ตอนที่ 1562
นางไม่ต้องการฟื้นขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้จิตวิญญาณแห่งขุนเขาทะเลกระจัดกระจายออกไป! ถึงเวลาที่จะกลับมารวมกันใหม่แล้ว หลอมรวมเข้ากับเส้นใยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้า และถือกำเนิดใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง!” ในทันทีที่คำพูดของเมิ่งฮ่าวดังก้องออกไป แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่างปรมาจารย์เอกะเทวะ ผนึกที่ถูกประทับอยู่บนร่างมันเมื่อในอดีตหายไปจนหมดสิ้น และพลังก็ปะทุขึ้นมา กระแสปราณอันน่าตกใจเริ่มปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
กระแสปราณนั้นเชื่อมต่อเข้ากับอาณาจักรขุนเขาทะเล ก่อตัวเป็นภาพสะท้อน เวลาเดียวกันนั้นปรมาจารย์เอกะเทวะที่กำลังตื่นเต้นก็หดตัวเล็กลงไป กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปในอาณาจักรขุนเขาทะเล ในตอนนี้มันได้กลายเป็นเต่าเสวียนอู่เพียงหนึ่งเดียวแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลไปแล้ว กลายเป็นผู้พิทักษ์กระแสปราณ
แคว้นจ้าวกลายเป็นสิ่งที่โดดเด่นพิเศษเฉพาะ เป็นภูเขาในภูเขา กลายเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งขุนเขาทะเลไปแล้วในตอนนี้ ต่อให้อาณาจักรถูกทำลายล้างไปอีกครั้ง ตราบเท่าที่ภูเขาในภูเขายังคงอยู่ อาณาจักรขุนเขาทะเลก็จะสามารถดำเนินได้ต่อไป
เมื่อกระทำเรื่องราวเหล่านี้เสร็จสิ้น เมิ่งฮ่าวก็เก็บอาณาจักรขุนเขาทะเลไว้ เดินทางไปทั่วทั้งโลกแห่งผีเสื้อขุนเขาทะเลพร้อมกับสวี่ชิงต่อไป
เขาไปค้นหาโฉ่วเหมินไถแต่ก็ไม่พบ หลังจากที่ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์บางส่วนออกไป ก็มั่นใจว่าโฉ่วเหมินไถไม่ได้อยู่ในผีเสื้อขุนเขาทะเล อย่างไรก็ตาม…ในที่สุดมันก็ปรากฏขึ้นในจิตใจเมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็ว
“ชิงเอ๋อร์ ยังมีสถานที่อีกแห่งที่ข้าจำเป็นต้องไป…” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและแต่งแต้มด้วยการหวนรำลึก สวี่ชิงมองมาด้วยแววตาครุ่นคิด
ผ่านไปอีกไม่กี่วัน ตรงสถานที่อีกแห่งในโลกผีเสื้อขุนเขาทะเลเป็นเทือกเขาอันเหยียดยาวแห่งหนึ่ง เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ตรงด้านนอก มองไปยังเทือกเขานั้นด้วยสีหน้าหดหู่ชั่วขณะก่อนที่ผ่านเข้าไป
เทือกเขานี้มีชื่อเสียงอยู่ในผีเสื้อขุนเขาทะเล เป็นสถานที่ตั้งของเต๋าคุนหลุนโบราณ และตอนนี้ก็แยกตัวออกเป็นอิสระจากโลกแห่งผีเสื้อขุนเขาทะเล
การมาถึงของเมิ่งฮ่าว ไม่มีใครในเต๋าคุนหลุนจะสามารถรับรู้ได้ ราวกับว่าเขาคงอยู่ในสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้สามารถผ่านเข้าไปโดยที่ผู้
ผ่านไปอีกไม่กี่วัน ตรงสถานที่อีกแห่งในโลกผีเสื้อขุนเขาทะเลเป็นเทือกเขาอันเหยียดยาวแห่งหนึ่ง เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ตรงด้านนอก มองไปยังเทือกเขานั้นด้วยสีหน้าหดหู่ชั่วขณะก่อนที่ผ่านเข้าไป
เทือกเขานี้มีชื่อเสียงอยู่ในผีเสื้อขุนเขาทะเล เป็นสถานที่ตั้งของเต๋าคุนหลุนโบราณ และตอนนี้ก็แยกตัวออกเป็นอิสระจากโลกแห่งผีเสื้อขุนเขาทะเล
การมาถึงของเมิ่งฮ่าว ไม่มีใครในเต๋าคุนหลุนจะสามารถรับรู้ได้ ราวกับว่าเขาคงอยู่ในสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้สามารถผ่านเข้าไปโดยที่ผู้ฝึกตนทั้งหมดไม่อาจจะรับรู้ได้ ในที่สุดคนทั้งสองก็เข้าไปในส่วนลึกมากที่สุดภายในเทือกเขาเต๋าคุนหลุน ไปยืนอยู่ตรงเชิงเขาที่สูงเสียดฟ้าแห่งหนึ่ง
ภูเขาลูกนี้ไม่มียอดเขาที่แหลมขึ้นไป แต่มีบึงน้ำที่เต็มไปด้วยกลุ่มหมอกลอยคละเคล้าไปมา รวมทั้งระลอกคลื่นของค่ายกลเวทป้องกันอันแข็งแกร่ง และชายชราผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขา แน่นิ่งไม่ไหวติงโดยสิ้นเชิง
กลิ่นหอมของตัวยากระจายออกมาจากร่างท่าน จนเต็มไปทั่วทั้งบริเวณนั้น
นี่ก็คือ…ตานกุ่ย! (จ้าวโอสถจอมปีศาจ)
ท่านคืออาจารย์ของเมิ่งฮ่าว และเป็นอาจารย์ของฉู่อวี้เยียนด้วยเช่นกัน
ขณะที่เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ตรงเชิงเขาอย่างเงียบๆ จิตใจก็เต็มไปด้วยความขมขื่น เริ่มเดินขึ้นไปตรงด้านบนอย่างช้าๆ โดยมีสวี่ชิงติดตามไปอย่างใกล้ชิด เมื่อคนทั้งสองบรรลุถึงยอดเขา ก็มองเห็นตานกุ่ยกำลังนั่งอยู่หน้าโลงศพโลงหนึ่ง ซึ่งถูกปกคลุมด้วยค่ายกลเวทที่ติดตั้งไว้เมื่อนานหลายปีมาแล้ว
ภายในโลงศพเป็นหญิงสาวที่งดงามผู้หนึ่ง นอนอย่างสงบอยู่ที่นั่น ราวกับว่ากำลังอยู่ในช่วงการหลับใหล
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองไปยังโลงศพนั้น ความโศกเศร้าเสียใจและความทรงจำมากมายที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจ หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก เมิ่งฮ่าวก็ประสานและโค้งตัวลงต่ำให้กับตานกุ่ย
“ซือจุน (อาจารย์)” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา
ตานกุ่ยสั่นสะท้าน หันหน้ามามองเห็นเมิ่งฮ่าวยืนอยู่ตรงด้านหลัง
ท่านลุกขึ้นมายืนด้วยแววตาอันลึกล้ำ หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ ก็ถอนหายใจและเดินตรงไปยังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็จับไปที่ไหล่ของเขา มองไปยังสวี่ชิง พยักหน้าให้ หันหลังเดินจากไป
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ มองลงไปยังโลงศพ คิดไปถึงตอนที่เยียนเอ๋อร์บดขยี้วิญญาณของฉู่อวี้เยียนไปต่อหน้าต่อตาตนเอง
สวี่ชิงเดินไปยืนอยู่ข้างกายเมิ่งฮ่าว ขณะที่มองลงไปในโลงศพด้วยสายตาที่อ่อนโยน กล่าวขึ้นมาอย่างเงียบๆ ว่า
“เมิ่งฮ่าว ท่านมีเรื่องจะบอกข้า ในช่วงเวลาหนึ่งพันปีที่พวกเราแยกจากกัน?”
เมิ่งฮ่าวยืนนิ่งเงียบไปนานสักพัก จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนดาวชางหมาง พูดถึงหานเป้ย และศิษย์ที่มีนามว่าเยียนเอ๋อร์
พูดไปถึงเวทรุ่นเก้า และชีวิตทั้งเก้า พูดถึงเสียวเป่า พูดไปถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น…
“หลังจากที่เสียวเป่าหลับตาลงและหายตัวไป เยียนเอ๋อร์ก็ทำลายความทรงจำจากชาติที่แล้วของนาง ข้าคิดว่านางจะผ่านเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่แล้ว แต่เมื่อลองไปค้นหาดู นางไม่ได้อยู่ที่นั่น ข้าจึงตระหนักว่านางไม่ได้เข้าสู่วัฏจักรการเกิดใหม่ แต่กลับเข้ามาในร่างเดิมของนาง”
“ราวกับว่านางกำลังมีชีวิตอยู่ในห้วงความฝัน และในที่สุด…ก็ไม่ยินดีที่จะตื่นขึ้นมา” เมื่อพูดถึงตอนสุดท้าย ก็กลายเป็นเสียงพึมพำที่แหบแห้ง พร้อมกับมองลงไปยังร่างของฉู่อวี้เยียนที่อยู่ภายในโลงศพ
สวี่ชิงรับฟังด้วยความอดทน แทบจะนึกภาพตามสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเมิ่งฮ่าว, เสียวเป่าและเยียนเอ๋อร์ได้ทั้งหมด ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวไม่อาจจะเข้าใจถึงความหมายอันลึกซึ้งของสิ่งที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ แต่สำหรับสวี่ชิงแล้ว ทำให้นางเข้าใจฉู่อวี้เยียนได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้นกว่าเดิม
“นางไม่ปรารถนาจะตื่นขึ้นมา เพราะว่าต้องการจะจมอยู่ในโลกของตนเอง นางต้องการจะลืมท่าน นางรักท่าน จนมองข้ามตัวเองไป” สวี่ชิงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
สวี่ชิงมองไปยังเมิ่งฮ่าวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่มุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวอย่างเรียบง่าย “หลังจากที่ตื่นขึ้นมา ถ้านางยังคงไม่ลืมท่าน เช่นนั้น…พวกเราก็มาฝึกตนร่วมกันเป็นอย่างไร?”
เมิ่งฮ่าวยกมือขึ้นจับไปที่มือนางอย่างแนบแน่น ไม่พูดอะไรออกมา สวี่ชิงมองลงไปยังฉู่อวี้เยียนที่กำลังนอนอยู่ในโลงศพ ด้วยความรู้สึกที่ทั้งสงสารและชื่นชมด้วยเช่นกัน
เมิ่งฮ่าวไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ในที่สุดก็จากไปพร้อมกับสวี่ชิง
ประมาณครึ่งเดือนต่อมา คนทั้งหมดในผีเสื้อขุนเขาทะเลก็พร้อมที่จะจากไป อาณาจักรขุนเขา
ทะเลที่เมิ่งฮ่าวสร้างไว้ ขยายใหญ่มากขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดเป็นระลอกคลื่นอันทรงพลังพุ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
กระแสน้ำวนขนาดใหญ่เก้าแห่งปรากฏขึ้นตรงด้านนอกอาณาจักรขุนเขาทะเลอย่างช้าๆ หนึ่งกระแสน้ำวนต่อหนึ่งขุนเขาทะเล
ผู้คนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะล สามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าต้องการจะเข้าไปในกระแสน้ำวนแห่งไหน
แสงอันเจิดจ้าไร้ขอบเขตพุ่งขึ้นไปในอากาศ ขณะที่ผู้ฝึกตนหายตัวไปทีละคนด้วยความตื่นเต้น เมื่อผู้คนเหล่านั้นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็ไปอยู่ภายในอาณาจักรขุนเขาทะเล ย้อนกลับไปยังบ้านเกิดของพวกมัน
ในที่สุดคนทั้งหมดก็ไปอยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเลแห่งใหม่ รวมทั้งเจ้าอ้วนและสหายคนอื่นๆ ของเมิ่งฮ่าวทั้งหมด เช่นเดียวกับตี้จ้างและผู้ยิ่งใหญ่อื่นๆ เมื่อทุกคนปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว เมิ่งฮ่าวก็ชี้นิ้วออกไป ทำให้ผีเสื้อขุนเขาทะเลหดตัวเล็กลง จนกระทั่งกลายเป็นบุคคลสองคน ซึ่งก็คือบิดามารดาของเขานั่นเอง ส่งยิ้มมาให้ก่อนที่จะผ่านเข้าไปในขุนเขาทะเลที่เก้า
สวี่ชิงยังอยู่ที่ด้านนอกเป็นคนสุดท้าย
“ข้าจะรอคอยท่าน” นางกล่าวขึ้น ตระหนักดีว่าเมิ่งฮ่าวยังต้องไปล้างแค้น มองมายังเขาด้วยสายตาอันลึกล้ำ หมุนตัวผ่านเข้าไปในกระแสน้ำวนแห่งที่เก้า
ขณะที่เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นตามลำพัง อาณาจักรขุนเขาทะเลก็หดตัวเล็กลงลอยอยู่บนฝ่ามือ หลังจากที่มองดูด้วยสายตาอันอ่อนโยนชั่วขณะก็เก็บมันไว้ จากนั้นก็มองลงไป…ยังโลงศพสัมฤทธิ์สีเขียว
หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก ก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ กล่าวว่า
“ขอบคุณมาก!”
โลงศพกระจายเป็นพลังอันอ่อนโยนออกมา เหมือนกับเป็นการตอบรับ จากนั้นทุกสรรพสิ่งก็เงียบกริบลงไปอีกครั้ง กระแสน้ำวนค่อยๆ พุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ โลงศพอีกครั้ง ปกคลุมมันไว้ภายในจนกระทั่งไม่อาจจะมองเห็นได้อีกต่อไป เมิ่งฮ่าวละสายตากลับมา หันหน้ามองไปยังทะเลแห่งเปลวไฟที่อยู่ตรงด้านบน และส่วนที่เหลือของท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว