ตอนที่ 433
ศัตรูมาถึง
เมื่อรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุทองรวมตัวกันถึงจุดสูงสุด
ตัวอักษรโบราณ “金” (จิน = ทอง) ก็ปรากฎขึ้น!
ตัวอักษรนี้ถูกประทับอยู่บนหน้าอกเมิ่งฮ่าว อยู่ตรงตำแหน่งเดียวกับหัวใจ จริงๆ แล้ว เมื่อหัวใจเขาเต้นก็ทำให้มันกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ ส่องแสงสีทองซึ่งเหมือนกับที่กระจายออกมาจากแกนสีทอง ในตอนนี้พื้นฐานฝึกตนของเขาจู่ๆ ก็พุ่งทะยานขึ้นไป เขายังคงอยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ของแกนสีทอง แต่พลังการต่อสู้ที่แท้จริงในตอนนี้ ได้ปีนป่ายขึ้นไปจนคล้ายคลึงกับขั้นวิญญาณแรกต่อตั้งอย่างแท้จริง
เมื่อถึงเวลาที่ทำการปรุงวิญญาณแรกก่อตั้งห้าสี ถ้าคิดว่าต้องมีทั้งหมดห้าขั้นตอน เช่นนั้นในตอนนี้เมิ่งฮ่าวก็ทำได้สำเร็จไปแล้วสอง!
เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่เงยหน้าขึ้น โลกสีทองที่กำลังสั่นสะเทือนในตอนนี้ได้หายไป เขาย้อนกลับไปอยู่ในดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวเขามีสีสันขึ้นมาอีกครั้ง แต่สถานที่แห่งนี้ทั้งหมดในตอนนี้ก็กำลังแสดงสัญญาณของการพังทลายลง
เสียงกระหึ่มดังก้องออกไปในอากาศ และภูเขาไฟทั้งเจ็ดก็เริ่มแตกกระจายลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สัตว์ปีศาจอันทรงพลังที่ยังคงมีอยู่ในบริเวณนั้น ต่างก็ส่งเสียงคำรามแผดร้องอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ กลุ่มคนทั้งห้าเผ่าต่างก็ตื่นตระหนก พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหลบหนีจากไป
การที่จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็ปรากฎตัวขึ้น ไม่ได้ไปดึงดูดความสนใจใดๆ ผู้ฝึกตนทั้งหมดในตอนนี้กำลังบินตรงไปยังปากทางออกด้วยความรวดเร็วสูงสุด
เมิ่งฮ่าวบินไปตามฝูงชนด้วยดวงตาที่สาดประกาย เสียงระเบิดดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน และภูเขาก็เริ่มพังทลายลงมา
ทันใดนั้น ลาวาก็พุ่งออกมาจากภูเขาไฟทั้งเจ็ด และกลุ่มควันสีดำก็เต็มอยู่ในท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ บริเวณนั้นในตอนนี้เต็มไปด้วยฝุ่นควัน แผ่นดินไหวและสัตว์ปีศาจก็แผดร้องคำราม
เมิ่งฮ่าวบินด้วยความรวดเร็วติดตามไปพร้อมกับฝูงชน ดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนใกล้จะพังทลายลงไปได้ทุกขณะจิต เมื่อเขามาถึงปากทางออก ร่างก็เริ่มสลัวเลือนลาง จากนั้นก็ไปอยู่ที่ด้านนอกของประตูสีทอง
กลุ่มคนจากห้าเผ่าทั้งหมดมีท่าทางประหลาดใจ หัวหน้าเผ่าอูต๋ามองเห็นเมิ่งฮ่าว แอบถอนหายใจอยู่ภายใน บินเข้าไปหาเขา
เสียงกระหึ่มกึกก้องในตอนนี้สามารถได้ยินออกมาจากภายในแสงสีทอง ขณะที่ประตูนั้นแตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในเวลาเดียวกันนั้น แสงสีทองก็เริ่มจางหายไป
กลุ่มคนจากห้าชนเผ่าทั้งหมดต่างก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เหตุกาณ์ที่แปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ทำให้พวกมันตกตะลึง มีสีหน้าซีดขาวด้วยความตื่นตกใจ
“ดินแดนสักการะ…พังทลายไปแล้ว!”
“ดินแดนสักการะหายไปแล้ว! ดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราล่มสลายไปแล้ว มันจะเป็นลางร้ายบางอย่างหรือไม่!?”
หัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าสูงสุดของทั้งห้าเผ่ามีสีหน้าเคร่งเครียด จิตใจพวกมันเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ หัวหน้าเผ่าอูต๋ามีสีหน้าสลดลง มันหยุดที่จะบินเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว แต่บินเข้าไปหาหัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าสูงสุดอื่นๆ แทน
เมิ่งฮ่าวลอยอยู่กลางอากาศ จ้องอย่างครุ่นคิดมองไปยังแสงสีทองที่กำลังจางหายไป คิดไปถึงดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในเทือกเขา คิดไปถึงอีกาสีทองและต้นไม้ยักษ์ด้วยเช่นกัน
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็ถอนหายใจออกมา
ขณะที่เขาถอนหายใจ เสียงของนกแก้วจู่ๆ ก็ได้ยินออกมาจากที่ด้านข้าง บุรุษที่แปลงร่างมาจากสัตว์อสูรเทียมสวรรค์ปรากฎกายขึ้น
“บัดซบ เจ้าคนจากตระกูลจี้ผู้นั้น พยายามที่จะลบความทรงจำของข้าอีกครั้ง อู่เหยียจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว!! ข้าจะไปจัดการกับสวรรค์แห่งจี้! จัดการสวรรค์!” จากน้ำเสียงเช่นนี้ก็ดูเหมือนว่านี่เป็นเป้าหมายใหม่ในชีวิตของมัน
เมิ่งฮ่าวหันหน้าไปมองยังบุรุษร่างสูงใหญ่และขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นใครกันแน่? นกแก้ว, ผีโต้ง หรือสัตว์อสูรเทียมสวรรค์?”
“เห็นได้ชัดว่าข้าก็คืออู่เหยีย, สารเลว!” บุรุษผู้นั้นกล่าว ท่าทางเย่อหยิ่งอวดดีปรากฎขึ้นบนใบหน้าของมัน “ฟังนะเมิ่งฮ่าว, ข้าขอยื่นคำขาดกับเจ้า นับจากนี้ไป ห้ามเรียกเทียนเทียนว่า ‘สัตว์อสูรเทียมสวรรค์’ นางได้กลายเป็นภรรยาของข้าแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปเจ้าต้องเรียกนางว่าอู๋ไหน่! (ท่านย่าห้า)”
เมื่อได้เห็นสีหน้าของบุรุษร่างสูงใหญ่ เมิ่งฮ่าวก็จ้องไปที่มันและกล่าวว่า “ไสหัวไป!”
“เจ้า, เจ้า, เจ้า…ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าจะกล้าไม่เคารพอู่เหยีย!! ที่เลวร้ายไปกว่านั้น เจ้ายังไม่เคารพภรรยาที่รักของอู่เหยีย, ซึ่งเป็นอู๋ไหน่ของเจ้า! อย่า…อย่าบอกข้านะว่าเจ้าต้องการจะขโมยอู๋ไหน่ไปจากอู่เหยีย!” เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนั้น จู่ๆ เจ้านกแก้วก็มีโทสะ
แม้ในขณะที่นกแก้วกำลังเดือดดาลอยู่นั้น หัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าสูงสุดของทั้งห้าชนเผ่าก็แยกย้ายกันออกไป สีหน้าพวกมันเคร่งเครียด ต่างคนต่างก็กลับไปยังเผ่าของตัวเอง ติดตามไปด้วยคนในเผ่า
หัวหน้าเผ่าอูต๋าและผู้เฒ่าสูงสุดท้องฟ้าเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว ใบหน้ามีรอยยิ้มอันขมขื่น
หัวหน้าเผ่าพูดขึ้นมาก่อน “ดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์ได้พังทลายลง และเกราะป้องกันของบรรพบุรุษก็ได้หายไป ด้วยสถานการณ์เช่นนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นฟูกลับมา คงอีกไม่นานก่อนที่ชนเผ่าอื่นๆ ในอาณาเขตแถบนี้จะรับรู้ถึงเรื่องนี้”
จากนั้นผู้เฒ่าสูงสุดท้องฟ้าก็กล่าวต่อไป “มีชนเผ่าขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งได้เฝ้าจับตามองพวกเรามาสักพักหนึ่งแล้ว แต่พวกมันก็หวาดกลัวต่อดินแดนสักการะ หลังจากนี้พวกมันคงเป็นตัวปัญหาอย่างแน่นอน สำหรับพวกเราทั้งห้าเผ่า นี่เป็นมหันตภัยอันร้ายแรง ถ้าพวกเราไม่อาจจะต้านทานพวกมันได้ เผ่าของพวกเราก็คงจะถูกทำลายล้างไปจนหมดสิ้น”
“ท่านทั้งสองเป็นผู้ติดตามที่แข็งแกร่งมากที่สุดในเผ่าอูต๋า ในห้วงวิกฤตของเผ่าตอนนี้ ข้าหวังว่าพวกท่านจะมีความเมตตาให้การช่วยเหลือพวกเราอย่างแท้จริง เผ่าอูต๋าจะต้องตอบแทนพวกท่านอย่างแน่นอน”
ด้วยเช่นนั้น คนทั้งสองก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าวและบุรุษที่แปลงร่างมาจากสัตว์อสูรเทียมสวรรค์
เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวตอบอันใด แต่กลายเป็นลำแสงติดตามคนของเผ่าอูต๋าอื่นๆ กลับไปที่เผ่า หลังจากมาถึงเขตภูเขาด้านหลัง เขาก็เข้าไปยังลานบ้าน
ทันที่ที่ทำเช่นนั้น เขาก็ตบไปที่ถุงแห่งจักรวาล ทำให้ต้าเหมาและฝูงสัตว์ปีศาจที่เหลือบินออกไป จากนั้นเขาก็มองเข้าไปในถุงที่เก็บรวบรวมสัตว์ปีศาจตัวอื่นๆ
ในนั้นมีทั้งอีกาดำ ฝูงยุงที่ดุร้าย จระเข้แดง และจิ้งเหลนขนาดใหญ่ ทั้งหมดต่างก็เป็นสัตว์ปีศาจที่เขาได้มาจากดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์
สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่เขาสำรวจดูพวกมัน
“ถ้าข้าสามารถทำให้สัตว์ปีศาจเหล่านี้ กลมกลืนเข้ากับฝูงสัตว์ปีศาจของข้าได้ ฐานะการเป็นต้าซือหลงในทะเลทรายตะวันตกของข้าก็จะสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น”
เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว เขาก็ตบไปที่ถุงสมบัติ ทำให้อีกาดำบินออกมา เขาชี้นิ้วออกไปด้วยดวงตาที่สาดประกาย
ทันใดนั้น ปราณอสูรในบริเวณนั้นก็หลอมรวมเข้าไปในนิ้วของเขา กลายเป็นแรงกดดันซึ่งกดทับลงไปบนร่างอีกาดำ
เวลาเลื่อนผ่านไป เมิ่งฮ่าวส่งฝูงสัตว์ปีศาจออกไปที่ด้านนอก ป้องกันไม่ให้มีใครมารบกวนการเข้าฌาณ ในไม่ช้าเวลาหนึ่งเดือนก็ผ่านไป
ในช่วงหนึ่งเดือนนั้น ทุกคนในห้าชนเผ่าของอีกาศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว การปะทะต่อสู้ซึ่งกันและกัน ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ได้หายไป หัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าสูงสุดมักจะปิดประตูพูดคุยกันบ่อยๆ สุดท้ายพวกมันก็เลือกที่จะยืนหยัดอยู่ด้วยกัน และก่อตั้งเป็นพันธมิตรร่วมกัน
ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ติดตามจากเผ่าต่างๆ ก็ตระหนักว่า การพังทลายลงของดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์กำลังนำมาซึ่งปัญหาทั้งหมด พวกมันค่อยๆ เริ่มจากไป
พวกมันเป็นแค่ผู้ติดตาม ไม่ใช่คนในเผ่าอย่างแท้จริง การที่ต้องมาเผชิญหน้ากับหายนะที่ใกล้เข้ามา ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกมันไม่ต้องการจะอยู่ต่อไป ไม่เกินครึ่งเดือน ผู้ติดตามมากกว่าครึ่งก็จากไป
อย่างไรก็ตาม การร่วมเป็นพันธมิตรของห้าชนเผ่า ก็ทำให้ความยิ่งใหญ่ของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ได้กลับคืนมา ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าผู้ติดตามมากมายได้จากไป ทางเผ่าก็ยังคงมีผู้แข็งแกร่งอยู่มากมาย และพลังโดยรวมของพวกมันทั้งหมดจริงๆ แล้วก็เพิ่มขึ้น สำหรับตำแหน่งผู้นำของห้าชนเผ่า รวมทั้งตำแหน่งหัวหน้าเผ่าอูต๋า ในตอนนี้พวกมันให้ความสนใจมุ่งเน้นไปที่เมิ่งฮ่าวเป็นหลัก
ในฐานะที่เป็นต้าซือหลง เมิ่งฮ่าวได้สร้างความประหลาดใจให้กับพวกมันไปเรียบร้อยแล้ว ตัวต้าซือหลงเองอาจจะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่พลังที่สามารถควบคุมการต่อสู้เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับห้าชนเผ่า ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะเป็นต้าซือหลงที่บาดเจ็บ และมีสัตว์ปีศาจจำนวนไม่มากนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถ้าจำเป็นพวกมันสามารถเพิ่มฝูงสัตว์ปีศาจให้เขาได้มากมาย ซึ่งจะช่วยให้พวกมันได้รับชัยชนะจากการต่อสู้
ในตอนนี้ เขตด้านหลังภูเขาทั้งหมดเป็นของเมิ่งฮ่าว แม้แต่คนในเผ่าก็ไม่อาจจะเข้าไปได้ ทั่วทั้งเขตหลังภูเขานั้นเหมือนกับเป็นเขตต้องห้าม ซึ่งมีผลกับเผ่าอูต๋ารวมถึงอีกสี่เผ่าที่เป็นพันธมิตรร่วมกัน
เนื่องจากจุดยืนของเมิ่งฮ่าว เขาไม่ได้มีความคิดที่จะทำเช่นนี้ แต่ทั้งห้าเผ่าได้เสนอที่จะทำเช่นนี้ด้วยความยินดี ที่ยิ่งมีความนับถือเมิ่งฮ่าวมากกว่าใครๆ ก็คือกู่ลา มันได้ย้ายมาอยู่ที่เผ่าอูต๋า และตอนนี้ก็นั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านนอกของเขตด้านหลังภูเขาของเมิ่งฮ่าว ราวกับว่ามันกำลังเฝ้ารักษาความปลอดภัยให้ ยักษ์เถื่อนก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน ซึ่งจะส่งเสียงคำรามจนทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนออกมาเป็นระยะ
สำหรับบุรุษร่างสูงใหญ่ ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือนกแก้วและคนอื่นๆ ในตอนแรกมันก็อยู่รอบๆ บริเวณนั้น แต่หลังจากผ่านไปไม่นาน มันก็ออกไป แต่ก็กลับมาเป็นครั้งคราว หลังจากผ่านไปสักระยะ ยักษ์เถื่อนก็พบว่ายากที่จะอยู่ในที่ใดที่หนึ่งได้เป็นเวลานาน จึงมักจะไปร่วมกับต้าเหมาและตัวอื่นๆ เข้าไปในภูเขา
อีกครึ่งเดือนได้ผ่านไป และเมิ่งฮ่าวก็ยังคงนั่งเข้าฌาณ ในตอนนี้เองที่มีลำแสงพุ่งฝ่าอากาศอยู่ในท้องฟ้าด้านนอกของเขตภูเขาซึ่งเป็นของชนเผ่าทั้งห้า
ภายในลำแสงนั้นเป็นแมงมุมยักษ์สามสิบสองตัว แต่ละตัวมีขนาดสามสิบกว่าจ้าง ดูท่าทางดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง พวกมันมีสีสันสดใส ทำให้เห็นได้ชัดว่ามีพิษร้ายอย่างรุนแรง ตอนมองดูในครั้งแรกก็เหมือนกับว่าพวกมันกำลังบินมา แต่จริงๆ แล้ว ก็มีใยแมงมุมขนาดใหญ่เต็มอยู่ในท้องฟ้าตลอดเส้นทางที่พวกมันบินผ่านไป
ใยแมงมุมนั้นส่องแสงอันลี้ลับออกมา ทำให้ดูเด่นสะดุดตาเมื่อเทียบกับสีครามของท้องฟ้า และก้อนเมฆที่เป็นสีขาว
ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านบนของแมงมุมยักษ์สามสิบสองตัวเป็นกลุ่มคนซึ่งสวมใส่ชุดที่เหมือนกัน ร่างของพวกมันตกแต่งด้วยรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์
ด้านหลังแมงมุมทั้งสามสิบสองตัว เป็นอุกกาบาตรูปทรงกลมขนาดใหญ่ มีหลุมเป็นโพรงใหญ่อยู่ตรงกลางของก้อนอุกกาบาตยักษ์นั้น เผยให้เห็นก้อนผลึกที่อยู่ด้านในซึ่งดูคล้ายกับหินโมรา เรืองแสงสีม่วงออกมา และดูเหมือนจะมีของเหลวหมุนวนอยู่ภายใน
ที่กำลังยืนอยู่ที่นั่นเป็นบุรุษวัยกลางคนในชุดยาวสีขาว ถูกห้อมล้อมด้วยหญิงสาวที่มีจริตมารยาอยู่หลายนาง ซึ่งตอนนี้กำลังนวดไปที่ไหล่ของมัน
ใบหน้าของบุรุษผู้นี้หล่อเหลา แต่มีรอยแผลสีดำขนาดใหญ่อยู่บนใบหน้า ทำให้รูปลักษณ์ของมันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
มีเส้นใยไหมเชื่อมต่อกันระหว่างอุกกาบาตขนาดใหญ่และแมงมุมทั้งสามสิบสองตัว ซึ่งกำลังถูกดึงฝ่าอากาศมา ด้านหลังพวกมันทั้งหมด ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำด้วยสัตว์ปีศาจแมงมุมจำนวนมากมาย
บนหลังด้านบนของแมงมุมยักษ์ตัวหนึ่งเป็นบุรุษวัยเยาว์ กำลังมองกลับไปยังอุกกาบาตหินโมรา มันประสานมือและโค้งตัวให้กับบุรุษชุดขาว กล่าวเป็นเสียงดังออกมา “ท่านซือหลงผู้ยิ่งใหญ่ ตรงขึ้นไปที่เบื้องหน้าเป็นเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ที่ล่มสลายไปแล้ว ตอนนี้มันกลายเป็นห้าเผ่าเล็กๆ”
“พวกคร่ำครึชราในเผ่าระมัดระวังตัวมากเกินไป” บุรุษผู้นั้นกล่าวอย่างอ่อนใจ สีหน้าภาคภูมิใจและเย่อหยิ่ง “ทั้งห้าเผ่าอันกระจ้อยร่อยนี้รอดมาได้จนกระทั่งถึงตอนนี้ ก็เนื่องมาจากการปกป้องคุ้มครองของอีกาศักดิ์สิทธิ์ ท่านผู้เฒ่าสูงสุดได้พบว่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ได้จากไปแล้วในตอนนี้ ดังนั้นทำไมเผ่าที่มีพลังอันยิ่งใหญเช่นพวกเราถึงจะไม่มาทำลายพวกมัน!? ข้าจะพิสูจน์ให้พวกชราคร่ำครึเหล่านั้นดู!?”
“ไม่ว่าอย่างไร เมื่อข้ามาอยู่ในที่นี่แล้ว ข้าจะจัดการให้เหมือนกับที่ข้าทำอยู่เป็นประจำ ก่อนที่พวกมันจะตายไป ข้าจะหยิบยื่นความหวังให้พวกมันเล็กน้อย จากนั้นก็บดขยี้พวกมันทิ้ง! แมงมุมปีศาจของข้าชอบกินเนื้อสดๆ ของมนุษย์ที่หดหู่เศร้าซึมมากที่สุด เด็กฝึกเลี้ยงแมงมุม นำแถลงการณ์สงครามแดงออกมา!” ดูเหมือนว่าสำหรับบุรุษชุดขาวผู้นี้ เมื่อพิจารณาถึงตัวตนของมัน การที่ถูกส่งมายังสถานที่แห่งนี้ถือเป็นความอัปยศสำหรับมัน
เสียงของมันดังก้องออกไปยังผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตก ซึ่งนั่งอยู่ด้านบนของแมงมุมยักษ์ทั้งสามสิบสองตัว เมื่อพวกมันได้ยินคำว่าแถลงการณ์สงครามแดง สีหน้าอันดุร้ายของพวกมันก็เต็มไปด้วยความกระหายเลือด เลียริมฝีปากกันในทันที
ดวงตาของเด็กหนุ่มซึ่งกล่าวขึ้นเมื่อครู่นี้เปลี่ยนเป็นสีแดง ริมฝีปากบิดขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มอันดุร้าย แถลงการณ์สงครามแดงมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
มันหมายความว่า ทั่วทั้งชนเผ่า รวมถึงคนในเผ่าและผู้ติดตาม จะมีโอกาสต่อสู้ได้สามครั้ง ถ้าพวกมันพ่ายแพ้ติดต่อกันทั้งสามครั้ง ผลลัพธ์ก็คือต้องถูกสังหารจนหมดสิ้นไปทั้งเผ่า!