Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 193

ตอนที่ 193

บุปผาบานยามรุ่งอรุณ!

ด้านบนของทะเลและต้นไม้ยักษ์ เป็นกลุ่มเมฆที่ม้วนตัวไปมาเหมือนกระแสน้ำวนไร้ที่สิ้นสุด ด้านบนของกลุ่มเมฆกระแสน้ำวน เป็นงานเลี้ยงที่ถูกจัดขึ้นโดยตระกูลซ่งเพื่อคัดเลือกบุตรเขย

ในตอนที่เสียงของปรมาจารย์ตระกูลซ่งดังออกไปทั่วบนพื้นผิวทะเล และสตรีล่องหนได้หายไป ส่วนลึกภายในซอกหลืบของเทือกเขาตระกูลซ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองหนุนแห่งเต๋าของพวกมัน

ซากศพ ซึ่งมีอยู่ครึ่งท่อนด้านบน ก็เปล่งแสงลี้ลับออกมาจากดวงตา ความลังเลส่องประกายออกมาภายในแสงนั้น

“นาง…นางเป็นใคร? ดูเหมือนนางจะมีพลังแห่งเซียน แต่ก็ยังไม่ใช่…นางมองไปยังบุรุษหนุ่มเมิ่งฮ่าวด้วยความเสน่หาและรักอันลึกล้ำ อย่างไรก็ตาม ที่นางมองไม่ใช่เมิ่งฮ่าว แต่เป็น…ดอกปี่อ้านที่อยู่ในตัวมัน!”

“นางบอกว่ามันจะไปหาพวกนาง และจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง ทำไมคำพูดธรรมดาพวกนั้น ถึงได้ทำให้ข้าถึงกับขนหัวลุกได้…” ดวงตาของชายชราส่องประกายด้วยแสงเก่าแก่โบราณออกมา และมันก็จมอยู่ในห้วงภวังค์ความคิด “นางกล่าวว่าถ้ามันทำไม่ได้ นางก็จะไปรอการเกิดใหม่ของมันในขุมนรก ช่างสมเหตุผลนัก ดูเหมือนนางจะคุ้นเคยกับเรื่องเช่นนั้น…นี่เป็นเรื่องที่ผู้ฝึกตนไม่อาจทำได้ ไม่มีการกำเนิดใหม่ในเรื่องของการฝึกตน ผู้ฝึกตนที่พยายามกำเนิดใหม่เป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ มิเช่นนั้น ทำไมถึงได้มีถ้ำกำเนิดใหม่ปรากฎขึ้น?”

“การเกิดใหม่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ซึ่งก็หมายถึงความสามารถในการมีชีวิตอยู่ด้วยชีวิตอื่น แต่ก็ไม่มีเรื่องการกลับชาติมาเกิดใหม่เช่นนั้น ในแง่ของการกลับชาติมาเกิดใหม่ นี่เพียงเป็นไปได้สำหรับ…ดอกปี่อ้านในตำนาน! ดอกปี่อ้านหลอมรวมเข้ากับคน เพื่อก่อตัวเป็นการกลับชาติมาเกิดใหม่ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมมันถึงถูกเรียกว่าดอกปี่อ้าน! เมื่อไหร่ที่ดอกไม้นั่นหลอมรวมกับผู้คน, คนผู้นั้นก็จะหายไป แต่ดอกไม้ยังคงอยู่ แต่ก็ไม่มีเรื่องราวที่สมบูรณ์พร้อมในโลกนี้ ถ้าสามารถทำให้ดอกปี่อ้านเชื่อฟัง และกลืนกินมันลงไป ก็มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นเซียนอมตะเจ็ดสี!”

ปรมาจารย์ตระกูลซ่ง ซึ่งเพิ่งจะเปิดเผยตัวตนกับตระกูลซ่งที่เหลือในเร็วๆ นี้ ทันใดนั้น ก็บินขึ้นไปในท้องฟ้า ดวงตาของมันสาดประกาย ขณะที่ภาพเลือนลางของครึ่งท่อนล่างของร่างมันปรากฎขึ้น เส้นผมของมันพริ้วไปมาลอยอยู่รอบๆ ศีรษะ ขณะที่มันคุกเข่าอยู่ที่ด้านบนของเสา

“เซียนอมตะ, จุดกำเนิดของท่านช่างลี้ลับนัก ตระกูลซ่งเฝ้ารอคอยอยู่ในดินแดนด้านใต้มา จากรุ่นสู่รุ่น เซียนอมตะ, ข้าขอร้องให้ท่านโปรดช่วยขจัดความสับสนของข้าด้วย!” มันกัดลิ้นตัวเองเล็กน้อย และพ่นโลหิตบางส่วนจากหัวใจออกมา โลหิตกระจายออก และหายไปในทันที ดวงตะวันและจันทรา ที่อยู่บนท้องฟ้าเหนือตระกูลซ่ง ทันใดนั้น ก็เปล่งประกายออกมา และแสงนั้น ก็ไม่มีคนภายนอกสามารถสังเกตเห็น มันพุ่งลงไปในเทือกเขา จนกระทั่งตรงไปอยู่ที่เบื้องหน้าของซากศพชายชราผู้นั้น

มันเปลี่ยนเป็นเงาร่างที่โปร่งใสบางส่วน ซึ่งยากที่จะบอกได้ว่าเป็นบุรุษหรือสตรี ดูเลือนลางราวกับว่ามันทั้งอยู่ที่นั่น และไม่ได้อยู่ที่นั่นในเวลาเดียวกัน…

เมื่อซากศพชรามองเห็นเงาร่างนั้น ความเลื่อมใสก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้า มันรู้ว่านี่เป็นวิญญาณแห่งของวิเศษของตระกูล วิญญาณนี้…เป็นปรมาจารย์โบราณของตระกูลซ่งด้วยเช่นกัน จากตำนานที่บอกเล่ากันมา หลังจากที่ท่านได้บรรลุเป็นเซียนอมตะ ท่านก็ได้ทิ้งเศษส่วนของวิญญาณท่านไว้ที่นี่

เงาร่างนั้นยกมือขึ้น และแตะไปที่บนศีรษะของซากศพชายชราอย่างนุ่มนวล

ร่างของซากศพชายชราสั่นสะท้าน และทันใดนั้น ดวงตาของมันก็เปล่งแสงด้วยความไม่อยากเชื่อออกมา มันมองขึ้นไปยังเงาร่างเลือนลางที่ค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ ราวกับว่ามันไม่เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน

ซากศพชายชรา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “บุปผาบานยามรุ่งอรุณ และบรรลุเซียนอมตะในวันแห่งความผันผวน มารดาแห่งดอกปี่อ้าน…เซียนแห่งรุ่งอรุณ…เมิ่งฮ่าวผู้นี้ช่างน่ากลัวนัก…” มันคิดอย่างเงียบๆ สักพัก มันไม่ทำตามคำสั่ง และไม่ทำอะไรที่ต่อต้านคำพูดที่ถูกบังคับ โดยเสียงที่ส่งมาก่อนหน้านี้โดยสตรีนางนั้น

เวลาเดียวกันนั้น ในทะเลที่แผดเสียงกระหึ่มด้านล่างกลุ่มเมฆกระแสน้ำวน สายลมส่งเสียงแหลมเล็ก ผู้ฝึกตนที่เข้าไปในสถานที่นี้ มีประมาณสิบสองคน พวกมันหมุนวนไปรอบๆ อาณาเขตต้นไม้ยักษ์

ใครก็ตามที่สามารถทะลวงผ่านสายลมที่รุนแรงนั้น และเข้าไปถึงต้นไม้นั่นได้ ก็จะกลายเป็นผู้นำในการแข่งขั้นครั้งนี้

การได้เป็นสมาชิกของตระกูลซ่ง ก็จะมีสิทธิ์ในการฝึกฝนวิชาที่ลึกซึ้งของตระกูล ผู้ฝึกตนเกือบทั้งหมดต่างก็กระหายที่จะได้รับโอกาสเช่นนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมพวกมันถึงได้มายังที่นี่ และก็เป็นสิ่งที่พวกมันต่างก็ต่อสู้เพื่อเป้าหมายนี้

เมิ่งฮ่าว แตกต่างไปจากคนพวกนั้น เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาโอกาสแต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลซ่ง ถึงแม้สถานที่นี้จะเหมาะสมในการฝึกฝนตนเองอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบพึ่งพาคนอื่น นอกจากว่าจะมีเป้าหมายที่สำคัญ เขาต้องการจะเป็นเหมือนทะเล และท้องฟ้า ไปที่ไหนก็ได้ตามที่เขาปรารถนาตามลำพังเพียงคนเดียว

สำหรับบุรุษที่ตระเวณท่องเที่ยวไปภายใต้สวรรค์ เพลิดเพลินกับทัศนียภาพ สังเกตเห็นความงามของแผ่นดินและสัตว์ป่า…นั่นเป็นชีวิตที่มีความหมายสำหรับเมิ่งฮ่าว ดวงตาเขาสาดประกาย ขณะที่มองขึ้นไปยังต้นไม้ยักษ์ในที่ห่างไกล ซึ่งที่จุดบนสุดของมันมีไข่มุกอยู่

คนอื่นๆ ไม่ได้ให้คุณค่ากับไข่มุกนี้มากนัก มันเป็นเพียงแค่ตัวแทนของชัยชนะ มีเพียงเมิ่งฮ่าวเท่านั้นที่สนใจมันมากที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะไข่มุกลูกนี้ เมิ่งฮ่าวก็ไม่แม้แต่จะมายังที่นี่

“ข้าหวังว่าไข่มุกนั้น จะสามารถขจัดพิษของข้าได้ ถ้ามันทำได้ ข้าก็ไม่ต้องคิดถึงเรื่องยุ่งยากในการแทรกซึมเข้าไปในสำนักจื่อยิ่นอีกแล้ว”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย และจิตใจก็เต้นรัวขณะที่เขาพุ่งตรงไป ดวงตาหดเล็กลง และหยุดการบินตรงไปสักพัก

“ข้าสามารถดูดซับลมปราณในสถานที่นี้ด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเข้มข้นมากกว่าที่ด้านนอกอีกด้วย ตระกูลซ่งมีความลับยิ่งใหญ่อะไรซุกซ่อนไว้? ทำไมลมปราณของที่นี่ ถึงได้เหมือนกับในเขตล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต? ทำไมข้าถึงสามารถดูดซับมันได้?”

สายตาเขาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด อีกครั้งที่เขาพุ่งตรงไปด้วยความเร็วสูงสุด ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็โคจรพื้นฐานฝึกตนไปด้วย เสาแห่งเต๋าทั้งสี่ต้นของเขาส่งเสียงหึ่งๆ และร่างกายก็คล้ายกับหลุมดำ ลมปราณที่อยู่ในพื้นที่บริเวณนั้น ก็เริ่มพุ่งตรงเข้ามาที่ร่างเขาในทันดี

เมิ่งฮ่าวไม่ได้ดูดซับมันอย่างรวดเร็ว แต่ค่อยๆ ดูดซับเข้าไปด้วยความระมัดระวังอย่างช้าๆ

ที่ห่างออกไปไกล หวังเถิงเฟยใบหน้าดุร้าย จิตใจเต็มไปด้วยความขมขื่น และความบ้าคลั่งอยู่เล็กน้อย ตั้งแต่มันยังเยาว์วัย มันก็เป็นผู้ถูกเลือก เนื่องจากโลหิตของมังกรปีกโลหิต ซึ่งได้ตกลงมาจากสวรรค์ เส้นทางของมันได้ถูกกำหนดไว้แล้วขณะที่มันเติบโตขึ้น ดูเหมือนว่ามันมักจะเป็นผู้ที่มีแต่ความโชคดีอยู่เสมอมา

แต่…เพราะพี่ชายของมัน หวังลี่ไห่, ทำให้มันไม่อาจจะเป็นเต้าจื่อของตระกูลหวัง ทุกอย่างที่มันมุ่งหวังค่อยๆ ลอยออกไป ไกลจากมันมากขึ้นเรื่อยๆ ในความเป็นจริง ตลอดทั้งชีวิตในวัยเยาว์ มันได้มีชีวิตอยู่ภายใต้เงาของพี่ชายมันตลอดเวลา

มันต้องการต่อต้าน ต้องการต่อสู้กลับไป มันต้องการเหนือกว่าพี่ชายของมัน มันต้องการพิสูจน์ว่ามันมีค่าพอที่จะเป็นเต้าจื่อแห่งตระกูลหวัง ด้วยเหตุนั้น มันจึงได้ออกจากตระกูลไป และไปยังแคว้นจ้าวเพื่อค้นหาพื้นฐานไร้ตำหนิ

มันรู้ว่าถ้ามันยังอยู่ในตระกูลหวัง คงเป็นเรื่องยากที่มันจะมีความโดดเด่นเหนือพี่ชายของมัน

เต็มไปด้วยความเพ้อฝัน และความทะเยอทะยาน มันไปยังแคว้นจ้าว เพื่อค้นหาพื้นฐานไร้ตำหนิ และทายาทของมังกรปีกโลหิต มันวางแผนหลังจากกลับมาจากแคว้นจ้าว มันก็จะไปต่อสู้กับพี่ชายของมัน

แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ถูกทำลายลงโดยเมิ่งฮ่าว มันพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง แต่มันก็ไม่ยอมท้อถอย ต้องขอบคุณการสนับสนุนให้กำลังใจของหวังซีฟ่าน และการช่วยเหลือของฉู่อวี้เยียน มันจึงสามารถออกมาจากเงามืด พร้อมกับดรรชนีพิษ

ในความจริง เป็นเพราะการช่วยเหลือของฉู่อวี้เยียน มันจึงได้มีพื้นฐานรอยร้าว เมื่อมันได้เห็นพี่ชายของมันตายอยู่ในเขตล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต ทันใดนั้น มันก็รู้สึกราวกับว่า อนาคตของมันได้เปิดกว้างขึ้น โชคร้ายต่างๆ ของมัน ในที่สุด ก็กลายเป็นแสงสว่างที่สุกใสราวดวงดาว

ในตอนนั้น มันเชื่อว่า ชีวิตของหวังเถิงเฟย ในที่สุด ก็ได้ฟื้นคืนกลับมา

ยกเว้น…เหตุการณ์ที่ตามมาอย่างที่มันไม่ทันได้รู้ตัวโดยสิ้นเชิง ด้วยความประหลาดใจ มันพบว่าหวังลี่ไห่ยังไม่ตาย หวังลี่ไห่ที่ตายในการแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต จริงๆ แล้ว ก็เป็นเพียงร่างจำแลงเต๋า ที่ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ตระกูลหวัง

ต่อจากนั้น ข่าวลือของฉู่อวี้เยียน และบุรุษลึกลับนั้นก็กระจายออกไปราวไฟลามทุ่ง เป็นสิ่งที่มันไม่อาจยอมรับได้ ไม่อยากจะเชื่อว่า แม้มันจะสอบถามฉู่อวี้เยียนมากเท่าไหร่ในเรื่องนั้น นางก็ไม่ยอมตอบ

มันแย่พอแล้ว ถ้านั่นเป็นสิ่งที่มันต้องทนทุกข์ทรมานทั้งหมด มันได้แต่กัดฟันและอดทนต่อไป แต่ที่นี้ในตระกูลซ่ง มันได้พบว่าบุรุษที่ถูกเห็นพร้อมกับฉู่อวี้เยียน จริงๆ แล้ว ก็คือ เมิ่งฮ่าว!

นั่นทำให้มันแทบบ้าคลั่ง มันอยากจะทำทุกอย่างเพื่อสังหารเมิ่งฮ่าว แต่การต่อสู้นั้นก็กลายเป็นฟางที่ต้องการทำลายหลังอูฐ ฟางเส้นนั้นได้ถูกบดขยี้โดยเงื้อมมือของเมิ่งฮ่าว ทำให้หวังเถิงเฟยต้องหัวเราะด้วยความขมขื่น ความคิดของมัน อารมณ์ของมัน ทุกสิ่งทุกอย่างของมัน ต่างก็บิดเบี้ยวและเปลี่ยนไปในห้วงเวลานั้น

ผลักให้มันไปอยู่ริมขอบของความบ้าคลั่ง

“ข้าทำได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตระกูลหวัง” มันคิด ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย “และข้าก็ตัดสัมพันธ์กับฉู่อวี้เยียนได้เช่นกัน ข้า, หวังเถิงเฟย จะเดินไปบนเส้นทางของตัวเอง ข้าต้องเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเมิ่งฮ่าว ข้าจะฉกฉวยมันกลับมาทั้งหมด!!” ร่างของมันสั่นสะท้านด้วยความร้อนอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่มันพุ่งผ่านสายลมตรงไปยังต้นไม้ยักษ์

เจ้าอ้วนแหงนหน้าต่อต้านสายลม ขณะที่มันลอยอยู่กลางอากาศ ศิษย์สำนักจินซวงเจ็ดถึงแปดคน รวมตัวเป็นรูปวงแหวนปกป้องคุ้มครองอยู่รอบๆ มัน

“ท่านเจ้าสำนักไม่ยอมให้ข้าแต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลซ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะทำมัน” มันกล่าว เอาหินลมปราณหย่อนเข้าไปในปาก และขบเคี้ยวจนแหลกละเอียด

ศิษย์สำนักจินซวงที่อยู่รอบๆ ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นออกมา

“ท่านปรมาจารย์น้อย, จริงๆ แล้ว ท่านไม่ควรทำเช่นนี้ ท่านผู้อาวุโส, จะเกิดอะไรขึ้นถ้าท่านกลายเป็นบุตรเขยของตระกูลซ่ง? เมื่อพวกเรากลับไปยังสำนัก, พวกเราคงถูกลงโทษอย่างน่ากลัว…”

“นั่นก็ใช่แล้ว ท่านปรมาจารย์น้อย, ได้โปรดคิดทบทวนอีกครั้ง…ได้โปรดคิดทบทวนอีกครั้ง…”

เจ้าอ้วนจ้องไปยังพวกมันด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง พร้อมใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ “แต่ข้าก็อยู่ที่นี่แล้ว” มันกล่าว

“ท่านปรมาจารย์น้อย” โจวต้าหยาพูดอย่างรวดเร็ว “ท่านรู้หรือไม่ว่า บรรดาศิษย์สาวๆ ทั้งหมดในสำนัก ต่างก็รอคอยท่านอยู่? รวมถึง ท่านยังมีคนรักที่ถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ โดยท่านเจ้าสำนักอีกหลายคน ทั้งหมดต่างก็รอท่านกลับไป…” มันเข้าใจเจ้าอ้วนมากที่สุด และทันทีที่คำพูดของมันหลุดออกมาจากปาก เจ้าอ้วนก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ

“ตกลง, ลืมมันไปเถอะ พวกเราแค่ตามไปดูเรื่องสนุกกัน”

ในเวลาเดียวกับที่ศิษย์สำนักจินซวง กำลังพยายามห้ามปรามเจ้าอ้วนจากการเข้าร่วมการแข่งขัน สถานที่ห่างไกลออกไป หวังโหย่วฉายลอยขึ้นไปกลางอากาศ ดูท่าทางกำลังครุ่นคิด กลิ่นอายแปลกๆ หมุนวนอยู่รอบๆ ร่าง มันมีอายุประมาณสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี แต่ก็กระจายบรรยากาศของการรังเกียจสังคมออกมาอย่างน่าเหลือเชื่อ มันจ้องตรงไปยังต้นไม้ยักษ์ จมอยู่ในภวังค์ความคิดอย่างเคลิบเคลิ้ม

มันมองไปยังเจ้าอ้วน และจากนั้นก็เมิ่งฮ่าว เมื่อไหร่ก็ตามที่เมิ่งฮ่าวมองกลับไปยังมัน มันก็จะหลบเลี่ยงสายตาของเขา

สายลมที่โศกเศร้า ร้องเสียงแหลมเล็ก กวาดผ่านพื้นผิวทะเลไปด้วยความบ้าคลั่ง เงาสีดำซึ่งว่ายน้ำไปมาในส่วนลึกของทะเล ทำให้สถานที่นี้ดูเหมือนจะน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางเสียงกู่ร้องของสายลม ทุกคนพุ่งตรงเข้าไป สายลมกรีดผ่านใบหน้าของทุกคน ขณะที่พุ่งตรงไปยังต้นไม้ยักษ์นั่น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!