Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 287

ตอนที่ 287

สร้างบางสิ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า

เวลาผ่านไป และยังคงมีบันไดอยู่เก้าขั้นเหมือนเดิม ไม่มากกว่าหนึ่งขั้น ไม่น้อยกว่าหนึ่งขั้น

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครพูดอะไรออกมา นี่เป็นเพราะ…เมิ่งฮ่าวแบมือออกมา และเม็ดยาโปร่งใสก็ลอยขึ้นมาจากฝ่ามือ ลอยอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้น…มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาเก้าสี แสงนั้นกระจายออกมาจากเม็ดยา ค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปร่างของต้นม่านไข่มุกเก้าสมบัติ!

ต้นไม้นั้นสดใสและเหมือนของจริง ทันทีที่ปรากฎขึ้น มันก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน สายตาเต็มไปด้วยความคิดหลากลายนับไม่ถ้วน ตกตะลึง, ประหลาดใจ และไม่อยากเชื่อ เต็มอยู่ในจิตใจของทุกคน จนกระทั่งพวกมันงงงันไปโดยสิ้นเชิง

เสียงอันจ้ายไห่ดังทำลายความเงียบขึ้นมา “นี่คือ…การสร้างบางสิ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า!!” มันกำลังหอบหายใจ ขณะที่ลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ มันได้คาดเดาว่าเรื่องเช่นนี้อาจจะเกิดขึ้น แต่เมื่อได้เห็นด้วยสายตาของตัวเอง ก็ทำให้จิตใจของมันหมุนเคว้งคว้าง และจิตใจของมันก็สั่นสะท้าน

โดยทั่วไปแล้วมันไม่เคยจะแสดงออกเช่นนี้มาก่อน มันเป็นนักปรุงยา และความดื้อรั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในเต๋าแห่งการปรุงยาของมัน มันเป็นคนแปลกประหลาด ซึ่งไม่เคยเปิดเผยอารมณ์ความรู้สึกออกมา ไม่ว่ามันจะมีความสุขหรือมีโทสะ แต่ในเรื่องนี้ ก็ทำให้มันมีอารมณ์อ่อนไหวขึ้นมา

“เต๋าแห่งการปรุงยาอันยิ่งใหญ่ กลับไปเป็นความเรียบง่ายของธรรมชาติ! สร้างบางสิ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า!!” ขณะที่เสียงของอันจ้ายไห่ดังก้องออกไป ทุกคนมองไปที่จอภาพ ขณะที่เมิ่งฮ่าวยกเท้าก้าวขึ้นไปบนบันไดขั้นแรก เขาเดินขึ้นไปบนบันไดเก้าขั้นช้าๆ จากนั้นก็ยกเท้าก้าวย่างลงไปบนความว่างเปล่า ขณะที่เท้าเหยียบลงไป บันไดขั้นที่สิบก็ปรากฎขึ้น เขาเดินตรงไป ขณะที่ทำเช่นนั้น ขั้นบันไดก็ปรากฎเพิ่มขึ้นที่ด้านล่างเท้าของเขา

นี่เป็นอาณาจักรของจำนวนขั้นบันได ที่เกินกว่าตัวเลขสูงสุดที่เยี่ยเฟยโม่ได้ทำไว้ก่อนหน้านี้มากนัก ผู้คนส่วนมากไม่แม้แต่จะเข้าใจเรื่องของอาณาจักรนี้ แต่เทพกระถางม่วงทั้งแปดเข้าใจ!

หลินไห่หลง จิตใจสั่นสะท้าน หมุนเคว้งคว้างไปมา มันเป็นคนที่สองซึ่งลุกขึ้นยืน พร้อมกับอ้าปากค้าง มันกล่าว “นี่…นี่…ฟางมู่ผู้นี้ไม่เพียงแต่ปรุงเม็ดยา มันยังได้ปรุงเมล็ดพันธุ์ขึ้นมาด้วย! เมล็ดของต้นม่านไข่มุกเก้าสมบัติ!!” ความตกตะลึงเต็มอยู่ในดวงตาของมัน “เป็นไปไม่ได้…มันใช้รูปแบบของภาพลวงตาบนพื้นฐานของเต๋าแห่งการปรุงยา จากนั้นก็ปรุงเป็นเมล็ดจริงออกมา!!”

“ถ้านำเมล็ดนี้ไปปลูก ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ภายในไม่กี่ปี ต้นม่านไข่มุกเก้าสมบัติก็จะเติบโตขึ้น แต่…แต่…ส่วนผสมที่มันใช้ทั้งหมดต่างก็เป็นภาพลวงตา ไม่ใช่ของจริง! อาณาจักรเช่นนี้…มันก็คือการสร้างบางสิ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า!”

หลังจากอันจ้ายไห่ และหลินไห่หลงพูดจบ ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่ว อาจารย์ปรุงยานั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ เจ้าแห่งเตากำลังสูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง บุคคลทั้งหมดที่เคยหัวเราะเยาะเขาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็รู้สึกว่าจิตใจของพวกมันกำลังหมุนเคว้งคว้าง ราวกับว่าพวกมันถูกตบหน้าไปฉาดใหญ่โดยมือที่มองไม่เห็น การตบนี้ทำให้จิตใจของพวกมันแจ่มใสขึ้น และส่งผลให้หมุนเคว้งคว้างไปมาในเวลาเดียวกัน

หลังจากผ่านไปไม่กี่อึดใจ เสียงพูดคุยก็ดังกระจายออกมาอย่างน่าเหลือเชื่อ

“สร้างบางสิ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า? ฟางมู่สามารถที่จะสร้างบางสิ่ง ซึ่งไม่มีอยู่จริง และใช้มันสร้างเป็นบางอย่างที่เป็นของจริง? ทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของมัน ตอนนี้อยู่ที่ระดับใดกันแน่? มัน…”

“เยี่ยเฟยโม่แข็งแกร่งกว่า? หรือฟางมู่ผู้นี้ดีกว่า…?”

บุคคลที่มาจากสำนักและตระกูลต่างๆ ไม่อาจรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น มีเพียงสิ่งเดียวที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ความตกตะลึงที่พวกมันเห็นบนใบหน้าของเทพกระถางม่วง

จากกลุ่มของเทพกระถางม่วง มีเพียงเยี่ยหยุนเทียนที่มีสีหน้าหมองเศร้า มันขมวดคิ้ว ขณะที่มองไปยังจอภาพของเมิ่งฮ่าว

เม็ดยามหัศจรรย์!

ศิษย์จากสำนักและตระกูลต่างๆ ตกตะลึงต่อจอภาพที่กำลังเกิดขึ้นที่เบื้องหน้าพวกมัน กล่าวกันตามความจริง พวกมันตกตะลึงครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่การทดสอบได้เริ่มขึ้น แต่ในตอนนี้เป็นสิ่งที่น่าตกใจมากที่สุด!

สร้างบางสิ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า ปรุงเม็ดยาในแดนสวรรค์ กลั่นสกัดกฎของการปรุงยา เปลี่ยนภาพลวงตาของต้นม่านไข่มุกเก้าสมบัติให้กลายเป็นเมล็ดพันธุ์จริงๆ ซึ่งสามารถนำไปปลูกได้ สิ่งทั้งหมดนี้ทำให้คลื่นแห่งความตกตะลึงเต็มอยู่ในจิตใจของพวกมัน

ในตอนนี้ พวกมันลืมฉู่อวี้เยียน และเยี่ยเฟยโม่ไปหมดสิ้น สายตาทุกคู่จ้องนิ่งไปบนร่างเมิ่งฮ่าว เขาเป็นจุดสนใจของบุคคลทั้งหมดในที่แห่งนี้

เจ้าอ้วนกำลังหอบหายใจ ดวงตาหานเป้ยสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่นางมองไปยังเมิ่งฮ่าว สีหน้าหลี่ชือฉีมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง นางไม่เคยคาดคิดว่านักปรุงยาฟางมู่ จะปรุงเม็ดยาเช่นนี้ออกมาได้

เฉินฟ่านไม่เคยสนใจในเรื่องการปรุงยา แต่มันก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ และรู้สึกยอมรับในตัวฟางมู่อยู่ลึกๆ ด้านใน

ปรมาจารย์จื่อหลัว แห่งสำนักชิงหลัว หัวเราะขึ้นมา “นับจากวันนี้ นามของนักปรุงยาฟางมู่ ก็จะเป็นที่รู้จักของทุกคนภายในดินแดนด้านใต้”

ปรมาจารย์ย่อย จากตระกูลต่างๆ หัวเราะและกล่าวเช่นเดียวกัน เมื่อคำพูดของพวกมันดังเข้าไปในหูของเยียหยุนเทียน ใบหน้าของมันก็เริ่มน่าเกลียด และชำเลืองมองไปยังอาจารย์ของมัน, ตานกุ่ย โดยไม่รู้ตัว ใบหน้าตานกุ่ยไร้ความรู้สึก ซึ่งทำให้เยี่ยหยุนเทียนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

มันหันหน้าไปมองยังเทพกระถางม่วงคนอื่นๆ กล่าวว่า “จนกว่าอาจารย์จะตัดสินใจเลือก ทุกคนยังมีโอกาสอยู่ ฟางมู่อาจจะมีทักษะในการปรุงยาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่…แนวโน้มทั่วไปก็เห็นได้ชัดว่า เฟยโม่ จะกลายเป็นเทพกระถางม่วงคนต่อไป!”

มันมองไปยังกลุ่มเทพกระถางม่วง ซึ่งสนิทกับมันอย่างมีความหมาย รู้สึกเยือกเย็นลงเล็กน้อยหลังจากนั้น และเมื่อมันมองกลับไปยังจอภาพของเมิ่งฮ่าว สีหน้าของมันก็สงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่จิตใจของมันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจและเสียงหัวเราะอันเย็นชา

เมิ่งฮ่าวไม่มีทางรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นที่โลกด้านนอก แต่จากตอนที่เขาเริ่มปรุงเม็ดยา เขาก็ตัดสินใจที่จะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ในตอนนี้ เขากำลังเดินขึ้นไปบนเส้นทางภูเขา เบื้องหน้าขึ้นไปไม่มีสิ่งใดๆ แต่ทุกก้าวที่เขาเดินไป ขั้นบันไดก็จะปรากฎขึ้นเพื่อรองรับเขา

เวลาผ่านไป เสียงพูดคุยก็ยังคงเต็มอยู่ในโลกด้านนอก เมื่อเมิ่งฮ่าวก้าวเท้าไปบนบันไดหินขั้นสุดท้ายของด่านที่สาม เขาไม่ค่อยมั่นใจนักว่า ได้เดินผ่านมาแล้วทั้งหมดกี่ขั้น เมื่อคิดกลับไป บางทีก็อาจจะมากกว่าหนึ่งหมื่นขั้น

เมิ่งฮ่าว จริงๆ แล้ว ก็ไม่ใส่ใจเกี่ยวกับตัวเลขที่แน่นอนนี้ มันไม่ใช่สาระสำคัญ

“มันเป็นใคร…?” ฉู่อวี้เยียนคิด หายใจอย่างหนักหน่วง นางยังคงไม่แน่ใจว่าใครเป็นผู้ทำให้เกิดภาพอันน่าตกตะลึงเมื่อครู่นี้ ไม่ว่ามันเป็นใคร บุคคลผู้นั้นก็อยู่บนเส้นทางอื่น ถึงแม้พวกเขาจะอยู่บนยอดเขา ก็เป็นเรื่องยากที่จะเห็นสิ่งใดๆ ในตอนนี้ บุคคลแรกที่เกิดขึ้นอีกครั้งในจิตใจของนางก็คือ เยี่ยเฟยโม่

แต่จากนั้น นางก็ลังเล ทันใดนั้น นางก็ไม่แน่ใจมากนัก บางอย่างในตัวนาง ได้บอกกับนางว่า อาจจะไม่ใช่เยี่ยเฟยโม่ และจากมุมมองของนาง นอกจากเยี่ยเฟยโม่แล้ว ก็ไม่มีผู้แข่งขันคนใด รวมถึงตัวนางเอง ที่จะทำสิ่งเช่นนั้นได้

ขณะที่นางคิด ความมุ่งมั่นก็เต็มอยู่ในดวงตา นางหันหลัง และมุ่งหน้าต่อไป

ผู้ที่มีความขัดแย้งมากที่สุดในกลุ่มผู้แข่งขันทั้งหมดไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเยี่ยเฟยโม่ มันยืนอย่างเงียบๆ บนขั้นบันไดศิลา ครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน

“มันเป็นใคร? มันปรุงเม็ดยาอะไรออกมา…? ข้าปรุงยาขึ้นหนึ่งเม็ด ที่ยอดเยี่ยมมากที่สุด! ข้าไม่เชื่อว่าจะมีใครบางคนที่มีเต๋าแห่งการปรุงยาเหนือกว่าตัวข้า ในด่านที่สาม ข้าได้สร้างขั้นบันได้มากที่สุดด้วยการใช้เม็ดยาจำนวนน้อยที่สุด! ข้าเพียงปรุงแค่หนึ่งเม็ด! คนผู้นี้ต้องไม่มีทางทำได้ดีกว่าข้า!” ความหยิ่งยโสของเยี่ยเฟยโม่ ทำให้จิตใจมันเจ็บปวด แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว “ข้าต้องอยู่ในอันดับหนึ่ง!”

ดวงตามันสาดประกาย มันพุ่งตรงไป รีบไปยังจุดสิ้นสุดของด่านที่สาม ในการเตรียมตัวสำหรับเข้าร่วมการทดสอบนี้ เทพแห่งเตาเยี่ยหยุนเทียน จริงๆ แล้วก็ได้ละเมิดกฎของสำนัก ด้วยการแอบบอกมันอย่างลับๆ ในรายละเอียดเกี่ยวกับประสบการณ์ของมันในการทดสอบการเลื่อนขั้นนี้

ยกตัวอย่างเช่น เยี่ยเฟยโม่รู้ว่าในจุดสิ้นสุดของด่านที่สาม เป็นไปได้ที่จะมองเห็นใครผ่านด่านนี้มา, วิธีที่ใช้ผ่านด่าน และลำดับที่อยู่ในแดนสวรรค์

ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความดื้อรั้น เยี่ยเฟยโม่รีบไปพร้อมกับหอบหายใจ

นอกเหนือจากฉู่อวี้เยียน และเยี่ยเฟยโม่ ก็ยังมีชายชรา และบุรุษวัยกลางคน พวกมันต่างก็เร่งรีบตรงไป

เวลาผ่านไป บุคคลแรกที่ไปถึงจุดสิ้นสุดของด่านสามก็คือ ฉู่อวี้เยียน นางทะยานผ่านช่องว่าง ที่เกิดจากขั้นบันไดที่หายไปบางส่วน จากนั้น แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านร่างของนางไป นางเพิ่งจะเห็นก้อนศิลาที่เป็นเครื่องหมายของจุดเริ่มต้นด้านที่สี่ สิ่งแรกที่ผ่านตานางไม่ใช่ข้อกำหนดของการปรุงยา แต่เป็นลำดับจากด่านก่อนหน้านี้ ซึ่งลอยอยู่ในอากาศตรงหน้าของก้อนศิลา

ในด่านที่สาม เป็นนามของนางเอง, ฉู่อวี้เยียน ด้านข้างเขียนเป็นตัวเลขไว้ 9,999!

นางอ้าปากค้าง จากนั้นก็มองขึ้นไปบนลำดับที่สอง ก็คือนามของเยี่ยเฟยโม่ และตัวเลขก็คือ 10,000

“หนึ่งหมื่น…จริงๆ แล้วท่านก็สมควรที่จะถูกเรียกว่า เจ้าโอสถจอมกระถาง หนึ่งหมื่นขั้นเป็นความสมบูรณ์แบบในด่านที่สาม แต่…ทำไมถึงได้อยู่แค่ลำดับที่สอง…” นางจ้องไปที่นามนั้นสักพัก และจิตใจก็เริ่มหนักอึ้ง อย่างช้าๆ นางมองขึ้นไปจนกระทั่งเห็นลำดับแรก ทันใดนั้น เสียงกระหึ่มก็ดังเต็มอยู่ในศีรษะ และสายตาของนางก็สาดประกายด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“เป็นมันได้อย่างไร…?” ทันใดนั้นนางก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ก้อนศิลากำลังพ่นปราณม่วงจำนวนมากมายออกมา แต่นางก็ไม่ได้สังเกตเห็น สิ่งที่นางทำได้ทั้งหมดนั้นก็คือ จ้องไปยังลำดับรายชื่อ

“ฟางมู่!” เยี่ยเฟยโม่พึมพำ ร่างกายมันสั่นเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ และ มากไปกว่านั้นก็เป็นความละอายใจ ถ้าเป็นฉู่อวี้เยียน ซึ่งเป็นคู่แข่งของมัน มันก็พอจะยอมรับได้ แต่นี่เป็นใครบางคนที่มันดูแคลนโดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้น บุคคลผู้นั้นก็ทำได้ดีกว่ามันในด่านที่สาม

ในความคิดของมัน นี่เป็นความอัปยศอย่างถึงที่สุด จริงๆ แล้ว จากตอนที่ฟางมู่ได้กลายเป็นเจ้าแห่งเตา ก็ได้ไปทำให้เจ้าแห่งเตาคนอื่นๆ ไม่พอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยี่ยเฟยโม่ มันไม่ได้ถือสาอันใด แต่ก็ดูถูกในการที่ฟางมู่ได้รับการเลื่อนขั้นเช่นนั้น

ต่อมา ร่างของเยี่ยเฟยโม่ก็สั่นสะท้าน และเริ่มเต็มไปด้วยโทสะ นี่เป็นเพราะมันเพิ่งจะเห็นตัวเลขที่เขียนต่อจากชื่อของฟางมู่ 10

“สิบขั้นบันได…สิบขั้นบันได…? ข้าสร้างบันไดหนึ่งหมื่นขั้นด้วยความสมบูรณ์แบบ! บันไดเพียงสิบขั้นแค่นี้จะมาเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร! เม็ดยาที่ฟางมู่ผู้นี้ปรุงขึ้นมาคืออะไรกันแน่?” เยี่ยเฟยโม่ไม่อาจคิดว่าเงื่อนไขในการทดสอบนี้ไม่ยุติธรรม แต่ลึกๆ ด้านใน มันไม่อาจจะยอมรับได้

ตอนนี้ มันได้ปะติดปะต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน และตระหนักได้ว่าใครเป็นคนทำให้เกิดเมฆลงทัณฑ์ขึ้นมา

ปราณม่วงกระจายออกมาจากก้อนศิลา แต่เยี่ยเฟยโม่รู้สึกว่าเป็นการประชด ดวงตาเต็มไปด้วยแสงอันเย็นชา

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่เบื้องหน้าก้อนศิลาด่านที่สี่ มองไปยังลำดับรายชื่อ มือขวายกขึ้นมา ทำให้ภาพนั้นกระจัดกระจายออกไป ปราณม่วงจำนวนมากมายไหลออกมา เข้มข้นถึงที่สุด ผู้ที่มองดูอยู่ในโลกด้านนอก เห็นปราณม่วงที่ขยายออกมาอย่างไร้ขอบเขตได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมากเกินกว่าของฉู่อวี้เยียน และเยี่ยเฟยโม่

สองชั่วยามผ่านไป ในช่วงเวลานั้น จุดนี้ทำให้พวกที่ดูอยู่เกิดความรู้สึกประทับใจมากยิ่งขึ้น

กระถางปรุงยาสีดำของเมิ่งฮ่าว ดูดซับปราณม่วงเข้าไป และขณะที่มันทำเช่นนั้น สีของมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ตอนนี้ มันไม่ได้เป็นสีดำสนิทอีกต่อไป แต่แต่งแต้มด้วยสีม่วง เพียงมองแค่แวบแรก ก็ยากจะบอกได้ว่ามันเป็นสีดำหรือสีม่วง อย่างไรก็ตาม กระถางปรุงยาในตอนนี้ก็ดิ้นรนต่อต้านเพียงแค่ครึ่งเดียวจากก่อนหน้านี้ และไม่ดุร้ายอีกต่อไป

ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น ปราณม่วงก็หายไป ตัวอักษรค่อยๆ ปรากฎขึ้นบนก้อนศิลา เผยให้เห็นถึงเงื่อนไขของด่านสุดท้าย

กลายเป็นศิษย์!

เมื่อได้เห็นคำนี้ ทำให้สายตาเมิ่งฮ่าวทันใดนั้นก็เลือนลางและบิดเบี้ยว ภูเขาที่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ภูเขาอีกต่อไป ท้องฟ้าที่ด้านบน…ก็ไม่ใช่ท้องฟ้าเดิมอีกต่อไป!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!