Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1416

ตอนที่ 1416

ยินดีต้อนรับแสงสว่าง

รูปลักษณ์ภายนอกของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ เปล่งประกายระยิบระยับอย่างไร้ที่เปรียบ และขณะที่ลอยตัวอยู่เหนือกระถางยักษ์นั่น ประกายแสงที่คล้ายกับอัญมณีก็แผ่กระจายออกไป จนดูเหมือนว่าจะสามารถข่มประกายอัญมณีหรือสิ่งของอันล้ำค่าได้ทั้งหมด

ความผันผวนอันน่าตกใจพุ่งกระจายออกมาจากร่างไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้กระแสน้ำวนปรากฏมากขึ้นตรงด้านนอกของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต

ในตอนนี้ชายชราในชุดสีม่วงทองรวมทั้งผู้ยิ่งใหญ่อีกหกคนกำลังหอบหายใจออกมา จ้องมองไปยังสิ่งที่ดูดกลืนส่วนดีๆ ทั้งหมด รวมถึงวัตถุดิบอันล้ำค่านับไม่ถ้วนจากสำนัก หรือแม้แต่พลังการฝึกตนของพวกมันไปเกือบหนึ่งปีมานี้อย่างช่วยไม่ได้ สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมานี้คือ…ร่างกายที่สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน

ในตอนนี้เองที่ลึกลงไปยังพื้นดินด้านล่าง ชายชราที่อยู่บนกระดองเต่าในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมา ทะเลแห่งเปลวไฟเริ่มสงบลง มรดกบรรพบุรุษที่พลุ่งพล่านปั่นป่วนอยู่ภายในทะเลแห่งเปลวไฟในที่สุดก็หายไป

ชายชรามีท่าทางเหน็ดเหนื่อย แต่เมื่อส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป และมองเห็นเมิ่งฮ่าว ก็ต้องอ้าปากค้างและดวงตาก็เริ่มสาดประกายขึ้นมา

“ร่างเต๋า…ไร้สิ้นสุด!!” มันพึมพำด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ไม่ใช่มันเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ตกตะลึง ผู้ยิ่งใหญ่อีกเจ็ดคนต่างก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน ขณะที่รับรู้ได้ถึงร่างกายที่คล้ายกับของวิเศษของเมิ่งฮ่าว และเมื่อพวกมันทำการศึกษาความผันผวนที่กระจายออกมาจากร่างนั้น ก็เริ่มตระหนักว่าทั้งหมดนั้นต่างก็มีนัยยะอย่างรวดเร็ว

“ร่างเต๋าไร้สิ้นสุด!!”

เสียงหอบหายใจดังก้องออกมา พร้อมด้วยสีหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกอันซับซ้อน สายตาบางคู่ยังได้สาดประกายขึ้นมาด้วยความละโมบอีกด้วย

เมื่อคิดว่าผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้กำลังรู้สึกละโมบอยากได้ ก็พอจะมองเห็นได้อย่างง่ายดายว่าร่างเต๋าไร้สิ้นสุดยากที่จะพบเห็นมากแค่ไหน!

แน่นอนว่าร่างเต๋านี้จริงๆ แล้วก็ไม่ได้หมายถึงชนิดของกายเนื้ออย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นการจัดระดับทั่วไปมากกว่า!

กายเนื้อใดๆ ก็ตามที่มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพเพียงพอ หลังจากที่บรรลุถึงจุดหนึ่งแล้ว ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ซึ่งความว่างเปล่านั้นจะต้องสะกดข่มตัวเองไว้ เมื่อถึงเวลานั้นก็จะถูกเรียกว่าร่างเต๋าไร้สิ้นสุด

ดวงตาของเจ็ดผู้ยิ่งใหญ่กำลังสาดประกายขึ้นมา และพื้นดินรอบๆ ตัวพวกมันกำลังสั่นสะเทือน ชายชราที่อยู่บนกระดองเต่าส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปเพื่อก่อตัวเป็นร่างจำแลงร่างหนึ่ง ในทันทีที่ร่างมันปรากฏขึ้น ก็ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่อีกเจ็ดคนต้องสะกดข่มความรู้สึกของตนเองไว้ในทันที

ร่างจำแลงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อยู่ในชุดยาวสีขาว ดูเหมือนกับชายชราที่อยู่บนกระดองเต่า ยืนอยู่ที่นั่นกำลังศึกษาเมิ่งฮ่าวอยู่ในตอนนี้ ยกมือขวาขึ้นมาแตะไปบนหน้าผากของซากศพ ในตอนนี้เองที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขตได้ระเบิดเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว

ครั้งนี้มันใช้เวลาตรวจสอบเมิ่งฮ่าวมากกว่าครั้งที่แล้ว ครึ่งชั่วยามต่อมาก็ลดมือลง มันเพิ่งจะใช้พลังจากสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเท่าที่สามารถจะรวบรวมขึ้นมาได้ เพื่อตรวจสอบไปทั่วร่างของเมิ่งฮ่าวทั้งภายในและด้านนอก เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีร่องรอยของเศษวิญญาณหลงเหลืออยู่ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย หันหน้าไปมองยังผู้ยิ่งใหญ่อีกเจ็ดคน

“พวกเจ้าไม่ต้องการอยู่ในจุดสูงสุดหรืออย่างไร?!” มันถามขึ้นด้วยแววตาที่แข็งกร้าว เสียงนั้นไม่ได้ดังมากนัก แต่ประกอบไปด้วยแรงกดดันอันน่าตกใจ ซึ่งแผ่กระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่อื่นๆ ต้องตกอยู่ในความเงียบมากยิ่งขึ้น

“แม้แต่เหล่าฟูก็ยังอยากได้ร่างเต๋าไร้สิ้นสุดนี้เช่นเดียวกัน ถึงเหล่าฟูไม่อาจจะครอบครองมัน แต่อย่างน้อยก็สามารถจะเปลี่ยนให้กลายเป็นหุ่นเชิดที่มีประโยชน์อย่างสูงสุดได้”

“คาดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะไม่ต้องการอยู่ในจุดสูงสุดจริงๆ?!”

“ชางหมางพ่าย (สำนักไร้สิ้นสุด) ของพวกเราคือสาขาหนึ่งของชางหมางเต้า (เต๋าไร้สิ้นสุด) และเป้าหมายของพวกเราในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวนี้คืออะไร? พวกเจ้าลืมไปแล้ว?”

“ภายในสุสานของปรมาจารย์ชางหมางรุ่นแรก คือวิธีสำหรับการอยู่ในจุดสูงสุด นั่นคือภารกิจของชางหมางพ่าย!”

“หลังจากการค้นหามานานหลายปี ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกับความหวังแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำทั้งหมดก็คือให้สำนักใหญ่ตรงด้านนอกส่งเทียนเหยี่ยนจื้อจุน (ผู้ยิ่งใหญ่ดวงตาสวรรค์) ลงมายังพวกเรา คาดว่ามันน่าจะก้าวเข้าไปในระดับเก้าแก่นแท้เมื่อไม่นานมานี้ แต่มันมีดวงตาเต๋า ร่างเต๋าไร้สิ้นสุดนี้ถูกจัดเตรียมไว้ให้กับมันโดยเฉพาะ และมีความสำคัญต่อแผนการหลักทั้งหมด!”

“ถ้าพวกเราค้นพบความลับของจุดสูงสุดที่ด้านในสุสานท่านปรมาจารย์ พวกเราก็จะมีความหวังในการก้าวเข้าไปในจุดสูงสุดกันทั้งหมด สำนักใหญ่ของชางหมางเต้าที่ด้านนอก ไม่อาจจะเข้าไปได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าพวกเราอยู่ในจุดสูงสุด ก็จะสามารถออกไปจากดาวชางหมางได้ทุกเมื่อ และจะต้องมีตำแหน่งที่สูงส่งอยู่ในชางหมางเต้าอย่างแน่นอน!”

“เมื่อเทียบการอยู่ในจุดสูงสุดกับร่างเต๋าไร้สิ้นสุดนี้แล้ว เหล่าฟูคงไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าสิ่งใดสำคัญมากไปกว่ากัน!”

มันโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้ร่างเมิ่งฮ่าวลอยออกมาอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของดาวครึ่งดวง ซึ่งมี…แท่นบูชาที่ดูเก่าแก่โบราณอยู่เก้าแห่งลอยสูงขึ้นไปในท้องฟ้า

ซากศพเมิ่งฮ่าวไปนอนสงบนิ่งอยู่บนแท่นบูชาที่เก้า

“เตรียมตัวให้พร้อม! ติดต่อชางหมางเต้าตรงด้านนอก ภายในสามวัน พวกเราจะเตรียมการต้อนรับตี้จิ่วจื้อจุน!” ด้วยเช่นนั้นร่างจำแลงของชายชราก็หายไป ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบกริบ และชายชราในชุดสีม่วงทองก็สูดหายใจเข้าลึกๆ

“เจ้าสำนักพูดถูกแล้ว หลังจากการเตรียมตัวมานานหลายปี และเฝ้ารอคอยมาทั้งหมดเหล่านั้น เมื่อความหวังสำหรับการไปสู่จุดสูงสุดมาอยู่ที่เบื้องหน้าพวกเราแล้ว…ร่างเต๋าไร้สิ้นสุดก็ไม่คู่ควรให้ใส่ใจแม้แต่น้อย!” มันถอนหายใจ ประสานมือให้กับคนอื่นๆ จากนั้นก็เดินจากไป

คนอื่นๆ ยังคงนิ่งเงียบอยู่ชั่วขณะ แต่ในที่สุดก็ฝืนยิ้ม ส่ายหน้าไปมา สะกดข่มความละโมบที่มีต่อร่างเต๋าไร้สิ้นสุด และกลับไปยังเขตเข้าฌานตามลำพังของแต่ละคน เพื่อฟื้นฟูพลังการฝึกตนให้กลับมาอยู่ในจุดสูงสุดของตนเองภายในสามวันที่จะถึงนี้

ช่วงเวลาสามวันผ่านไปในชั่วพริบตา ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงด้านนอกของดาวชางหมางกลับคืนเป็นปกติเหมือนเดิม กระแสน้ำวนขนาดใหญ่จางหายไป และผู้ฝึกตนที่เดินทางไปมาก็กลับมาทำภารกิจตามปกติของพวกมัน แต่ลางบอกเหตุที่แปลกๆ ก็ยังคงฝังแน่นอยู่ในจิตใจของคนทั้งหมด สำหรับกลุ่มคนเหล่านั้น ไม่มีการตรวจสอบหรือสอบถามเพิ่มเติมถึงร่องรอยใดๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้

หลังจากสามวันผ่านไป ลำแสงแปดสายก็พุ่งผ่านอากาศของดาวครึ่งดวงตรงไปยังแท่นบูชาทั้งเก้า

ผู้ที่นำหน้าเป็นเจ้าสำนักชางหมางพ่าย โดยปกติแล้วมันมักจะใช้เวลาทำการสะกดข่มสิ่งที่อยู่ตรงด้านล่างของทะเลแห่งเปลวไฟไว้ แทบจะไม่ค่อยออกมา แต่ตอนนี้มันมาอยู่ที่นี่ด้วยร่างจริงของตนเอง ไปนั่งลงขัดสมาธิอยู่บนแท่นบูชาแรก

ปรมาจารย์อีกเจ็ดคน รวมทั้งชายชราในชุดสีม่วงทอง ไปนั่งอยู่บนแท่นบูชาที่แตกต่างกันออกไป จากนั้นก็ใช้สองมือขยับร่ายเวท พร้อมทั้งโคจรหมุนวนพื้นฐานฝึกตนของพวกมัน

เวลาเดียวกันนั้นศิษย์ของชางหมางพ่ายนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นบนดาวครึ่งดวง นั่งลงขัดสมาธิจัดเรียงตัวกันเป็นค่ายกลเวทขนาดใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นอุกกาบาตนับไม่ถ้วนตรงด้านนอกของดวงดาวเองก็เรียงตัวกันเป็นระเบียบเช่นเดียวกัน ทำให้เกิดเป็นประกายแสงพุ่งกระจายออกไป และแสงดาวก็ปกคลุมไปทั่วด้วยพลังอันเข้มข้นแห่งฟ้าดิน

มองเห็นศิษย์ชางหมางพ่ายอีกมากอยู่ตรงที่ไหนสักแห่งบนดาวชางหมาง กำลังนั่งขัดสมาธิตามคำสั่งของสำนัก กลิ่นอายของศิษย์ทั้งหมดค่อยๆ หลอมรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียวอย่างช้าๆ

ในวันนี้ผู้ฝึกตนทั้งหมดบนดาวชางหมาง ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของชางหมางพ่าย ถูกห้ามไม่ให้บินขึ้นไปในอากาศ ใครก็ตามที่ฝ่าฝืนจะต้องถูกสังหารไปในทันทีโดยที่ไม่ต้องสอบถามใดๆ

ในวันนี้ดาวชางหมางถูกผนึกไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านเข้าออกได้!

ในวันนี้ดาวชางหมางทั้งดวงส่งเสียงดังกระหึ่มเต็มไปด้วยพลัง กึกก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ยิ่งไปกว่านั้นลำแสงสายหนึ่งกำลังพุ่งออกมาจากภายในส่วนลึกของดาวชางหมาง มาจากกระดองเต่าที่อยู่ตรงด้านบนสุดของทะเลแห่งเปลวไฟซึ่งอยู่ในดาวครึ่งดวง!

จากตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา ชางหมางพ่ายมีประตูเคลื่อนย้ายทางไกลที่เชื่อมต่ออยู่กับด้านนอกของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ซึ่งอาจจะเป็นความจริงหรือเท็จก็ได้ สิ่งที่เป็นความจริงก็คือว่ามีค่ายกลเวทอยู่จริงๆ ส่วนที่เป็นเท็จก็คือว่า…มีแต่ผู้ฝึกตนที่อยู่ในจุดสูงสุดเท่านั้นถึงจะสามารถใช้ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลนั้นจากไปได้!

แต่การที่จะทำเช่นนั้นได้ ผู้ฝึกตนสูงสุดนั้นจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากค่ายกลเวทด้วยเช่นกัน

จุดประสงค์ที่แท้จริงของประตูเคลื่อนย้ายทางไกลนั้นก็คือ รับผู้คนมาจากด้านนอก เพื่อตรึงตำแหน่งของคนผู้นั้นไว้ เพื่อเคลื่อนย้ายวิญญาณมา!

การเชื่อมต่อระหว่างด้านในและด้านนอกของชางหมางพ่าย ทำให้ผู้แข็งแกร่งจากด้านนอกสามารถจะส่งกายวิญญาณเข้ามายังด้านใน เป็นเรื่องยากสำหรับกายเนื้อที่จะรอดอยู่ได้จากขั้นตอนนี้ มันจะถูกทำลายไปเพื่อรักษากายวิญญาณไว้ทั้งหมด และจะปลอดภัยขณะที่ผ่านเข้ามายังความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต

ค่าใช้จ่ายในการกระตุ้นให้ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลทำงานขึ้นมาช่างมากมายยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้นทั้งชางหมางพ่ายที่อยู่ด้านในและชางหมางเต้าที่อยู่ด้านนอก ต่างก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอันสูงลิ่วออกไป

เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วเช่นนั้น ทำให้ต้องมีการเตรียมตัวมาแต่ละยุคสมัย จริงๆ แล้ว ตลอดทั้งหลายปีที่ชางหมางพ่ายคงอยู่มา มันเคยถูกใช้ไปแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น

ในท่ามกลางเสียงกระหึ่มกึกก้อง แสงอันเจิดจ้าพุ่งทะยานขึ้นมาจากกระดองเต่าที่อยู่ในทะเลแห่งเปลวไฟ แทงทะลุผ่านพื้นดินมาปรากฏขึ้นที่ด้านนอกของดาวครึ่งดวง ในท่ามกลางแท่นบูชาทั้งเก้า แท่นบูชาดูดกลืนแสงนั้นเข้าไป และจากนั้นผู้คนทั้งแปดที่อยู่บนแท่นบูชาก็ปลดปล่อยพื้นฐานฝึกตนออกมา เพื่อเพิ่มพลังให้กับประตูเคลื่อนย้ายทางไกล

เมิ่งฮ่าวนอนอยู่บนแท่นบูชาที่เก้า จากภายในตะเกียงสัมฤทธิ์ วิญญาณของเขามองออกไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ด้วยสายตาที่เย็นชา รู้ดีว่านี่จะเป็นการทดสอบครั้งสุดท้าย ถ้าสามารถผ่านไปได้อย่างปลอดภัยแล้วละก็ นับจากวันนี้เป็นต้นไป เขาจะกลายเป็นตี้จิ่วจื้อจุน (ผู้ยิ่งใหญ่อันดับเก้า) แห่งชางหมางพ่าย

เขาไม่เพียงแต่จะมีตัวตนใหม่เท่านั้น ยังจะได้รับความคุ้มครองจากชางหมางพ่ายอีกด้วย ซึ่งจะเป็นจุดสำคัญมากที่สุดเท่าที่เขาคิด

“ข้าจะต้องกำจัดวิญญาณที่เข้ามา และเมื่อลืมตาขึ้น ข้าก็จะเป็นเมิ่งฮ่าว และ…ตี้จิ่วจื้อจุนแห่งชางหมางพ่ายด้วยเช่นกัน” เมิ่งฮ่าวทำการตรวจสอบตะเกียงสัมฤทธิ์ที่กำลังหลบซ่อนตัวอยู่และยิ้มออกมา ตะเกียงที่แข็งแกร่งและลี้ลับนี้คือเหตุผลหลักที่ทำให้ตนเองมีความเชื่อมั่นในเดิมพันครั้งนี้

“ข้าไม่มีความเป็นศัตรูกับพวกเจ้าอย่างลึกล้ำ คงต้องตำหนิพวกเจ้าเอง…ที่พยายามจะมายึดครองร่างกายของข้า!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบประกายขึ้น ขณะที่จมลงไปในตะเกียงสัมฤทธิ์มากขึ้นกว่าเดิม และเฝ้ารอคอย…การมาถึงของศัตรู

แท่นบูชาที่เก้าสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ซึ่งมารวมตัวกันจนกลายเป็นลำแสงพุ่งสูงขึ้นไปจากดาวครึ่งดวง และเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เวลาเดียวกันนั้นดาวครึ่งดวงก็เริ่มโคจรหมุนวนไปมา และอุกกาบาตที่ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวก็เริ่มกระจายเป็นแสงอันเจิดจ้าออกมา

เสียงสวดมนต์ท่องคัมภีร์นับไม่ถ้วนได้ยินมา กระจายออกไปทั่วทั้งดาวครึ่งดวง เวลาเดียวกันนั้น ลำแสงก็ปรากฏขึ้นเหนือดินแดนแห่งดาวชางหมาง

เสียงสวดมนต์ท่องคัมภีร์เกื้อหนุนลำแสงนั้น ทำให้พื้นดินแห่งดาวชางหมางสั่นสะเทือน และภูเขากำลังสั่นไหวไปมา ทะเลแห่งเปลวไฟเริ่มสงบนิ่ง ขณะที่แสงพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งดาวชางหมาง สูงมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่มีใครสามารถจะมองเห็นมันได้

ในตอนนี้เองที่คนทั้งหมดบนดาวชางหมางเริ่มสั่นสะท้าน สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนก้มศีรษะของตนเองลง แววตาของศิษย์ชางหมางพ่ายเพ่งแน่นิ่ง สำหรับผู้ฝึกตนอื่นๆ ทั้งหมด ต่างก็สะท้านใจไปโดยสิ้นเชิง

ตอนนี้คนทั้งหมดกำลังเฝ้ารอคอย!

วิญญาณของเมิ่งฮ่าวยังคงอยู่ภายในตะเกียงสัมฤทธิ์ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันคมกล้าลี้ลับ!

“ช่วงเวลาวิกฤตได้มาถึงแล้ว ถ้าทำได้สำเร็จ ข้าก็จะมีรากฐานที่มั่นคงอยู่ในชางหมางพ่าย และจะมีความหวังได้ล้างแค้น ถ้าล้มเหลว…”

“ข้าต้องไม่ล้มเหลว ถึงแม้ว่าเจ้าสำนักแห่งชางหมางพ่ายจะยังคงสงสัยเกี่ยวกับวิญญาณของข้า แต่ข้า…ก็จะไม่มีทางพลาด!” ดวงตาวิญญาณเมิ่งฮ่าว มองเห็นแสงสีแดงของอสูรอยู่ภายในนั้น!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!