ตอนที่ 426
แค่ครั้งนี้เท่านั้น
ต่อมาหลังจากนั้น เสียงแผดร้องก็ดังก้องไปทั่วทั้งคฤหาสน์หลังงาม ในอาณาจักรต้าถังแห่งดินแดนตะวันออก ทั่วทั้งคฤหาสน์สั่นสะเทือน จากนั้นก็เริ่มพังทลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย คนกลุ่มใหญ่โผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าพวกมันจะค่อนข้างใจเย็น อันที่จริงยังมีบางคนได้พูดจาดีใจด้วยเสียงเบาๆ บางคนก็ถือตำรา และมีบุรุษผู้หนึ่งถือลูกคิดอยู่ในมือ กำลังเดินไปและคิดคำนวนไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ดูเหมือนทุกคนไม่ได้กระวนกระวายใจเลยแม้แต่น้อย ทำให้สามารถสรุปได้เพียงอย่างเดียวว่า…คฤหาสน์หลังนี้มักจะเกิดการพังทลายอยู่เช่นนี้เป็นประจำ…
ขณะที่คฤหาสน์พังทลายลง สตรีที่งดงามและฟางหยูก็กลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังทิศทางของคฤหาสน์เซียนตระกูลจี้
เสียงถอนหายใจดังออกมาจากภายในคฤหาสน์ที่พังทลายลงมานั้น ขณะที่บุรุษวัยกลางคนในชุดนักศึกษาโผล่ออกมา ส่ายศีรษะ มองไปยังภรรยาและบุตรีที่หายลับตาไป และจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ไปขัดขวางพวกนางไว้
ขณะที่นางบินฝ่าอากาศไป ใบหน้าที่สวยงามของสตรีผู้นั้นเต็มไปด้วยความต้องการสังหาร เคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าตกใจ ด้านข้างนาง ฟางหยูมีท่าทางกังวลใจ แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ลึกๆ ด้านใน
หลังจากผ่านไปไม่นาน คนทั้งสองก็เข้าไปใกล้กำแพงเมืองที่ยืดยาวออกไป กำแพงทั้งหมดมีสีดำสนิท เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ราวกับเป็นผนึกขนาดใหญ่กดทับลงมาบนพื้นดิน
ที่ตั้งอยู่ภายในเมืองเป็นราชวัง เมื่อมองมาจากที่ห่างไกล ก็เห็นสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โตหรูหราสง่างามกระจายอยู่เต็มไปทั่ว และที่เบื้องหน้าก็เป็นเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่ ซึ่งมองเห็นรูปปั้นมังกรสิบแปดตัวกระจายกลิ่นอายอันน่าตกใจออกมา
ราชวังแห่งนี้มีประตูใหญ่เพียงแค่จุดเดียว ซึ่งสร้างขึ้นมาจากทองคำ มีตะปูทองคำฝังแน่นอยู่บนพื้นผิวของประตูถึง 3,927 ตัว ตะปูแต่ละตัวดูไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง และเห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นของวิเศษอันล้ำค่า
ประตูถูกแกะสลักเป็นรูปสัตว์มงคลที่ยืนอยู่บนกลุ่มเมฆ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นทองคำ ทำให้ดูคล้ายกับเป็นประตูสวรรค์
นี่ก็คือคฤหาสน์เซียนอันดับหนึ่งของตระกูลจี้ แห่งอาณาจักรต้าถังในดินแดนตะวันออก ซึ่งมีคฤหาสน์ทั้งหมดเกือบหนึ่งร้อยหลัง และแต่ละหลังก็ดูคล้ายกับเป็นราชวัง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ก็ตามที หลังจากที่ถูกสร้างขึ้นมา คฤหาสน์เหล่านี้ก็ตั้งตระหง่านอย่างสง่างามมานานหลายปี ไม่เคยพังทลายลงไป พวกมันคล้ายกับเป็นโล่คอยป้องกันของตระกูลจี้
นอกจากคฤหาสน์ที่อยู่รอบๆ เหล่านี้ ตระกูลจี้ก็ยังสร้างกำแพงขนาดใหญ่ขึ้นมาด้วย
การมาถึงของฟางหยูและมารดา ส่งผลให้เกิดเป็นระลอกคลื่นอย่างน่าตกใจกระจายไปทั่วในอากาศ รวมถึงเสียงกรีดร้องของสายลมอย่างรุนแรง ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนที่อยู่ภายในตระกูลจี้ก็สังเกตเห็น
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
“ถ้าพวกเจ้าเข้ามาอีกเพียงก้าวเดียว ก็จะถูกสังหารในทันที!”
ฟางหยูมองไปยังมารดาด้วยความกระวนกระวาย “ท่านแม่, อย่าได้ใจร้อนวู่วาม…”
แม้ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก สตรีหน้าตาสวยงามก็ยกเท้าขวาขึ้นมา และกระทืบไปที่กำแพงเมืองอย่างรุนแรง ทันใดนั้น เสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง
ขณะที่ทั่วทั้งเมืองสั่นสะเทือน กำแพงเมืองแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที สลายกลายเป็นฝุ่นผง สายลมอันรุนแรงกวาดผ่านไป ทำให้เศษฝุ่นผงนั้นกระจายคละคลุ้งไปทั่ว
“บังอาจ! พวกเจ้ากล้ามาหาเรื่องตระกูลจี้!?!?”
ขณะที่ประตูพังทลายลง เสียงแผดร้องก็ได้ยินออกมาจากภายในเมือง และฝูงชนก็ปรากฎขึ้น พุ่งฝ่าอากาศตรงมายังประตู “พวกเจ้ากำลังหาที่ตาย!?!?”
“ท่านแม่, อย่าใจร้อน อย่าได้ทำเรื่องวู่วามเช่นนี้…”
“หุบปาก!” สตรีหน้าตาสวยงามร้องตะโกนออกมา จ้องไปยังฟางหยู กำมือขวาเป็นหมัดและจากนั้นก็ต่อยลงไปบนพื้น ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นราวกับคลื่นทะเลขนาดยักษ์ดังก้องออกไป รอยร้าวกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง เป็นระลอกคลื่นพื้นปฐพีที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
สตรีนางนั้นกระจายรังสีสังหารออกมา พุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนที่ใกล้เข้ามา ต่อยออกไปเพียงแค่หมัดเดียว คนเหล่านั้นก็ลอยออกไปทีละคนราวกับว่าวที่ถูกตัดสายป่าน พวกมันกระจายไปทั่วในอากาศ ส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา
สตรีนางนั้นราวกับเป็นมังกรที่ระเบิดพลังออกมาอย่างรุนแรง ทุกแห่งที่นางไปถึง ทั้งหมดสั่นสะเทือน ราวกับเป็นสายน้ำวนขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ฝึกตนเกือบหนึ่งพันคนที่ใกล้เข้ามา ไม่อาจจะทำอะไรได้เพื่อหยุดนาง
ฟางหยูยืนห่างออกไปที่ด้านข้าง นางตะโกนบอกให้มารดาอย่าได้ใจร้อนต่อไป แต่สีหน้านางก็เต็มไปด้วยรังสีสังหารเช่นเดียวกับมารดา ตามมาด้วยความตื่นเต้น จนถึงจุดที่นางวิ่งออกไป เมื่อพบกับคนที่มารดานางต่อยไปแล้ว และนางก็ต่อยออกไปอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปสองสามอึดใจ ท้องฟ้าทันใดนั้นก็เริ่มมืดสลัวลง กำแพงเมืองดูเหมือนใกล้จะพังทลายลงไปโดยสิ้นเชิง
พื้นดินก็ถูกปกคลุมไปด้วยรอยร้าวมากมายนับไม่ถ้วน ในที่สุด กำแพงเมืองก็พังทลายกลายเป็นฝุ่นผง สตรีผู้งดงามกลายเป็นกระแสน้ำวนกวาดผ่านตรงไปยังราชวัง
เพียงชั่วพริบตา นางก็ไปถึงประตูสวรรค์ของราชวัง ซึ่งเป็นแผ่นโลหะขนาดใหญ่ที่มีตะปูตอกอยู่ถึงสามพันกว่าตัวเปล่งประกายแสงสีทองออกมา รวมถึงสัตว์มงคลที่ถูกแกะสักไว้ที่พื้นผิวประตู ทันใดนั้น เสียงแผดร้องก็ได้ยินออกมาจากภายในเมือง ขณะที่เงาร่างสิบกว่าสายพุ่งออกมา พื้นฐานฝึกตนของพวกมันกระจายพลังอันน่าตกใจออกมา ขณะที่พวกมันปรากฎตัวขึ้น
“ฟางฟูเหริน (ภรรยาคนแซ่ฟาง) ท่านมาที่นี่ในฐานะเป็นตัวแทนของตระกูลฟาง เพื่อประกาศสงครามกับตระกูลจี้ ใช่หรือไม่!?”
หนึ่งในเงาร่างที่ใกล้เข้ามาเป็นชายชราผมขาวโพลนกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ด้านข้างมันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นจี้สืออี (อันดับสิบเอ็ดแซ่จี้) ซึ่งใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จ้องไปยังมารดาและบุตรีทั้งคู่ด้วยความตกตะลึง ขณะที่พวกมันเข้ามาใกล้
“ข้าไม่ได้มาในฐานะตัวแทนของตระกูลฟาง ข้ามาในฐานะของมารดา เป็นตัวแทนของข้าเอง!” สตรีใบหน้าสวยงามขบกรามแน่น ดวงตาหงส์สาดประกายรังสีสังหาร หลังพูดจบก็กระแทกหมัดลงไปบนพื้นอีกครั้ง
สวรรค์และปฐพีเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง ราวกับว่าอากาศกำลังจะแตกสลายไป สายลมสีดำกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง กระแทกเข้าไปยังกลุ่มคนของตระกูลจี้ที่ใกล้เข้ามาทั้งสิบกว่าคนนั้นในทันที
ฉับพลันนั้นสีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไป ในเวลาเดียวกันนั้น ฟางหยูก็รีบกล่าวขึ้น “ท่านแม่, อย่าได้…”
ก่อนที่นางจะทันได้พูดจบ สตรีผู้สวยงามก็พุ่งตรงไปยังประตูสวรรค์ของราชวัง และต่อยหมัดตรงไป
เมื่อพลังหมัดกระแทกลงไป เสียงระเบิดอย่างน่าตกใจก็ดังก้องออกมา แรงสั่นสะเทือนกระจายออกไปทั่วทั้งดินแดนตะวันออกเกือบครึ่งอาณาจักร ประตูสวรรค์ของตระกูลจี้ที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่นอย่างสง่างามมาเป็นเวลาหลายปี แต่ตอนนี้เสียงแตกร้าวดังก้องออกมา ขณะที่วัตถุซึ่งประกอบขึ้นเป็นประตูแตกกระจายออกไปชั้นแล้วชั้นเล่า ขณะที่มันกลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อย ตะปูทองคำมากกว่าสามพันตัวก็พุ่งตรงไปยังราชวัง กระแทกเข้าไปในรูปปั้นมังกรทั้งสิบแปดตัว ทำให้มังกรเหล่านั้นกลายเป็นมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ
เสียงกระหึ่มกึกก้องดังเต็มอยู่ในอากาศ และมังกรทั้งสิบแปดตัวก็ส่งเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ร่างกายของพวกมันไม่อาจจะทนต่อการโจมตีนี้ได้ ระเบิดออกมาจนหมดสิ้น ในตอนนี้เอง ที่ราชวังได้พังทลายลงไปครึ่งหนึ่ง และทั่วทั้งเมืองก็ตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย
“…ใจร้อน…” ฟางหยูพูดเสร็จ จ้องไปยังมารดา และประตูทองคำที่ถูกทำลายลงอย่างเงียบๆ
“เมิ่งลี่!! เจ้าบ้าไปแล้ว!?!?”
เสียงแผดร้องอย่างมีโทสะได้ยินมาจากกลุ่มชายชราสิบกว่าคนที่ใกล้เข้ามา ดวงตาพวกมันสาดประกายรังสีสังหารและโทสะอันเข้มข้น แต่ก็รู้สึกทำอะไรไม่ได้อยู่เล็กน้อย
“พวกเจ้ากล้าทำร้ายบุตรชายข้า?! ข้าจะรื้อคฤหาสน์ตระกูลจี้ทั้งหมด และทำลายประตูหนานเทียนทิ้ง! (สวรรค์ทิศใต้) คนอื่นอาจจะเกรงกลัวพวกเจ้าเหล่าตระกูลจี้ แต่ไม่ใช่ข้า!”
รังสีสังหารเดือดพล่านอยู่ในดวงตาสตรีผู้สวยงามจนดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด นางได้สะกดมันไว้เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่อาจจะทำได้อีกต่อไป ก้าวเนิบนาบผ่านประตูที่พังทลายลงตรงเข้าไป
ฟางหยูรีบติดตามนางไป ทั้งมารดาและบุตรีเดินผ่านประตูสวรรค์ และทันใดนั้นคนทั้งสองก็เข้าไปอยู่ในโลกที่แตกต่างออกไปจากเดิม
ที่เบื้องหน้าคนทั้งสอง เทือกเขากระจายยืดยาวออกไป เต็มไปด้วยสีขาวโดยสิ้นเชิง เมื่อมองจากที่ห่างไกล ก็ดูเหมือนว่าภูเขาเหล่านั้นถูกปกคลุมด้วยหิมะ แต่ถ้ามองให้ละเอียดมากขึ้น ก็จะเห็นว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นมาจากหยก
ภูเขาทั้งหมดเป็นเช่นเดียวกัน และตรงยอดเขามีบ้านที่เรียบง่ายตั้งอยู่ ถูกล้อมรอบไปด้วยสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โต และครึ่งทางลงไปจากตัวบ้าน ก็มองเห็นสะพานที่คล้ายประตูขนาดใหญ่ ถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหราด้วยหยกและหินอ่อน และบนพื้นผิวของมัน มีอักษรสามตัวถูกแกะสลักอยู่ด้วยลายมือที่ดูคล้ายกับเป็นหงส์ร่อนมังกรรำ
“หนานเทียนเหมิน!” (ประตูสวรรค์ทิศใต้)
ขั้นบันไดถูกแกะสลักขึ้นมาจากภูเขาหยก ซึ่งทอดยาวลงไปยังสะพานแห่งนี้ ตรงด้านล่างของเชิงเขามีทะเลสาบตั้งอยู่ บนพื้นผิวของมันมองเห็นเป็นเงาสะท้อนของราชวังที่อยู่ด้านบน ไร้ระลอกคลื่นใดๆ ทำให้ภาพสะท้อนนั้นดูเหมือนของจริงเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่มองดูให้ละเอียด ก็ไม่อาจจะบอกได้ถึงความแตกต่างระหว่างของจริงและเงาสะท้อนนั้น ทั้งภูเขาและภาพสะท้อนของภูเขาที่อยู่ในทะเลสาบก็แทบจะเหมือนกันโดยสิ้นเชิง
“ท่านแม่…” ฟางหยูกล่าวขึ้นทันทีที่คนทั้งสองผ่านเข้าไป โดยปกติแล้วนางค่อนข้างจะกล้าหาญ แต่ในตอนนี้นางลังเลอยู่เล็กน้อย
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจนกระทั่งถึงตอนนี้ช่างน่าตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง นางมองไปยังมารดาเต็มไปด้วยความงุนงง
สตรีผู้สวยงามแค่นเสียงเย็นชา ขณะที่มองขึ้นไปยังภูเขาหยกขาว ในตอนนี้ ความหวาดหวั่นเล็กน้อยมองเห็นได้จากในแววตาของนาง แต่ความเกรงกลัวนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว ถูกแทนที่โดยโทสะและความต้องการสังหาร นางสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ในช่วงเวลานี้ พลังอันบ้าคลั่งน่ากลัว ทันใดนั้นก็พุ่งขึ้นมาจากภายในร่าง
เส้นผมนางพริ้วไสวไปมา ดวงตาสาดประกายเจิดจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวนางเปลี่ยนไป แม้แต่ท้องฟ้าก็เริ่มสลัวเลือนลาง ขณะที่แรงกดดันขนาดใหญ่กระจายออกไป อย่างน่าตกใจ ตอนนี้มีกระบี่ปรากฎขึ้นอยู่ในมือนาง!
และกระบี่เล่มนี้…ก็เป็นกระบี่ไม้!
มันไม่ได้เหมือนกับกระบี่ไม้ทั้งสี่เล่มของเมิ่งฮ่าว แต่มีตัวอักษรโบราณถูกเขียนไว้ที่ตัวกระบี่
กำจัด!
สตรีผู้สวยงามกำกระบี่แน่นอยู่ในมือ ตวัดตรงไปยังประตูหนานเทียนที่สูงขึ้นไปบนภูเขา พลังของกระบี่ทำให้ท้องฟ้าที่ด้านบนเปลี่ยนเป็นสีดำ และพื้นดินกลายเป็นความว่างเปล่า ราวกับว่าพลังทั้งหมดในโลกนี้กำลังถูกดูดเข้าไปในการตวัดเพียงครั้งเดียวของกระบี่ และกลายเป็นปราณกระบี่ที่กรีดเฉือนลงไป ปราณที่น่าตกใจนี้ส่งเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศ มุ่งหน้าตรงไปยังประตูหนานเทียน
ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่ชายชราสิบกว่าคนใกล้เข้ามา พวกมันเต็มไปด้วยโทสะ แต่ทันทีที่ได้เห็นกระบี่ สีหน้าพวกมันก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
“บัดซบ! กระบี่กำจัดเซียน!!”
“เจ้าเมิ่งบ้า! เจ้า, เจ้า, เจ้า…เจ้าบังอาจมากวัดแกว่งกระบี่กำจัดเซียนบนดาวหนานเทียน!?!?”
ด้วยความรวดเร็วของปราณกระบี่เช่นนั้น ทำให้มันพุ่งไปถึงประตูหนานเทียนเพียงชั่วพริบตา อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ไม่มีใครรู้ ตรงด้านข้างประตูหนานเทียน มีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งปรากฎขึ้น จากรูปลักษณ์ภายนอก มันดูไม่แก่ชรามากนัก แต่ร่างของมันก็กระจายกลิ่นอายของความเก่าแก่โบราณที่สัมผัสไม่ได้ออกมา
มันมองไปยังปราณกระบี่ที่พุ่งตรงมา และจากนั้นก็มองไปยังสตรีผู้สวยงาม ส่ายศีรษะ มันไม่ได้ขวางกั้นใดๆ ปราณกระบี่กระแทกเข้าไปยังประตูหนานเทียน ทำให้ทั่วทั้งโครงสร้างสั่นสะเทือน และจากนั้นก็พังทลายลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ประตูหนานเทียนได้เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่ตระกูลจี้มายังดาวหนานเทียน และเป็นตัวแทนของตำแหน่งการปกครองของพวกมัน นี่เป็นครั้งแรกที่ประตูได้พังทลายไป
บุรุษหนุ่มมองไปยังประตูที่พังทลาย และจากนั้นก็กล่าวเสียงราบเรียบ “เห็นแก่หน้าบิดาเจ้า, ผู้อาวุโสเมิ่ง, ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ เอาเลยระบายโทสะของเจ้าออกมา แต่…เพียงแค่ครั้งนี้เท่านั้น!”
บุรุษหนุ่มโบกสะบัดชายแขนเสื้อ และทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ก็เริ่มสลัวเลือนลางลง ทุกคนเริ่มหายตัวจากไป
ก่อนที่นางจะหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เสียงของสตรีผู้สวยงามก็ดังก้องออกมา กระจายไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้ เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว
“วันนี้ข้าขอเตือนตระกูลจี้ด้วยเช่นกัน” นางกล่าว “อย่าให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาอีก!”