Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 229

ตอนที่ 229

เพราะเจตจำนงนี้เป็นของปีศาจเพียงเท่านั้น!

อู๋อี้เจี๋ย (เวทเจตจำนงส่วนตัว)

วิชาของศิษย์แกนหลักตระกูลหลี่ ด้วยวิชานี้ เจตจำนงของผู้ใช้จะเป็นกุญแจในการฝึกฝนเวทอาคม ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าการฝึกฝนนี้ถึงระดับที่สมบูรณ์พร้อม เมื่ออยู่ในขั้นตัดวิญญาณ หรือรู้แจ้งแห่งเต๋า ก็จะสามารถยึดจับเคราะห์กรรมไว้ได้

วิชานี้จริงๆ แล้วก็คล้ายกับคัมภีร์ ยกเว้นว่ามันไม่ได้เป็นม้วน แต่ดูเหมือนบางส่วนของม้วนคัมภีร์ แต่ถึงกระนั้น ข้อความสั้นๆ นี้ก็เพียงพอที่จะกลายมาเป็นวิชาของศิษย์แกนหลักตระกูลหลี่

เมิ่งฮ่าวตรวจสอบมันอย่างครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป และโบกสะบัดมือ แผ่นหยกก็หายไป

เวลาผ่านไปไม่นานก่อนที่ไป๋หยุนหลายจะปรากฎตัวขึ้น เดินขึ้นมาด้วยความเร่งรีบ มันคารวะเมิ่งฮ่าวอย่างเป็นทางการ ด้วยน้ำเสียงที่เคารพยกย่อง ตั้งแต่ที่มีเรื่องกับหลิวเยี่ยนปิง ก็ทำให้มันทำตัวแตกต่างเมื่ออยู่ต่อหน้าเมิ่งฮ่าว คนทั้งสองยังคงใกล้ชิดสนิทสนมกัน แต่ตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่า ตำแหน่งของคนทั้งสองแตกต่างกัน ยังมีช่องว่างอยู่เล็กน้อยระหว่างพวกเขา

เมิ่งฮ่าวพยายามหลายครั้ง ที่จะให้มันปฏิบัติตัวเหมือนกับครั้งแรกที่เขาเข้าสังกัดสำนัก แต่ก็ทำให้มันรู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เขาจึงยอมให้ไป๋หยุนหลายคารวะเขาอย่างเป็นทางการ และพูดจาด้วยน้ำเสียงที่เคารพเทิดทูนทุกครั้งที่พบเจอกัน

เมิ่งฮ่าวได้แต่ทอดถอนใจในการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เขาเข้าใจว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาความสัมพันธ์เดิมที่พวกเขาเคยเป็นมาก่อน เต๋าแห่งการปรุงยาของเขาก้าวหน้าไปไกลกว่าไป๋หยุนหลายมากขึ้นเรื่อยๆ และด้วยเช่นนั้น ความเคารพนับถือที่มันแสดงออกมาก็ยิ่งมากขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นกัน

“ฟางตานชือ, ข้าเพิ่งจะรับรายการสั่งซื้อใหม่มาเมื่อเร็วๆ นี้ ได้โปรดตรวจดู” มันยื่นส่งถุงสมบัติให้

เมิ่งฮ่าวชำเลืองมองไป และจากนั้นก็พยายามจะพูดคุยกับไป๋หยุนหลายเล็กน้อย สีหน้าเคารพเทิดทูนของไป๋หยุนหลายยังคงเหมือนเดิม ซึ่งทำให้เมิ่งฮ่าวต้องแอบถอนหายใจอยู่ลึกๆ ด้านในอีกครั้ง ด้วยการผงกศีรษะเล็กน้อยของเขา มันก็เก็บถุงสมบัติไว้

ไป๋หยุนหลายลังเลอยู่สักพัก จากนั้นก็มองดูเมิ่งฮ่าว และพูดเสียงแผ่วเบา “ฟางตานชือ, มีเวลาแค่อีกหนึ่งเดือน ที่จะถึงงานประมูลเม็ดยาประจำปี ข้าไม่แน่ใจว่า ท่านมีแผนจะเข้าร่วมในงานประมูลนั้นหรือไม่…?”

“งานประมูลเม็ดยา…” เมิ่งฮ่าวคิดกลับไปยังสี่ปีที่แล้ว เมื่อเขาเข้าสังกัดสำนักจื่อยิ่นครั้งแรก ได้มีงานประมูลเม็ดยาในครั้งนั้น ตอนนี้ เขาค่อนข้างจะมีชื่อเสียงอยู่ในแผนกเม็ดยาบูรพา งานประมูลเม็ดยาเป็นสถานที่ซึ่งอาจารย์ปรุงยา สามารถแสดงชื่อเสียงของพวกมันให้เป็นที่ประจักษ์ต่อบุคคลภายนอก

และมันก็เป็นสถานที่ซึ่งเม็ดยาจะถูกขายได้โดยตรง เพื่อแลกกับหินลมปราณด้วยจำนวนอย่างเป็นทางการ งานประมูลเม็ดยาถูกจัดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งต่อปี และเมิ่งฮ่าวก็ไม่เคยเข้าร่วมแม้แต่ครั้งเดียวมาก่อน ทันใดนั้น จิตใจของเขาก็เริ่มเต้นแรงขึ้น เขาเป็นอาจารย์ปรุงยาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงอยู่ภายในสำนัก แต่เขาก็ต้องการจะรู้ว่า เม็ดยาของเขาจะสามารถเรียกร้องราคาได้มากเท่าไหร่ ตามปกติทั่วไปในดินแดนด้านใต้แห่งนี้

อาจารย์ปรุงยาสามารถเสนอเม็ดยาโดยมีนามของพวกมันติดอยู่ หรือจะไม่ระบุนามก็ได้ ในกรณีที่ไม่ระบุนาม ก็ไม่มีใคร แม้แต่คนในสำนักด้วยกันเอง จะรู้ว่าเม็ดยานั้นเป็นใครนำมาขาย

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีกำแพงใดๆ ในโลกนี้ ที่จะสามารถขวางกั้นสายลมไว้ได้ มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้อาวุโสที่จะบ่งชื้ว่าเม็ดยานั้นถูกผลิตขึ้นโดยใคร แต่ถ้าเจ้าโอสถจอมปีศาจต้องการรู้ ท่านก็สามารถบ่งชี้ได้ในทันที

เมิ่งฮ่าวพึมพำกับตัวเองอยู่สักพัก จากนั้นก็พยักหน้า เขาไม่เพียงแต่ต้องการจะรู้ว่าเม็ดยาของเขาจะมีค่าเท่าไหร่ในโลกด้านนอกเท่านั้น เขายังต้องการเติมเต็มหินลมปราณที่พร่องอยู่ของเขาด้วย การคัดลอกเม็ดยาจู้จีเทียนต้องใช้หินลมปราณค่อนข้างมาก แม้แต่จะเป็นอาจารย์ปรุงยา ที่มักจะได้หินลมปราณมาจากศิษย์สายในตอนปรุงยาให้กับพวกมัน เขาก็ยังคงไม่มีหินลมปราณมากเพียงพอ

ในตอนนี้ เขารวบรวมพืชสมุนไพรได้ค่อนข้างมาก แต่ยังมีหินลมปราณไม่มากนัก ด้วยเช่นนี้ แน่นอนว่า ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องถอนหายใจออกมา เมื่อเขาอายุยังเยาว์ ก็มักจะใฝ่ฝันถึงการเป็นคนร่ำรวย แต่ก็ดูเหมือนว่าความฝันนั้นยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ

เขามองไปยังไป๋หยุนหลาย และ เห็นมันกำลังยืนอย่างครุ่นคิดอยู่ที่นั่น เมื่อในทันใดนั้น ลำแสงเจิดจ้าก็ปรากฎขึ้นในจุดที่ห่างไกลออกไป ภาพที่บอบบางสง่างามของหญิงสาวก็มองเห็นได้จากด้านในของลำแสงนั้น ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉู่อวี้เยียน

ทันทีที่เขามองเห็นนาง เมิ่งฮ่าวก็ถอนหายใจให้กับความโชคร้ายของตัวเอง จากนั้นก็รีบหมุนตัว และเข้าไปในถ้ำแห่งเซียนในทันใด

“ฟางมู่!!”

ทันทีที่เสียงของนางดังก้องขึ้น ประตูของถ้ำแห่งเซียนก็ปิดลงและถูกผนึกไว้ จากนั้น เสียงของเมิ่งฮ่าวก็ได้ยินออกมา

“ฟางมู่ไม่อยู่บ้าน”

ดวงตาฉู่อวี้เยียนคมกริบด้วยรังสีสังหาร เลือดขึ้นหน้าขณะที่นางยืนอยู่ที่ด้านนอกของถ้ำแห่งเซียน กัดฟันแน่น นางได้มาเรียกเมิ่งฮ่าวหลายครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ก็เหมือนว่าเขามักจะออกไป และไม่เคยอยู่ด้านในถ้ำ การกระทำตัวเช่นนี้ของเขา ราวกับว่าเขาได้มองเห็นนางเป็นอสูรร้ายที่น่ากลัว ทำให้นางมีเพลิงโทสะเผาไหม้อยู่ในจิตใจ

ขบฟันแน่น, นางกล่าว “ฟางมู่, เจ้าหลบหน้าข้า เพราะเจ้ามีความลับบางอย่างที่ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ ใช่หรือไม่!?” ทุกครั้งที่นางมาที่นี่ และพบว่าประตูปิด นางก็มักจะกล่าวคำพูดเช่นนี้

นางยิ่งมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ฟางมู่ได้ปิดบังความลับบางอย่างไว้ การกระทำเช่นนี้ของเขาในทุกครั้ง ก็ทำให้นางมีโทสะพุ่งขึ้นมาอย่างแท้จริง เมื่อไหร่ก็ตามที่มีใครพูดถึงนามเขาออกมา นางก็จะเต็มไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิด และ คิดว่าต้องกระทำการบางอย่างกับเขา

เสียงของเมิ่งฮ่าวดังออกมาจากถ้ำแห่งเซียน “อะไรที่มองไม่เห็น ก็ไม่อาจสร้างความหงุดหงิดให้ได้”

ฉู่อวี้เยียนจ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง นางเริ่มกำหมัดต่อยลงไปบนประตู เสียงระเบิดดังกึกก้อง ประตูสั่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีการเสียหายใดๆ

“ไสหัวออกมา!”

“ข้ากำลังปรุงยาอยู่”

“เจ้าจะออกมาหรือไม่?”

“อ้ายยย ศิษย์พี่ฉู่, ข้ากำลังปรุงยาอยู่, จริงๆ!”

“ไอ้บ้าที่ไหนบอกว่า ข้าเป็นศิษย์พี่ของเจ้า? ข้าคือเจ้าแห่งเตา เจ้าเป็นแค่อาจารย์ปรุงยา ถ้าเจ้ายังไม่ออกมาในตอนนี้ เราก็มาดูกันว่าเจ้าจะอยู่ในถ้ำแห่งเซียนนี้ได้อีกนานเท่าไหร่”

“ก็ได้, สหายเต๋าฉู่ ท่านรู้หรือไม่ ครั้งที่แล้ว ท่านมาตั้งค่ายพักแรมอยู่ข้างถ้ำแห่งเซียนของข้าถึงเจ็ดวัน จากนั้น คำซุบซิบนินทามากมายก็ลือออกไปทั่วทั้งสำนัก มันไม่ใช่สิ่งที่ดี ท่านเห็นด้วยหรือไม่?”

“เจ้า…”

“ข้า, ฟางมู่ ยังไม่แต่งงานกับใคร ก็เลยกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับชื่อเสียงของข้า ข่าวลือเช่นนั้นสุดที่จะทนรับได้จริงๆ สหายเต๋าฉู่, ได้โปรดละเว้นจากการทำลายชื่อเสียงของข้าด้วยวิธีการเช่นนี้ โปรดจากไปโดยเร็วไว” เมิ่งฮ่าวถอนหายใจออกมา อันที่จริงแล้ว ความชาญฉลาดของฉู่อวี้เยียนทำให้เขารู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ เขาได้พยายามหลีกเลี่ยงนางมาหลายปีจนถึงตอนนี้ เพราะเขารู้สึกอย่างแรงกล้าว่า ถ้าเขามีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับนาง, นางต้องเริ่มได้เบาะแสบางอย่างเป็นแน่

ถ้านางตระหนักได้ว่าเขาคือเมิ่งฮ่าว…อืม, เขาไม่กล้าจะคิดว่าผลที่ตามมาจะน่ากลัวสักเพียงใด

ฉู่อวี้เยียนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และกระทืบเท้าด้วยโทสะ จากนั้นก็หมุนตัวและจากไป

เมื่อรู้สึกว่านางจากไปแล้ว เมิ่งฮ่าวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รอยยิ้มอันแห้งแล้งปรากฎขึ้นบนใบหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างในแผนกเม็ดยาบูรพาดีหมด ยกเว้นฉู่อวี้เยียน ถ้ามีนางอยู่ เขาก็รู้สึกไม่ปลอดภัย

“ถ้านางยังคงสร้างปัญหาให้กับข้า, ข้าคงต้องคิดหาวิธีการบางอย่างเพื่อจัดการนาง…” ดวงตาเขาสาดประกายด้วยแสงอันเย็นชา แต่ใบหน้าเขายังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย เขาหยุดคิดเกี่ยวกับฉู่อวี้เยียน ด้วยการโบกสะบัดมือ ไฟปฐพีภายในถ้ำแห่งเซียนของเขาก็มีชีวิตผุดขึ้นมา กระถางปรุงยาปรากฎขึ้น ลอยตรงๆ อยู่เหนือเปลวไฟ

กระถางปรุงยาของเมิ่งฮ่าว มีรูปนกกระเรียนสามตัว แกะสลักอยู่บนพื้นผิว เมื่อกระถางเริ่มเป็นสีแดงจากความร้อน นกกระเรียนทั้งสามตัวก็เปลี่ยนเป็นสีโลหิต ดูเหมือนพวกมันอาจจะบินออกมาจากพื้นผิวของกระถางได้ทุกเมื่อ ดูน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

เมิ่งฮ่าวได้นำเม็ดยา และต้นสมุนไพรที่รวบรวมไว้จำนวนมากมาย มาแลกเปลี่ยนกับกระถางกระเรียนโลหิตนี้ กับอาจารย์ปรุงยาเก่าแก่ผู้หนึ่ง ด้วยการนำกระถางนี้มาใช้หลายครั้ง ทำให้เขาคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างยิ่ง

กระถางเริ่มเป็นสีแดงจ้าอย่างรวดเร็ว แต่เมิ่งฮ่าวที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ไม่ได้ให้ความสนใจมัน ท่าทางครุ่นคิดปรากฎขึ้นในดวงตา

“ข้าควรจะปรุงเม็ดยาชนิดไหนดีสำหรับงานประมูลเม็ดยา…” เขาคิด สูตรปรุงยานับร้อยแวบผ่านจิตใจ แต่ไม่มีสูตรไหนที่เขารู้สึกสนใจ เวลาธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป กระถางปรุงยาก็มีสีแดงราวโลหิต และปกคลุมไปทั่วทั้งถ้ำแห่งเซียน ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูเป็นสีแดง ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบแสงขึ้นมาในทันที

“ข้าจะปรุงเม็ดยาพิษ!” ด้วยความเข้าใจในเต๋าแห่งการปรุงยาของเมิ่งฮ่าว ยาพิษโดยทั่วไปไม่มีสูตรที่ถูกถ่ายทอดส่งต่อกันมา พวกมันมักจะถูกสร้างขึ้นมาตามธรรมชาติ หรือจากความทรงจำของอาจารย์ปรุงยา เพื่อป้องกันไม่ให้สูตรยากระจายออกไปทั่ว

ยาพิษค่อนข้างจะเป็นข้อห้าม แต่อาจารย์ปรุงยาส่วนใหญ่ก็มักจะค้นคว้า และปรุงมันออกมาด้วยเหตุผลบางอย่าง มันเป็นหนทางที่จะพิสูจน์ว่า อาจารย์ปรุงยาไม่เพียงแต่จะมีทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาเพียงเท่านั้น แต่ด้วยความเข้าใจในพืชสมุนไพร อาจารย์ปรุงยาก็ต้องมีการเรียนรู้ในพืชสมุนไพรที่หลากหลาย สามารถจะปรุงเม็ดยาพิษที่โดดเด่นเพื่อแสดงถึงความสามารถของอาจารย์ปรุงยานั้นๆ

เม็ดยาพิษที่สร้างขึ้นมาโดยคนผู้หนึ่ง โดยที่อีกหมื่นคนไม่อาจจะขจัดได้ อาจารย์ปรุงยาทุกคน ต่างก็กระหายที่จะปรุงยาพิษเช่นนี้ออกมา

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิข้างกระถางปรุงยา ปล่อยให้ความร้อนจากกระถางปกคลุมไปทั่วร่าง จากนั้นก็หลับตาลง นั่งเข้าฌาณอย่างเงียบๆ หลายวันผ่านไป เปลวไฟยังคงลุกไหม้อยู่ กระถางกระเรียนโลหิตไม่แสดงออกถึงสัญญาณการถูกย่อยสลาย มันยังคงมีสีแดงเจิดจ้าปรากฎอยู่ตลอดเวลา

เจ็ดวันหลังจากนั้น ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็เปิดขึ้นมาในทันใด สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“เม็ดยาพิษนี้ต้องไม่ใช่เม็ดยาที่มอบให้กับศัตรู แต่ให้กับตัวเอง พิษที่ไม่ใช่พิษ, ยาแต่ไม่ใช่ยา, เม็ดยาพิษนี้…” เขาคิดย้อนกลับไปถึงเวลาที่อยู่ในแคว้นจ้าว เมื่อเขาได้สังหารซ่างกวนซิว ด้วยไข่มุกที่เสียวหู่มอบให้เขา ไข่มุกนั้นทำให้พื้นฐานฝึกตนของคนที่ถือมันอยู่ในมือ เพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ต้องขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของไข่มุก เมิ่งฮ่าวจึงสามารถเปิดเส้นทางโบราณ ซึ่งนำไปสู่ระดับสิบขั้นรวบรวมลมปราณ

ภาพเหตุการณ์ในวันนั้น ผุดขึ้นมาอย่างชัดเจนในจิตใจของเขา ไข่มุกนั้นมีพลังที่น่ากลัว และได้ทิ้งความทรงจำอย่างลึกล้ำไว้กับเมิ่งฮ่าว

“ทะลวงผ่านเส้นลมปราณไปตลอดทั้งร่าง สับพวกมันราวกับเนื้อสับ เปลี่ยนร่างกายให้กลายเป็นของวิเศษ ผ่าอก บดขยี้จิตใจ รวบรวมจิตของฆาตกร ระเบิดเสาแห่งเต๋าภายในแกนทะเลลมปราณ รังสีสังหารที่สามารถกำจัดวิญญาณ ใช้วิญญาณของมนุษย์ธรรมดาให้หลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณ ใช้พลังของการสังหารทำลายสติสัมปชัญญะ จิตใจและแกนทะเลลมปราณ หลอมรวมเข้าด้วยกันในชั่วพริบตา เจตจำนงอันชั่วร้ายนี้จะกลายเป็นหัวใจของการฆ่าตัวตาย ซึ่งทำให้พื้นฐานฝึกตนพุ่งทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า!”

“มันไม่เพียงแต่จะเผาไหม้จิตวิญญาณ แต่มันจะมาแทนที่! เม็ดยานี้…จะถูกเรียกว่า เม็ดยาแปลงปีศาจ! ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เจตจำนงนี้เป็นของปีศาจเพียงเท่านั้น!” ดวงตาที่แดงก่ำของเมิ่งฮ่าวสาดประกาย มือขวาตบไปที่ถุงสมบัติ จากนั้นก็โบกมืออยู่ที่เบื้องหน้า ทันใดนั้น ต้นสมุนไพรมากมายนับหมื่นต้นก็ปรากฎขึ้น ลอยอยู่กลางอากาศตรงหน้าเขา อาบไล้ไปด้วยแสงสีแดงเข้ม ดูเหมือนภาพของปีศาจที่แปลกประหลาด

มือของเมิ่งฮ่าวเลือนลาง และเกิดเป็นเงาริบหรี่อยู่ใต้พวกมัน จิตใจรวมถึงพลังงานทั้งหมดของเขา ไหลเข้าไปในกระถางปรุงยา เขาเร่งปฏิกิริยา และบดขยี้สมุนไพรให้เป็นผุยผง สร้างเป็นสมุนไพรกลายพันธุ์ตามที่เขาต้องการโดยเฉพาะ

จากช่วงเวลาที่เมิ่งฮ่าวเริ่มศึกษาเต๋าแห่งการปรุงยา ด้วยประสบการณ์ทั้งหมดที่เขาได้ปรุงเม็ดยามา เขาไม่เคยมีแรงบันดาลใจเช่นนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ความคิดและทักษะทั้งหมดในเต๋าแห่งการปรุงยา, พรสวรรค์ที่เกียวกับพืชสมุนไพรทั้งหมดออกมา

เส้นผมเขายุ่งเหยิงเป็นกระเซิง และไม่สนใจในทุกสิ่งทุกอย่าง จมอยู่ในการปรุงยาเพียงอย่างเดียว ความปรารถนาทั้งหมดของเขาไหลเข้าไปในเม็ดยาแปลงปีศาจ ราวกับว่าเขากำลังถูกปีศาจครอบงำอยู่!

เม็ดยาแปลงปีศาจนี้จริงๆ แล้ว…ก็เป็นยาเม็ดแรกที่ถูกสร้างขึ้นโดยเมิ่งฮ่าว ในช่วงของการฝึกฝนเต๋าแห่งการปรุงยาอย่างแท้จริง!

ไม่มีสูตรยาใดๆ สำหรับยาเม็ดนี้ มันไม่จำเป็นต้องมี นี่เป็นเม็ดยาที่ประกอบไปด้วยเจตจำนงอย่างแท้จริงของอาจารย์ปรุงยา เม็ดยาที่ถูกสร้างขึ้นโดยอิทธิพลของเจตจำนง ดังนั้น คุณค่าและราคาที่แท้จริงของมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายออกมาได้ แม้แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นก็เป็นความจริงที่ว่า ถ้าเจ้าแห่งเตามาเห็นเมิ่งฮ่าวในสถานการณ์ตอนนี้ เจ้าแห่งเตาผู้นั้นก็คงต้องคลุ้มคลั่งอย่างแน่นอน

ในการฝึกตน มีเรื่องของการรู้แจ้ง เต๋าแห่งการปรุงยาก็มีการรู้แจ้งเช่นเดียวกัน เจ้าโอสถจอมปีศาจก็เคยมีประสบการณ์แห่งการรู้แจ้งเช่นนี้มาก่อน ดังนั้น อีกสองต้าชือในดินแดนด้านใต้, เทพกระถางม่วง ก็เคยมีประสบการณ์เช่นนี้อย่างน้อยก็หนึ่งครั้งในชีวิตของพวกมัน ถึงแม้ว่าจะขึ้นกับโชคชะตาของพวกมันก็ตาม ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวได้พบเจอกับความรู้แจ้งในการปรุงยา!

เม็ดยาที่ถูกสร้างขึ้นมาจากผลลัพธ์แห่งการรู้แจ้งในการปรุงยาช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก ราวกับถูกสร้างขึ้นโดยสวรรค์ ไร้คู่เปรียบได้อย่างแท้จริง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!