ตอนที่ 330
ข้าจะแต่งกับใครก็ได้แต่ไม่ใช่ท่าน
หลุมที่อยู่ใจกลางเมืองตงลั่ว เต็มไปด้วยต้นไม้จำนวนมากมายมานานแล้ว ชั้นสองที่ถูกทำลายไปก็ได้รับการซ่อมแซมกลับมาสู่สภาพเดิมด้วยเช่นกัน แต่ตัวอักษร “ห้า” บนต้นไม้ยักษ์ ไม่อาจจะปกปิดไปได้ ไม่ว่าตระกูลตงลั่วจะทำเช่นไรก็ตามที
งานประมูลถูกจัดขึ้นไม่ไกลจากต้นไม้เหล่านั้น ขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้งานประมูล เขาได้แต่มองไปที่มันอย่างช่วยไม่ได้ นกแก้วเกาะอยู่บนไหล่ของเขา มองไปด้วยหางตา ด้วยนิสัยที่หลงตัวเอง มันเชิดหน้าขึ้นราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ใต้เท้าของมัน
งานประมูลไม่ได้ใหญ่โตมากนัก เทียบไม่ได้กับงานประมูลของสำนักจื่อยิ่น ซึ่งมีผู้ฝึกตนนับหมื่นสามารถเข้าร่วมได้ งานประมูลนี้มีที่นั่งอยู่รอบๆ เวทีประมูลแค่ไม่กี่ร้อยที่นั่ง ผู้คนที่นั่งอยู่กำลังกระซิบกันด้วยเสียงแผ่วเบา ท่ามกลางพวกมันมีเวทียกพื้นสูงขึ้นมา
มีเพียงผู้ฝึกตนที่ได้รับเหรียญคำสั่งที่เหมาะสมจากตระกูลตงลั่วถึงจะเข้าไปได้ ทันทีที่เมิ่งฮ่าวหยิบเหรียญคำสั่งสีดำออกมา เขาก็ได้รับการดูแลอย่างดี และถูกนำไปยังที่นั่งที่สะดวกสบาย
ถ้าสถานที่งานประมูลถูกสร้างโดยมีห้องเล็กๆ ส่วนตัว เมิ่งฮ่าวก็คงจะได้อยู่ในห้องนั้น เนื่องจากเหรียญคำสั่งสีดำนี้
เขานั่งลง สีหน้าราบเรียบเหมือนเช่นเคย จากนั้นก็หลับตาลงและสำรวมจิตใจ มีผู้คนไม่มากนักที่นั่งอยู่ใกล้เขา และงานประมูลนี้ก็มีผู้คนไม่มากเท่าไรนักด้วยเช่นกัน ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องปกติในเมืองตงลั่วแห่งนี้
เนื่องจากข่าวล่าสุดที่กระจายไปทั่วในดินแดนสีดำ ผู้คนจึงรู้สึกกังวล มีผู้ฝึกตนมากมายได้หลบหนีออกไปจากเมืองนี้แล้ว ในตอนนี้เมืองของเก้าสหพันธ์ไม่ได้ปลอดภัยเหมือนที่โลกด้านนอกอีกต่อไป
นอกจากนี้ เป้าหมายของโม่ถู่กงก็ไม่ใช่ผู้ฝึกตนทั่วไปในดินแดนสีดำ แต่เป็นตระกูลของเก้าสหพันธ์
ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็รู้ว่าใครก็ตามที่เลือกจะมาเข้าร่วมงานประมูลในครั้งนี้ ก็มักจะเป็นผู้ที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างยิ่ง เมื่อคิดว่าสงครามได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว งานประมูลเช่นนี้อาจจะไม่ถูกจัดขึ้นมาอีกในช่วงเวลาหนึ่ง อันที่จริง นี่อาจจะเป็นงานประมูลครั้งสุดท้ายในเมืองตงลั่ว จนกระทั่งสงครามได้จบลง
“ข้าต้องเข้าร่วม…” เมิ่งฮ่าวกล่าวกับตัวเอง หลังจากเวลาชั่วธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป งานประมูลก็จะเริ่มต้นขึ้น ผู้คนเริ่มเข้ามามากขึ้น และขณะที่พวกมันเข้ามา ก็มีบุรุษและสตรีเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว
ขณะที่พวกมันใกล้เข้ามา เมิ่งฮ่าวก็ลืมตาขึ้น มองเห็นตงลั่วฮั่น และตงลั่วหลิงผู้งดงาม ตงลั่วฮั่นฉีกยิ้มกว้างมาให้ ขณะที่ตงลั่วหลิงดูท่าทางหงุดหงิด ราวกับนางไม่ต้องการจะอยู่ที่นี่
“น่ายินดีที่ได้พบท่าน, สหายเต๋า” ตงลั่วฮั่นกล่าวพร้อมกับยิ้มกว้าง เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าวและนั่งลงข้างกายเขา “ครั้งที่แล้ว ข้าไม่ได้สอบถามนามของท่านที่นับถือ ขอเรียนถามได้หรือไม่?”
ตงลั่วหลิงลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงไปอีกข้างของเมิ่งฮ่าว
“ข้ามีแซ่อันต่ำต้อยว่าเมิ่ง” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ “ข้าเป็นผู้ฝึกตนเร่ร่อนธรรมดาทั่วไป” เขายิ้มให้กับตงลั่วฮั่น รู้สึกได้ว่ามันไม่ได้มาหาเรื่องเขา แต่ต้องมีคำขอร้องบางอย่าง และเลือกช่วงเวลานี้ก่อนที่งานประมูลจะเริ่มขึ้น
การมายังที่นี่ของมันไม่ได้เกินความคาดหมายแต่อย่างใด อันที่จริงเมิ่งฮ่าวได้คิดไว้แล้วว่าจะมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น
“พี่เมิ่ง, ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวเช่นนี้” ตงลั่วฮั่นกล่าวตอบพร้อมกับรอยยิ้มสุภาพ “จากความแข็งแกร่งของท่าน
ข้าคิดว่าคงไม่มีผู้ฝึกตนเร่ร่อนคนไหนจะมาเทียบกับท่านได้” มันชำเลืองผ่านไปยังนกแก้ว และความหวาดกลัวที่แทบจะมองไม่เห็นก็แวบผ่านดวงตาขึ้นมา
สำหรับตงลั่วหลิง นางนั่งอยู่อีกข้างของเมิ่งฮ่าว ตลอดช่วงเวลาทั้งหมดนี้ นางได้จ้องไปยังนกแก้วอย่างดุร้าย ถ้าสายตาสามารถสังหารผู้คนได้ นางก็คงจะสังหารนกแก้วไปแล้วหลายครั้งจนกระทั่งถึงตอนนี้
เมิ่งฮ่าวหัวเราะแต่ก็ไม่พูดจาใดๆ ตราบใดที่ตงลั่วฮั่นไม่พูดถึงสิ่งที่มันต้องการร้องขอออกมา เขาก็จะรักษาความเงียบไว้ แต่เขาก็พลิกเครื่องรางนำโชคกลับไปกลับมาอยู่ในฝ่ามือ นี่เป็นสิ่งที่เขาทำอยู่ตลอดเวลาในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ไม่เคยเก็บมันไว้ในถุงสมบัติอีกเลย
ถึงตอนนี้เองที่นกแก้วดูเหมือนจะหมดความอดทนต่อตงลั่วหลิง และกล่าวว่า “บัดซบ! เจ้าเอาแต่จ้องอู่เหยียไปเพื่ออะไร? อยากจะโดนข้าจัดการ?”
ดวงตาตงลั่วหลิงเบิกกว้าง และเส้นโลหิตบนใบหน้าของนางก็โป่งพองขึ้นมาในทันที หน้าตาที่งดงามของนางเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอมม่วง และนางก็ถลาไปเบื้องหน้าเต็มไปด้วยพลังที่จะระเบิดออกมา นางมีโทสะมากจนทำให้ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้าน
ตลอดชีวิตของนาง นางไม่เคยต้องการจะสับใครให้กลายเป็นชิ้นๆ เหมือนนกแก้วตัวนี้มาก่อน ด้วยเช่นนั้น ความรังเกียจของนางที่มีต่อเมิ่งฮ่าวก็ยิ่งบรรลุถึงขีดสุด
ตงลั่วฮั่นอ้าปากค้างไปชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะอย่างขมขื่นออกมา และกำลังจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่นกแก้วก็กลอกตามองมา “อู่เหยียเกลียดพวกไร้ขน, พวกลำคอที่ไม่มีขน” มันพูดด้วยเสียงแหลมเล็ก “อู่เหยียยังเกลียดเอวที่ไม่มีขนอีกด้วย ถึงจะมีหน้าอกและก้นที่สวยงาม แต่ถ้าไม่มีขน ถึงเจ้าจะเสนอตัวให้โดยไม่คิดมูลค่า, อู่เหยียก็ไม่ต้องการ” สีหน้าของมันได้บอกว่า ไม่ว่านางจะกล่าวอันใด มันก็ไม่มีทางจะชอบนาง
เมิ่งฮ่าวรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาอย่างรุนแรง เขากระแอมไอออกมาเบาๆ
คำพูดของนกแก้วเมื่อครู่นี้ ทำให้ตงลั่วหลิงรู้สึกราวกับว่าจิตใจของนางกำลังจะระเบิดออกมา เปลวไฟแห่งโทสะในดวงตาของนางพุ่งออกมา และดูเหมือนนางใกล้จะสูญเสียการควบคุมตัวเอง นางกำลังจะกระโดดขึ้นมากระทำอะไรสักอย่าง แต่ในตอนนี้เองที่ใบหน้าของตงลั่วฮั่นหมองคล้ำลงในทันที
“น้องห้า, นั่งลง!”
ตงลั่วหลิงหันหน้ามามองมัน กัดฟันแน่น นางคิดถึงความปลอดภัยของตระกูล และสีหน้าเคร่งขรึมของตงลั่วฮั่น กระแทกนั่งกลับลงไปด้วยความขุ่นเคืองและมีโทสะ นางไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากนั่งกลับลงไป แต่นางก็ตัดสินใจอย่างแน่นอนแล้วว่าในวันข้างหน้า ไม่ว่าใครจะพยายามให้นางมาพบเจ้านกแก้วที่น่าชังตัวนี้ นางจะไม่ยอมมาอย่างเด็ดขาด
“เป็นที่เยาะเย้ยของพี่เมิ่งแล้ว” ตงลั่วฮั่นกล่าว “ได้โปรดอย่าได้ขุ่นเคืองต่อความหุนหันพลันแล่นของน้องสาวข้า, จริงๆ แล้ว ที่ข้านำนางมาในวันนี้ ก็เพื่อจะให้นางมาขอโทษสำหรับเรื่องราวในวันนั้น”
“ท่านช่างมีมารยาทนัก, สหายเต๋าตงลั่ว นั่นเป็นเพียงแค่เรื่องเข้าใจผิด ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงมันอีก” เมิ่งฮ่าวยิ้ม แต่ภายในใจกำลังระมัดระวังตัว เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าตระกูลตงลั่วคงต้องมาหาเขาในที่สุด เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขา และความสามารถของนกแก้วที่ได้แสดงออกไป ทำให้ไปตรงกับความต้องการในการรับสมัครคนของตระกูลตงลั่วเป็นอย่างมาก
แต่จากคำพูดของตงลั่วฮั่นเมื่อครู่นี้ เมิ่งฮ่าวก็บอกได้ว่ามันมีแผนการบางอย่างที่ใหญ่มากกว่านั้น
“น้องสาวของข้าขาดการอบรมสั่งสอน และโชคร้ายที่ตระกูลเรากำลังเผชิญหน้ากับกลียุค พี่เมิ่ง ท่านหล่อเหลาและมากความสามารถ ท่านและข้าถูกชะตากันตั้งแต่ตอนแรก อันที่จริง ข้าไม่ได้มองว่าท่านเป็นคนนอก พี่เมิ่ง ท่านพอจะ…”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบแสงขึ้นในทันใด และเขากำลังจะกล่าวอะไรออกมา
แต่ตงลั่วหลิงก็ลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง
“ท่านกำลังพูดอะไร, พี่สาม? ท่านบอกว่าจะนำข้ามาที่นี่เพื่อกล่าวคำขอโทษ! ข้ารู้ว่าท่านพยายามจะกล่าวอะไร แต่ข้าก็ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน! ข้าไม่สนใจว่านี่เป็นความคิดของท่าน หรือของตระกูล ข้าไม่มีวันยอมรับ ถ้าท่านพยายามบังคับข้า, ข้าก็จะฆ่าตัวตาย! ข้าจะไม่แต่งงานกับคนที่ไร้ยางอาย, หยาบคาย, เป็นอันธพาลที่น่ารังเกียจเช่นนี้!”
นางหันหน้ามาจ้องเมิ่งฮ่าวอย่างเย็นชา ไม่พยายามปิดบังความเกลียดชัง, รังเกียจและดูถูกของนางอีกต่อไป “เจ้าก็ควรจะเลิกเพ้อฝันได้แล้ว ข้าเคยสาบานว่าจะไม่แต่งงานกับใคร แต่ถึงข้าจะทำไม่ได้ ก็ยังมีผู้กล้านับไม่ถ้วนในเก้าสหพันธ์ และเจ้าก็ไม่อาจเทียบกับพวกมันได้แม้แต่คนเดียว!”
ด้วยเช่นนั้น นางมองอย่างดูถูกมายังเมิ่งฮ่าวเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็บิดเอวอันอ่อนนุ่มของนางและเดินจากไป รูปร่างที่อ่อนช้อยสวยงามของนางทำให้บุรุษใดๆ ที่มองมาต้องรู้สึกสั่นสะท้านอยู่ในจิตใจ
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว หลังจากที่ได้ยินคำพูดของตงลั่วฮั่น เขาก็กำลังจะพูดปฏิเสธ แต่เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของตงลั่วหลิง ก็ทำให้เขาต้องหยุดพูดและยิ้มออกมา มองกลับไปยังตงลั่วฮั่น
ตงลั่วฮั่นแอบทอดถอนใจ ความคิดนี้ไม่ได้มาจากตระกูล เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาเองจากตัวมัน มันมีความรู้สึกว่าผู้ฝึกตนแซ่เมิ่งนี้ มีความลี้ลับอย่างยากหยั่งถึง ด้วยเช่นนั้น ความคิดในการขอให้เขามาเข้าร่วมกับตระกูลก็ได้เกิดขึ้นเช่นนั้น
เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาอันดุร้ายของตงลั่วหลิง ได้แต่ทำให้ตงลั่วฮั่นส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา มันมองมายังเมิ่งฮ๋าวด้วยท่าทีขออภัย และไม่พูดเรื่องนั้นอีก แต่นั่งครุ่นคิดอย่างเงียบๆ สักพักและกล่าวว่า “ข้าคิดว่าท่านคงคาดเดาได้ถึงจุดประสงค์การมาของข้า พี่เมิ่ง ดินแดนสีดำกำลังตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย พันธมิตรของจิ่วเหมิงไม่อาจเทียบได้กับโม่ถู่กง แต่พลังของพวกเราก็ไม่ได้ห่างกันไกลมากนัก สหายเต๋า, ถ้าท่านเข้าร่วมกับจิ่วเหมิง ทุกสิ่งที่ท่านปรารถนาก็สามารถเป็นจริงได้”
เมิ่งฮ่าวไม่ได้ปฏิเสธในทันที เขานั่งครุ่นคิดสักพัก ก่อนที่จะค่อยๆ กล่าวตอบ “ข้าไม่อาจจะตัดสินใจได้ในตอนนี้”
“ไม่เป็นไร” ตงลั่วฮั่นกล่าวตอบ อันที่จริง ถ้าเมิ่งฮ่าวยอมรับข้อเสนอในทันที ก็จะทำให้มันเกิดความสงสัยขึ้นมา การปฏิเสธในตอนแรกจริงๆ แล้วก็เป็นคำตอบที่เหมาะสม “จิ่วเหมิงจะรับสมัครผู้ฝึกตนดินแดนสีดำตลอดหลายวันที่จะถึงนี้ ข้าต้องการให้ท่านรู้ว่าจิ่วเหมิงจะปฏิบัติต่อผู้ที่มาสมัครด้วยความจริงใจ ถึงแม้จะมีสงครามเกิดขึ้นระหว่างโม่ถู่กงและจิ่วเหมิง ท่านก็น่าจะได้เห็นว่าจิ่วเหมิงไม่อาจถูกทำลายลงได้อย่างง่ายดาย พี่เมิ่ง ข้าจะรอการตัดสินใจของท่าน ท่านสามารถใช้เหรียญคำสั่งแจ้งต่อตระกูลตงลั่ว นอกจากนั้นท่านยังสามารถใช้เหรียญนี้ยืมหินลมปราณได้บางส่วนเพื่อใช้ในการประมูลวันนี้ ถือว่าเป็นของกำนัลจากข้าเถอะ”
เวลานี้เองที่เสียงระฆังดังก้องออกมาจากตรงจุดศูนย์กลางของพื้นเวทีประมูล แสงเจิดจ้ากระจายออกมา และเงาร่างก็ปรากฎขึ้นบนเวที งานประมูลได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
ตงลั่วฮั่นประสานมือและยิ้มให้ จากนั้นก็เดินออกไปจากพื้นที่การประมูล เพื่อไปรับสมัครผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ต่อไป ทั่วทั้งตระกูลตงลั่วได้ระดมกำลังเพื่อรับสมัครผู้ฝึกตนเร่ร่อนมาเป็นกองหนุน
มีผู้คนไม่มากนักในตอนนี้ แต่บรรยากาศการประมูลก็ยังคงมีชีวิตชีวา อย่างไรก็ตาม เมิ่งฮ่าวได้สังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่า มีบุคคลอยู่สามกลุ่มที่ผิดปกติไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ว่ามีของอะไรถูกเสนอขึ้นมาประมูล อย่างมากสุด พวกมันก็มองไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่ก็ไม่ขยับปากประมูลแข่งกับคนอื่นๆ
คนทั้งสามกลุ่มนี้นั่งอย่างระมัดระวังอยู่ในตำแหน่งที่ตรงข้ามกับเวทีการประมูล และไม่ยอมแข่งขันประมูลกับคนอื่นๆ
เมิ่งฮ่าวมองที่พวกมัน จากนั้นก็ไม่สนใจอีกต่อไป ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะพบกับกลุ่มคนที่มีพลัง และอิทธิพลที่แตกต่างกัน กลุ่มคนเช่นนี้มักจะชอบแสดงพลังอำนาจอยู่เสมอในงานประมูลที่สำคัญเช่นนี้
บางทีภายใต้สถานการณ์ที่ปกติธรรมดา พวกมันอาจจะมีความระมัดระวังตัวมากขึ้นเล็กน้อย แต่นี่เป็นเมืองตงลั่ว และกำลังอยู่ในช่วงสับสนวุ่นวาย กลุ่มคนเช่นนี้ก็น่าจะมีคุณค่ามากกว่าก่อนหน้านี้
สิ่งที่เมิ่งฮ่าวต้องคิดในตอนนี้ก็คือใบกล้วยไม้วิญญาณ ซึ่งจะมีอยู่สิบใบในงานประมูลครั้งนี้ เมื่อคิดถึงความปั่นป่วนวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นในดินแดนสีดำ พืชสมุนไพรที่สามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บก็จะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
แม้จะเป็นเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็ยังคงต้องการหนึ่งใบ เมื่อเขาประมูล ผู้ฝึกตนเจ็ดถึงแปดคนก็มองมาด้วยความละโมบ
สีหน้าเขายังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นคย ขณะที่รอพนักงานประมูลส่งใบกล้วยไม้วิญญาณมาให้ จากนั้นก็เตรียมตัวจากไป
“สิ่งที่จะประมูลต่อไปก็คือธง, ธงผืนนี้เป็นของวิเศษที่เหมาะสำหรับผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ และถูกเรียกว่า ธวัชฟ้าดำ เมื่อคลี่สะบัดออก มันจะกระจายพลังอันน่าเหลือเชื่อออกมา และทำให้ใต้เท้าของท่านกลายเป็นสีดำสนิทราวกับหมึก
มันสามารถใช้ได้ทั้งการโจมตีและป้องกัน และสิ่งที่แปลกมากที่สุดก็คือ มันสามารถหลอมรวมเข้ากับแกนปราณของท่านได้!”
“ของวิเศษนี้ได้มาจากเศษซากปรักหักพังโบราณบางแห่ง ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรารับประกันได้ว่า ทั่วทั้งดินแดนสีดำนี้ มีเพียงแค่ผืนเดียวเท่านั้น” ขณะที่ผู้ดำเนินการประมูลพูดแนะนำ ก็มีหญิงสาวเดินออกมาจากด้านหลังมัน ถือถาดทองแดง ซึ่งบนถาดนั้นมีชิ้นผ้าที่มีขนาดเท่ากำปั้นวางอยู่
เมิ่งฮ่าวกำลังจะจากไป แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดทั้งหมดนี้ ทันใดนั้น ดวงตานกแก้วก็เบิกกว้าง มันจ้องไปยังธงผืนนั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หลังจากที่นกแก้วเงียบไปสักครู่ เสียงแหลมเล็กก็ดังขึ้น เป็นเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อดังเข้าไปในจิตใจเมิ่งฮ่าว “เอามันมา! เจ้าต้องไปเอามันมา! นี่คือโชคดีอันน่าเหลือเชื่อของเจ้า!”