ ส่งมอบแผ่นหยกให้กับอี้หรันจื่อ เพื่อใช้ในการทะลวงผ่านเกราะป้องกันระหว่างขุนเขาทะเล ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาได้ทำขึ้นมาในช่วงเวลาเดียวกับที่ติดตั้งค่ายกลเวทในตระกูลเมิ่ง

อี้หรันจื่อยิ้มด้วยความเมตตาและพยักหน้าให้ รับแผ่นหยกมา มีท่าทางพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งความภาคภูมิใจอย่างลึกล้ำ นับจากนี้ไปจะไม่มีใครกล้ามาบอกว่าเวทผนึกสวรรค์คือเวทที่ไร้ค่าอีกต่อไป!

การบอกว่ามันไร้ค่า ก็คือการบอกว่าอาณาจักรขุนเขาทะเลต่างก็ไร้ค่าไปทั้งหมด!

เมิ่งฮ่าวประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับอี้หรันจื่ออีกครั้ง จากนั้นก็มองไปรอบๆ ยังผู้ฝึกตนทั้งหมดและกล่าวว่า “ใครก็ตามที่บังอาจมาทำร้ายซือจุนข้า ไม่ว่าจะมีศักดิ์ฐานะเช่นใด หรือมีพื้นฐานฝึกตนระดับไหน เมิ่งโหม่วจะกวาดล้างไปทั้งตระกูล!”

คนทั้งหมด ทั้งจากขุนเขาทะเลที่เจ็ด รวมทั้งขุนเขาทะเลที่แปด ต่างก็ได้ยินคำพูดของเขา และจิตใจก็สั่นสะท้านไปตามๆ กัน

คำข่มขู่จากใครบางคนที่เทียบเท่ากับราชันแห่งขุนเขาทะเล คือคำข่มขู่ที่แม้แต่จักรพรรดิเต๋าก็ต้องยึดถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

อีกครั้งที่เมิ่งฮ่าวประสานมือให้กับอี้หรันจื่อ จากนั้นก็ออกไปจากสนามรบ เหตุผลเดียวที่เขามายังที่แห่งนี้ก็เนื่องมาจากอี้หรันจื่อ เขาแก้ไขสถานการณ์ รักษาอาการบาดเจ็บให้กับท่านอาจารย์ จากนั้นก็กล่าวคำพูดก่อนจากไป เพื่อให้มั่นใจว่าท่านอาจารย์จะปลอดภัย ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในสงครามครั้งนี้

หลังจากที่เมิ่งฮ่าวจากไป ทั้งสองฝ่ายบนสนามรบก็ไม่ต้องการสู้รบกันอีกต่อไป และกระจัดกระจายจากไปในที่สุด ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและอารมณ์อื่นๆ ที่ผสมปนเปกันอย่างซับซ้อน

ตั้งแต่สงครามขุนเขาทะเลเริ่มขึ้นนี่คือครั้งแรกที่…จบลงเช่นนี้

ข่าวคราวเริ่มแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วจากทั้งสองฝ่าย และในที่สุดคนทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เจ็ดและแปด ต่างก็ตระหนักถึงความน่ากลัวของเวทผนึกสวรรค์ พวกมันต่างก็เรียนรู้ว่าไม่ควรจะไปตอแยเมิ่งฮ่าว และอีกคน…ซึ่งอยู่ในสงครามครั้งนี้ด้วย…อี้หรันจื่อ

ไม่มีผู้ฝึกตนจากขุนเขาทะเลที่เจ็ดจะกล้าเข้าไปในอาณาเขตของพันธมิตรเทพสวรรค์ สำหรับเมิ่งฮ่าว เขากำลังเดินทางไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เข้าไปใกล้ขุนเขาที่แปดมากขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่เข้าไปใกล้ ก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความผันผวนอันน่าตกใจ ที่กำลังกระจายออกมาจากด้านบนสุดของขุนเขาที่แปดได้อย่างชัดเจนมากขึ้น…เป็นกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วยาม เมิ่งฮ่าวก็ไปถึงด้านล่างของขุนเขาที่แปด มองขึ้นไปยังยอดเขา และพึมพำว่า “ท่านคือ…ไว่กงข้าหรือไม่…?” (ท่านตา)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!