Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1503

ตอนที่ 1503

ชุดเกราะเหนือสูงสุด

“มันคือใคร…?”

“ทำไมถึงได้ดูคุ้นตาเช่นนี้? เห็นได้ชัดว่าข้าไม่รู้จักมัน…”

“ทำไมข้าถึงได้เจ็บปวดใจนักเมื่อเห็นมันได้รับบาดเจ็บเช่นนั้น? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต?”

“ทำไม…? ทำไม…? และข้าคือใคร…? ข้าคือวิญญาณหุ่นเชิดของกระจกทองแดง ไม่ถูกต้อง ข้าคือนกแก้ว…ถ้าเช่นนั้นใครคืออู่เหยีย? อู่เหยียคือใครกัน…?”

“อ๊ากกกกกกก…” กระจกทองแดงเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง นกแก้วที่อยู่ด้านในแผดร้องออกมา ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ ขณะที่ความทรงจำเริ่มปะทุขึ้นมา

มันมองเห็นความทรงจำเหล่านั้นได้ไม่ชัดเจน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้รู้ว่าไม่อาจจะละเลยบุคคลที่เรียกตนเองมาได้ มันสามารถบอกได้ว่าคนผู้นี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และคนผู้นี้…ก็มองว่านกแก้วมีความสำคัญด้วยเช่นกัน!

ความรู้สึกที่กำลังพุ่งขึ้นมาอยู่ภายในวิญญาณหุ่นเชิดค่อยๆ ชักจูงให้มันเชื่อว่า คนผู้นี้คือเจ้าของกระจกทองแดงอย่างช้าๆ!

“ข้าไม่อาจจากไป!”

“ข้าจะไปได้อย่างไรกัน?” นกแก้วแผดร้องออกมาอีกครั้ง ดวงตากลายเป็นสีแดงจ้า และจิตใจก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายโดยสิ้นเชิง แต่ก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย หมุนตัวไปกลายเป็นลำแสงพุ่งผ่านท้องฟ้าด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องลุกเป็นไฟอยู่ทางด้านหลัง

นี่คือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน (สวรรค์ทุกชั้นฟ้า) ด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่อาจจะทำให้กระจกทองแดงต้องช้าลงแม้แต่น้อย ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และเสียงแผดร้องด้วยโทสะก็ดังก้องออกมา

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวกำลังปาดเช็ดโลหิตออกมาจากมุมปาก ดวงตาสาดประกายเจิดจ้า ขยับมือร่ายเวท ทำให้พลังการฝึกตนพุ่งทะยานขึ้นไป

ขณะที่เตรียมตัวจะต่อสู้ หลัวเทียนสือเจ่อกำลังหัวเราะด้วยเสียงเย็นชา และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันน่ากลัว เมื่อมันกำลังจะโจมตีไปอีกครั้ง สีหน้าก็ต้องเปลี่ยนไป

มันเหลียวหลังมองออกไป เห็นกระจกทองแดงและนกแก้วกำลังย้อนกลับมา พุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวด้วยความรวดเร็วสูงสุด!

ม่านตามันหรี่เล็กลง และจิตใจก็เริ่มหมุนคว้างไปมา

เมิ่งฮ่าวก็มองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้เช่นเดียวกัน และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็แหงนหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังอย่างยาวนานออกมา

“กระจกทองแดง กลับมาหาข้าแล้ว!” เขาร้องตะโกนออกมา เกิดเป็นเสียงดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นเมื่อนกแก้วใกล้เข้ามา มันบินตรงมาด้วยความรวดเร็วสูงสุด จากนั้นก็กระแทกลงไปบนหน้าอกของเขา และเริ่มหลอมรวมเข้ามาในร่าง

แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว ขณะที่ความรู้สึกอันคุ้นเคยแผ่กระจายออกไป เวลาเดียวกันนั้น เสียงหัวเราะของเขาก็เริ่มสดใสกังวานและดังก้องมากขึ้น ประกายแสงในดวงตาเริ่มอบอุ่น เป็นความอบอุ่นที่ไม่ได้มีต่อหลัวเทียนสือเจ่อ แต่เป็นกระจกทองแดงและนกแก้ว!

หลัวเทียนสือเจ่อแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ และจิตใจก็เริ่มเต้นรัวอย่างรวดเร็ว

สำหรับตำแหน่งที่กระจกทองแดงพุ่งกระแทกเข้าไปในหน้าอกเมิ่งฮ่าว มองไม่เห็นอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย เพียงชั่วขณะเท่านั้นกระจกทองแดงก็หายไปโดยสิ้นเชิง จากนั้นเส้นใยสีดำก็เริ่มกระจายออกมาปกคลุมไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว

เวลาเดียวกันนั้น แรงกดดันอันเข้มข้นก็ระเบิดออกมาจากร่าง

จิตใจเมิ่งฮ่าวกำลังเต้นรัวด้วยเช่นกัน รู้สึกได้ถึงการคงอยู่ของนกแก้วในตอนนี้แล้ว ถึงแม้มันจะมองว่าเขาคือคนแปลกหน้า แต่ก็ยังมีความรู้สึกเก่าๆ ที่มาจากความสัมพันธ์เมื่อในอดีตของทั้งสอง

เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และดวงตาก็สาดประกายเจิดจ้าขณะที่หัวเราะอยู่นั้น ลอยตัวขึ้นไปในอากาศ เพื่อทำการควบคุมกระจกทองแดง

ขณะที่เขากางแขนออกไป ชุดเกราะสีดำก็ปกคลุมไปบนหน้าอก ด้วยลวดลายที่ดูเก่าแก่โบราณเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยกลิ่นอายจากห้วงบรรพกาลด้วยเช่นกัน เวลาเดียวกันนั้นพลังของเมิ่งฮ่าวก็เริ่มพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

หลัวเทียนสือเจ่อกำลังจะพุ่งตรงมา แต่ทันใดนั้นก็เกิดเป็นลมพายุพุ่งขึ้นมาจนทำให้มันต้องช้าลงไปในทันที ชุดเกราะยังคงปกคลุมร่างเมิ่งฮ่าวอย่างต่อเนื่อง กระจายออกไปทั่วทั้งสองแขน ขณะที่เส้นใยสีดำเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ตรงหัวไหล่ทั้งสองข้างก็มีหนามแหลมงอกออกมาจนดูคล้ายกับเป็นศีรษะของนกแก้ว

พลังของเขาระเบิดออกไปอย่างน่าตกใจยิ่ง ทำให้สิ่งมีชีวิตที่แปลกๆ ทั้งหมดในกองกำลังขนาดใหญ่ต้องสะท้านใจกันไปทั่ว

ในตอนนี้ชุดเกราะปกคลุมไปทั่วแขนทั้งสองข้างแล้ว ก่อตัวเป็นเกล็ดสีดำที่ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ จากนั้นก็ปกคลุมไปทั่วทั้งร่าง เริ่มกระจายลงไปยังขาทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว

ชั่วขณะต่อมา กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาอยู่ใต้เท้า การหมุนวนไปมาของมันแต่ละครั้ง ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายโดยสิ้นเชิง

แรงกดดันที่กระจายออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าวเริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น ทำให้กลายเป็นจุดสนใจของทุกสรรพสิ่งในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ใบหน้าหลัวเทียนสือเจ่อซีดขาวไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่ล่าถอยไปทางด้านหลัง พร้อมกับพูดพึมพำออกมา ถ้าใครบางคนตั้งใจฟังก็อาจจะสามารถรับรู้ได้ถึงคำพูดของมันว่า

“ชุดเกราะเหนือสูงสุด!”

สิ่งมีชีวิตมากมายในกองกำลังเหล่านั้นกำลังกระอักโลหิตออกมา ไม่อาจจะต่อต้านกับแรงกดดันอันเข้มข้นนี้ได้ เป็นแรงกดดันที่สามารถสะกดข่มระดับเก้าแก่นแท้ และเข้าไปใกล้ในระดับ…เหนือสูงสุด!

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น แต่ละครั้งที่ดังออกมาก็จะกระหึ่มยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องคำราม ดังมากจนแม้แต่สวรรค์ก็ดูเหมือนว่าแทบจะถูกบดขยี้ไปด้วยพลังของเมิ่งฮ่าว

ชิ้นส่วนสุดท้ายที่ยืดขยายออกไปของชุดเกราะปกคลุมไปบนศีรษะเมิ่งฮ่าว หน้ากากสีดำปิดบังใบหน้าเขาไว้ และผ้าคลุมสีดำก็ลอยพลิ้วไปมาอยู่ด้านหลัง ช่างเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง พร้อมกับสีสันที่แวบขึ้นไป และสายลมก็โหมพัดกระหน่ำ กลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณกระจายออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็มีบางสิ่งปรากฏขึ้นอยู่ในมือ…ซึ่งเขาจำได้อย่างแม่นยำว่ามันคือ…อาวุธสงคราม!

อาวุธสงครามสีดำสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเย็นชา จนดูเหมือนว่าจะสามารถกรีดเฉือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว สร้างความสั่นสะท้านให้กับความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตได้อย่างง่ายดาย

ในทันทีที่อาวุธสงครามปรากฏขึ้น แสงแห่งการหวนรำลึกก็ปรากฏขึ้นในดวงตาเมิ่งฮ่าว มองลงไปและพึมพำว่า

“สหายเก่า ในที่สุดพวกเราก็…ได้พบกันอีกครั้ง”

ในทันทีที่ชุดเกราะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ กลิ่นอายของเมิ่งฮ่าวก็กระจายออกไปจนทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน ระลอกคลื่นพุ่งกระจายออกไป โดยมีตนเองเป็นจุดศูนย์กลาง ลมพายุพุ่งขึ้นมาจนทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแทบจะแตกกระจายออกไป

สายลมพัดกระโชกเข้าในกองกำลังสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น

ทำให้พวกมันทั้งหมดต้องกรีดร้องออกมา ขณะที่กลายเป็นเถ้าธุลีไป สีหน้าของหลัวเทียนสือเจ่อเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขณะที่ถอยไปทางด้านหลังอย่างต่อเนื่อง

ในชั่วพริบตาทั่วทั้งบริเวณนั้นก็ตกอยู่ภายใต้การโจมตีจากลมพายุ ความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตสั่นสะท้าน และสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนที่อยู่ในกองกำลังเหล่านั้นต่างก็หอบหายใจออกมา ลึกลงไปในจิตวิญญาณของพวกมันเริ่มสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

ยากที่จะบอกได้ว่าใครเริ่มต้นก่อนเป็นคนแรก แต่พวกมันก็เริ่มหลบหนีจากไปทีละคนด้วยความหวาดกลัวอย่างบ้าคลั่ง พวกมันรู้ดีว่าถ้าไม่หลบหนีออกไปจากแรงกดดันอันเข้มข้นที่กำลังกระจายออกมานี้ ก็จะถูกทำลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ

แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ก็ยังต้องมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน

ภายในโลกทั้งหมดแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวซึ่งยืดยาวออกไปนี้

เมิ่งฮ่าวคือผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสูงสุด เวลาเดียวกันนั้นก็มีภาพลวงตาปรากฏขึ้นที่ด้านหลังในทันที มีขนาดใหญ่โตมหาศาลจนดูเหมือนว่าจะสามารถทำให้หมู่ดาวต้องสั่นสะท้านไปได้ ซึ่งก็คือนกแก้วยักษ์นั่นเอง!

ปีกของนกแก้วไม่ได้หลากสีสัน แต่เป็นสีดำสนิท มีกลิ่นอายที่น่ากลัวจนแม้แต่หลัวเทียนสือเจ่อก็ยังต้องหอบหายใจออกมาด้วยความหวาดกลัว โดยไม่ต้องขบคิดใดๆ มันเริ่มถอยไปทางด้านหลังด้วยความรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม

“ยังคงไม่อยู่ในระดับเหนือสูงสุดอย่างเต็มกำลัง…” เมิ่งฮ่าวคิดขณะที่รู้สึกได้ถึงพลังที่กำลังพุ่งขึ้นมา มันคือพลังที่น่าเหลือเชื่อมากที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมาตลอดทั้งชีวิตของตนเอง

“ถึงแม้ว่ามันจะไม่อยู่เหนือจุดสูงสุด แต่ก็ทำให้ข้า…เป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดรองลงมาจากระดับเหนือสูงสุด!” เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป และแสงสีแดงในดวงตาก็สาดประกายออกมาจากหน้ากากสีดำ ทำให้ดูน่ากลัวอย่างถึงที่สุด

“นอกจากนั้น เวทรุ่นเก้าของข้าก็ยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ จากนั้นก็ก้าวเดินตรงไปยังหลัวเทียนสือเจ่อที่กำลังหลบหนีจากไป ก่อนที่จะทันไปได้ไกลมากกว่านั้น เมิ่งฮ่าวก็ไปอยู่ที่เบื้องหน้ามัน จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือซ้ายออกไป พร้อมกับร้องตวาดว่า

“ไสหัวกลับไป!”

หลัวเทียนสือเจ่อรู้สึกว่าร่างกายตนเองกำลังสั่นสะท้าน และจากนั้นก็ระเบิดขึ้น เสียงแผดร้องคำรามด้วยโทสะดังก้องออกมา และแววตาก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ขณะที่พลังแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตก่อตัวเป็นรูปร่างของมันกลับมาอีกครั้ง

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเย็นชาราวน้ำแข็ง ขณะที่ยกอาวุธสงครามที่อยู่ในมือขวาขึ้นมา จากนั้นก็กรีดเฉือนลงไปในความว่างเปล่า ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว…ถูกแยกส่วนออกจากกัน! พลังแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของหลัวเทียนถูกตัดแยกออกไปในทุกส่วน!

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะท้าน และเสียงแตกร้าวก็ดังก้องออกมา เกิดเป็นรอยแตกขึ้นมาอย่างน่าตกใจยิ่ง ก่อตัวเป็นวงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งดูคล้ายกับเป็นเครื่องหมายผนึก พลังแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตไม่อาจจะผ่านเข้ามาในบริเวณนี้ได้ ทำให้หลัวเทียนสือเจ่อถูกตัดขาดจากต้นกำเนิดพลังของมัน

“ข้าสามารถสังหารเจ้าไปได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ เริ่มเดินตรงไป แต่ละย่างก้าวนั้นทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นมาอย่างรุนแรง หลังจากที่เดินไปก้าวที่สาม หลัวเทียนสือเจ่อก็แผดร้องคำรามออกมา พลังแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตที่อยู่ภายในร่างมันเริ่มรวมตัวกันเป็นตรีศูลที่พุ่งออกมาหมุนเป็นเกลียวอย่างดุร้าย

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งราบเรียบ ขณะที่ฟาดฝ่ามือซ้ายออกไป ทำให้ตรีศูลหยุดชะงักนิ่ง จากนั้นก็เริ่มสั่นไปมา เมิ่งฮ่าวค่อยๆ กำมือลงไปอย่างช้าๆ และตรีศูลก็เริ่มบิดเบี้ยวไปมา จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังก้องขึ้น เมื่อเมิ่งฮ่าวกำมือลงไปจนแน่น และตรีศูลก็ระเบิดขึ้น

กลุ่มหมอกสีดำเริ่มลอยออกมาจากร่างสือเจ่อ เห็นได้ชัดว่ามันอ่อนแอลงไปอย่างมาก เป็นครั้งแรกที่สีหน้ามันปรากฏเป็นความหวาดกลัวขึ้นมา

“เจ้ารู้สึกหวาดกลัวได้ด้วย?” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ เดินตรงไปเป็นก้าวที่สี่ ปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าสือเจ่ออีกครั้ง

สือเจ่อแผดร้องเป็นสียงโหยหวนออกมา และพยายามจะหลบหนีจากไปอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะหลบหนีไปอย่างไร เมิ่งฮ่าวก็จะไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้ามันตลอดเวลา

“เหตุที่ข้าผนึกสถานที่แห่งนี้ไว้ เพราะ…ข้าอยากรู้ว่าเจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่”

เมิ่งฮ่าวยื่นมือซ้ายออกไปคว้าจับยังลำคอของหลัวเทียนสือเจ่อ

“เจตจำนงแห่งหลัวเทียน นายท่านหลัวเทียน ช่วยข้าด้วย…” แต่ในตอนนี้เอง ที่จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็เริ่มทำการ…ควาญหาวิญญาณ!

เขาเริ่มควาญหาวิญญาณหลัวเทียนสือเจ่อ ซึ่งเป็นตัวแทนของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!