Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1353

ตอนที่ 1353

ข้าขอคำอธิบาย

เสียงนั้นดังก้องอยู่ในจิตใจของผู้ฝึกตนทั้งหมดในอาณาจักรขุนเขาทะเล ไม่ว่าพวกมันกำลังทำอะไรอยู่ ต่างก็หยุดชะงักนิ่ง อาณาจักรทั้งหมดเงียบกริบลงไปโดยสิ้นเชิง

ในที่สุดแววตาของคนทั้งหมดก็เริ่มสาดประกายขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้ ความสับสนและความหวาดกลัวที่เคยมีอยู่ในแววตาเหล่านั้น ถูกแทนที่ด้วยแสงอันเจิดจ้าซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณของพวกมันอยู่ในตอนนี้

ถึงแม้ว่าพวกมันจะยังคงตกอยู่ในความเงียบ แต่ก็เริ่มทำงานสำคัญที่ยังคงค้างอยู่ด้วยความเร่งรีบ

เนื่องจากข้อเรียกร้องของไห่เมิ่งจื้อจุนและราชันขุนเขาทะเล ทำให้ขุนเขาที่หนึ่งกลายเป็นด่านป้องกันแรก ค่ายกลเวทและเวทป้องกันจำนวนมากถูกก่อตั้งขึ้นมา จนกระทั่งสถานที่แห่งนั้นทั้งหมดคล้ายกับเป็นค่ายกลเวทป้องกันขนาดใหญ่

สำหรับกลุ่มคนที่อยู่ในทะเลแรก พวกมันคือส่วนหนึ่งของการทำสงครามในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ความเป็นตายของพวกมันก็ขึ้นกับสงครามนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นคนทั้งหมดต่างก็ทุ่มออกมาจนสุดตัวเพื่อเตรียมพร้อมป้องกัน

ขุนเขาทะเลแต่ละแห่งต่างก็เพิ่มมาตรการป้องกันอย่างต่อเนื่อง หลังจากแปดขุนเขาทะเลก็เป็นจุดศูนย์กลาง เป็นกองบัญชาการใหญ่แห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งปวง

ขณะที่อาณาจักรขุนเขาทะเลเตรียมตัวทำสงคราม เมิ่งฮ่าวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟาง หลังจากผ่านไปอีกครึ่งเดือนเขาก็จากไป

มีใครบางคนที่เมิ่งฮ่าวต้องการไปพบบนดาวหนานเทียนแห่งนี้…เช่นเดียวกับใครบางคนที่อยู่บนขุนเขาที่เก้า!

บุคคลแรกก็คือ…สุ่ยตงหลิว!

เขาเพิ่งจะรู้มาจากเมิ่งไว่กงว่า สุ่ยตงหลิวคือคนนอกที่ตนเองเคยรู้จักมา หลังจากที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นตลอดหลายปีก่อน และปะติดปะต่อเศษชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน เมิ่งฮ่าวก็ยิ่งมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นว่าสุ่ยตงหลิวมีอะไรที่มากกว่าสายตาจะมองเห็นได้

อันที่จริงเขายังรู้สึกอีกด้วยว่ามีความลับบางอย่างที่เชื่อมต่ออยู่กับสุ่ยตงหลิว บางทีความลับนั้น…อาจจะเกี่ยวข้องกับอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งปวงอีกด้วย

“สุ่ยตงหลิวพูดเพียงประโยคเดียว ก็ทำให้เมิ่งไว่กงกลายเป็นราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปด ท่าน…เป็นใครกันแน่?”

“จากที่ไว่ผอบอกมา ฟางจู่ฟู่ไม่ได้อยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเล หรือว่า…ท่านอยู่ใน…” เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป ดูเหมือนว่าสายตาจะมองทะลุผ่านแนวป้องกันทั้งแปดแห่งขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวยังสามสิบสองสวรรค์

ตลอดช่วงเวลาหนึ่งเดือนกว่าที่อยู่บนดาวหนานเทียน เมิ่งฮ่าวมักจะส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปทั่วทั้งดาวหนานเทียนเพื่อทำการค้นหาสุ่ยตงหลิว เขามั่นใจว่าท่านต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งอย่างแน่นอน

แต่กลายเป็นว่าไม่อาจจะพบเห็นร่อยรอยตำแหน่งที่แท้จริงของท่านได้แม้แต่น้อย สุดท้ายก็ได้แต่ต้องถอนหายใจ ด้วยความเชื่อมั่นในลางสังหรณ์ของตนเอง จึงไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากใคร เขาบอกลาบิดามารดาและคนทั้งหมด เดินทางจากไป มาลอยตัวอยู่ที่ด้านนอกของดาวหนานเทียนและมองลงไปที่ด้านล่าง

“ไม่ต้องการพบข้า?” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ

เวลาเดียวกันนั้น ตรงยอดเขาสูงที่ด้านล่างบนดาวหนานเทียน สุ่ยตงหลิวกำลังมองขึ้นไปในท้องฟ้ายังเมิ่งฮ่าว

เห็นได้ชัดว่าท่านสามารถมองเห็นเมิ่งฮ่าว แต่เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะมองเห็นท่านได้

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นชั่วขณะ ก่อนที่ดวงตาจะสาดประกายขึ้น รีบกระพริบตาติดต่อกันเก้าครั้งอย่างรวดเร็ว ทำให้โลกที่เห็นเปลี่ยนแปลงไปและแผ่ขยายออกไปมากขึ้น ในที่สุด ก็สามารถจะมองเห็นดินแดนที่ด้านล่างได้ทั้งหมดในทุกรายละเอียด

ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็หายตัวไป อย่างน่าตกใจยิ่งเมื่อไปปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง…ก็ไปยืนอยู่บนยอดเขาที่เบื้องหน้าสุ่ยตงหลิว

สุ่ยตงหลิวไม่ได้ขยับตัวเคลื่อนไหว แต่ก็พอจะมองเห็นแววตาประหลาดใจ ขณะที่มองมายังเมิ่งฮ่าว

แต่ว่า…เมิ่งฮ่าวมองไม่เห็นอะไรที่เบื้องหน้าแม้แต่น้อย เขาเกิดความรู้สึกแปลกๆ กับภูเขาลูกนี้เป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่ามันจะมีการเชื่อมต่อกับสุ่ยตงหลิว

หลังจากที่ยืนเงียบๆ อยู่ที่นั่นชั่วขณะ ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ยิ้มอย่างผ่อนคลายออกมา ในที่สุดก็ล้มเลิกความคิดที่จะตามหาร่องรอยของสุ่ยตงหลิว ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับอากาศที่อยู่เบื้องหน้า

“เมื่อผู้อาวุโสไม่ยินดีพบกับผู้เยาว์ในตอนนี้ ผู้เยาว์ก็จะจากไป ความเมตตาของผู้อาวุโส ผู้เยาว์จะจารึกไว้ตลอดไป ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสมีแผนการอะไร แต่…อาณาจักรขุนเขาทะเลในตอนนี้อ่อนแอลงมากแล้ว ดังนั้นขอท่านผู้อาวุโส…อย่าได้เล่นกับไฟอีกเลย!”

เมิ่งฮ่าวพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบราวน้ำแข็ง และความหนาวเย็นอันขมขื่นก็กระจายออกมาจากร่าง แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดที่อยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็ยังกระจายเป็นความหนาวเย็นที่ดูเหมือนว่าจะตรึงแน่นลงมาบนยอดเขาลูกนี้

ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็มองขึ้นไปและเดินทางเข้าไปในความว่างเปล่า ไม่ให้ความสนใจยอดเขานี้อีกต่อไป จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงออกไปจากดาวหนานเทียน

ขณะที่เมิ่งฮ่าวเดินทางจากไป สุ่ยตงหลิวยืนอยู่ที่นั่นต่อไป แววตาสาดประกายขึ้นด้วยความชื่นชม หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ ก็ยิ้มออกมา

“เด็กน้อยในที่สุดก็เติบใหญ่ขึ้นแล้ว…พร้อมด้วยเขี้ยวเล็บ เจ้ารู้ว่าจะต้องปกปักรักษาบ้านของตนเองอย่างไร ดี ดี ดี…” สุ่ยตงหลิวพึมพำ พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ลึกล้ำมากขึ้น

“สำหรับอาณาจักรขุนเขาทะเล ขอบอกว่า…เมื่อเทียบกับเจ้าหรือคนอื่นๆ แล้ว ข้าคือ…ผู้ที่ใส่ใจมันมากที่สุด”

ตรงด้านนอกดาวหนานเทียน เมิ่งฮ่าวเดินทางออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ขุนเขาทะเลที่เก้าในตอนนี้ ผู้ฝึกตนจำนวนมากกำลังสร้างดวงดาวและทวีปขึ้นมามากมาย กระจายออกไปทั่วในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ที่มารวมตัวกันอยู่บนดวงดาวและทวีปเหล่านั้นคือมนุษย์ธรรมดาทั้งหมดของอาณาจักรขุนเขาทะเล และสายโลหิตทั้งปวงของเหล่าผู้ฝึกตน…

ในที่แห่งนี้มีราชันขุนเขาทะเลเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือจี้เทียน ไห่เมิ่งจื้อจุนมาเยี่ยมเยือนมันด้วยตนเอง และแต่งตั้งให้กลายเป็นผู้พิทักษ์ของสถานที่แห่งนี้

เมิ่งฮ่าวมองออกไปยังขุนเขาทะเลที่เก้าซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก และในที่สุดสายตาก็ตกกระทบไปยังยอดเขาแห่งหนึ่ง…ขุนเขาที่เก้า!

เมิ่งฮ่าวต้องการไปพบกับคนผู้หนึ่ง และจัดการเรื่องกรรมที่ผูกมัดคนทั้งสองไว้ให้จบสิ้น คนผู้นั้นก็คือจี้เทียน!

จี้เทียนสอดมือเข้ามาในตอนที่ฟางซิ่วเฟิงเหยียบย่างเข้าไปในเต๋า และพยายามจะยึดครองร่างเมิ่งฮ่าวในขุนเขาทะเลที่แปด เนื่องจากเหตุการณ์เหล่านี้ ทำให้กรรมที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น

เมิ่งฮ่าวเดินผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ตรงไปยังขุนเขาที่เก้า จากนั้นก็เริ่มเดินขึ้นไปยังยอดเขาทีละก้าว ในที่สุดก็ไปอยู่ที่นั่น ตรงจุดสูงสุดบนยอดเขา

เมิ่งฮ่าวมองเห็นสระสวรรค์ ที่ภายในมีเต่าเสวียนอู่กำลังหลับใหลอยู่ ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างสระเป็นชายชราในชุดยาวสีม่วง ดวงตาไร้ฝ้าฟางให้ขุ่นมัวและดูเจิดจ้าสดใส มองเห็นกรรมนับไม่ถ้วนอยู่บนร่างของชายชราผู้นี้

ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นมัน ก็รู้ว่านี่คือคนที่ตนเองต้องการมาพบ…จี้เทียน!

มันคือผู้ใต้บังคับบัญชาในอดีตของราชันหลี่ เป็นผู้แข็งแกร่งจากยุคสมัยเดียวกันกับปรมาจารย์รุ่นแรกตระกูลฟาง และเป็นราชันแห่งขุนเขาทะเลที่เก้าด้วยเช่นกัน!

จี้เทียนไม่ได้อยู่คนเดียว บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งและหญิงสาวนางหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังมัน เมิ่งฮ่าวไม่รู้จักบุรุษผู้นั้น เขาไม่เคยพบเห็นมันมาก่อน แต่สามารถจะมองเห็นพื้นฐานฝึกตนที่ไม่ธรรมดาซึ่งอยู่ในขั้นกลางอาณาจักรโบราณ

เมื่อมันมองมายังเมิ่งฮ่าว ก็มองเห็นความหวาดกลัวอยู่ในแววตา ถึงแม้ว่ามันพยายามจะเก็บซ่อนไว้ก็ตาม แต่เมิ่งฮ่าวก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวกวาดมองไปยังหญิงสาวผู้นั้น เขาก็จดจำนางได้ นางคือจี้ยิน และในทันทีที่นางมองเห็นเมิ่งฮ่าว แววตาก็เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อน และสีหน้าก็สลดลง

จี้เทียนยังคงมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย เมื่อมองตรงมายังเมิ่งฮ่าว

ราวกับว่ามันกำลังคิดว่าเขาคือสหายเก่า ยิ้มออกมาและกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “เจ้ามาแล้ว”

เมิ่งฮ่าวมองไปยังจี้เทียน ด้วยสีหน้าเยือกเย็น ขณะที่เข้าไปใกล้และไปยืนอยู่เบื้องหน้ามัน จากนั้นก็มองลงไปยังเต่าเสวียนอู่ที่อยู่ในสระน้ำ และดวงตาก็สาดประกายขึ้นมาในทันที

“เห็นแล้วหรือไม่? เหล่าฟูรู้ว่าไม่อาจจะปิดบังความจริงเอาไว้ได้ ไม่รู้ว่าการกระทำเช่นนี้ของเหล่าฟู สามารถจะทำให้โทสะของซานไห่เสาจู่ (นายน้อยขุนเขาทะเล) สงบลงได้บ้างหรือไม่ ?” จี้เทียนกล่าวขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมา

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ดวงตาสาดประกายขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือมีเส้นใยกรรมที่ทรงพลังนับไม่ถ้วนกำลังผูกมัดจี้เทียนไว้กับเต่าเสวียนอู่ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองมากเกินกว่าความสัมพันธ์ระหว่างราชันขุนเขาทะเลธรรมดาทั่วไปกับเต่าเสวียนอู่ตัวอื่นๆ อันที่จริงพลังชีวิตของจี้เทียนและเต่าเสวียนอู่ตัวนี้ดูเหมือนว่าจะผูกรวมเข้าด้วยกัน

ยิ่งไปกว่านั้นจี้เทียนก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่เหนือกว่าเต่าเสวียนอู่ ซึ่งผูกติดอยู่กับมัน แต่กลายเป็นว่าเต่าเสวียนอู่อยู่ในสถานะที่เหนือกว่า!

ถ้าเต่าเสวียนอู่ตายไป จี้เทียนก็จะตกตายไปด้วย แต่ถ้าจี้เทียนตาย ก็ไม่มีผลกระทบกับเต่าเสวียนอู่แม้แต่น้อย จริงๆ แล้วถ้าจี้เทียนตาย เต่าเสวียนอู่ก็สามารถจะดูดซับพลังการฝึกตนของมันเข้าไป ทำให้มีพลังการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นมาได้

สิ่งที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นนั้น คือคำสาบานของจี้เทียน มันจะมีชีวิตอยู่หรือตายไปพร้อมกับขุนเขาทะเลที่เก้า!

เมิ่งฮ่าวตรวจสอบดูสถานการณ์เป็นเวลานาน ก่อนที่จะหันหน้ามองเข้าไปในแววตาจี้เทียน “ทำไมต้องทำเช่นนี้?”

จี้เทียนมองกลับไปยังเมิ่งฮ่าว และเริ่มกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ เป็นน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจในฐานะที่เป็นราชันแห่งขุนเขาทะเลที่เก้าเท่าที่จะมีได้

“เสาจู่กล่าวผิดแล้ว ถึงแม้ว่าเหล่าฟูและท่านจะเป็นศัตรูกัน แต่ก็มีสำนักและตระกูลในขุนเขาทะเลที่เก้าอยู่ไม่น้อยที่เทิดทูนเหล่าฟู พวกมันส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว มีอยู่น้อยมากที่นับถือ”

“แต่หลังจากที่กลายเป็นราชันขุนเขาทะเล เหล่าฟูก็ไม่เคยทำเรื่องอำมหิตโหดเหี้ยมใดๆ! ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำให้ขุนเขาทะเลที่เก้าเจริญรุ่งเรือง แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันตกต่ำลงไปด้วยเช่นกัน!”

“ยิ่งไปกว่านั้นก็มีผู้ถูกเลือกมากมายเกิดขึ้นในที่แห่งนี้ และเหล่าฟูก็ไม่เคยสังหารพวกมันไปแม้แต่คนเดียว นอกจากนั้นก็ไม่เคยจะสังหารหมู่ใดๆ อีกด้วย!”

“ถึงแม้ว่าตระกูลจี้จะทรงอิทธิพล ถึงแม้ว่าเหล่าฟูจะสร้างแท่นผนึกเซียนขึ้นมา แต่ก็ทำให้ผู้คนมากมายกลายเป็นเซียนเทียมอันเนื่องมาจากจี้เทียน สุดท้ายแล้วเหล่าฟูก็ไม่เคยทำอะไรที่จะไปทำร้ายขุนเขาทะเลที่เก้า แต่กลับทำให้ผู้คนมากมายมีความหวัง มีโอกาสที่จะบรรลุกลายเป็นเซียน”

“สำหรับตระกูลฟาง เหตุผลเดียวที่เหล่าฟูโจมตีไปยังพวกมัน ก็เนื่องมาจากความเป็นศัตรูกันระหว่างสองตระกูลเมื่อในอดีต”

“ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่ตอนแรกจนกระทั่งถึงตอนนี้ เมื่อท่านยังไม่ได้ก้าวเข้าไปในเต๋า เหล่าฟูก็ไม่เคยที่จะไปโจมตีท่าน…ยกเว้นตอนที่อยู่ในขุนเขาทะเลที่แปดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”

เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็กล่าวตอบด้วยเสียงราบเรียบ “คำอธิบายนี้ยังไม่เพียงพอ เจ้าต้องกล่าวให้ชัดเจนมากกว่านี้”

จี้ยินไม่อาจจะอดทนได้อีก รีบโพล่งขึ้นมาในทันที

“เมิ่งฮ่าว เจ้า…เจ้ามันมากเกินไปแล้ว สิ่งที่ท่านปรมาจารย์ทำกับเจ้าและบิดา ไม่ใช่ความปรารถนาที่แท้จริง แต่…”

“พอได้แล้ว” จี้เทียนกล่าว โบกมือให้จี้ยินหยุดพูด มองไปยังเมิ่งฮ่าว ดูเหมือนว่ามันได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว

“ซานไห่เสาจู่ ข้าจะอธิบายให้ชัดเจนขึ้น” ด้วยเช่นนั้นมันก็ลุกขึ้นมายืนและโบกสะบัดมือออกไป ทำให้รอยแตกปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า และร่างมันก็พุ่งผ่านเข้าไปในทันที

เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังจี้ยิน จากสิ่งที่นางเพิ่งจะกล่าวมา เขาเริ่มรู้แล้วว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้น จึงเดินตรงเข้าไปในรอยแตก จากนั้นก็ไปปรากฏกายขึ้นในสถานที่ขนาดเล็กแห่งหนึ่ง

รอบๆ บริเวณนั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก มันคือหลุมฝังศพ

“ซานไห่เสาจู่ คำอธิบายอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว” จี้เทียนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง

เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ สั่นสะท้านใจขึ้นมาในทันที ภายในหลุมฝังศพแห่งนี้มีโลงอยู่แปดใบ ไม่มีแม้แต่โลงเดียวที่จะมีกระดูกอยู่ มีแต่ผิวหนังที่กองอยู่เท่านั้น

ยังมีพลังแห่งกรรมที่แข็งแกร่งอยู่อีกด้วย ทำให้ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น เพียงชั่วขณะก็รับรู้ได้ถึงหน้าที่ของสถานที่แห่งนี้ ถึงแม้ไม่อาจจะรับรู้ได้ว่าเป็นเวทชนิดใดก็ตาม

“ร่างจำแลงยึดครอง เพื่อได้ร่างกายที่สมบูรณ์แบบ…การยึดครองทั้งแปดก็เหมือนกับแปดชีวิต และจากที่เห็นจี้ตงหยางก็คือชีวิตที่แปดของเจ้า มันต้องการยึดครองร่างข้า เพื่อที่จะกลายเป็นชีวิตที่เก้า!”

“ดังนั้นสิ่งที่เจ้าต้องการจะบอกข้าก็คือว่า วิชาเวทที่เจ้าใช้ออกมานั้น จริงๆ แล้วก็ย้อนกลับมาควบคุมตัวเจ้าเอง ’เจ้า’ ที่ข้าพบเจอมาจากก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ตัวเจ้าจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่จี้ตงหยางถูกกำจัดไป วิชาเวทนั้นก็สลายไป และเจ้าก็หลุดออกมาจากการถูกควบคุม?” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น มองไปยังจี้เทียนด้วยดวงตาที่สาดประกาย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!