ตอนที่ 1502
ข้าคือใคร?
เวลาเลื่อนผ่านไป เมิ่งฮ่าวไม่ได้ยืนอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของดินแดนอันกว้างใหญ่อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจทั้งปวง
ตรงด้านนอกของเศษซากปรักหักพังที่ถูกทำลายไปของเกราะป้องกันชั้นที่เก้า คือกองกำลังสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด ซึ่งปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอย่างไร้จุดสิ้นสุด พวกมันลอยตัวอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ กำลังมองลงมา แต่ก็ไม่ยินดีที่จะเหยียบย่างลงไปบนดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งนี้
ช่องโหว่ของเกราะป้องกันยังคงมีอยู่ ไม่ได้ถูกปิดลงไป แต่ถึงแม้ว่าจะผ่านไปนานแล้วหลายชั่วยาม ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะกล้าผ่านเข้ามา
ธรรมชาติที่แปลกๆ ของดินแดนแห่งนี้ ทำให้พลังของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตมีอยู่ไม่เพียงพอ ดังนั้นเจตจำนงแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตก็อ่อนแอลงไปด้วย เนื่องจากเช่นนั้นจึงไม่อาจจะมีอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตที่รวมตัวกันเป็นกองกำลังได้อย่างง่ายดายเหมือนก่อนหน้านี้
แต่พวกมันก็ยังคงกระจายเป็นกลิ่นอายอันดุร้ายออกมา ยังคงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสัญชาตญาณหลักของพวกมัน เนื่องจากเช่นนั้นพวกมันจึงเงียบกริบไม่ขยับตัวเคลื่อนไหว เมื่อตระหนักว่าจะต้องตายไปอย่างแน่นอน ถ้าผ่านเข้าไปในดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งนี้
ถ้าเหตุการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เมิ่งฮ่าวก็คงจะได้รับชัยชนะในสงครามนี้อย่างแน่นอน ในตอนนี้เขาสามารถจะรู้สึกได้ว่ากระจกทองแดงอยู่ใกล้เป็นอย่างยิ่ง และจะปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าในไม่ช้านี้แล้ว
“กระจกทองแดง…มาแล้ว!”
“นกแก้ว…กลับมาหาข้า!” เมิ่งฮ่าวสูดหายใจเข้าลึกๆ ภายในพื้นที่เกราะป้องกันสิบจ้างที่อยู่ด้านหลัง เศษกระจกทั้งแปดชิ้นกระจายเป็นแสงอันเจิดจ้าออกมา ลำแสงที่พุ่งขึ้นมานั้นคล้ายกับเป็นคบไฟในคืนเดือนมืด สว่างเจิดจ้าจนตาแทบบอด ขณะที่ทำการเรียกกระจกทองแดงอย่างต่อเนื่อง
ช่วงเวลาธูปเผาไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป และเมิ่งฮ่าวก็เริ่มหอบหายใจออกมา ขณะที่มองออกไปยังที่ห่างไกล สำหรับกองกำลังสิ่งมีชีวิตทั้งปวง พวกมันสามารถจะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่กำลังพุ่งขึ้นมาจากที่ห่างไกลออกไป เป็นบางสิ่งที่ทำให้พวกมันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งกระวนกระวายใจขึ้นมาอีกด้วย
พวกมันสามารถจะมองเห็นลำแสงสายหนึ่งกำลังพุ่งตรงมา ไม่ได้มาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว แต่มาจากอาณาเขตอันมืดมิดที่ไหนสักแห่ง
อย่างไรก็ตามในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น ระลอกคลื่นก็ระเบิดออกมาอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว อากาศที่สงบนิ่งไม่ไหวติงก่อนหน้านี้ จู่ๆ ก็มีดรรชนีข้างหนึ่งปรากฏขึ้นมาในตอนนี้!
มันมีรูปร่างหน้าตาที่ธรรมดาไปทุกส่วน แต่ในทันทีที่ปรากฏขึ้น ก็ทำให้โลกแห่งนี้ทั้งหมด และแม้แต่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ต่างก็เริ่มสั่นสะเทือน แสงทั้งปวงถูกสะกดข่มจนมืดสลัวลงไป และในความมืดมิดแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ก็ดูเหมือนว่าจะมีแต่ดรรชนีนี้เท่านั้นที่เปล่งประกายเจิดจ้าออกมา!
ดูเหมือนว่ามันจะเคลื่อนที่มาอย่างเชื่องช้า ขณะที่ยื่นตรงมายังหน้าอกของเมิ่งฮ่าว
แต่ก็คาดไม่ถึงว่า เขาไม่อาจจะหลีกเลี่ยงไปได้แม้แต่น้อย
เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน เสียงแตกร้าวได้ยินออกมาจากดินแดนอันกว้างใหญ่ ขณะที่เกิดเป็นรอยแตกร้าวเลื้อยออกไปในทั่วทุกทิศทาง แม้แต่เกราะป้องกันชั้นที่เก้าก็ยังต้องแตกกระจายออกไป
โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว และร่างก็ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง กระแทกลงไปยังพื้นผิวของเกราะป้องกันชั้นที่สิบ ทำให้เกราะนั้นบิดเบี้ยวไปมา จนแทบจะแตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ ไปในทันที เมิ่งฮ่าวยังคงลอยไปทางด้านหลังอย่างต่อเนื่องเกือบแปดจ้างก่อนที่จะหยุดชะงักนิ่งไป กระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง ค่อยๆ มองขึ้นไปยังระลอกคลื่นที่สั่นกระเพื่อมไปมาอยู่ตรงเบื้องหน้าขึ้นไป
ตอนนี้ไม่ใช่เป็นแค่ดรรชนีเท่านั้นที่มองเห็นได้ เงาร่างที่ผอมแห้งร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากกลางอากาศ และในทันทีที่เท้าของมันเหยียบย่างลงมาบนพื้นของดินแดนอันกว้างใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มสั่นสะเทือนไปมา เวลาเดียวกันนั้นกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และสูงสุดก็ระเบิดออกมาจากร่างนั้น
ราวกับว่ามันคือตัวแทนของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งปวง ราวกับว่าแค่มันพูดออกมาเพียงคำเดียว ก็จะถูกถือว่าเป็นกฏธรรมชาติในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งปวง เห็นได้ชัดว่าแค่มันมองไปเพียงแวบเดียว ก็สามารถจะตัดสินความเป็นตายของสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตามที่อยู่ในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งปวง
“ข้าคือ หลัวเทียนสือเจ่อ (ทูตแห่งสวรรค์ทุกชั้นฟ้า)” มันกล่าวเสียงราบเรียบ ดังก้องออกไปทั่วทำให้ดินแดนอันกว้างใหญ่พังทลายลงไป ยกเว้นอาณาเขตสิบจ้างที่เมิ่งฮ่าวยืนอยู่เท่านั้น พื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นฝุ่นละอองไป จากคำพูดเพียงแค่ประโยคเดียวที่หลัวเทียนสือเจ่อผู้นี้เปล่งออกมา
กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นเกิดความรู้สึกเกรงขามขึ้นมาในจิตวิญญาณอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ พวกมันก้มหน้าคุกเข่าลงไปโขกศีรษะ
“ขอน้อมพบท่านทูต…”
บุรุษร่างผอมแห้งดูเหมือนว่าจะอยู่ในวัยกลางคน แต่มีใบหน้าซีดขาวและดวงตาที่ลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง สวมใส่ชุดยาวสีดำยืนอยู่ที่นั่น มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เย็นชา
“ทำไมเจ้าถึงไม่คุกเข่า?”
หนึ่งประโยคเจ็ดคำ แต่ในทันทีที่มันพูดออกมา ก็เกิดเป็นแรงกดดันอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ กระแทกตรงมายังเมิ่งฮ่าว ทำให้เกิดเป็นเสียงดังก้องออกมา
เมิ่งฮ่าวมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่ขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้ แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่อาจจะต่อต้านแรงกดดันนี้ได้ หัวเข่ากำลังสั่นสะท้านขณะที่แรงกดดันนั้น คล้ายกับเป็นสองมือที่กดลงมายังไหล่ทั้งสองข้าง ราวกับว่าเขากำลังถูกบังคับให้ต้องคุกเข่าลงไป
แต่จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ดุร้ายพร้อมกับดวงตาที่สาดประกายสีแดงจ้า พลังอันน่าตกใจปะทุออกไป ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวกลายเป็นสีแดงไปทั่ว
สีแดงนั้นอาจจะไม่สามารถเทียบได้กับความมืดมิดแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งปวง แต่ภายในอาณาเขตแห่งนี้ ก็เหมือนกับเป็นลมพายุที่ไม่อาจจะต่อต้านได้
“ชั่วชีวิตนี้ของเมิ่งโหม่ว ไม่เคยคุกเข่าต่อสวรรค์ และไม่เคยก้มศีรษะให้กับพื้นปฐพี แล้วเจ้า…นับเป็นตัวอะไร?” แสงสีแดงจ้าในดวงตาเมิ่งฮ่าวทวีความรุนแรงมากขึ้น และกลิ่นอายก็เริ่มแวบขึ้นไปหลากหลายรูปแบบ ปราณอสูรปะทุออกมา ไม่เพียงแต่จะไม่คุกเข่าเท่านั้น แต่ยังเริ่มเดินตรงไปทีละก้าวอีกด้วย
พลังเริ่มพุ่งขึ้นไป และแสงสีแดงก็พลุ่งพล่านขึ้นราวกับเป็นเปลวไฟ ทันใดนั้นแรงกดดันอันเข้มข้นก็เริ่มบดขยี้ลงไปยังร่างของหลัวเทียนสือเจ่อ
สีหน้ามันเปลี่ยนไป
“รนหาที่ตาย!” มันกล่าวขึ้นแค่นเสียงเย็นชา ยกมือขวาขึ้นมา และรังสีสังหารก็ระเบิดออกไป ขณะที่ฟาดฝ่ามือตรงไปยังเมิ่งฮ่าว แรงกดดันของระดับที่สูงเกินกว่าเก้าแก่นแท้ก็ปะทุออกมา ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่ได้ระมัดระวังตัวมาก่อน ก็คงจะถูกสังหารไปทั้งร่างกายและวิญญาณในทันที
แต่เขาก็ไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย กลับเร่งความเร็วขึ้นอีกด้วย เวลาเดียวกันนั้นพลังก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ปราณอสูรพุ่งขึ้นไป และแสงสีแดงก็กระจายออกไปมากขึ้น
จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็กำมือต่อยหมัดพิฆาตมารออกไป เมื่อหมัดนั้นกระแทกลงไปยังหลัวเทียนสือเจ่อ แสงสีแดงในบริเวณนั้นก็ส่งเสียงดังกระหึ่ม ทำให้ดูเหมือนกับว่ามีหมัดนับไม่ถ้วนกำลังต่อยลงไปยังร่างมัน
จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็กลายเป็นวิหคยักษ์สีดำ และเปลี่ยนเป็นวิหคยักษ์สีฟ้าอีกครั้ง ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มอีกครา จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังหลัวเทียนสือเจ่อราวกับเป็นสายฟ้า กรีดเฉือนร่างมันด้วยกรงเล็บที่แหลมคมราวใบมีด
ต่อมาภูเขานับไม่ถ้วนที่ทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนก็ส่งเสียงดังกระหึ่ม ขณะที่ตกลงมา แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้ ปลดปล่อยเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตออกไป ตามมาด้วยปราณอสูรที่ก่อตัวเป็นศีรษะยักษ์ ซึ่งอ้าปากกัดลงไปยังหลัวเทียนสือเจ่อด้วยความดุร้าย
เสียงระเบิดดังก้องขึ้นปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เพียงชั่วขณะเท่านั้น เมิ่งฮ่าวก็โจมตีไปด้วยความดุร้ายมากที่สุด และจากนั้นก็จบลงด้วยการหลอมรวมเวทผนึกทั้งแปดเข้าด้วยกัน
หลัวเทียนสือเจ่อพุ่งถอยไปทางด้านหลังครั้งแล้วครั้งเล่า ใบหน้าเริ่มซีดขาวมากขึ้น ในที่สุดรังสีสังหารก็สาดประกายอยู่ในดวงตา ขณะที่เริ่มบินออกไป ไม่ได้มาโจมตีเมิ่งฮ่าว แต่พยายามจะทำลายค่ายกลเวทไป แต่เมิ่งฮ่าวก็มาขัดขวางมันไว้อย่างรวดเร็ว
แทนที่จะถอยไปทางด้านหลังอีกครั้ง หลัวเทียนสือเจ่อเริ่มตอบโต้กลับมา เมื่อพลังของมันกระแทกลงมายังร่างเมิ่งฮ่าว ก็ทำให้ต้องกระอักโลหิตออกมา และลอยละลิ่วไปทางด้านหลังหลายร้อยจ้าง
จากนั้นสือเจ่อก็ก้าวเดินตรงมาปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าเศษชิ้นส่วนทั้งแปดของกระจกทองแดง ยกมือขวาขึ้นมาและฟาดตรงไปอย่างรุนแรง
แต่เมิ่งฮ่าวก็แค่ยิ้มออกมาเท่านั้น ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความบ้าคลั่ง ชี้นิ้วตรงไปยังสือเจ่อ
เมื่อทำเช่นนี้ ลำแสงที่พุ่งผ่านท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว ที่กำลังตรงมายังดินแดนอันกว้างใหญ่ ก็เคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ กรีดผ่านสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ทำลายพวกมันไปมากมายจนกลายเป็นเถ้าธุลีอย่างที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้
ในชั่วพริบตากองกำลังของสิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดก็ถูกทำลายไป สีหน้าของสือเจ่อสลดลงขณะที่ลำแสงนั้นพุ่งตรงมา จากนั้นก็ทะลวงผ่านหน้าอกมันตรงเข้าไปในค่ายกลเวท
ในที่สุดลำแสงนั้นก็จางหายไป เผยให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ด้านใน…กระจกทองแดงที่ดูเก่าแก่โบราณบานหนึ่ง!
ในทันทีที่กระจกปรากฏขึ้น ชิ้นส่วนทั้งแปดก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ลอยเข้าไปในตัวกระจกเอง เพื่อรวมกันเป็น…กระจกที่สมบูรณ์บานหนึ่ง!
กลิ่นอายจากห้วงบรรพกาลปะทุออกมาจากกระจก ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะท้าน ส่งผลให้เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไปทั่วทุกทิศทางอย่างไร้ขอบเขต สีหน้าของสือเจ่อเปลี่ยนไป และถอยไปทางด้านหลัง สำหรับเมิ่งฮ่าว เขามองไปยังกระจกด้วยความตื่นเต้น
“มาหาข้า!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น กระจกสั่นสะท้าน และเงาร่างอันเลือนรางร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอยู่ภายในกระจก ซึ่งก็คือนกแก้วนั่นเอง มันมองตรงมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เย็นชา ดูเหมือนว่าจะรู้สึกสับสน ราวกับว่ากำลังมองไปยังคนแปลกหน้า แต่เวลาเดียวกันนั้นก็ดูเหมือนว่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง
แต่หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ ความรู้สึกคุ้นเคยก็จางหายไป นกแก้วละสายตากลับมาจากเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็หมุนตัวพุ่งเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว นำกระจกไปพร้อมกับมัน
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาว และกระอักโลหิตออกมา เมื่อมองเห็นนกแก้วบินจากไป ก็ทำให้จิตใจต้องเต็มไปด้วยความเจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขารู้ว่าทำไมมันถึงมีท่าทางสับสนเช่นนั้น
“เป็นเช่นนี้ก็ดี อย่างน้อยเจ้าก็เป็นปกติสุขแล้ว ถึงแม้ว่าจะจากไป ตัดใยกรรมระหว่างเจ้าและข้าไปจนหมดสิ้น ข้าก็ได้แต่หวังว่า…เจ้าจะสามารถค้นหาจู่เหริน (เจ้านาย) ที่ดีกว่าได้…”
หลัวเทียนสือเจ่อเริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังก้องออกมา ถึงแม้ว่าหน้าอกมันจะถูกทะลวงจนกลายเป็นหลุมใหญ่ แต่ก็ไม่มีโลหิตไหลออกมา หันหน้ามองไปยังเมิ่งฮ่าว หัวเราะอยู่ตลอดเวลา
“กระจกนั่นไม่ได้เป็นของเจ้าอีกต่อไป มันลบจิตใจของตนเองไปแล้ว เจ้าใช้เวลาเกือบหนึ่งพันปีเพื่อเรียกมันมา แต่ทั้งหมดนั้นก็สูญเปล่าไปโดยสิ้นเชิง!” ดูเหมือนว่าหลัวเทียนสือเจ่อผู้นี้จะรู้เรื่องที่เมิ่งฮ่าวเคยทำมาทั้งหมดเป็นอย่างดี
“ตอนนี้เมื่อเจ้ากำลังจะออกไปจากความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ข้าก็จะช่วยเจ้า ช่วยให้เจ้าไปค้นหาโชคชะตาที่ถูกจัดเตรียมไว้มานานแล้ว!” พร้อมกับเสียงหัวเราะ หลัวเทียนสือเจ่อก็ขยับร่างเคลื่อนไหว สองมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ขณะที่พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ชี้นิ้วออกไป และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตก็ดูเหมือนว่าจะหดตัวเล็กลงไป ราวกับว่าสือเจ่อกำลังใช้พลังบางอย่างของมันออกมา จากนั้นก็รวมเข้าไปในดรรชนีที่โจมตีไปยังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวทำการต่อต้านด้วยพลังทั้งหมดของตนเอง เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปาก
ดูเหมือนว่าเขากำลังจะถูกกำจัดไปแล้ว ถูกบังคับให้ต้องล่าถอยไปทางด้านหลังอย่างต่อเนื่อง แต่จากนั้นดวงตาของนกแก้วที่อยู่ในกระจกทองแดงซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปก็แวบประกายขึ้นมาในทันที ดูเหมือนว่ามันยังคงรู้สึกสับสน แต่แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง ด้วยเหตุผลที่ไม่อาจจะรู้ได้บางอย่าง ทันใดนั้นมันก็รู้สึกราวกับว่าถ้าจากไปในตอนนี้ ก็จะต้องเสียใจไปชั่วชีวิต
“ข้าคือใคร…? ข้าคือใคร…?” นกแก้วสั่นสะท้าน จากนั้นความสับสนก็จางหายไปจากแววตา ดูเหมือนว่ามันกำลังดิ้นรนกับตนเองอยู่ ราวกับว่าความทรงจำที่อยู่ลึกลงไปด้านในกำลังพยายามจะตื่นขึ้นมา!