ตอนที่ 1446
กลิ่นอายของกระจกทองแดง
ที่น่าประหลาดมากที่สุดในทั้งหมดนั้นก็คือว่า เมิ่งฮ่าวมองเห็น…กลุ่มคนนับไม่ถ้วน!!
พวกมันคือกลุ่มผู้ฝึกตนจำนวนมากจนน่าตกใจ รวมทั้งบุรุษและสตรี ชราและเยาว์วัย เห็นได้ชัดว่านี่เป็นแค่วันธรรมดาของกลุ่มคนเหล่านี้เท่านั้น ขณะที่พวกมันกำลังดำเนินชีวิตประจำวันของตนเองไปมา
เสียงเคาะระฆังดังก้องขึ้นมา รวมถึงเสียงพูดคุยต่างๆ กลุ่มคนไปรับฟังคำเทศนาเต๋าบนยอดเขาของแต่ละสำนัก
สถานที่แห่งนี้…ไม่มีมนุษย์ธรรมดา ทั่วทั้งดินแดนอันกว้างใหญ่เต็มไปด้วยผู้ฝึกตน คนทั้งหมดในที่แห่งนี้ทำการฝึกฝนตนเอง ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดก็ตามที
กลุ่มคนเหล่านี้ดูอบอุ่นและร่าเริง ไร้ความโหดเหี้ยมชั่วร้ายแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าคนทั้งหมดกำลังยิ้มและหัวเราะกันอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าอาจจะมีการต่อสู้หรือใช้เล่ห์เหลี่ยมกันบ้าง แต่ก็เป็นแค่ความไม่พอใจหรือขัดแย้งกันทั่วไปเท่านั้น ความรู้สึกโดยรวมทั้งหมดของสถานที่แห่งนี้ก็คือสูงส่งเลิศเลอเต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง
ยังมีปราณเซียนอันแข็งแกร่งและอุดมสมบูรณ์อีกด้วย เมิ่งฮ่าวยังมองเห็นตรงสถานที่แห่งหนึ่งถูกสงวนไว้สำหรับ…เก็บของวิเศษอันล้ำค่าอีกด้วย
เซียนนับไม่ถ้วนบินไปมาอยู่ในท้องฟ้า และเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขก็เต็มอยู่ในอากาศ ในช่วงหนึ่งนกกระเรียนเซียนได้บินผ่านเมิ่งฮ่าวไป และคาดไม่ถึงว่า…มันจะหันหน้ามามองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
การมองมาแค่แวบเดียวนั้นทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องหมุนคว้างไปมา
“นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา สิ่งที่ข้ากำลังเห็น…ไม่ใช่ภาพหลอน แต่เป็น…ของจริง? ข้ากำลังเดินทางย้อนกลับไปยังสมัยโบราณของดินแดนแห่งนี้จริงๆ?”
แม้ในขณะที่เมิ่งฮ่าวกำลังหมุนคว้างด้วยความตกตะลึง ผู้ฝึกตนอื่นๆ กำลังมองออกไปยังรอบๆ บริเวณนั้น ด้วยความประหลาดใจเช่นเดียวกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวคนทั้งหมดดูงดงามและน่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง แต่เมิ่งฮ่าวก็สามารถจะรู้สึกได้ว่าภายในความงดงามเหล่านี้ ยังมีอันตรายอันน่ากลัวแอบซ่อนอยู่มากมาย!
ถึงแม้เมิ่งฮ่าวจะไม่มั่นใจว่าอันตรายนั้นคืออะไรกันแน่ แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะมาครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ สูดหายใจเข้าลึกๆ และพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม บินผ่านผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ไป
คนทั้งหมดกำลังทุ่มพลังการฝึกตนออกมาจนสุดตัว พยายามจะเร่งความเร็วให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากที่บินตรงไปโดยไม่รู้ว่าได้ผ่านไปนานเท่าใดแล้ว ในที่สุดอาคารบ้านเรือนที่อยู่รอบๆ ตัวก็ฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ ภูเขาแม่น้ำและกลิ่นอายทั้งหมดของดินแดนแห่งนี้กลับไปอยู่ในยุคสมัยโบราณ คนทั้งหมดปรากฏขึ้นและมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวและกลุ่มคนที่เหลือไปอยู่ตรงเขตชายแดนของดินแดนอันกว้างใหญ่ และเข้าไปใกล้สะพานแล้ว
ก่อนหน้านี้สะพานนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากชิ้นเนื้อและโลหิต แต่ตอนนี้มันกระจายกลิ่นอายของปราณเซียนออกมา ทำให้ดูเหมือนกับเป็นสะพานเซียน มีกลุ่มคนอยู่บนนั้น กำลังพูดคุยและหัวเราะออกมา เมื่อคนเหล่านั้นสังเกตเห็นเมิ่งฮ่าวและกลุ่มคนที่เหลือ พวกมันก็หยุดชะงักนิ่งและมองขึ้นมา
หนึ่งในคนเหล่านั้นเป็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง เมื่อพูดขึ้นมาเสียงของมันก็ดังก้องชัดเจนและเต็มไปด้วยสง่าราศรี “สหายเต๋าทั้งหลาย ทำไมถึงได้ตื่นตระหนกเช่นนี้?”
คำพูดของมันทำให้สีหน้าเมิ่งฮ่าวต้องบึ้งตึงขึ้นมา ม่านตาจินหยุนซานหดเล็กลง ซาจิ่วตงและเจ้าสำนักมองไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป คนทั้งหมดต่างก็อ้าปากค้างไปตามๆ กัน
ถึงแม้ว่าทุกคนจะตระหนักดีว่าดินแดนแห่งนี้ได้ย้อนกลับไปยังสมัยโบราณ และถึงแม้จะเห็นว่ามีกลุ่มคนมองเห็นตนเองพุ่งผ่านไป แต่ก็ยังคงหวังว่าอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น…
แต่ตอนนี้ ด้วยการมีผู้คนมาพูดคุยกับตนเองจริงๆ คนทั้งหมดก็ตระหนักว่ากำลังย้อนกลับไปยังยุคสมัยโบราณอย่างแท้จริง
“สมัยโบราณ…สมัยโบราณ…” ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ยังทุกสิ่งทุกอย่าง ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับตนเอง เขายังจำได้ถึงภาพที่เคยเห็นมาเมื่อเร็วๆ นี้ และเริ่มหอบหายใจออกมาในทันที จากนั้นนก็มองขึ้นไปในท้องฟ้า และสีหน้าก็สลดลง
“ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้! ทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ มิเช่นนั้น…พวกเราต้องเผชิญหน้ากับหายนะอันร้ายแรง!!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นเป็นเสียงดัง ในขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก ก็โบกสะบัดมือออกไป ทำการดูดผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองให้เข้ามาอยู่ในถุงสมบัติ
ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองไม่เคยเห็นเมิ่งฮ่าวมีปฏิกิริยาเช่นนี้มาก่อน
ดังนั้นจึงไม่ได้ปฏิเสธ หลังจากที่พวกนางปล่อยให้เมิ่งฮ่าวนำไปวางไว้ในถุงสมบัติ เขาก็กัดปลายลิ้นเล็กน้อย พ่นโลหิตออกมาเพื่อปลดปล่อยเวทหลบหนีที่ได้รับมาจากมรดกของสุ่ยตงหลิว ทำให้มีความรวดเร็วเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ไปยืนอยู่บนสะพานในทันที เกิดเป็นสายลมขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมาขณะที่เขาพุ่งผ่านไป
คนทั้งหมดจากชางหมางพ่ายรู้สึกตกตะลึง คำพูดของเมิ่งฮ่าวทำให้จิตใจพวกมันเริ่มเต้นรัว ไม่จำเป็นต้องสงสัยว่าเขากำลังหลอกลวงอยู่หรือไม่ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่รอบๆ ตัวในตอนนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นพวกมันก็เริ่มปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมา เพื่อที่จะพุ่งตรงไปยังสะพานอย่างเต็มกำลัง
บุรุษหนุ่มที่อยู่บนสะพานขมวดคิ้ว จากนั้นก็แค่นเสียงเย็นชา ยกสองมือขึ้นมา และกำลังจะเตรียมตัวขัดขวาง แต่ทันใดนั้นเองเสียงที่คล้ายกับเสียงฟ้าร้องคำรามก็ดังก้องอยู่ในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่ด้านบน
เสียงฟ้าร้องคำรามนั้นทำให้จิตใจของผู้ฝึกตนทั้งหมดต้องหมุนคว้างไปมาในทันที และร่างกายก็สั่นสะท้านขึ้นมาโดยไม่รู้สึกตัว แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็เป็นเช่นเดียวกัน สีหน้าสลดลงขณะที่ความสงสัยทั้งหมดของตนเองถูกม้วนกวาดออกไป ตอนนี้เขามั่นใจว่านี่คือวันที่…ตนเองเคยเห็นในภาพวาด เมื่อดรรชนีของหลัวเทียนทำลายโลกแห่งนี้!
ชั่วขณะก่อนหน้านี้ เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ถึงความผันผวนที่กระจายออกมาจากดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งที่เก้า ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่ามีใครบางคนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับทัณฑ์บางอย่าง!!
ทันใดนั้นสีสันก็แวบขึ้นไปในท้องฟ้า และเสียงฟ้าร้องคำรามก็ระเบิดออกไป สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนอย่างรุนแรง และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกแห่งนี้ก็มองขึ้นไป บุรุษหนุ่มบนสะพานไม่สนใจเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ มองขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยความตกตะลึง
เมิ่งฮ่าวแวบผ่านบุรุษหนุ่มผู้นั้นไปราวกับเป็นสายฟ้า และในขณะที่เขาบรรลุถึงจุดสิ้นสุดของสะพาน ความเย็นชาราวน้ำแข็งก็เริ่มตกลงมา
โดยที่ไม่ต้องขบคิดใดๆ เมิ่งฮ่าวมองกลับไปและเห็น…ดินแดนอันกว้างใหญ่ทั้งหมดกำลังสั่นไหวไปมา ภูเขาสั่นสะเทือนแม่น้ำพลุ่งพล่านปั่นป่วน เมื่อดรรชนียักษ์เริ่มตกลงมาจากด้านบน!!
ดรรชนีนั้นมีขนาดใหญ่เป็นอย่างยิ่ง จนเต็มไปทั่วทั้งท้องฟ้า และขณะที่สิ่งมีชีวิตของโลกแห่งนี้มองขึ้นไป ใบหน้าพวกมันก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง
สำหรับเมิ่งฮ่าว แค่มองขึ้นไปยังดรรชนีนั้นก็ทำให้แรงกดดันอันมหาศาลต้องบดขยี้ลงมาบนร่าง จนทำให้ศีรษะรู้สึกเจ็บปวดราวถูกแทง และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปาก
“ระดับพลังนี้เกินกว่าที่ข้ารู้สึกได้ในตอนที่เผชิญหน้ากับหลัวเทียนก่อนหน้านี้ จากสิ่งที่ข้ามองเห็นในภาพวาดนั้น ช่วงเวลานี้คือตอนที่หลัวเทียน…อยู่ในจุดสูงสุดของพลัง!!”
เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง
และผลักดันให้ตนเองพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เวลาเดียวกันนั้นก็พุ่งออกไปจากสะพาน เจ้าสำนัก ตามมาด้วยจินหยุนซาน, ตี้เอ้อร์จื้อจุน, ซาจิ่วตง และคนทั้งหมดพุ่งติดตามมา
ไม่มีใครมีเวลาพูดจาออกมา คนทั้งหมดใช้ความรวดเร็วเท่าที่จะสามารถรวบรวมได้ออกมา เพื่อพุ่งผ่านสะพานตรงไปยังปากทางออกของเขตสุสาน
จินหยุนซานแทบจะกลายเป็นดวงตะวันสีทองในทันที มองเห็นภาพซ้อนทับกำลังยืดยาวออกไปตรงด้านหลังมัน ขณะที่มีความรวดเร็วเพิ่มขึ้นมาเป็นหลายเท่าตัว สำหรับซาจิ่วตง ร่างกายมันหดเล็กลงไป กลายเป็นกระแสทรายที่หลอมรวมเข้ากับสายลม และพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด
เจ้าสำนักสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เดินตรงไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ถึงแม้จะดูเหมือนว่าจะเดินไปแค่ไม่กี่จ้างเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วก็พุ่งทะยานไปได้ไกลถึงหนึ่งหมื่นจ้าง! ราวกับว่ามันกำลังเปลี่ยนพื้นดินบริเวณนั้นให้กลายเป็นความว่างเปล่าที่ยืดยาวออกไป
คนทั้งหมดใช้วิธีการที่แตกต่างกันออกไป เพื่อพุ่งผ่านโลกแห่งนี้ตรงไปยังปากทางออก ในตอนนี้เองที่ด้านหลังคนทั้งหมด ดรรชนีสวรรค์ซึ่งเต็มอยู่ในท้องฟ้าก็เริ่มตกลงมาบนดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งแรกนี้
ดรรชนีนั้นเหมือนกับเป็นโลกนี้เอง เคลื่อนที่ลงมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ จนทำให้เกิดเป็นประกายไฟปะทุขึ้นมา ทะเลแห่งเปลวไฟพุ่งกระจายออกไปจากปลายนิ้ว และขณะที่เกิดขึ้นเช่นนี้ เสียงร้องตวาดก็ดังขึ้นมาจากที่ห่างไกลออกไป
“หลัวเทียน!!” เสียงนั้นร้องตะโกนขึ้นมา เต็มไปด้วยโทสะและความเจ็บปวด แม้ในขณะที่ดังก้องออกมานั้น ดรรชนี…ก็สัมผัสโดนพื้นดิน!
พื้นดินแตกกระจายไป สำนักนับไม่ถ้วนถูกบดขยี้ และภูเขาจำนวนมากก็พังทลายลงไป เมืองและรูปปั้นทั้งหมดล่มสลาย แม่น้ำและต้นไม้ใบหญ้าถูกทำลายไป…
กลุ่มคนทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนดินแดนแห่งนี้ถูกสังหารไปในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ไม่อาจจะดิ้นรนหรือต่อสู้กลับไปได้ ร่างกายพวกมัน…กลายเป็นเถ้าธุลีในทันที
ผู้ฝึกตนคนแล้วคนเล่าถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่านไป และในชั่วพริบตาทั่วทั้งดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งแรก…ก็กลายเป็นดินแดนแห่งความตาย เซียน, สิ่งของอันล้ำค่า, ทุกสิ่งทุกอย่างหายไปจนหมดสิ้น
กลุ่มคนที่อยู่บนสะพาน รวมทั้งบุรุษหนุ่มผู้นั้นต่างก็ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ เลือดเนื้อของพวกมันพุ่งกระจายออกไป เปลี่ยนสะพานให้กลายเป็นสีแดงที่เต็มไปด้วยชิ้นเนื้อ…
ราวกับว่าระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นกำลังระเบิดออกไป ทำลายทุกสรรพสิ่งที่มันสัมผัสไปโดนโดยสิ้นเชิง…
ระลอกคลื่นนั้นพุ่งผ่านไปยังเขตชายแดนของดินแดนอันกว้างใหญ่อย่างต่อเนื่อง กระจายออกไปยังเมืองต่างๆ ที่ลอยอยู่ตรงด้านนอก เมืองทั้งหมดกลายเป็นเศษซากปรักหักพัง และคนทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในเมืองเหล่านั้นต่างก็ถูกสังหารไป
เมิ่งฮ่าวและผู้ฝึกตนอื่นๆ จากชางหมางพ่ายกำลังหลบหนีเอาชีวิตรอดกันทั้งหมด!
ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ผู้หนึ่งเชื่องช้าเล็กน้อย และจมอยู่ในระลอกคลื่นนั้น มันเริ่มสั่นสะท้านและจากนั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลีไป เมื่อกลุ่มคนที่เหลือมองเห็นเช่นนี้ จิตใจก็หมุนคว้าง มองกลับไปยังระลอกคลื่นที่กำลังใกล้เข้ามา คนทั้งหมดทุ่มพลังการฝึกตนออกมามากขึ้น และยังได้ระเบิดอาวุธเวทเพื่อให้มีความรวดเร็วเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่งขณะที่พุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วมากที่สุดของคนทั้งหมด ขณะที่เข้าไปใกล้ปากทางออก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแผดร้องอีกเสียงดังก้องออกมาจากหนึ่งในดินแดนอันกว้างใหญ่ที่อยู่ห่างไกลออกไป
“หลัวเทียน!!” เป็นเสียงเดียวกันกับที่เคยร้องตะโกนขึ้นมาก่อนหน้านี้ แต่น้ำเสียงกลับแตกต่างกันออกไปในครั้งนี้ ประกอบไปด้วยความเสียใจ, ความบ้าคลั่ง และความเป็นศัตรูอย่างไร้ขอบเขต ทันใดนั้นโลกแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยความหนาวเย็นอันน่ากลัว
โลกแห่งนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างไม่มีวันสิ้นสุด!
เมิ่งฮ่าวไม่ได้มองกลับไป ยังคงมุ่งหน้าตรงไปอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นเงาร่างอันเลือนลางขณะที่ก้าวเข้าไปยังปากทางออก แม้ในขณะที่กำลังจะออกไปจากเขตสุสาน ทันใดนั้น…ก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนที่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่าง และหยุดชะงักนิ่ง ค่อยๆ หันหน้าเพื่อมองกลับไปยังด้านหลังอย่างช้าๆ
เมื่อเป็นเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็มองเห็นประกายแสงอันเจิดจ้าพุ่งออกมาจากดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งที่เก้า ตรงมายังดรรชนีขนาดใหญ่นี้ ภายในลำแสงนั้นก็คือ…กระจกทองแดงบานหนึ่ง!!
ภายในกระจกคือเงาร่างอันโดดเดี่ยวที่มีท่าทางเย็นชา เป็นนกแก้วหลากสีที่ดวงตาสาดประกายขึ้นราวกับเป็นสายฟ้า ช่างเป็นภาพอันยิ่งใหญ่เมื่อนกแก้วกระแทกศีรษะลงไปยังดรรชนีของหลัวเทียน!
“กระจกทองแดง…” เมิ่งฮ่าวคิดด้วยจิตใจที่หมุนคว้าง ภายใต้สถานการณ์ที่คาดไม่ถึง…เขากลับมองเห็นกระจกทองแดงอยู่ในสถานที่แห่งนี้!