ตอนที่ 1499
ความผันผวนที่คุ้นเคย
ดูเหมือนว่าเสียงของเมิ่งฮ่าว จะเต็มไปด้วยพลังที่แปลกๆ ขณะที่ดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง
เป็นพลังที่ออกมาจากความทรงจำของเมิ่งฮ่าวเมื่อนานมาแล้ว กลายเป็นลำแสงที่พุ่งเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต
“กระจกทองแดง…กลับมา…”
“นกแก้ว…กลับมา…”
“อู่เหยีย…กลับมา!”
เมื่อลำแสงที่ก่อตัวขึ้นมาจากเศษกระจกทั้งแปดชิ้นพุ่งขึ้นมาจากดินแดนกว้างใหญ่อันแห้งแล้ง ความว่างเปล่าไร้ขอบเขตก็สั่นสะท้าน และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็สั่นสะเทือน
เวลาเดียวกันนั้นก็ดูเหมือนว่าผู้แข็งแกร่งทรงพลังนับไม่ถ้วน ทันใดนั้นก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง สีหน้าพวกมันเปลี่ยนไป และมองไปยังทิศทางของลำแสงนั้น
ตรงสถานที่ที่เมิ่งฮ่าวไปค้นหาชิ้นส่วนของกระจกแห่งอื่นๆ ผู้แข็งแกร่งทรงพลังที่ตนเองเคยเผชิญหน้าด้วย ต่างก็จ้องมองออกไปยังที่ห่างไกลด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
กิ้งก่ายักษ์ ศีรษะที่ดุร้าย ยักษ์ภูเขาน้ำแข็งและหงส์เพลิง ต่างก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของของวิเศษที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของพวกมัน
เวลาเดียวกันนั้นก็ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อยู่ภายในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตกำลังมีปฏิกิริยาขึ้นมา
ระลอกคลื่นพุ่งกระจายออกมาจากลำแสง ม้วนกวาดออกไปทั่วทั้งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต เวลาเดียวกันนั้นก็เห็นได้ชัดว่าเจตจำนงอย่างหนึ่งเริ่มตื่นขึ้นมา จากนั้นก็พูดออกมาด้วยเสียงที่ไม่ค่อยชัดเจนมากนัก
“ทำลายค่ายกลเวทนั่น ขัดขวางมัน…” ถึงแม้ว่ายากที่จะจำแนกเสียงนั้นออกมาได้ แต่ก็ได้ยินโดยสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน จากนั้นจิตใจพวกมันก็สั่นสะท้านขึ้นมา ทันใดนั้นพลังแห่งเจตจำนงก็ดูเหมือนว่าจะเต็มไปทั่วร่าง ทำการควบคุมร่างกายพวกมันไว้ แทบจะทันใดนั้นพวกมันก็เริ่มบินตรงมายังทิศทางของเมิ่งฮ่าวด้วยความรวดเร็วสูงสุด
มีกลุ่มหมอกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งได้ยินเสียงกรีดร้องดังออกมาจากด้านใน มองเห็นภูตผีอันลี้ลับนับไม่ถ้วนอยู่ภายในนั้น พุ่งเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว กระจายเป็นความต้องการสังหารออกมา
บนดินแดนอันกว้างใหญ่สีแดงเข้มแห่งหนึ่ง เสียงแผดร้องคำรามอันโหดเหี้ยมดังก้องออกมา ขณะที่มังกรสีแดงเข้มยาวหนึ่งหมื่นจ้างมากมายบินเข้าไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต
ศีรษะขนาดใหญ่ลอยอยู่ในท่ามกลางฝุ่นละอองที่ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ศีรษะนี้ตายไปแล้วหลายชั่วคน แต่ตอนนี้เปลือกตาของมันจู่ๆ ก็เปิดขึ้นมา ไม่มีดวงตาอยู่ภายในนั้น มีแต่หลุมสีดำที่ว่างเปล่าเท่านั้น แต่ทันใดนั้นก็มองเห็นประกายสีแดงอยู่ด้านใน ชั่วขณะต่อมา จุดสีแดงของกลุ่มหมอกก็ลอยออกมาจากภายในดวงตาทั้งสองข้าง ก่อตัวเป็นสิ่งที่คล้ายลำแสง แต่ละจุดเหล่านั้นคือแมลงสีแดงจ้า บินออกไปยังที่ห่างไกลเป็นจำนวนมาก
ในสถานที่อีกแห่ง โลงศพขนาดใหญ่ลอยอยู่ในความว่างเปล่า เป็นโลงศพที่ผุพังทรุดโทรม ไม่มีซากศพอยู่ด้านใน ทันใดนั้นใบหน้าก็ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ลอยอยู่เหนือโลงศพนั้น
“นั่นคือ…เจตจำนงแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต…” เสียงๆ หนึ่งพึมพำขึ้นมา โลงศพหายไป และเมื่อปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ก็อยู่ห่างไกลออกไป มุ่งหน้าตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
ระลอกคลื่นปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ขณะที่สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น บ้างก็เป็นสัตว์อสูร บ้างก็เป็นสิ่งมีชีวิตในรูปแบบอื่น แต่ทั้งหมดนั้นกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
มีทั้งวิญญาณที่คล้ายซากศพ สิ่งมีชีวิตที่เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งวัว สิ่งมีชีวิตที่มีแขนเป็นหนวดอยู่มากมาย ยักษ์ศิลา และสิ่งมีชีวิตที่งดงามมากที่สุด ซึ่งมีขนาดแค่หนึ่งในสามของร่างมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
สามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตได้แทบทุกประเภท…
อาณาจักรเทพและอาณาจักรมารสั่นสะท้าน ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนบินออกมา ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำขณะที่พุ่งเข้าไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต
ในตอนนี้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตกำลังสั่นสะเทือนไปทั่ว
ย้อนกลับไปยังดาวชางหมาง ในตี้อีจง (สำนักแรก) หานเป้ยกำลังนั่งขัดสมาธิเข้าฌานอยู่ ทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้นมา และสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ นางขยับร่างเคลื่อนไหวหายตัวไปในทันที จากนั้นก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งตรงด้านนอก ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
นอกเหนือจากสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นทั้งหมดแล้ว ก็ยังมีสิ่งอื่นๆ ที่สังเกตเห็นความผันผวนเหล่านี้ ตรงจุดที่อยู่ห่างไกลออกไป ใกล้กับเขตชายแดนของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต มีต้นไม้เก่าแก่ที่เหี่ยวแห้งอยู่ต้นหนึ่ง ที่ฝังอยู่ในลำต้นของมันคือกระจกทองแดงบานหนึ่ง
ทันใดนั้นกระจกทองแดงก็เริ่มสั่นไปมา และสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า จากนั้นก็เริ่มมองเห็นภาพของนกแก้วอยู่ภายใน
ดูเหมือนว่ามันรู้สึกสับสน ขณะที่มองออกไปยังที่ห่างไกล ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก ความว่างเปล่าก็กระจายเต็มอยู่ในดวงตา
“ใครบางคน…กำลังเรียกข้า…”
“กลิ่นอายนี้ช่างคุ้นเคยนัก แต่ข้าก็ลืมไปแล้ว…”
“แต่คำว่าอู่เหยียนี้…ข้าชอบนัก ดูเหมือนว่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง…” หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก นกแก้วก็จางหายไป จากนั้นกระจกทองแดงก็ลอยออกมาจากต้นไม้ กลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังทิศทางที่กำลังร้องเรียกอยู่
เวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนดินแดนอันกว้างใหญ่ตรงด้านนอกในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ถึงแม้ว่าจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจนมากนัก แต่ก็สามารถจะรู้สึกได้ถึงตำแหน่งที่อยู่ของกระจกทองแดง และรับรู้ได้ว่า…มันกำลังมุ่งหน้าตรงมายังตนเองด้วยความรวดเร็วสูงสุดอยู่ในตอนนี้
“มาแล้ว มันมาแล้วจริงๆ…” แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่าง และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งความตื่นเต้น เมิ่งฮ่าวรอคอยโอกาสที่จะได้พบกับกระจกทองแดงนี้มาหลายร้อยปีแล้ว
“น่าเสียดายที่ผีโต้งตายแล้ว…” เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่ง ตนเองจะสามารถฟื้นคืนชีพผีโต้งได้
“จากความเร็วที่มันเคลื่อนที่มา คงต้องใช้เวลาประมาณเจ็ดวันกว่าจะถึงที่แห่งนี้!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น แม้ในขณะที่รับรู้ได้ถึงกระจกทองแดง ก็รู้สึกได้ถึงเจตจำนงอันชั่วร้ายที่มีต่อตนเองภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตนี้ด้วยเช่นกัน
มันเป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะมีผลกระทบต่อแก่นแท้แห่งชีวิตทั้งหมดอย่างรุนแรง เมิ่งฮ่าวสามารถจะบอกได้ว่าขณะที่เจตจำนงอันชั่วร้ายนั้นพุ่งกระจายออกไป ผู้แข็งแกร่งทรงพลังนับไม่ถ้วนเริ่มมุ่งหน้าตรงมายังทิศทางนี้
ยิ่งไปกว่านั้นนอกเหนือจากเจตจำนงอันชั่วร้ายนั้นแล้ว ก็ยังมีบางสิ่งที่กำลังเพิ่มความสามารถให้กับศัตรูของตนเองด้วยเช่นกัน ทำให้ความรวดเร็วของพวกมันเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว แทบจะราวกับว่ากำลังเคลื่อนย้ายทางไกลมา ทำให้พวกมันเคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่ากระจกทองแดงมากนัก
“ดูเหมือนว่าสิ่งที่ข้าเตรียมการป้องกันมาทั้งหมด ไม่ได้สูญเปล่าแม้แต่น้อย…” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร ขณะที่คิดย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน ที่ตนเองทำการติดตั้งค่ายกลเวททั้งหมดนี้ขึ้นมา ด้วยความวิตกกังวลในการเรียกนกแก้วมา แต่ตอนนี้ก็ตระหนักแล้วว่ามันคุ้มค่าอย่างแน่นอน
ในตอนนี้เองที่ศัตรูสายพันธุ์แรกได้ปรากฏขึ้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงด้านบนขึ้นไป สิ่งมีชีวิตลี้ลับเข้ามาใกล้ด้วยความรวดเร็วสูงสุด ไม่อาจจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สามารถตรวจจับได้ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนว่าพวกมันจะโหดเหี้ยมชั่วร้ายอย่างไร้ที่เปรียบ
และในทันทีที่พวกมันใกล้เข้ามา ก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น
เขามองไปยังพวกมันด้วยดวงตาที่แวบประกายขึ้นด้วยความเย็นชา ก่อนที่สิ่งมีชีวิตนั้นจะทันได้เข้ามาใกล้ดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งนี้ พวกมันก็กระแทกเข้าไปในบางสิ่งบางอย่างที่เป็นร่างแหซึ่งมองไม่เห็น ประกายแสงแวบขึ้นมา และสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา
ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ทำให้เมิ่งฮ่าวมองเห็นร่างของพวกมันถูกกรีดเฉือนออกเป็นชิ้นๆ โดยร่างแหขนาดใหญ่ ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง แต่ก่อนที่พวกมันจะทันได้จางหายไป ภูตผีอีกกลุ่มก็ปรากฏขึ้นในที่ห่างไกลออกไป
พวกมันมีเป็นจำนวนมากราวกับเป็นกลุ่มเมฆ ดูเหมือนว่าจะนับไม่ถ้วนขณะที่ปกคลุมไปรอบๆ ดินแดนอันกว้างใหญ่ ถ้าจำเป็นต้องนับจริงๆ ก็มีมากกว่าหนึ่งพันล้านตน ทำให้กลายเป็นภาพที่น่ากลัวขณะที่พวกมันพุ่งเข้ามาโจมตี
เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และดินแดนอันกว้างใหญ่ก็สั่นไหวไปมา
แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่ขยับสองมือร่ายเวท ทำให้เกราะป้องกันแห่งแรกจากเก้าชั้นที่ตนเองสร้างขึ้นมา สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ทำลายภูตผีเหล่านั้นไปอย่างดุร้าย
ดูเหมือนว่าเหล่าภูตผีจะไม่กลัวต่อความตายแม้แต่น้อย
พวกมันพุ่งตรงไปยังเกราะป้องกัน ทำให้เกราะป้องกันนั้นสั่นไหวไปมาจนแทบจะถูกทำลายไป ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความต้องการสังหาร แค่นเสียงเย็นชา จากนั้นก็ขยับสองมือร่ายเวทและตบลงไปบนพื้นดิน
“ระเบิด!”
ทันใดนั้นแสงเจิดจ้าก็พุ่งขึ้นมาจากเกราะป้องกันชั้นแรก จากนั้นก็ระเบิดขึ้น ส่งผลให้เกิดเป็นพลังทำลายล้างที่พุ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ม้วนกวาดออกไปยังเหล่าภูตผีราวกับเป็นอุทกภัย ทำให้เสียงกรีดร้องอย่างน่าอนาถใจดังก้องขึ้น ขณะที่เหล่าภูตผีถูกกวาดล้างไป
ในท่ามกลางพวกมันยังมีกลุ่มภูตผีที่แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่ออีกด้วย แต่ก็ยังไม่อาจจะหลีกเลี่ยงจากการทำลายล้างนี้ไปได้ เมื่อตอนที่พลังระเบิดกระจัดกระจายหายไป เหล่าภูตผีก็ถูกกำจัดไปมากกว่าเก้าสิบเก้าในร้อยส่วน ที่เหลืออยู่ต่างก็เป็นระดับผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น
จากเหล่าภูตผีที่เหลืออยู่นั้น มีทั้งหมดเจ็ดตน โดยมีระดับเก้าแก่นแท้อยู่สองตน
ร่างกายพวกมันฉีกขาด สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน แต่ก็ยังคงโจมตีมาอย่างต่อเนื่อง เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา ยกมือขวาขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทำให้กลุ่มควันลอยไปมาอยู่ที่ด้านนอกของเกราะป้องกันชั้นที่สอง กลุ่มควันเหล่านั้นกลายเป็นหัตถ์ยักษ์อย่างรวดเร็ว คว้าจับไปยังภูตผีเหล่านั้น
เสียงระเบิดได้ยินมา ขณะที่ภูตผีสามตนถูกบดขยี้ไป ที่ยังเหลืออยู่รีบหลบหนีจากไป เมื่อหัตถ์ยักษ์กำลังจะไล่ตามพวกมันไป เสียงแผดร้องคำรามที่ทรงพลังก็ดังก้องออกมาจากที่ห่างไกล
ลำแสงสีแดงจ้าปรากฏขึ้น เคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วจนดูเหมือนว่าจะเคลื่อนย้ายทางไกลตรงมา ในชั่วพริบตาก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าหัตถ์ยักษ์ มันคือมังกรสีแดงเข้มขนาดใหญ่ ระเบิดเป็นพลังแห่งขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้ออกมา เมื่อกระแทกเข้าหากัน หัตถ์ยักษ์ก็แตกกระจายออกไป มังกรค้ำยันตัวเองไว้ชั่วขณะ จากนั้นก็พุ่งโจมตีมาอีกครั้ง
แม้ในขณะที่มันเคลื่อนที่ตรงมา มังกรสีแดงเข้มก็ปรากฏขึ้นในที่ห่างไกลตัวแล้วตัวเล่า รวมทั้งระดับเก้าแก่นแท้ขั้นสูงสุดอีกสามตัว ส่วนที่เหลืออ่อนแอกว่า แต่มังกรสีแดงเข้มก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง และมีจำนวนนับล้าน ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว มารวมตัวกันอยู่เหนือเกราะป้องกันชั้นที่สองในทันที
พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ขณะที่เกราะป้องกันชั้นที่สองซึ่งมองไม่เห็นเริ่มบิดเบี้ยวไปมาอยู่ภายใต้การโจมตีที่ทรงพลังนั้น ชั่วขณะต่อมาก็ถูกทำลายไป
แรงระเบิดพุ่งกระจายออกไปเป็นระลอกคลื่นอย่างน่าตกใจ เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่บนดินแดนอันกว้างใหญ่ที่ด้านล่าง ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร เกราะป้องกันเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยการใช้วิชาที่ได้มาจากมรดกของสุ่ยตงหลิว และมีความคล้ายคลึงกับโล่ยิ่งใหญ่ขุนเขาทะเลเป็นอย่างยิ่ง
จากระดับพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ ทำให้เกราะป้องกันเหล่านี้มีความแข็งแกร่งกว่าเกราะป้องกันที่เคยปกป้องอาณาจักรขุนเขาทะเลมากนัก แต่มังกรสีแดงเข้มก็สามารถทำให้ชั้นที่สองต้องแตกกระจายออกไปได้
อย่างไรก็ตาม ค่าตอบแทนที่พวกมันต้องจ่ายออกมาก็สูงลิ่วเป็นอย่างยิ่ง!