ตอนที่ 1471
จินหยุนซานผู้เที่ยงธรรม
แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวกำลังยื่นมือออกไปเพื่อคว้าจับเศษชิ้นส่วนของกระจก เสียงกระหึ่มก็ได้ยินออกมาตรงด้านนอกของทะเลทราย ขณะที่ไป๋อู้เฉิน, ซาจิ่วตง, เจ้าสำนัก และจินหยุนซาน สี่ราชันผู้ยิ่งใหญ่แห่งดาวชางหมาง โจมตีมาโดยพร้อมเพรียงกัน!
การรวมพลังกันโจมตีมาของพวกมันทำให้เกิดเป็นแรงกดดันส่งเสียงดังกระหึ่มอย่างรุนแรง นี่ไม่ใช่พลังการโจมตีของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการโจมตีที่รวมพลังกันของหลายคน ลมพายุอันบ้าคลั่งพุ่งขึ้นมา ถึงแม้ไม่อาจจะกล่าวได้ว่าอยู่ในขั้นเหนือสูงสุดแต่ก็ใกล้เคียงเป็นอย่างยิ่ง!
พลังที่กรีดเฉือนลงมานั้นดูเหมือนว่าไม่อาจจะทำให้ทะเลแห่งภูตผีทั้งหมดต้องสั่นสะท้านได้ แต่ก็แหลมคมจนสามารถจะตัดเฉือนพวกมันให้ขาดออกจากกันได้
เมิ่งฮ่าวไม่สนใจเสียงกระหึ่มเหล่านั้น และค่อยๆ รวบมือเข้ามาอย่างช้าๆ เศษชิ้นส่วนกระจกลอยตรงมา เวลาเดียวกันนั้นก็หดตัวเล็กลงไปด้วยเช่นกัน จนกระทั่งมีขนาดเท่ากับนิ้วชี้
ดูเหมือนกับเป็นเศษกระจกธรรมดาทั่วไป ไม่มีอะไรที่ดูพิเศษแม้แต่น้อย แต่ก็พอจะรับรู้ได้ว่าของสิ่งนี้ล้ำค่ากว่าของวิเศษใดๆ มันมีร่องรอยของกลิ่นอายเหนือสูงสุดอยู่อย่างเลือนลาง
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวแตะสัมผัสโดนมัน ก็รู้สึกได้ถึงสิ่งที่เห็นได้ชัดว่าเป็นระลอกคลื่นแห่งพลังผนึกที่อยู่บนเศษกระจกนี้อย่างเลือนลาง ทำให้ต้องยิ้มออกมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เศษชิ้นส่วนของกระจกนี้ถูกใช้มาแล้วหลายครั้ง และใครก็ตามที่ได้มันมาครอบครอง ก็จะต้องทำการค้นคว้าเพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับพวกมันอย่างลึกซึ้ง แต่ก็ยกเว้นเมิ่งฮ่าว สำหรับเขาแล้วการค้นคว้าเหล่านั้นต่างก็เป็นความผิดพลาดโดยสิ้นเชิง!
เมิ่งฮ่าวสามารถใช้เศษชิ้นส่วนกระจกนี้เพื่อจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นส่วนหนึ่งของกระจกทองแดง และกระจกทองแดง…ก็จดจำเมิ่งฮ่าวได้ในฐานะที่เป็นเจ้านายของมัน!
ถึงแม้ว่าเขาจะสูญเสียกระจกทองแดงไป และนกแก้วก็ลบล้างความทรงจำของมันไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงที่สำคัญอย่างหนึ่ง…เมิ่งฮ่าวคือเจ้านายของกระจกทองแดงตลอดช่วงเวลาในยุคนี้!
แม้แต่สวรรค์และปฐพีก็ยังไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้
เมิ่งฮ่าวมองลงไปยังเศษชิ้นส่วนของกระจก รวบรวมสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าด้วยกัน และจากนั้นก็ขยับมือร่ายเวทด้วยมือซ้าย กดลงไปบนเศษชิ้นส่วนกระจก
เมื่อทำเช่นนั้น เขาก็บังคับให้หยดโลหิตไหลออกมาจากปลายนิ้ว เมื่อหยดโลหิตนี้หลอมรวมเข้าไปในเศษชิ้นส่วนกระจก จิตใจก็สั่นสะท้านขึ้นมา รู้สึกราวกับว่าจิตสำนึกของตนเองไปอยู่ที่ด้านในของเศษชิ้นส่วนกระจก ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังสั่นสะท้านอยู่รอบๆ ตัว แต่ในตอนนี้เองที่จู่ๆ เขาก็ตระหนักว่ามีความผันผวนที่สามารถจะรับรู้ได้ อยู่ตรงด้านนอกที่ไหนสักแห่งของเขตสุสาน
เป็นความผันผวนที่เลือนรางเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มีอยู่ในที่แห่งนั้น เมิ่งฮ่าวพยายามจะร้องเรียกออกไป แต่เศษชิ้นส่วนกระจกนี้ก็ไม่ได้มีพลังที่เพียงพอ ทำให้การทดสอบนี้ล้มเหลวไปโดยสิ้นเชิง
“แค่ชิ้นเดียวยังไม่เพียงพอ แต่ถ้าสามารถรวบรวมได้ครบทุกชิ้น ข้าก็ต้องสามารถเรียกกระจกมาได้อย่างแน่นอน!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า สูดหายใจเข้าลึกๆ หยุดความพยายามที่จะร้องเรียกกระจกทองแดง แต่มองไปรอบๆ บริเวณนั้นอย่างเงียบๆ แทน
ดวงตาเริ่มสาดประกายเจิดจ้ามากขึ้นอย่างช้าๆ ขณะที่ตระหนักว่าภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต มีสถานที่อยู่แปดแห่งมีกลิ่นอายที่กำลังดึงดูดตนเองอยู่!
หนึ่งในนั้นก็คือกระจกทองแดง ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปมากที่สุด มากจนไม่อาจจะบ่งชี้ตำแหน่งที่แน่นอนได้ สำหรับสถานที่อีกเจ็ดแห่ง เขาสามารถจะรับรู้ได้ว่าพวกมันอยู่ที่ตำแหน่งใดบ้าง แม้แต่ชิ้นที่อยู่ห่างไกลมากที่สุดก็ตาม
“ข้าพบเห็นเศษชิ้นส่วนของกระจกในอาณาจักรขุนเขาทะเลหนึ่งชิ้น แต่ในตอนนั้นพื้นฐานฝึกตนของข้าไม่แข็งแกร่งพอที่จะตรวจจับตำแหน่งของชิ้นอื่นๆ ได้”
เมิ่งฮ่าวพึมพำ เมื่อใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมา ก็สามารถจะจ้องมองตรงไปยัง…ชิ้นส่วนของกระจกที่อยู่ใกล้มากที่สุดได้
มันอยู่ใกล้มาก จนแทบจะเอื้อมมือไปหยิบมันมาได้
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมนางถึงรู้เรื่องเกี่ยวกับเศษชิ้นส่วนกระจก นางมีอยู่หนึ่งชิ้นแล้วนี่เอง!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเจิดจ้า ขณะที่ตระหนักว่าหนึ่งในเจ็ดชิ้นส่วนของกระจกที่อยู่ใกล้มากที่สุด อยู่ในสถานที่แห่งนี้บนดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งที่สามนี้ ภายในทะเลแห่งภูตผี อยู่ในมือของ…ไป๋อู้เฉิน!
แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในเศษชิ้นส่วนกระจก เสียงกระหึ่มก็ดังก้องอยู่ในอากาศ ขณะที่คนทั้งสี่ปรากฏตัวขึ้นพุ่งตรงมาที่เขาราวกับเป็นสายฟ้า
พวกมันโจมตีมาอย่างเต็มกำลัง ระเบิดผ่านทะเลแห่งภูตผี มาปรากฏกายขึ้นใกล้กับทะเลทรายและเมิ่งฮ่าว เมื่อเมิ่งฮ่าวหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับพวกมัน คนทั้งสี่ก็มองเห็นเศษชิ้นส่วนกระจกที่อยู่ในมือของเขา
ในตอนนี้เองที่ไป๋อู้เฉินตระหนักว่ามีอะไรเกิดขึ้นแล้วบ้าง ม่านตานางหดเล็กลง และพุ่งตรงมาพร้อมกับพลังที่พุ่งขึ้นไป
“จิ่วจุน โปรดยอมแพ้แต่โดยดี…” เจ้าสำนักกล่าวขึ้นพร้อมกับถอนหายใจออกมา ประสานมือ และเริ่มก้าวเนิบนาบตรงไป
ซาจิ่วตงไม่พูดอะไรออกมา สำหรับจินหยุนซาน เส้นเลือดเขียวยังคงโผล่ขึ้นมาอยู่บนหลังมือ และสีหน้าก็ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง
เจ้าสำนักอยู่ด้านหลังไป๋อู้เฉิน ต่อจากมันก็เป็นซาจิ่วตง และที่อยู่หลังสุดไกลออกไปคือจินหยุนซาน
พวกันคล้ายกับเป็นลูกธนูอันทรงพลังที่กำลังพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย เมื่อได้เห็นคนทั้งสี่โจมตีมา ถ้าตนเองเป็นไป๋อู้เฉิน และสามารถจะรับรู้ถึงชิ้นส่วนกระจกที่อยู่ในเขตสุสานแห่งนี้ เขาก็คงจะต้องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี รวมทั้งต้องหาวิธีในการบังคับให้ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้คนอื่นๆ มาช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
“ถึงแม้จะไม่รู้ว่าท่านต้องการเศษชิ้นส่วนกระจกนี้ไปทำอะไร แต่ก็ต้องขอบคุณมากแล้ว ที่ช่วยส่งเศษกระจกอีกชิ้นมาให้กับเปิ่นจุน” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ ด้วยสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่เผชิญหน้ากับผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ที่กำลังใกล้เข้ามา โบกสะบัดมือออกไป ทำให้ทะเลแห่งภูตผีแผดร้องออกมา ขณะที่ผสานเข้าไปในลมพายุที่กระจายออกไปเพื่อปะทะกับพลังการโจมตีมาจากคนทั้งสี่
ก่อนหน้านี้พวกมันได้โจมตีออกไปจนทำให้ทะเลแห่งภูตผีที่มาปิดล้อมบริเวณนั้นไว้กระจัดกระจายออกไปได้ส่วนหนึ่ง ตอนนี้พวกมันกำลังเผชิญหน้ากับการโจมตีจากพลังที่รวมเข้าด้วยกันของกลุ่มภูตผีทั้งปวง ซึ่งเป็นพลังที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
ขณะที่ทะเลแห่งภูตผีพุ่งตรงมายังพวกมัน ความหนาวเย็นราวน้ำแข็งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณนั้นถูกแช่งแข็งไป
แต่จากนั้นแสงอันเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของไป๋อู้เฉิน นางทำท่าคว้าจับออกไปในอากาศ และทันใดนั้นเศษชิ้นส่วนกระจกของนางเองก็ปรากฏขึ้นมาอยู่ในมือ!
เป็นเศษชิ้นส่วนที่มีขนาดใหญ่กว่าของเมิ่งฮ่าวเล็กน้อย ในทันทีที่มันปรากฏขึ้นมา ไป๋อู้เฉินก็พ่นกลิ่นอายแก่นแท้พลังชีวิตบางส่วนของนางลงไป จากนั้นก็ชูสูงขึ้นไปเหนือศีรษะ
เศษชิ้นส่วนกระจกแวบขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า กระจายเป็นแสงที่ทำให้ฟ้าสะท้านดินสะเทือนออกมา ทุกแห่งหนที่แสงนั้นพุ่งผ่านไป เหล่าภูตผีก็สั่นสะท้าน จากนั้นก็หยุดชะงักนิ่งด้วยสีหน้าที่งุนงง
ในชั่วพริบตา แสงเหล่านั้นก็ม้วนกวาดออกไปในทั่วทุกทิศทาง ทำให้เหล่าภูตผีทั้งปวงหยุดเคลื่อนไหวในทันที
โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของไป๋อู้เฉิน เห็นได้ชัดว่าการใช้เศษชิ้นส่วนของกระจกด้วยวิธีการเช่นนี้ ทำให้นางต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมาอย่างมาก แต่ชั่วขณะต่อมานางก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง
เจ้าสำนักเริ่มก้าวเดินเนิบนาบตรงไปอย่างเงียบๆ
เช่นเดียวกับซาจิ่วตงและจินหยุนซาน กลุ่มคนทั้งสี่พุ่งผ่านเหล่าภูตผีที่แน่นิ่งไม่ไหวติง มุ่งหน้าตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
เหตุการณ์ในตอนนี้คล้ายกับว่าเมิ่งฮ่าวคือผู้พิทักษ์แห่งดินแดนอันกว้างใหญ่ที่สาม และคนทั้งสี่คือผู้รุกรานที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ด้วยความยากลำบาก และตอนนี้กำลังพยายามจะมาสังหารเมิ่งฮ่าวเพื่อสิ่งของที่พวกมันต้องการ
“นั่นไม่ใช่วิธีการใช้เศษชิ้นส่วนของกระจกทองแดง” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย มองขึ้นไปกำมือขวาเป็นหมัดจนแน่น จากนั้นก็ต่อยตรงไปยังเซียนไป๋อู้เฉิน
เขาต่อยหมัดพิฆาตมารออกไปในทันที ซึ่งประกอบด้วยการรวมพลังกันของหมัดสังหารเทพ, เผาไหม้ตนเอง และทำลายล้างชีวิต หนึ่งหมัดที่ต่อยออกไปนั้นทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ทุกสรรพสิ่งสั่นไหวไปมา
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา และเซียนไป๋อู้เฉินก็สั่นสะท้าน โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก ถอยโซเซไปทางด้านหลัง แต่เมิ่งฮ่าวก็ถูกบังคับให้ต้องถอยไปด้านหลังด้วยเช่นกัน ใบหน้าแดงเรื่อขึ้น สำหรับซาจิ่วตง มันได้กลายร่างเป็นพายุทรายที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวอย่างรุนแรง
เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา ยกสองมือขึ้นไปในอากาศ เวลาเดียวกันนั้น ก็กลายเป็นวิหคยักษ์สีฟ้าพุ่งตรงไปปะทะกับซาจิ่วตง เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา ซาจิ่วตงโผล่ออกมาจากพายุทราย ถอยโซเซไปทางด้านหลังหลายก้าว
เมิ่งฮ่าวก็ถอยหลังไปด้วยเช่นกัน โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก จากนั้นก็มองไปยังเจ้าสำนักที่ใบหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์อันซับซ้อน ขณะที่ชี้นิ้วตรงมายังหน้าผากของเมิ่งฮ่าว
ดรรชนีนั้นโจมตีมาคล้ายกับเป็นพลังอำนาจแห่งสวรรค์ ทำให้เกิดเป็นแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อกดทับลงมา แต่เวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็ใช้มือขวาขยับร่ายเวท ปลดปล่อยแก่นแท้แห่งเวทรุ่นแปด ซึ่งก็คือแก่นแท้แห่งความว่างเปล่าออกไป ทันใดนั้นก็ราวกับว่าโลกอีกแห่งหนึ่งได้ถูกสร้างขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าดรรชนีของเจ้าสำนักพุ่งตรงไปยังหน้าผากของเมิ่งฮ่าว แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้ขยับตัวเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย กลับเป็นเจ้าสำนักลอยออกไปทางด้านหลังด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปพร้อมกับโบกสะบัดชายแขนเสื้อออกมา เพื่อหลบเลี่ยงจากแก่นแท้แห่งความว่างเปล่า เตรียมตัวที่จะโจมตีออกไปอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นเองที่จินหยุนซานก็ส่งเสียงแผดร้องแหลมเล็กออกมา และพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็ว
คนทั้งหมดคิดว่ามันกำลังจะไปโจมตีเมิ่งฮ่าว แต่ทันใดนั้นเองขณะที่เข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว มันก็หมุนคว้างออกไป ยื่นสองมือตรงไปยังเจ้าสำนัก และจากนั้นก็ฉีกกระชากสองมือออกจากกัน
นี่คือเวทฉีกกระชากสวรรค์ของมัน!
เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้นมา และเจ้าสำนักก็ขมวดคิ้ว ขยับสองมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทำให้ระลอกคลื่นอันทรงพลังกระจายออกไปเพื่อต่อต้าน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของคลื่นแห่งการต่อสู้นี้ ทำให้เจ้าสำนักรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง จนต้องถอยไปทางด้านหลังอย่างไร้ทางเลือกในทันที ซาจิ่วตงก็ป้องกันการโจมตีด้วยเช่นกัน และเซียนไป๋อู้เฉินก็ระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่
“จินหยุนซาน เจ้าบ้าไปแล้ว!?!?” นางแผดร้องออกมาด้วยโทสะ สิ่งที่นางเสนอให้กับจินหยุนซานก่อนหน้านี้ช่างน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง จนนางมั่นใจว่ามันไม่อาจจะต่อต้านได้อย่างแน่นอน
“ผลเก้าแก่นแท้บริสุทธิ์ อาจจะหาได้ยากในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ถ้าเจ้าหยิบออกมาสักหนึ่งผลยื่นส่งมาให้จริงๆ เปิ่นจุนอาจจะรู้สึกประทับใจ แต่เจ้าแค่เสนอวิธีที่จะได้มันมาอย่างไรเท่านั้น ข้อมูลเจ้าอาจจะถูกต้องครบถ้วน และในที่สุดเปิ่นจุนก็สามารถจะค้นพบผลเก้าแก่นแท้บริสุทธิ์นั้นได้จริงๆ แต่…เปิ่นจุนไม่ใช่คนเช่นนั้น!
เปิ่นจุนมักจะเป็นคนที่เที่ยงธรรม และมีข้อตกลงร่วมกับสหายเต๋าเมิ่งฮ่าวแล้วว่าจะไม่ต่อสู้กันอีกต่อไป เปิ่นจุนยึดถือคำสัญญาอย่างเคร่งครัด แล้วจะให้กลืนน้ำลายตัวเองได้อย่างไร!?” จินหยุนซานเชิดหน้าขึ้น ด้วยท่าทางที่ภาคภูมิใจอย่างน่าเหลือเชื่อ
แต่ในความเป็นจริง มันกำลังก่นด่าสาปแช่งอยู่ภายในใจ
“ไป๋อู้เฉิน เจ้าคนปัญญาอ่อน นอกจากจะสังหารเมิ่งฮ่าวไปได้จริงๆ เท่านั้น มิเช่นนั้นเจ้าก็เป็นตัวบัดซบ เจ้าคิดว่าผู้แซ่เมิ่งที่บ้าคลั่งนี้ จะปล่อยให้ข้าได้ผลเก้าแก่นแท้บริสุทธิ์ไปอย่างง่ายดาย? ในโลกแห่งการฝึกตน คำสัญญาคือสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือมากที่สุด ข้าไม่รู้ว่าทำไมอีกสองคนถึงได้เห็นด้วยกับเจ้า เจ้าสำนักมีชางหมางพ่าย และซาจิ่วตงก็เป็นผู้ที่ดื้อรั้น แต่ข้า, จินหยุนซานไม่มีทางจะถูกหลอกได้อย่างง่ายดาย!”