Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1413

ตอนที่ 1413

ซากศพนี้ พวกเจ้าขายหรือไม่?

ในตอนที่ซากศพทั้งหมดกระจายออกมา ระลอกคลื่นอันน่าตกใจก็เริ่มแผ่ออกไปในทั่วทุกทิศทางจากซากศพที่ไม่ธรรมดานั้น ทำให้ใบหน้าของศิษย์ชางหมางพ่ายทั้งหนึ่งล้านคนเปลี่ยนเป็นซีดขาวขึ้นอย่างน่ากลัว และโลหิตก็พุ่งกระจายออกมาจากปาก พวกมันเริ่มถอยไปทางด้านหลังด้วยความตื่นตระหนกในทันที

เวลาเดียวกันนั้นพื้นฐานฝึกตนของพวกมันก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกมันไม่อาจจะควบคุมได้แม้แต่น้อย

สีหน้าของผู้แข็งแกร่งทรงพลังนับหมื่นเปลี่ยนไป และจิตใจก็หมุนคว้าง ราวกับว่าจู่ๆ ก็ต้องมาเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง ราวกับว่าทันใดนั้นเอง พวกมันก็ถูกห้อมล้อมด้วยภูเขาแห่งซากศพ และทะเลแห่งโลหิต มีเสียงกู่ร้องนับไม่ถ้วนกระจายออกมาจากด้านใน ไหลบ่าท่วมท้นพวกมันไปโดยสิ้นเชิง

เป็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจ จนทำให้ทุกสรรพสิ่งต้องสั่นสะเทือนไปมา

พลังที่ยากจะอธิบายกำลังพุ่งออกมาจากซากศพนั้น ม้วนกวาดออกไปยังคนทั้งหมด กลายเป็นแรงกดดันอันเข้มข้น ทำให้แม้แต่ภูเขาอันยิ่งใหญ่หนึ่งล้านลูกที่ด้านล่างก็ยังต้องสั่นสะท้าน พื้นดินสั่นไหวไปมาจนฝุ่นละอองลอยคละคลุ้งขึ้นไปในอากาศ และจากนั้นก็กระแทกกลับลงมาอีกครั้ง สะพานสายโซ่ที่เชื่อมต่อยอดเขาเข้าด้วยกัน กำลังกวัดแกว่งไปมา และศิษย์นับไม่ถ้วนต่างก็รู้สึกราวกับว่าจิตใจกำลังถูกฟาดด้วยสายฟ้า

พลังที่กระจายออกมาจากภูเขาทั้งหนึ่งล้านลูกก่อนหน้านี้ กำลังถูกบดขยี้ลงไปในตอนนี้ ราวกับมีหัตถ์ยักษ์ฟาดพวกมันให้แตกกระจายไปโดยสิ้นเชิง

คนทั้งหมดในบริเวณนั้นอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง มีแต่พี่น้องคู่นี้เท่านั้นที่ไม่รู้สึกถึงแรงกดดันใดๆ

แต่ก็สามารถจะมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และพี่สาวที่โง่เขลาก็หันหน้ามองไปยังซากศพนั้นด้วยใบหน้าที่ซีดขาวไร้สีเลือด เมื่อนึกขึ้นได้ว่านางเป็นคนเก็บซากศพนี้ขึ้นมาในตอนนั้น

“ข้า…ข้าเก็บซากศพอะไรมา…?” นางแอบพึมพำอยู่ภายในใจ มองไปยังศิษย์นับล้านที่กำลังกระอักโลหิตออกมา มองเห็นพื้นดินกำลังสั่นสะเทือน มองเห็นยอดเขากำลังสั่นสะท้าน มองเห็นผู้แข็งแกร่งทรงพลังนับหมื่นรู้สึกประหลาดใจ และมองเห็นแสงอันเจิดจ้ากำลังสาดประกายอยู่ในดวงตาของชายชราชุดสีม่วงทอง

สิ่งเดียวที่นางไม่ได้สังเกตเห็นก็คือ อ๋าวเฉี่ยนที่นางเก็บขึ้นมาพร้อมกับซากศพ ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว

เมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น เสียงหอบหายใจนับไม่ถ้วน เสียงแผดร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัวก็ได้ยินมา

“นั่น…นั่นคือ…”

“ซากศพผู้ยิ่งใหญ่! นั่นเป็นซากศพของผู้ยิ่งใหญ่! สวรรค์! ซากศพผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้!!”

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมระฆังไร้สิ้นสุดถึงได้ดังขึ้นมา ในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตมีผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้อยู่ไม่มากนัก แต่ตระกูลอวิ๋นสองคนนี้…กลับมีซากศพของผู้ยิ่งใหญ่เช่นนั้นอยู่ในถุงสมบัติของพวกมัน!”

“ซากศพนั่นคือของวิเศษอันล้ำค่า!” ในท่ามกลางเสียงพูดคุยทั้งหมด ชายชราชุดสีม่วงทองโบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไปในทันที ทำให้เครื่องหมายผนึกจำนวนมากปรากฏขึ้น และลอยลงไปบนซากศพของเมิ่งฮ่าว เมื่อผนึกเหล่านั้นตรึงแน่นอยู่บนร่าง ทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณนั้นก็ค่อยๆ กลับคืนเป็นปกติเหมือนเดิม แต่คนทั้งหมดก็ยังคงตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย

ชายชรามองไปยังซากศพเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็มองไปยังหญิงสาวเยาว์วัยที่เรียกตัวเองว่าอวิ๋นซาน ถามขึ้นว่า

“ซากศพนี้มาจากที่แห่งใด?”

“เก็บ…เก็บมา…” อวิ๋นซานสั่นสะท้าน กล่าวตะกุกตะกักตอบกลับไป

คำพูดของนางทำให้ดวงตาคนทั้งหมดต้องเบิกกว้างขึ้นจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ราวกับว่าสิ่งที่นางกำลังพูดอยู่นี้ช่างอุกอาจอย่างคาดไม่ถึง ในที่สุดสีหน้าแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้ฝึกตนที่อยู่ในบริเวณนั้น สำหรับชายชรา มันรู้สึกราวกับว่าสายฟ้าเพิ่งจะฟาดลงมาในจิตใจ หลังจากที่จ้องมองไปด้วยความตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ ก็ฝืนยิ้มออกมา

ถึงแม้มันจะรักษาความเยือกเย็นของก่อนหน้านี้ไว้ แต่จริงๆ แล้วจิตใจกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมาด้วยคลื่นแห่งความประหลาดใจ ในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตนี้มีผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้อยู่ไม่มากนัก แต่ละคนต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง คนธรรมดาทั่วไป…อาจจะโชคดีที่ได้เห็นบ้าง แต่นั่นก็เป็นตอนที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่ หลังจากที่ตายไปแล้ว…ก็เป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะพบเห็นขนหงส์หรือเขากิเลน แทนที่จะได้เห็นซากศพเช่นนี้

ผู้แข็งแกร่งเก้าแก่นแท้มีอายุขัยที่ยืนยาวจนแทบจะไม่มีวันสิ้นสุด พวกมันไม่เคยตายไปในช่วงของการเข้าฌาณ แต่พยายามจะอยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรพื้นฐานเต๋า ถ้าพวกมันทำไม่สำเร็จก็จะถูกทำลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ ซึ่งไม่มีทางที่จะทิ้งซากศพไว้เบื้องหลังเช่นนี้

ความเป็นไปได้อีกอย่างก็คือว่าพวกมันอาจจะถูกสังหารไปในช่วงของการต่อสู้ อย่างไรก็ตามเมื่อผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ต่อสู้ ก็ไม่น่าจะพ่ายแพ้ในขณะที่มีร่างกายสมบูรณ์ ส่วนใหญ่แล้วผลลัพธ์สุดท้ายก็คือซากศพจะถูกบดขยี้จนแหลกเละไป

เนื่องจากเช่นนั้นการได้พบเห็นซากศพที่ยังคงอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ของผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ จึงเป็นเรื่องที่ยากจะพบเห็นเป็นอย่างยิ่ง

ชายชราในชุดยาวสีม่วงทองใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ นึกย้อนทบทวนถึงสาเหตุและผลกระทบในที่แห่งนี้ตามลำดับ เห็นได้ชัดว่าพี่น้องคู่นี้พบเจอกับซากศพนี้ในช่วงการเดินทางของพวกมัน หลังจากที่มาถึงดาวชางหมาง ก็ไปดึงดูดความสนใจของค่ายกลเวท และทำให้ระฆังดังก้องขึ้น ข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ของมัน ที่คิดว่ามีใครบางคนกำลังแอบซ่อนตัวอยู่ภายในถุงสมบัติของหญิงสาวนางนี้ไม่ถูกต้อง

ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็สมเหตุสมผลแล้ว ยกเว้นอยู่เรื่องหนึ่ง คนที่ตายไปแล้วไม่น่าจะไปดึงดูดความสนใจของค่ายกลเวท และทำให้ระฆังไร้สิ้นสุดดังก้องขึ้นมาได้

“มันยังมีพลังชีวิตเหลืออยู่อีกเล็กน้อย มันต้องเคยต่อสู้อย่างโหดร้ายมาก่อน จากนั้นก็หลบหนีจากมาในช่วงวิกฤต ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนวิญญาณแทบจะกระจายหายไป มันน่าจะอยู่ในช่วงการฟื้นฟูซึ่งต้องใช้เวลานับพันปีเป็นอย่างน้อย” ประกายแสงแห่งความละโมบปรากฏขึ้นในแววตาของชายชรา มันยิ้มออกมา ยื่นมือออกไปคว้าจับซากศพ สำหรับพี่น้องคู่นี้มันไม่สนใจแม้แต่น้อย

แต่จากนั้นก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมา เมื่อสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างบนซากศพนั้น

“หือ, เส้นใยกรรม…ทำให้มีปัญหาอยู่บ้าง วิญญาณของมันแทบจะกระจายหายไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีการเชื่อมต่ออยู่กับพี่น้องคู่นี้ ความรู้สึกถึงบุญคุณบางอย่างทำการเชื่อมต่อพวกมันเข้าด้วยกัน”

ขณะที่ชายชรากำลังพิจารณาว่าควรจะทำอย่างไรดี คนทั้งหมดในกลุ่มฝูงชนต่างก็มองมาด้วยสายตาที่แปลกๆ ดูเหมือนว่าไม่มีใครให้ความสนใจพี่น้องคู่นี้แม้แต่น้อย

อวิ๋นซานกำลังสั่นสะท้าน ในตอนนี้นางรู้สึกหวาดกลัวและเต็มไปด้วยความเสียใจ คิดว่าไม่น่าจะเก็บซากศพนี้ขึ้นมา คิดว่าไม่น่าจะนำน้องชายมายังที่แห่งนี้ เพื่อหลอกลวงพวกมันให้จัดงานวิวาห์

อย่างไรก็ตามแม้ในขณะที่นางกำลังสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว น้องชายก็ถอนหายใจและกุมมือนางไว้ โดยปกติแล้วมือของมันจะอ่อนแอ แต่ในตอนนี้กลับมั่นคงแข็งแรง

นางมองไปยังน้องชายด้วยความตกตะลึง ขณะที่มันพยายามไม่สนใจความหวาดกลัว พยักหน้าให้กับนาง

ชั่วขณะต่อมา ชายชราในชุดยาวสีม่วงทองก็มองมายังคนทั้งสองด้วยดวงตาที่สาดประกายขึ้น ยิ้มออกมากล่าวว่า “ซากศพนี้ พวกเจ้าขายหรือไม่? เหล่าฟูต้องการซื้อ”

อวิ๋นซานอ้าปากค้างด้วยความตกใจยังคำร้องขอของชายชรา นางกำลังจะกล่าวตอบไป แต่น้องชายก็เดินออกไปหนึ่งก้าว ยืนอยู่ที่เบื้องหน้านาง ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับชายชรา

“ผู้เยาว์อวิ๋นฟง มายังชางหมางพ่ายในวันนี้ เพื่อขอวิวาห์กับชางหมางเซิ่งหนี่ว์ (สตรีศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุด) ซากศพนี้ไม่ได้มีไว้ขาย แต่เป็นของขวัญสำหรับพิธีหมั้น!”

อวิ๋นซางตกตะลึงอย่างถึงที่สุด คำพูดของน้องชายที่กล่าวออกมานี้ และท่าทางเช่นนั้น ดูเหมือนว่าจะแตกต่างไปจากบุคลิกส่วนตัวของมันโดยสิ้นเชิง

ชายชรามองไปยังอวิ๋นฟง ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความขบขันในคำพูดของมัน

“เมื่อเจ้ามีความกล้าหาญ ก็ดี เมื่อเข้าสังกัดชางหมางพ่าย เหล่าฟูจะให้เจ้าเป็นศิษย์สายในโดยตรง”

“สำหรับเรื่องวิวาห์ เหล่าฟูก็จะให้โอกาสเจ้าหนึ่งครั้ง ถ้าเจ้าบรรลุอาณาจักรเต๋าภายในเวลาสองพันปี เมื่อถึงเวลานั้นเหล่าฟูก็จะให้เจ้าวิวาห์กับชางหมางเซิ่งหนี่ว์ของรุ่นนี้!”

อวิ๋นฟงลังเล แต่เห็นได้ชัดว่าพี่สาวร่าเริงเป็นอย่างยิ่ง จุดประสงค์ของคนทั้งสองที่มายังชางหมางพ่ายก็เพื่อจะทำกำไรไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถ้าน้องชายของนางกลายเป็นศิษย์ชางหมางพ่าย ก็คงจะเป็นกำไรอันมหาศาลอย่างที่คาดไม่ถึง นางกำลังจะเดินออกไปและยอมรับ แต่น้องชายก็กล่าวว่า “แล้วเจี่ยเจียของข้า…?”

“พลังการฝึกตนของนางไม่เลวนัก แต่พื้นฐานของนางมั่นคงไปแล้ว ทำให้ยากที่จะฝึกฝนวิชาเวทของชางหมางพ่าย แต่ศิษย์สายในสามารถรับผู้ช่วยได้ ก็ให้นางเป็นหนึ่งในผู้ช่วยของเจ้า” เมื่อชายชราพูดจบ ก็สังเกตดูซากศพของเมิ่งฮ่าว และมองเห็นเส้นใยกรรมที่เชื่อมต่อกับพี่น้องคู่นี้คลายออกไป เป็นการบ่งบอกว่าหนี้ระหว่างคนทั้งสองได้รับการตอบแทนแล้ว ชายชราโบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป เก็บซากศพของเมิ่งฮ่าวไว้ พาเขาพุ่งห่างออกไปไกล

ผู้ฝึกตนที่เหลือต่างก็แยกย้ายกันจากไปเช่นเดียวกัน ภาพของสิ่งที่พวกมันเพิ่งจะเห็นนี้ ยังคงวนเวียนอยู่ในจิตใจ ในที่สุดศิษย์บางส่วนก็เข้ามาใกล้อวิ๋นซานและอวิ๋นฟง เพื่อเริ่มรับคนทั้งสองเข้าสังกัดชางหมางพ่ายอย่างเป็นทางการ ขณะที่คนทั้งหมดเดินไปด้วยกัน บุรุษหนุ่มก็มองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง แต่ในทางกลับกันอวิ๋นซานมีความสุขจนไม่อาจจะมากไปกว่านี้อีกแล้ว เท่าที่นางคิดคนทั้งสองได้ตกลงมาในเหมืองทองคำแล้ว

นางชำเลืองมองไปยังน้องชาย และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความภาคภูมิใจและมุ่งหวัง ในสายตานาง น้องชายเพิ่งจะเติบโตขึ้นมาเล็กน้อย จากวิธีการที่ชาญฉลาดและการตัดสินใจที่แน่วแน่ ซึ่งน้องชายเพิ่งจะพูดออกไป

มีแต่อวิ๋นฟงเท่านั้นที่รับรู้ได้ถึงความเป็นจริงทั้งหมด เมื่อครู่นี้เพิ่งจะมีเสียงพูดเข้ามาในหูของมัน และบอกให้ตนเองพูดตาม

“เสียงที่บอกข้าในสิ่งที่ต้องทำ ใครเป็นคนพูด…หรือว่าจะเป็น…ซากศพนั่น?!” มองเห็นความงุนงงอยู่ในแววตาของมัน ขณะที่ติดตามศิษย์ชางหมางพ่ายพุ่งห่างออกไปไกลด้วยความวิตกกังวล

เวลาเดียวกันนั้น บนหนึ่งในล้านภูเขาที่สร้างเป็นวิหารที่แปดขึ้นมา ชายชราในชุดยาวสีม่วงทองกำลังเดินทอดน่องไปตามเส้นทาง ไม่อาจจะปกปิดความยินดีในแววตาไว้ได้ ในที่สุดก็มาถึงส่วนลึกภายในหนึ่งล้านภูเขา ตรงเบื้องหน้าของประตูเคลื่อนย้ายทางไกล มันก้าวเข้าไปในประตูโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น จากนั้นแสงอันเจิดจ้าก็สาดประกายออกมา หลังจากนั้นชายชราก็หายตัวไป เมื่อปรากฏขึ้นอีกครั้งก็ไปอยู่ที่ชั้นใต้ดินของดาวชางหมาง ในแกนกลางของชางหมางพ่าย

ภายในดาวชางหมางมีท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของมันเอง มีทั้งดวงตะวันและจันทรา รวมทั้งดวงดาวอื่นๆ ดาวแต่ละดวงเหล่านั้นกระจายเป็นกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังออกมา เห็นได้ชัดว่าคนทั้งหมดกำลังนั่งเข้าฌานอยู่

ตรงตำแหน่งด้านในของแกนกลางดวงดาวมีทะเลแห่งเปลวไฟอยู่ด้วยเช่นกัน ที่ถูกฝังอยู่ภายในก็คือ…ดาวครึ่งดวง!!

ดาวครึ่งดวงนั้นแทบจะพังทลายและแตกกระจายไปโดยสิ้นเชิง กระจายเป็นความรู้สึกแห่งกาลเวลาและเน่าเปื่อยออกมา เจดีย์และวิหารจำนวนมากกระจายเต็มไปทั่ว ทำให้เกิดเป็นบรรยากาศที่เก่าแก่โบราณออกมา

ชายชราชุดสีม่วงทองเร่งความเร็วตรงไปยังทิศทางของทะเลแห่งเปลวไฟ และดาวครึ่งดวงที่อยู่ภายในนั้นอย่างฉับพลัน เมื่อใกล้เข้าไปเสียงของมันก็ดังก้องออกมา “สหายเต๋า ลองดูว่าเหล่าฟูนำอะไรมาให้ท่าน!”

พร้อมกับเสียงหัวเราะ มันโบกสะบัดมือ ส่งซากศพเมิ่งฮ่าวให้ลอยออกไปอยู่เหนือสิ่งปลูกสร้างที่ด้านล่าง

ในทันทีที่เกิดขึ้นเช่นนั้น เครื่องหมายผนึกที่ถูกวางไว้บนร่างเมิ่งฮ่าวก็หายไป ทำให้ความผันผวนอันน่าตกใจ ปะทุขึ้นมาและปกคลุมไปทั่วทั้งดาวครึ่งดวงนั้น

กลุ่มคนนับไม่ถ้วนที่ด้านล่างต่างก็ประหลาดใจ และกลิ่นอายเก้าแก่นแท้หกสายจู่ๆ ก็หมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว พร้อมกับหกคนที่ปรากฏตัวขึ้นมา

“ซากศพผู้ยิ่งใหญ่!! เหลาอู่ (อันดับห้า) ท่านไปได้มาจากที่ไหน?!”

“มันยังไม่ตายสนิท ยังคงมีเศษชิ้นส่วนของวิญญาณอยู่บ้าง…”

“ซากศพผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่น่าเสียดายถึงแม้ว่าซากศพนี้จะสมบูรณ์ แต่อวัยวะภายในของมันก็แห้งเหี่ยวไปหมดแล้ว!

“ถึงจะแห้งเหี่ยวก็ไม่เป็นไร! ด้วยทรัพยากรของชางหมางพ่าย พวกเราสามารถจะฟื้นฟูให้ซากศพนี้มีพลังขั้นสูงสุดในชั่วพริบตา! ด้วยซากศพนี้พวกเราสามารถจะมี

ตี้จิ่วจื้อจุน (ผู้ยิ่งใหญ่อันดับเก้า) ได้เร็วกว่าแผนที่วางไว้!!”

ชายชราในชุดสีม่วงทองหัวเราะขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ในตอนนี้เองที่กระแสแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่แม้แต่คนทั้งเจ็ดเหล่านี้ก็ยังรู้สึกว่าน่ากลัว จู่ๆ ก็ระเบิดออกมาจากดาวครึ่งดวงนี้ กระจายปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น ชายชราและผู้ยิ่งใหญ่อีกหกคนประสานมือและโค้งตัวลง ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

“ขอน้อมพบ ท่านเจ้าสำนัก!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!