Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1443

ตอนที่ 1443

เวทรุ่นเก้ายากจะสำเร็จ

เมื่อวันที่ห้าผ่านไป จินหยุนซานมีท่าทางไม่ยินดีแม้แต่น้อย จริงๆ แล้วก็ราวกับว่ามันกำลังถูกตบหน้าด้วยมือที่มองไม่เห็น

ไม่กี่ชั่วยามก่อนหน้านี้ มันมีความมั่นใจว่าเมิ่งฮ่าวจะอดทนได้ไม่เกินห้าวัน แต่ตอนนี้เมิ่งฮ่าวยังคงนั่งอยู่ที่นั่นด้วยความเยือกเย็น ไม่ได้สั่นสะท้านอีกต่อไป

ภาพที่เห็นนี้ทำให้สีหน้ามันบูดบึ้งเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคนอื่นๆ ทั้งหมดในที่แห่งนี้ ต่างก็มองเห็นสีหน้าแปลกๆ อยู่บนใบหน้าของพวกมัน

สำหรับกลุ่มคนที่รู้สึกสงสัยเมิ่งฮ่าว ในตอนนี้ความรู้สึกนั้นได้หยั่งรากฝังลึกอยู่ในจิตใจพวกมันแล้ว ต่อให้เมิ่งฮ่าวอดทนได้ถึงวันที่หก พวกมันก็ยังคงสงสัยอยู่ดี

จนกว่า…เขาจะสามารถสร้างเป็นความมหัศจรรย์ขึ้นมาได้ เป็นบางสิ่งที่น่าประหลาดใจโดยสิ้นเชิง ซึ่งจะช่วยขจัดความสงสัยเหล่านั้นออกไป ถ้าเมิ่งฮ่าวสามารถจะทำได้เช่นนั้น ศักดิ์ฐานะและความยิ่งใหญ่ของเขาก็จะบรรลุถึงระดับที่ยากจะคาดคิดได้

“หกวันคือขีดจำกัดของมัน!” จินหยุนซานแผดร้องออกมา ทำลายความเงียบของคนทั้งหมดที่กำลังเพ่งมองไปยังเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง

หนึ่งชั่วยาม (2 ชั่วโมง) ผ่านไป สองชั่วยาม สามชั่วยาม…ห้าชั่วยาม หกชั่วยาม ขณะที่ผ่านไปเจ็ดชั่วยาม ใบหน้าที่บูดบึ้งของจินหยุนซานก็ยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้น คนทั้งหมดมีสีหน้าแปลกๆ ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับแก่นแท้ที่เก้าของเขา ทำให้ผู้คนมากมายต้องสั่นสะท้านขึ้นมา

ในที่สุดก็ผ่านไปแปดชั่วยาม จากนั้นก็เก้าชั่วยาม ในที่สุด…สิบสองชั่วยามก็ผ่านไป เสียงหอบหายใจมากมายได้ยินมา

“วันที่เจ็ดแล้ว!!”

“สิ่งแปลกๆ กำลังเกิดขึ้นกับตี้จิ่วจื้อจุน เห็นได้ชัดว่ามันแทบจะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่จากนั้นก็สามารถจะอดทนได้ตลอดทั้งวัน!”

“ใช่แล้ว แต่เจ็ดวันน่าจะเป็นขีดจำกัดของมัน”

ขณะที่กลุ่มคนพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของจินหยุนซานก็ซีดขาวราวกระดาษ มันรู้สึกหดหู่ใจมากยิ่งขึ้น เคยพูดออกมาอย่างเปิดเผยว่าห้าวันคือขีดจำกัดของเมิ่งฮ่าว แต่เขาก็อดทนได้ถึงวันที่หก จากนั้นมันก็บอกว่าหกวันคือขีดจำกัด และเมิ่งฮ่าวก็อดทนได้ถึงวันที่เจ็ด

มันยังสังเกตเห็นว่าผู้คนกำลังลอบแอบมองดูตนเองอีกด้วย ทำให้มีโทสะพุ่งขึ้นมาในจิตใจ

“เจ็ดวัน! นี่ต้องเป็นขีดจำกัดของมันอย่างแน่นอน!” มันแผดร้องออกมาผ่านร่องฟัน

คนทั้งหมดดูเหมือนว่าจะเห็นด้วยกับมัน ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครพูดออกมาก็ตาม แต่ก็มีความเห็นสอดคล้องกันว่าเมิ่งฮ่าวจะอดทนได้มากที่สุดก็เจ็ดวันเท่านั้น

แม้แต่เจ้าสำนักก็ดูเหมือนว่าจะมีความเห็นเช่นเดียวกัน

สำหรับซาจิ่วตง มันหลับตาลง ไม่ยอมมองดูอีกต่อไป แต่ภายในใจกำลังครุ่นคิดว่าเมิ่งฮ่าว…มีแก่นแท้ที่เก้าอยู่จริงหรือไม่?

คนทั้งหมดเฝ้ารอคอยอย่างต่อเนื่อง ห้าชั่วยามผ่านไป จากนั้นก็แปดชั่วยาม ไม่นานนักก็ผ่านไปสิบสองชั่วยาม เมื่อมาถึงจุดนี้จินหยุนซานก็ไม่อาจจะนั่งนิ่งได้อีกต่อไป ลุกขึ้นมายืน และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ไม่ใช่มันเพียงคนเดียวเท่านั้น ซาจิ่วตงก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และเจ้าสำนักก็กำลังจ้องมองไป ผู้ฝึกตนขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้ทั้งสามมองไปด้วยจิตใจที่หมุนคว้างไปมา

ถ้าพวกมันมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงคนอื่นๆ แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจกันโดยสิ้นเชิง

“วันที่เจ็ดกำลังจะผ่านไปแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่ามัน…มันจะอดทนได้ถึงวันที่แปด!?”

“เป็นไปไม่ได้! เจ้าสำนัก รวมทั้งสหายเต๋าจินและซา อดทนได้เจ็ดวันเท่านั้น!”

กลุ่มคนยังคงพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ เมื่อชั่วยามที่สิบสองผ่านไป และ…วันที่แปดก็มาถึง!

ในตอนนี้จินหยุนซาน, เจ้าสำนัก, ซาจิ่วตงและคนทั้งหมดกำลังตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง แปดวันเป็นเวลาที่นานกว่าคนทั้งหมดในที่แห่งนี้ ที่สามารถจะอยู่บนแท่นบูชาได้

ถ้าเมิ่งฮ่าวมีการแสดงออกที่สงบนิ่งเยือกเย็นอยู่ตลอดเวลา ก็คงจะไม่น่าตกตะลึงเช่นนี้ แต่เขาก็แทบจะตื่นขึ้นมาในท่ามกลางขั้นตอนนี้ และสามารถจะดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น ทำให้คนทั้งหมดที่กำลังมองดูอยู่ รู้สึกราวกับว่าจิตใจกำลังตกอยู่ภายใต้การโจมตีที่น่าตื่นตระหนก

จินหยุนซานรู้สึกราวกับว่าเพิ่งจะถูกตบหน้าไปอีกครั้ง ดวงตามันเบิกกว้างขึ้นเมื่อวันที่แปดเริ่มผ่านไป

สามชั่วยาม หกชั่วยาม เก้าชั่วยาม…ในที่สุดอีกสิบสองชั่วยามก็ผ่านไป เมิ่งฮ่าวอดทนได้ถึงวันที่เก้าแล้ว!

“เป็นไปไม่ได้!!” จินหยุนซานร้องอุทานออกมา ดวงตาเจ้าสำนักเบิกกว้างขึ้นราวกับเป็นลูกหนัง และจินหยุนซานก็กำลังหอบหายใจออกมา กลุ่มผู้ชมทั้งหมดอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

เวลาเดียวกันนั้น ภายในร่างเมิ่งฮ่าว เครื่องหมายผนึกของเวทรุ่นเก้าก่อตัวขึ้นมาได้สมบูรณ์เก้าสิบเก้าในหนึ่งร้อยส่วนอีกครั้ง ปราณเซียนจำนวนมากกำลังไหลเข้าไปในส่วนต่างๆ ของร่างกาย กำลังเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องหมายผนึก ผลลัพธ์ก็คือความรู้สึกของเซียนกำลังมีความเข้มข้นมากขึ้นอยู่ภายในร่าง!

ยากที่จะจินตนาการได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเมิ่งฮ่าวทำได้สำเร็จ เมื่อเวทรุ่นเก้าเสร็จสิ้นสมบูรณ์ วิถีทางของเมิ่งฮ่าวก็จะพลิกกลับไปโดยสิ้นเชิง และเปลี่ยนอสูร…ให้กลายเป็นเซียน!

เมิ่งฮ่าวกำลังเพ่งสมาธิไปที่เรื่องนี้ ทำให้สามารถจะตรวจพบได้ว่า ขณะที่เวทผนึกบรรลุถึงระดับที่สมบูรณ์ พื้นฐานฝึกตนก็เริ่มเปลี่ยนไป กำลังย้อนกลับไปยังสิ่งที่เคยมีอยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเล สิ่งที่เมิ่งฮ่าวเคยฝึกฝนมาโดยตลอด…วิถีแห่งเซียน!

การสร้างเครื่องหมายผนึกกำลังกระทำอย่างเต็มกำลัง จากการเพ่งสมาธิของเมิ่งฮ่าวและพลังแห่งการรู้แจ้ง ทำให้มั่นใจว่าไม่ได้ทำความผิดพลาดใดๆ แม้แต่น้อย

กลิ่นอายของแก่นแท้ที่เก้าปรากฏขึ้นด้วยเช่นกัน กำลังหลอมรวมเข้ากับแปดเวทผนึกอื่นๆ ทำให้เมิ่งฮ่าวมีความเชื่อมั่นในวิจารณญาณของตนเองมากยิ่งขึ้น

โดยไม่ลังเลใดๆ เขากำลังพยายามทำในส่วนสุดท้ายที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นมาขณะที่เครื่องหมายผนึกของเวทรุ่นเก้า…พังทลายลงไปอีกครั้งอย่างคาดไม่ถึง!!

แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปาก พลังเดียวกันกับที่เคยระเบิดออกไปจากก่อนหน้านี้ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ยกเว้นว่ามีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

ตะเกียงสัมฤทธิ์แวบประกายไปมา และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว ถึงจะต้องใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุด แต่เมิ่งฮ่าวก็บังคับให้ตนเองยังคงอยู่ในขั้นตอนการค้นหาความรู้แจ้งต่อไป จิตใจรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกบดขยี้ด้วยสายฟ้า และมีโทสะขึ้นมา

“มีบางสิ่งหรือใครบางคน ไม่ต้องการให้ข้าสร้างเวทรุ่นเก้าได้อย่างสมบูรณ์!!”

ในช่วงเวลาครั้งที่สองที่เมิ่งฮ่าวพยายามจะสร้างเวทรุ่นเก้าให้เสร็จสิ้น เขาได้เฝ้าติดตามดูอย่างใกล้ชิด

และตอนนี้ก็มั่นใจแล้วว่าในช่วงเวลาที่เกือบจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ความผันผวนก็ปรากฏขึ้นอยู่ภายในร่าง ซึ่งยากที่จะตรวจพบได้ ถ้าไม่ทำการค้นหามันอย่างละเอียด

ความผันผวนเหล่านั้นได้ทำการขัดขวาง การปรากฏขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ของเวทรุ่นเก้า และทำให้เมิ่งฮ่าวต้องล้มเหลวเป็นครั้งที่สอง

ถึงแม้ว่าดวงตาเมิ่งฮ่าวจะยังคงหลับอยู่ แต่ก็กลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง กัดฟันแน่นและใช้พลังความรู้แจ้งจากแท่นบูชาอีกครั้ง โคจรหมุนวนพลังการฝึกตนอย่างเต็มกำลัง และแสงของตะเกียงสัมฤทธิ์ก็ส่งพลังให้ไหลเข้าไปในทุกส่วนของร่างกาย ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแท่นบูชาไปแล้ว

เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น เมื่อพลังความรู้แจ้งของแท่นบูชาระเบิดออกมา กระจายเต็มไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว กลิ่นอายแห่งการเข้าไปสู่เหนือสูงสุดเริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้น คล้ายกับเป็นสายลมอันปั่นป่วนที่พัดไปมาอยู่รอบๆ แท่นบูชา

เมิ่งฮ่าวพยายามอีกครั้งด้วยความรู้สึกไม่ยินดีที่จะล้มเหลวอีกต่อไป แต่สำหรับคนทั้งหมดแล้ว สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ช่างน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

กลุ่มฝูงชนที่อยู่ด้านนอกแท่นบูชามองเห็นกลิ่นอายแห่งการเข้าไปสู่เหนือสูงสุดเริ่มพุ่งขึ้นมาอยู่ภายในร่างเมิ่งฮ่าว และรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันเข้มข้นที่กระจายออกมานั้น

คนทั้งหมดเริ่มหลบเลี่ยงออกไป แม้แต่เจ้าสำนักก็เช่นกัน กลิ่นอายแห่งการเข้าไปสู่เหนือสูงสุด และสายลมอันปั่นป่วนวุ่นวาย คือสิ่งที่สามารถจะทำให้สรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน

เกิดเป็นสีสันแวบขึ้นไปในอากาศ สำหรับคนทั้งหมดที่กำลังมองดูอยู่ ก็ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเข้าไปสู่เหนือสูงสุด

ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้หนังศีรษะพวกมันต้องด้านชาขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก

“เป็นไปไม่ได้!!” จินหยุนซานพึมพำ ดวงตาเบิกโพลงขึ้น

ความตกตะลึงเต็มอยู่ในจิตใจ ขณะที่มันและคนอื่นๆ ทั้งหมดรอคอยต่อไปอีกหนึ่งวัน วันที่เก้าผ่านไปและวันที่สิบก็เริ่มต้นขึ้น จากนั้น…วันที่สิบเอ็ด และสิบสอง

“สิบสอง…สิบสองวัน?”

“หรือว่าตี้จิ่วจื้อจุนผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์? มีคนที่อดทนถึงสิบสองวันได้อย่างไรกัน?”

“มันมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ในระดับใดกันแน่? ผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้อดทนอยู่ได้แค่เจ็ดวันเท่านั้น แต่มัน…กลับอดทนได้ถึงสิบสองวัน!? และจากที่เห็นมันยังอดทนได้อีกต่อไป!!” คนทั้งหมดพูดคุยกันจนเป็นเสียงหึ่งๆ รู้สึกสั่นสะท้านต่อเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง

ถึงแม้ว่าพวกมันจะสั่นสะท้าน แต่ความรู้สึกสงสัยก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปแต่อย่างใด กลับรู้สึกสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม!

สิบสามวัน สิบสี่วัน สิบห้าวัน…

เมื่อถึงวันที่สิบหก เมิ่งฮ่าวก็ข้ามผ่านความคาดหวังทั้งหมดไป และสร้างความมหัศจรรย์ขึ้นมา!!

เขาได้กระทำในสิ่งที่ไม่มีใครจะสามารถทำได้มาก่อน เป็นสิ่งที่…น่ามหัศจรรย์อย่างแท้จริง!!

ความสงสัยใดๆ เกี่ยวกับเมิ่งฮ่าว ที่ใครบางคนเคยเก็บงำไว้ มลายหายไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่ตี้เอ้อร์จื้อจุน ที่เพิ่งจะก้าวเข้าไปในจุดสูงสุดของระดับเก้าแก่นแท้ ก็ยังต้องสั่นสะท้านด้วยเช่นกัน ความต้องการที่จะท้าทายเมิ่งฮ่าวให้มาต่อสู้ด้วยหายไปจนหมดสิ้นในตอนนี้

จินหยุนซานแทบไม่อยากจะเชื่อ หลังจากที่อดทนมาเป็นเวลาสิบหกวัน เมิ่งฮ่าวก็เริ่มกระจายเป็นกลิ่นอายของการเข้าไปสู่เหนือสูงสุดอย่างเข้มข้นออกมา โดยที่ไม่มีแก่นแท้ที่เก้า

“บัดซบ เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ก่อนหน้านี้ มันเจตนาที่จะปกปิดไว้อีกมากมาย!! มันใช้ข้าเป็นหินรองรับเท้า จงใจปล่อยข้าไป เพื่อรอให้ข้าไปหาเรื่องมันอีกครั้ง และมันก็จะมีเหตุผลในการสังหารข้า!!” เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้จินหยุนซานก็เริ่มสั่นสะท้าน ในที่สุดก็เริ่มทำจิตใจให้เยือกเย็นลง แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยความขมขื่น และต้องรำพึงถึงความชั่วร้ายของเมิ่งฮ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

สีหน้าของเจ้าสำนักเคร่งเครียดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันกำลังสั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง มากกว่าตอนที่เมิ่งฮ่าวต่อสู้กับจินหยุนซานซะอีก อันที่จริงมันกำลังคิดในเรื่องเดียวกันกับจินหยุนซาน

ไม่ใช่แค่คนทั้งสองเท่านั้น ซาจิ่วตงก็ได้ข้อสรุปเดียวกันนี้ด้วยเช่นกัน และความหวาดกลัวที่มีต่อเมิ่งฮ่าวก็บรรลุถึงระดับที่สูงมากขึ้นไปกว่าเดิม

เมิ่งฮ่าวไม่มีทางรู้ว่าคนทั้งหมดกำลังหวาดกลัวต่อการกระทำของตนเองมากแค่ไหน รู้แต่เพียงว่าความพยายามครั้งที่สามในการสร้างเวทรุ่นเก้าเกิดความล้มเหลวขึ้นอีกครั้งแล้ว

แต่ความล้มเหลวนั้นก็มีความเงียบสงบอย่างคาดไม่ถึง ครั้งนี้เขาไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การสร้างเวทรุ่นเก้าขึ้นมาจริงๆ แต่กลับมุ่งมั่นที่จะรู้ให้ได้ว่า…ใครกำลังพยายามมาขัดขวางตนเอง!

ในตอนที่เวทรุ่นเก้าพังทลายลงไป เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นบูชา และแรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็ลืมตาขึ้นมา และกลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง มองขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะและความบ้าคลั่งขณะที่กล่าวว่า

“ที่แท้ก็คือ เจ้านั่นเอง!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!