ตอนที่ 245
กลับไปยังสำนักชิงหลัว
จริงๆ แล้ว เมิ่งฮ่าวไม่ต้องการไป แต่คำสั่งแผ่นหยกได้ถูกส่งมา และเขาก็ไม่มีเหตุผลที่ดีในการปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้น…เขายังเป็นหนี้เม็ดยาอีกมากมายของสำนัก หนี้สินของเขาทั้งหมดได้ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ ถึงแม้เขาไม่ต้องจ่ายคืนในทันที แต่อีกไม่นาน หรือหลังจากนี้ เขาก็ต้องทำ
ถ้าเขาไม่ทำ การเข้าถึงพืชสมุนไพรของเขาก็จะถูกจำกัด ดังนั้น การเดินทางไปนอกสำนักก็ช่วยได้มากกว่าหนึ่งจุดประสงค์ ไม่เพียงแค่ได้รับประสบการณ์เพิ่ม แต่เขาก็ยังสามารถลดหนี้สินของตัวเองในสำนักลงได้
“สำหรับฟางมู่ การเดินทางไปยังสำนักชิงหลัว…ก็คือโอกาสอันยิ่งใหญ่!” ความมุ่งมั่นสาดประกายอยู่ในดวงตาเมิ่งฮ่าว เขาได้ตัดสินใจที่จะไปยังสำนักชิงหลัวเรียบร้อยแล้ว ภาพของศิษย์พี่หญิงฉื่อปรากฎขึ้นในจิตใจ
เขายังคิดไปถึงหานเป้ยด้วยเช่นกัน รวมถึงโจวเจี๋ย และเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในปีนั้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับสำนักชิงหลัว
“ครั้งนี้ ข้าจะท่องเที่ยวไปในดินแดนด้านใต้ด้วยฐานะเจ้าแห่งเตาของสำนักจื่อยิ่น” หัวเราะเบาๆ เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดแขนเสื้อ เพื่อรวบรวมสิ่งของต่างๆ ที่เขาจะนำไปด้วย จากนั้น ก็ถือแผ่นหยกในมือ ออกมาจากถ้ำแห่งเซียน
ไม่กี่วันหลังจากนั้น
“โจวต้าชือ, ฟางต้าชือ นี่คือผลชิงหลัว ซึ่งพวกเราปลูกอยู่ในสำนักชิงหลัว รสชาติของมันอร่อยราวกับสุรารสเลิศ และผลไม้พวกนี้ก็มักจะถูกส่งมอบให้กับผู้อาวุโสของสำนักเพียงเท่านั้น”
สถานที่แห่งหนึ่ง ด้านนอกของสำนักชิงหลัว เรือเหาะสีดำขนาดใหญ่พุ่งผ่านท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว บนเรือเต็มไปด้วยผู้คนนับร้อยซึ่งเป็นศิษย์ของสำนักชิงหลัว ทุกคนมีพื้นฐานฝึกตนที่ไม่ธรรมดา ซึ่งอยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ
มีศิษย์ผู้หนึ่งอยู่ในขั้นสร้างแกนลมปราณ เป็นผู้พิทักษ์นักปรุงยา ที่ถูกส่งมาจากสำนักชิงหลัว เพื่อคุ้มครองศิษย์สำนักจื่อยิ่น มันนั่งร่วมกับคนทั้งหมดในจุดศูนย์กลางของเรือเหาะ ยิ้มแย้มแจ่มใส ปกปิดความคิดมากที่อยู่ในจิตใจ ที่อยู่เบื้องหน้ามันเป็นชายชราผมหงอกขาว ในชุดยาวสีดำสลับม่วง ดูเหมือนจะส่องประกายเต๋า และราศีเซียนอันบริสุทธิ์ออกมา ด้านข้างชายชราเป็นบุรุษหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลา ผิวกายขาวผ่อง
สีหน้าของชายชรามีทั้งความไม่แยแสเฉยชา ผสมรวมกับความเข้มงวดกวดขัน พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ในขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณ นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าแห่งเตาโจว ผู้ซึ่งเมิ่งฮ่าวเคยโต้เถียงในหุบเขาเมื่อหนึ่งเดือนก่อน
บุรุษหนุ่มที่อยู่ข้างกายมัน ส่งกลิ่นหอมจางๆ ของสมุนไพรออกมา ดูไม่ค่อยเหมือนผู้ฝึกตน แต่เหมือนนักศึกษามากกว่า แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเมิ่งฮ่าว
นอกเหนือจากผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ สำนักชิงหลัวก็ยังได้ส่งบุรุษหนุ่มซึ่งมีอายุไม่เกินสามสิบปีมาด้วย มันสวมใส่ชุดยาวสีฟ้าอมดำ และดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความรอบรู้อย่างลึกซึ้ง มันนั่งเงียบๆ อยู่ที่ด้านข้าง ดูค่อนข้างจะเงียบขรึม เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นมันในครั้งแรกเมื่อหลายวันก่อน เขาก็รู้สึกตกใจ
นี่คือ โจวเจี๋ย!
เต้าจื่อของสำนักชิงหลัว!
นี่เป็นบุคคลคนเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวได้ต่อสู้ด้วยเมื่อหลายปีก่อน เป็นการต่อสู้ของสุดยอดขั้นพื้นฐานลมปราณ! ในการต่อสู้นั้น โจวเจี๋ยแพ้ แต่การกระทำที่เปิดเผย และเที่ยงธรรมของมัน ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกนับถือ และเขาก็ไว้ชีวิตมัน
เมิ่งฮ่าวไม่ได้เห็นมันมาถึงห้าปี และตอนนี้ เรื่องบางอย่างที่เกี่ยวกับมันก็ดูเหมือนจะแตกต่างออกไป เมิ่งฮ่าวไม่อาจบอกได้ว่ามันคืออะไร แต่ก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ด้วยความคิดเช่นนั้นหมุนวนอยู่ในจิตใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาบนใบหน้า หลังจากที่ได้ยินคำพูดของผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ เมิ่งฮ่าวก็ยังคงพิจารณาว่าจะต้องตอบกลับไปอย่างไร แต่ชายชราแซ่โจว ก็ยื่นมือออกไปหยิบผลชิงหลัวขึ้นมาหนึ่งผล
“ช่างเป็นผลไม้ที่พิเศษนัก” มันกล่าวเสียงราบเรียบ “น่าจะดีที่สุดเมื่อใช้เป็นส่วนผสมยา ข้าจะไม่กินให้เสียเปล่า” มันชำเลืองมองมายังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวไม่พูดอะไรออกมา พร้อมรอยยิ้ม เขารับผลชิงหลัวมา จากนั้นก็เก็บไว้ในถุงสมบัติ แต่ภายใน เขาถอนหายใจออกมา เขาจะคาดคิดได้อย่างไรว่า สำนักจื่อยิ่นจะส่งเขาออกมาพร้อมกับชายชราแซ่โจว? โจวรับผิดชอบในการสอนเรื่องเต๋าแห่งการปรุงยา ในขณะที่เขาต้องทำหน้าที่ปรุงเม็ดยา
ตลอดเวลาที่อยู่บนเรื่อเหาะ โจวไม่ได้ทำอะไรให้เมิ่งฮ่าว นอกจากมองมาอย่างรังเกียจ แน่นอนว่า ผู้คนจากสำนักชิงหลัวสามารถรับรู้ในเรื่องนี้ได้
ผู้ฝึกตนสร้างแกนลมปราณมีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้า แต่ภายในก็เกิดความสงสัยบางอย่าง “เจ้าแห่งเตา โจวเต๋อคุน ผู้นี้มีชื่อเสียงและมีคุณสมบัติอย่างลึกซึ้ง มันเป็นหนึ่งในสุดยอดของเจ้าแห่งเตา และมักจะมายังสำนักชิงหลัวอยู่บ่อยๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสำนักจื่อยิ่นให้ความเคารพพวกเรามากเท่าใด แต่ฟางมู่ผู้นี้…หลังจากที่สอบถามไปทั่ว ข้าก็พบว่ามันใช้วิธีพิเศษในการเลื่อนขั้นเป็นเจ้าแห่งเตาเมื่อครึ่งปีก่อน จริงๆ แล้ว มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าอาจารย์ปรุงยาทั่วไป” แน่นอนว่ามันไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ บนใบหน้า ที่จะบอกว่ามันกำลังดูถูกฟางมู่อยู่ แต่มันก็ได้ปฏิบัติต่อชายชราแซ่โจวด้วยระดับความเคารพที่สูงกว่า
มันหัวเราะเสียงดังออกมา “ถ้าท่านชอบ, โจวต้าชือ” มันกล่าว ด้วยน้ำเสียงใจดี “ข้าจะไปวิงวอนให้ท่านเจ้าสำนักมอบผลชิงหลัวให้ท่านทั้งสองมากกว่านี้”
ที่ด้านข้าง โจวเจี๋ยนั่งอย่างเงียบขรึม มันไม่ได้พูดออกมาแม้แต่คำเดียวตลอดเวลานั้น ในแง่มุมนี้ มันค่อนข้างจะเหมือนกับเมิ่งฮ่าว ผู้ซึ่งไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ต้องการจะพูดจา ยิ่งไปกว่านั้น ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นที่พอใจของชายชราแซ่โจว ที่ปล่อยให้มันจัดการพิธีรีตรองทั้งหมดนี้ไปคนเดียว
บุคคลทั้งสี่นั่งอยู่ที่นั่น มีเพียงสองคนที่พูดคุยกัน ด้วยสีหน้าที่ร่าเริงมีความสุข ชายชราแซ่โจว ดูเหมือนจะมีความภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก “ครั้งนี้” มันบอกกับตัวเอง “ข้าจะแสดงให้สุนัขน้อยนี้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของข้า”
เวลาผ่านไป เรือเหาะเดินทางอย่างรวดเร็ว และรวมถึงได้ใช้ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลบ้าง ไม่กี่วันหลังจากนั้น หมื่นภูเขาของสำนักชิงหลัวก็ปรากฎขึ้นในที่ห่างไกล
เมิ่งฮ่าวใช้เวลาเกือบทั้งหมดในการนั่งเข้าฌาณ ไม่มีใครกล้ารบกวนเขา ศิษย์สำนักชิงหลัวทั้งหมดมองมาที่เขาด้วยความเคารพอย่างสูงสุด
สำหรับโจว การกระทำของมันช่างตรงข้ามกับเมิ่งฮ่าวนัก มันคุยโม้โอ้อวดกับผู้ฝึกตนแกนลมปราณอย่างเมามัน แสดงออกถึงความเข้าใจในเต๋าแห่งการปรุงยาอย่างลึกซึ้งและชัดแจ้ง
เมิ่งฮ่าวไม่เอามาใส่ใจ หรือสนใจเกี่ยวกับวิธีที่ชายชราแซ่โจวดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าเขา ถึงแม้ว่ามันไม่พอใจเขา แต่มันก็ไม่กล้าจะพูดจาเยาะเย้ยเมิ่งฮ่าวเหมือนก่อนหน้านี้ อันที่จริง การได้โต้เถียงกับเมิ่งฮ่าว ทำให้มันเกิดความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในจิตใจ
นี่เป็นครั้งแรกของเมิ่งฮ่าวที่ได้ปรากฎตัวอยู่เบื้องหน้าบุคคลภายนอกในฐานะนักปรุงยา เมื่อได้เห็นความเคารพที่คนอื่นๆ ปฏิบัติต่อเขาอันเนื่องมาจากตำแหน่งเจ้าแห่งเตา ก็ทำให้เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่า ได้ตัดสินใจถูกต้องแล้วที่เข้าสังกัดสำนักจื่อยิ่น
แน่นอนว่า ถ้าผู้คนที่นี่พบว่าจริงๆ แล้ว เขาคือเมิ่งฮ่าว ความต้องการสังหารของพวกมันก็คงพุ่งขึ้นไปถึงสวรรค์เป็นแน่ เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้ยินผู้คนพูดถึงเรื่องราวของเมิ่งฮ่าว เขาก็ต้องแอบถอนหายใจอยู่ลึกๆ ด้านใน
“ในตอนนี้ ข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนด้านใต้อย่างแท้จริง ห้าปีก่อน ข้าเป็นเพียงแค่บุคคลภายนอก” เขายืนอยู่ที่ด้านหน้าของเรือเหาะ จมอยู่ในความครุ่นคิด จ้องมองออกไปยังสำนักชิงหลัว ซึ่งค่อยๆ ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
หมื่นภูเขายืดยาวออกไปเหมือนกับจะไร้จุดสิ้นสุด กลุ่มควันสีดำที่ลอยออกมาจากธูปยักษ์ที่เผาไหม้อยู่ตลอดกาลพุ่งขึ้นในท้องฟ้า สำนักชิงหลัวดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความลึกลับ และพลังอันน่าเหลือเชื่อ
ใบหน้าศิษย์สำนักชิงหลัว เปล่งประกายความภาคภูมิใจที่ดูเหมือนจะลึกลงไปถึงกระดูก ซึ่งเกิดจากภูเขาที่ไร้จุดสิ้นสุดของพวกมัน และกลุ่มควันที่พุ่งขึ้นไปในสวรรค์นี้
โจวและผู้ฝึกตนสร้างแกนลมปราณเดินมาช้าๆ พูดคุยกันตลอดทาง เมื่อโจวมองเห็นเมิ่งฮ่าว มันก็แค่นเสียงออกมา คนทั้งสองเป็นศิษย์ร่วมสำนัก ไม่ว่าจะมีความรู้สึกไม่ดีต่อกันอย่างไร ก็ไม่อาจจะเปิดเผยต่อคนนอกได้ ดังนั้น มันเพียงแค่ส่งเสียงแค่นออกมา แต่ก็ไม่พูดอะไร มายืนข้างเมิ่งฮ่าวมองออกไปยังสำนักชิงหลัว
แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวมาช่วยสำนักชิงหลัว แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ก็แตกต่างเป็นอย่างมากกับครั้งที่แล้ว ทันทีที่เรือเหาะเข้าไปใกล้หมื่นภูเขา เสียงระฆังก็ดังกังวานไปทั่วในอากาศ
เสียงดังหกครั้งกระจายออกมา ดึงดูดความสนใจของศิษย์สำนักชิงหลัวนับแสน อันที่จริง ก็ไม่มีใครรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่ในไม่ช้า ก็เกิดคำถามขึ้นและข่าวคราวก็เริ่มกระจายออกไปว่า
สำนักชิงหลัวได้เชื้อเชิญเจ้าแห่งเตาจากสำนักจื่อยิ่นมาเยี่ยมเยียน
ในที่สุด เมิ่งฮ่าวก็มองเห็นลำแสงสิบสองลำ บินออกมาจากสำนักชิงหลัว ติดตามมาด้วยศิษย์แกนหลักหนึ่งร้อยคน
ท่ามกลางศิษย์แกนหลักก็คือ หานเป้ย นางมีสีหน้าแปลกๆ เมื่อมองมายังเมิ่งฮ่าว เมิ่งฮ่าวเคยสอบถามเกี่ยวกับศิษย์พี่หญิงฉื่อมาก่อนหน้านี้ และก็พบว่านางได้กลายเป็นศิษย์แกนหลักเรียบร้อยแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่เข้ามาใกล้ในตอนนี้
เสียงหัวเราะดังออกมา ตามด้วยเสียงที่ทรงพลังและฟังได้ชัดเจน จากกลุ่มผู้ฝึกตนที่นำหน้ามา ซึ่งทั้งหมดก็อยู่ในขั้นสร้างแกนลมปราณ บางคนก็อยู่ในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง! “ขอคารวะโจวต้าชือ และฟางต้าชือ! ยินดีต้อนรับสู่สำนักชิงหลัว!”
ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเมิ่งฮ่าว มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก…ปรมาจารย์จื่อหลัว!
มันยังเป็นคนที่เพิ่งจะพูดออกมาด้วย!
เมื่อศัตรูมาเผชิญหน้ากัน สายตาก็มักจะเปลี่ยนสีแดง และรังสีสังหารก็จะระเบิดออกมา แต่ใบหน้าปรมาจารย์จื่อหลัวก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ท่าทางของมันก็ไม่ได้หยิ่งผยอง เนื่องจากพื้นฐานฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งของมัน แต่มีความเคารพอย่างสูงสุดต่อสองนักปรุงยา
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาก้าวเท้าตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ความเคารพนับถือปรากฎขึ้นบนใบหน้า แทบจะเป็นเวลาเดียวกันนั้น ชายชราแซ่โจวก็เดินตรงไปด้วยเช่นกัน โดยพร้อมเพรียงกัน คนทั้งสองประสานมือ คารวะให้กับปรมาจารย์จื่อหลัว
การที่สำนักชิงหลัวส่งผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งมาต้อนรับพวกเขา ก็ถือว่าได้รับเกียรติอย่างสูงสุด ด้วยการเป็นตัวแทนของสำนักจื่อยิ่น เมิ่งฮ่าวและชายชราแซ่โจว แน่นอนว่าต้องไม่กระทำการใดๆ ที่เสียมารยาทออกมา
“โจวต้าชือ” ปรมาจารย์จื่อหลัวกล่าว “ท่านเป็นหนึ่งในผู้สูงส่งของเจ้าแห่งเตา ชื่อเสียงของท่านคงทำให้เทพกระถางม่วงต้องหลบไปอย่างแน่นอน การมาเยือนยังสำนักชิงหลัวของท่านนี้ ช่วยเพิ่มราศรีให้กับสำนักอันต่ำต้อยของพวกเรานัก” มันหัวเราะอย่างเบิกบานใจ ยิ้มให้กับโจว จากนั้นก็เปลี่ยนมาสนใจเมิ่งฮ่าว “ฟางต้าชือ ท่านมีอายุเยาว์ที่สุดในเจ้าแห่งเตาของสำนักจื่อยิ่น นามของท่านกระจายไปทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ ข้าได้ยินนามของท่านมานานแล้ว เมื่อได้มาเห็นท่านในวันนี้ ข้าก็มั่นใจว่าท่านต้องเป็นวีรบุรุษท่ามกลางกลุ่มคนทั่วไปอย่างแน่นอน”
ปรมาจารย์จื่อหลัวใช้คำพูดเป็นอย่างดี ถึงแม้ลึกๆ ภายใน มันเอาใจใส่ต่อชายชราแซ่โจวมากกว่า มันไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ที่เมินเฉยต่อเมิ่งฮ่าว ผู้ฝึกตนสร้างแกนลมปราณซึ่งอยู่รอบๆ มัน ต่างก็ประสานมือคารวะให้กับเมิ่งฮ่าว และชายชราแซ่โจว ไม่มีใครแสดงท่าทีที่หยิ่งยโสออกมาแม้แต่น้อย เต็มไปด้วยมารยาทอย่างสูงสุด
หลังจากที่การพูดคุยสัพเพเหระผ่านไป หนึ่งในผู้ฝึกตนสร้างแกนลมปราณ ก็เรียกศิษย์แกนหลักมา และแนะนำพวกมันต่อเมิ่งฮ่าวและชายชราแซ่โจว รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฎขึ้นใบหน้าเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขาพยักหน้าให้กับศิษย์ต่างๆ เหล่านั้นคนแล้วคนเล่า
“ขอแสดงความนับถือ โจวต้าชือ, ฟางต้าชือ!”
“ขอคารวะ โจวต้าชือ, ฟางต้าชือ” โดยปกติแล้ว ศิษย์แกนหลักเหล่านี้ มักจะวางท่าสูงส่ง และภูมิใจในตัวเองต่อหน้าผู้ฝึกตนที่เป็นคนนอก แต่ในวันนี้ สีหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความเคารพ ชื่อเสียงของเจ้าแห่งเตาเพียงพอที่จะสร้างความเกรงกลัวให้กับทุกคน
คำว่าต้าชือ (เจ้าโอสถ) ที่พวกมันเรียกก็เป็นแค่การให้เกียรติ แน่นอนว่า พวกเขาทั้งสองไม่ใช่ต้าชือที่แท้จริง
ชายชราแซ่โจว ยิ้มให้ศิษย์แกนหลักสำนักชิงหลัว ด้วยอายุที่สูงวัย สิ่งที่มันต้องทำก็เพียงแค่พยักหน้าให้เล็กน้อย แต่เมื่อมันสังเกตเห็นเมิ่งฮ่าวทำเช่นเดียวกัน ความรู้สึกหงุดหงิดก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจ
เมื่อหานเป้ยถูกแนะนำตัว เมิ่งฮ่าวก็มองไปยังนางพร้อมรอยยิ้ม เขาไม่ได้เห็นนางมานานถึงห้าปี นางมีความงดงามมากขึ้น รูปร่างของนางโค้งเว้าน่าดู ใบหน้ามีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง ขณะที่นางยืนอยู่ที่นั่น ก็ดูเหมือนสีของสายรุ้งจะจืดจางลงถ้ามาอยู่ใกล้นาง นางช่างมีความงดงามอย่างไร้ที่เปรียบ
“หานเป้ยขอคารวะโจวต้าชือ และฟางต้าชือ” นางกล่าว เสียงของนางแผ่วเบาและอ่อนนุ่ม ด้วยเสียงเช่นนี้ก็ดูเหมือนจะทำให้รู้สึกคันที่หัวใจ
เมิ่งฮ่าวพยักหน้ายิ้มให้ และขณะที่กำลังจะมองไปยังบุคคลต่อไป ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมาในจิตใจ เป็นเวลานานมากแล้ว ที่แผ่นหยกผนึกอสูร ไม่ได้คุยกับเขา
“วิญญาณไร้ร่างครอบครองร่างกาย ตั้งใจจะกลับมาจากชีวิตหลังความตายด้วยวิชาปลุกวิญญาณ อสูรปีศาจภายใต้หลุมฝังศพแห่งสวรรค์ต้องถูกเผาให้เป็นเถ้าถ่าน ธุลีจะลอยออกไป ปิดผนึกพวกมัน และดวงตะวันของเดือนเจ็ดก็จะถูกปิดบังไว้ ช่วยพวกมัน และโลหิตของผู้ผนึกอสูรก็สามารถหลอมรวมเข้ากับเจตจำนงของพวกมัน!”