Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 481

ตอนที่ 481

ศัตรูเก่า

การต่อสู้ดำเนินไปไม่กี่ชั่วยาม หัวหน้าเผ่าเหิงอวี่ก็ตายไป และผู้เฒ่าสูงสุดก็ถูกกำจัดไป ห้าผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งที่ยังเหลืออยู่ สามตาย และสองคนพยายามจะหลบหนี

พวกมันไปได้ไม่ไกลมากนัก ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะไล่ตามไปทัน และสังหารพวกมันไป

เขาไม่มีทางเลือก โอกาสเดียวที่พวกมันจะมีชีวิตอยู่ก็คือต้องยอมจำนน, เปลี่ยนภาพศักดิ์สิทธิ์ และเชื่อมั่นศรัทธาในตัวเมิ่งฮ่าว โดยการกลายมาเป็นทาสของกลุ่มคนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ เมิ่งฮ่าวสามารถคาดคิดได้ว่าถ้าเขาไม่สังหารคนเหล่านี้ ซึ่งเลือกที่จะหลบหนีไป ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องของวิญญาณอสูรก็จะกระจายออกไปไกลและเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว

ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ถ้าข่าวคราวแพร่กระจายออกไปไกลมากกว่านี้ ก็จะยิ่งทำให้การอพยพยากที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้น

มีเพียงสองพันคนของชนเผ่าเหิงอวี่ที่ยังเหลืออยู่ จากกองกำลังเดิมที่มีอยู่เจ็ดถึงแปดพันคน กลุ่มคนเหล่านี้เลือกที่จะยอมจำนน และแสดงความจงรักภักดีต่อเมิ่งฮ่าว กลายมาเป็นทาสของชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์

จากสัตว์ปีศาจทั้งหกหมื่นตัว มีอยู่ห้าหมื่นตัวที่มีชีวิตรอดจากการต่อสู้ พวกมันบดบังไปทั่วทั้งท้องฟ้า ขณะที่รายล้อมไปรอบๆ เมิ่งฮ่าว ซึ่งยืนอยู่ที่นั่น เส้นผมสะบัดพริ้วไปมา สีหน้าเต็มไปด้วยรังสีสังหาร มีท่าทางแปลกประหลาดอยู่ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้อย่างแท้จริง

ไม่กี่วันหลังจากนั้น เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตอนนี้มีสมาชิกอยู่ถึงสี่พันคนที่แข็งแกร่ง ก็ได้มาถึงเมืองที่เดิมถูกควบคุมโดยเผ่าเหิงอวี่ พวกเขาปล้นชิงสิ่งของที่มีประโยชน์จากในเมือง และจากนั้นก็มุ่งหน้าเดินทางต่อไป

พวกเขามุ่งหน้าลงใต้ เดินไปตามเส้นทางที่สุดท้าย ก็นำพวกเขาออกไปจากเขตทางเหนือของทะเลทรายตะวันตก

ฝนม่วงตกลงมาอย่างต่อเนื่องหนักมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ…คุณสมบัติในการกัดกร่อนของน้ำฝน ซึ่งสามารถที่จะทำลายล้างพลังชีวิตได้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน มองเห็นทะเลสาบมากมายเกิดขึ้นปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นดิน จากที่เห็นคงอีกไม่นานทะเลสาบเหล่านี้ก็จะรวมตัวกันจนกลายเป็นทะเล

เวลาแวบขึ้น สองปีก็ผ่านไป ในช่วงสองปีมานี้ เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ยังคงเดินทางอย่างต่อเนื่องไม่ลดละตรงไปยังทิศใต้ พวกเขาข้ามทะเลสาบที่กว้างใหญ่ และเดินทางผ่านเทือกเขา ในช่วงของการเดินทางนี้ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้เจ็ดครั้ง

การต่อสู้ทั้งเจ็ดครั้งนี้ ทำให้เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์มีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จำนวนคนในเผ่าเพิ่มขึ้นจากสี่พันจนมากกว่าหนึ่งหมื่นคน มีเพียงหนึ่งพันคนที่เป็นสมาชิกดั้งเดิมของห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ผู้ฝึกตนอื่นๆ ถูกจับตัวในการต่อสู้ และเลือกที่จะจงรักภักดีต่ออีกาศักดิ์สิทธิ์, เชื่อมั่นศรัทธาต่อเมิ่งฮ่าว และกลายเป็นทาสไป

พวกมันถูกบังคับให้เปลี่ยนภาพศักดิ์สิทธิ์ ต้องหมอบกราบสักการะต่อเมิ่งฮ่าว พวกมันได้รับภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุทอง, ไม้, ไฟ และดิน ต้องเรียกเมิ่งฮ่าวว่าเซิ่งจู่ (บรรพบุรุษศักดิ์สิทธิ์)

จากการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ฝูงสัตว์ปีศาจของเมิ่งฮ่าวก็ค่อยๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้น ตอนนี้มีอยู่ถึงแปดหมื่นตัว

สำหรับผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง ก่อนหน้านี้พวกเขามีอยู่เพียงแค่สามคน แต่ตอนนี้มีอยู่เจ็ดคน เพิ่มขึ้นมาสี่คน พวกมันเป็นผู้ฝึกตนจากเผ่าอื่นๆ ซึ่งเลือกที่จะยอมจำนน สำหรับผู้ฝึกตนที่เลือกจะเข้าร่วมกับเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ จริงๆ แล้วก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดจากวันสิ้นโลกนี้ไปได้

ถ้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ตัดสินใจเข้าไปในดินแดนสีดำ พวกมันก็สามารถเข้าไปและมีชีวิตรอดด้วยเช่นกัน

ภาพอันน่าตกใจของฝูงสัตว์ปีศาจที่พุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศ ทำให้ความรุ่งโรจน์ของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ ได้ฟื้นฟูกลับมาจนถึงระดับที่ย้อนกลับไปในวันของห้าเผ่า ตอนนี้มีผู้คนมาเข้าร่วมด้วยมากขึ้น และทรัพยากรก็มีอย่างเหลือเฟือ เมิ่งฮ่าวเริ่มปรุงเม็ดยาขึ้น เพราะเม็ดยาของเขาสามารถช่วยฟื้นฟูพลังลมปราณได้ เม็ดยาเริ่มกลายเป็นส่วนที่จำเป็นในชีวิตของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์

และเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ฝึกตนมากกว่าหนึ่งหมื่นคนสามารถอดทนต่อฝนม่วงนี้ได้เช่นกัน นอกจากนี้…ถึงแม้พวกเขาจะมีทรัพยากรที่เหลือเฟือ แต่ก็ยังไม่อาจจะได้ครอบครองยานบิน

สิ่งของเวทที่บินได้ขนาดใหญ่มีราคาแพงมากเป็นอย่างยิ่ง และไม่ใช่สิ่งที่ชนเผ่าขนาดกลางจะสามารถครอบครองได้ มีเพียงชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นถึงจะมีสิ่งของเวทเช่นนั้นได้

เมิ่งฮ่าวหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ครอบครองยานบิน แต่ตลอดช่วงสองปีมานี้ สีหน้าเขาก็เริ่มเคร่งเครียดมากขึ้นไปเรื่อยๆ เขาตระหนักดีว่าเนื่องจากวันสิ้นโลกนี้ มีชนเผ่ามากมายในเขตทางเหนือของทะเลทรายตะวันตกที่อยู่ในช่วงการอพยพ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมพวกเขาถึงได้เผชิญหน้าต่อสู้กับเจ็ดเผ่าอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกเขาเดินทางต่อไป ในที่สุดพวกเขาก็ออกมาจากเขตทางเหนือ เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ พวกเขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับชนเผ่าอื่นๆ มากขึ้น ชนเผ่าเหล่านั้นมักจะมีหลัวผานอยู่ เมื่อไหร่ที่วิญญาณอสูรแสดงตำแหน่งขึ้นบนหลัวผาน ก็จะทำให้เกิดความรุนแรงอย่างน่าตกใจขึ้นมีเพียงทางเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์เช่นนั้นได้ก็คือการสังหาร!

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยแสงอันเย็นชาออกมา ตลอดช่วงสองปีมานี้ เขาได้คุ้นเคยกับการสังหารหมู่มาโดยตลอด

“ถ้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจจะเดินทางไปถึงดินแดนสีดำได้ ก็เป็นเพราะว่าข้าได้ทำทุกอย่างเต็มกำลังแล้วแต่ก็ล้มเหลว ถึงตอนนั้นข้าก็ต้องชดใช้หนี้ที่มีต่ออีกาสีทอง แต่ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าข้ามีค่าคู่ควรต่อสิ่งที่ได้รับมาจากเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์” เมิ่งฮ่าวได้กระทำการทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้เพื่อเติมเต็มภาระผูกพันทางจริยธรรม ไม่ว่าเขาจะบรรลุถึงเป้าหมายหรือไม่ แต่ในตอนนี้เขาก็ไม่อาจจะทำอะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว

ตลอดช่วงสองปีมานี้ เมิ่งฮ่าวได้สังเกตดูฝนม่วงที่ตกลงมา เขาค่อยๆ เริ่มได้รับความรู้แจ้งขึ้นทีละน้อย เขาสามารถใช้เปลวไฟอมตะเพื่อสร้างเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟ และใช้โครงสร้างของดินยะเยียบเพื่อสร้างเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุดิน สำหรับภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุน้ำ…บางทีเขาก็สามารถใช้ฝนม่วงนี้ได้อย่างแท้จริง!

นอกจากนี้ ฝนม่วงก็ประกอบไปด้วยพลังของการทำลายล้าง ด้วยพลังของธาตุน้ำเช่นนั้น ก็สามารถกำจัดชีวิตและตัดพลังลมปราณได้ มันเป็นสิ่งพิเศษสุดเปรียบปาน ถ้าเขาสามารถควบคุมพลังและใช้มันเพื่อสร้างเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุน้ำได้ เมิ่งฮ่าวไม่เพียงแต่จะบรรลุขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ของห้าธาตุเท่านั้น แต่ด้วยความสำเร็จเกี่ยวกับห้าธาตุนี้ ก็สามารถทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนได้อย่างแท้จริง!

ทอง มาจากอีกาสีทอง ซึ่งเป็นเม็ดยาจากสมัยโบราณที่กลายมาเป็นอสูร เป็นบางสิ่งที่พบเห็นได้ยากในสวรรค์และปฐพีแห่งนี้!

ไม้ มาจากผู้เชี่ยวชาญอันแข็งแกร่งจากจิ่วไห่ (ทะเลที่เก้า) ซึ่งแตกดับไปเมื่อมาถึงดาวหนานเทียน เจตจำนงของมันได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ในรูปแบบของต้นไม้, ต้นชิงมู่!

ไฟ มาจากเปลวไฟอมตะเม็ดยาบูรพา เป็นไฟที่ไม่มีทางดับลง ซึ่งจะคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์ เดิมทีมันเป็นสิ่งลี้ลับ ซึ่งแม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่แน่ใจว่าเปลวไฟนี้มาจากไหน!

ดิน มาจากพลังของดินยะเยียบและหานถู่เยาตี้ (จักรพรรดิอสูรดินยะเยียบ) เป็นดินในตำนานที่เกี่ยวข้องกับตำนานของจิ่วซาน (ขุนเขาที่เก้า) ถือกำเนิดขึ้นมาอย่างน่ามหัศจรรย์จากก้อนดิน และในที่สุดก็กลายเป็นสิ่งที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร

“น้ำ…ฝนม่วงแห่งวันสิ้นโลกสามารถกำจัดชีวิต และตัดพลังลมปราณ เหลือทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่า!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ

ผู้ฝึกตนนับหมื่นของชนเผ่า ติดตามเขาในช่วงของการอพยพจากวันสิ้นโลกนี้ ความรวดเร็วในการเดินทางของพวกมันเห็นได้ชัดว่าเร็วกว่าเมื่อสองปีก่อน นอกจากนี้ ผู้คนทั้งหมดที่ยอมจำนนและแสดงความจงรักภักดีต่างก็เป็นผู้ฝึกตน ไม่ใช่คนในเผ่าธรรมดาทั่วไป สำหรับกลุ่มคนดั้งเดิมหนึ่งพันคนของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ มีคนธรรมดาเพียงแค่ไม่กี่ร้อยคนซึ่งถูกช่วยเหลือจากคนอื่นๆ และไม่ได้มีผลกระทบต่อความรวดเร็วในการอพยพมากนัก

มีไม่กี่คนเท่านั้นที่สังเกตเห็นถึงการเพิ่มขึ้นของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนั้นทุกคนก็เป็นห่วงในเรื่องการอพยพของตัวเอง จึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนักเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากความปั่นป่วนวุ่นวายของวันสิ้นโลก ทำให้ทุกๆ เผ่าต่างก็ระมัดระวังตัวเมื่อต้องติดต่อกับบุคคลภายนอก

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีหนึ่งเผ่าที่ไม่ได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งไม่ใช่เผ่าไหนอื่นแต่เป็นศัตรูเก่าของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์, เผ่าห้าพิษนั่นเอง!

ตรงขอบชายแดนของเขตทางเหนือทะเลทรายตะวันตก เผ่าห้าพิษได้สร้างที่พักชั่วคราวขึ้นมา ตรงกระโจมกึ่งกลางนั่งไว้ด้วยผู้เฒ่าของเผ่า ซึ่งมีทั้งหมดสิบสามคน ตรงตำแหน่งตรงกลางเป็นชายชราสองคน

คนแรกเป็นหัวหน้าเผ่าห้าพิษ อีกคน…เป็นชายชราที่เคยนำกำลังพลมากมาย พยายามจะไปกำจัดห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์, ผู้เฒ่าสูงสุด

มันกล่าวทำลายความเงียบในกระโจมด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า “พวกเรามั่นใจว่าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์มีวิญญาณอสูร”

เสียงพูดคุยทันใดนั้นก็ดังขึ้นมาอยู่ภายในกระโจมตรงกลาง

“พวกเราได้ติดต่อเผ่าอวิ๋นเทียน (ฟ้าเมฆา) อันยิ่งใหญ่ไปแล้ว พวกมันมีปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณ ซึ่งทำให้พวกมันมีคุณสมบัติที่จะเข้าไปในดินแดนสีดำ ถ้าพวกเราไปเข้าร่วมกับพวกมัน…นับจากนี้ไป พวกเราก็จะสูญเสียสิทธิ์ในการปกครองตัวเอง และจะกลายเป็นสาขาย่อยของชนเผ่าพวกมัน เซิ่งจู่ต้าเหรินต่างก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับข้อตกลงนี้”

“ถ้าพวกเราเลือกจะไม่เข้าร่วมกับเผ่าอวิ๋นเทียนอันยิ่งใหญ่ ความหวังเดียวที่จะมีชีวิตรอดของพวกเราก็คือ ต้องกำจัดเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์และนำวิญญาณอสูรของพวกมันมา นอกจากนั้น นี่เป็นโอกาสเดียวของพวกเราที่จะทำเช่นนั้น…ก่อนที่ข่าวคราวของวิญญาณอสูรนี้จะแพร่กระจายออกไปยังบริเวณด้านนอกของเขตทางเหนือทะเลทรายตะวันตก!”

“นั่นก็ใช่แล้ว เมื่อไหร่ที่คำพูดกระจายออกไป มันก็จะไปถึงเขตภาคกลาง ซึ่งมีชนเผ่าจำนวนมากมายรวมตัวกันอยู่ เมื่อมีเผ่าหนึ่งเดินทางลงใต้ ก็จะมีชนเผ่าอื่นเพิ่มขึ้นมาอีกในที่แห่งนั้น เมื่อไหร่ที่เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ผ่านเข้าไปในเขตภาคกลาง เรื่องที่พวกมันมีวิญญาณอสูรก็ไม่อาจจะปกปิดไว้ได้”

“ถ้าพวกเราได้ครอบครองวิญญาณอสูร พวกเราก็สามารถใช้มันเพื่อไปต่อรองกับเผ่าอวิ๋นเทียนอันยิ่งใหญ่ พวกเราสามารถเรียกร้องขอโอกาสการมีอิสรภาพได้ ถ้าพวกเราต้องเข้าร่วมกับชนเผ่าพวกมัน”

ขณะที่เสียงพูดคุยดำเนินต่อไป หัวหน้าเผ่านั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบขรึม

“เพื่อให้สอดคล้องกับข้อตกลงก่อนหน้านี้ ผู้แทนจากเผ่าอวิ๋นเทียนจะมายังที่นี่ในอีกสองเดือนข้างหน้า”

“แต่จากการสอบถามลับๆ ของพวกเรา เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้มีจำนวนคนมากกว่าหนึ่งหมื่นคน พวกมันยังมีสัตว์ปีศาจถึงหนึ่งหมื่นตัวอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ต้าซือหลงเมิ่งฮ่าวก็เทียบเท่ากับผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไปถึงหนึ่งพันคน! การทำสงครามกับเผ่าเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย”

“พวกมันเป็นแค่ฝูงชนที่สับสนวุ่นวาย ถ้าพวกเราโจมตีด้วยกำลังทั้งหมด ก็จะกวาดล้างเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ไปได้ภายในสามวันอย่างแน่นอน และจะได้ครอบครองวิญญาณอสูรก่อนใครอื่น!”

ในที่สุด หัวหน้าเผ่าก็กระแอมไอออกมา ทำให้ทั่วทั้งกระโจมเริ่มเงียบลงในทันที สายตาทุกคู่เลื่อนไปมองยังที่มัน

“เซิ่งจู่ไม่ยินดีที่จะเข้าร่วมกับเผ่าอันยิ่งใหญ่อื่นๆ พวกเราก็เช่นกัน…ดังนั้น เตรียมตัวทำสงคราม! พวกเราจะต่อสู้กับเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ และยึดวิญญาณอสูรของพวกมันมา วิญญาณอสูรนั่นเป็นกุญแจให้พวกเรามีชีวิตรอดต่อไปในอนาคต!” ดวงตามันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นขณะที่พูดออกมา ครั้นแล้วผู้เฒ่าทุกคนต่างก็คุกเข่าโขกศีรษะให้มัน

“สำหรับต้าซือหลงเมิ่งฮ่าว…เผ่าของพวกเรายังคงมีหยดโลหิตสวรรค์ ใช้หยดโลหิตนั่นหลอมรวมเข้ากับวิญญาณนับหมื่นของคนในเผ่า เพื่อสังหารเมิ่งฮ่าวไป!”

ผู้เฒ่าสูงสุดจ้องมองไปด้วยความตกใจกล่าวว่า “โลหิตสวรรค์ นั่นเป็น…”

“ข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว ต้าซือหลงเมิ่งฮ่าวแห่งเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ต้องตายทันทีที่พวกเราทำการโจมตี!” เสียงของหัวหน้าเผ่าแน่วแน่เด็ดเดี่ยว คนอื่นๆ นั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ชั่วขณะ จากนั้นก็เริ่มพยักหน้าเห็นด้วย

ในที่สุดหลังจากนั้น บริเวณที่พักชั่วคราวของเผ่าห้าพิษ ก็เต็มไปด้วยเสียงหึ่งๆ ขณะที่คนในเผ่าทั้งห้าหมื่นคนหมอบกราบไปรอบๆ รูปปั้นทั้งห้า ถ้ามองภาพนี้จากด้านบนลงมา เผ่าห้าพิษก็จะดูคล้ายกับเป็นกลีบดอกของบุปผาขนาดใหญ่ห้ากลีบ ตรงจุดศูนย์กลางเป็นหัวหน้าเผ่าและคนอื่นๆ ทันใดนั้น หยดโลหิตก็ปรากฎขึ้นอยู่ในมือของหัวหน้าเผ่า ซึ่งมันได้โยนขึ้นไปในท้องฟ้า

ในเวลาเดียวกันนั้น คนในเผ่านับหมื่นที่กำลังหมอบกราบอยู่ ก็เริ่มสวดมนต์ร่ายเวท เสียงของมันแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่เสียงนั้นลอยขึ้นไปในอากาศ ท้องฟ้ามืดสลัว และฝนม่วงในบริเวณนั้นก็ดูเหมือนจะเริ่มสั่นกระเพื่อมเป็นลูกคลื่น

“ผสานวิญญาณ!” หัวหน้าเผ่าร้องตะโกนออกมา ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนห้าหมื่นคนก็กัดลิ้นของตัวเอง และพ่นโลหิตออกมาจากปาก โลหิตเหล่านั้นพุ่งขึ้นไปในอากาศในทันที หลอมรวมเข้าด้วยกันกับหยดโลหิตสีม่วง ที่เพิ่งจะถูกโยนขึ้นไปก่อนหน้านี้ หยดโลหิตเริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้นและใหญ่มากขึ้น เพียงชั่วพริบตามันก็มีความกว้างถึงสิบจ้าง จากนั้นมันก็เริ่มหดตัวเล็กลงไปจนกระทั่งมีขนาดแค่ครึ่งจ้าง และมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับมนุษย์

ในที่สุดใบหน้าก็ปรากฎให้เห็น มันลืมตาขึ้นมา และแสงสีโลหิตก็พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า มันมองไปรอบๆ และดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงเจตจำนงของผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ทั้งห้าหมื่นคน มันหันหน้าและจากนั้นก็พุ่งจนหายลับตาไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!