Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 530

ตอนที่ 530

สังหาร

เดิมทีเมิ่งฮ่าวได้รักษาพื้นฐานฝึกตน อยู่ที่วิญญาณดวงที่หนึ่ง ซึ่งมีพลังการต่อสู้ของขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่วิญญาณแรกก่อตั้งหนึ่งคน แต่เนื่องจากพื้นฐานอันน่าเหลือเชื่อ ทำให้พลังการต่อสู้ของเขาจริงๆ แล้ว ก็มีมากกว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ในขั้นเดียวกัน

การโจมตีของเขาระเบิดออกไป ด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง

พลังการทำลายล้างนี้ เกิดขึ้นมาจากทะเลม่วงและภาพศักดิ์สิทธิ์โลหิตของเมิ่งฮ่าว ผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อก่อตัวเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุน้ำอันทรงพลัง ซึ่งประกอบไปด้วยชีวิตและความตาย ในมือเมิ่งฮ่าวได้ก่อตัวขึ้นมาเป็นแก่นแท้ที่สามารถทำให้ชีวิตกลับคืนสู่เถ้าธุลี

ความตายของผู้ฝึกตนขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้ง เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ในเวลาเพียงชั่วพริบตา ทุกคนที่กำลังมองมาจิตใจต่างก็สั่นสะท้าน แม้แต่ฮูเหยียนชิ่งก็แค่ยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับรอยยิ้มอันชั่วร้ายฉาบไล้อยู่บนใบหน้า

อู๋เหล่าสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันตระหนักว่าถึงแม้มันจะสามารถสังหารผู้ฝึกตนขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้งได้ แต่ก็ไม่อาจจะกระทำได้อย่างง่ายดายเหมือนเมิ่งฮ่าวเช่นนั้น

“เมื่อลงมือ ก็ต้องสังหารคนผู้นี้ให้จงได้!” อู๋เหล่าคิดพร้อมกับแอบถอนหายใจ ดวงตามันสาดประกายด้วยความต้องการสังหาร ขณะที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ขณะที่ใกล้เข้ามา มันก็ยกมือขวาทำท่าเป็นกรงเล็บขึ้นมา ทันใดนั้น อากาศรอบๆ ตัวมันก็กลายเป็นแม่น้ำเหลือง ซึ่งเต็มไปด้วยเสียงน้ำดังกระหึ่มและทรายสีเหลือง ดูคล้ายกับเป็นมังกรเหลืองขณะที่กวาดออกไปทั่วทุกทิศทาง ในชั่วพริบตาก็ปกคลุมไปทั่วในบริเวณนั้น อย่างน่าตกใจจากนั้นก็กลายเป็นค่ายกลเวท

ภายในค่ายกลเวท ทรายสีเหลืองพุ่งขึ้นไปในอากาศ สายลมอันรุนแรงส่งเสียงหวีดหวิว กลายเป็นกระแสน้ำวน ราวกับเป็นมังกรสายลมและมังกรสีเหลือง ประสานร่วมมือกัน ตรึงเมิ่งฮ่าวไว้ภายใน

ในเวลาเดียวกันนั้น รังสีสังหารก็กระจายออกมาจากดวงตาอู๋เหล่า ร่างมันแวบขึ้นขณะที่ผ่านเข้าไปในค่ายกลเวท มือขวาขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ใบไม้สีเขียวมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ แต่ละใบประกอบด้วยพลังทำลายล้าง หมุนวนไปรอบๆ รวมตัวเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว เพื่อก่อตัวเป็นกระบี่อันแหลมคมเล่มแล้วเล่มเล่า

แทบจะในเวลาเดียวกับที่ค่ายกลเวทก่อตั้งเสร็จสิ้น อู๋เหล่าก็เข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว ตอนนี้เมิ่งฮ่าวจู่ๆ ก็หายตัวไปอีกครั้ง เมื่อปรากฏกายขึ้นใหม่ เขาก็ไปอยู่ด้านข้างผู้ฝึกตนขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้งอีกคน ยื่นมือตรงไปยังชายชราที่กำลังตกตะลึงอยู่ จากนั้นก็แตะไปบนหน้าผากของมัน

ตูม!

พลังแห่งการทำลายล้างปรากฏขึ้นอีกครั้ง ร่างของชายชราขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้งระเบิดออกในทันที

ขณะที่มันตกตายไป ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งอีกคน ฉับพลันนั้นก็ไปปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว รอบๆ ร่างมันมีเหล็กหมาดเก้าชิ้นส่งเสียงแหลมเล็กหมุนวนไปมา และถูกปกคลุมด้วยแสงสีเขียวที่สั่นกระเพื่อมไปมา ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพิษอันร้ายแรง แสงสีเขียวนั้นพุ่งตรงไปยังใบหน้าเมิ่งฮ่าว

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่ง ขณะที่เขาไม่สนใจอาวุธพิษโดยสิ้นเชิง แค่ยกมือขึ้นและชี้ออกไปผนึกอสูร, เวทรุ่นแปด

หนึ่งดรรชนีกระจายวิชาเวทอันทรงพลังออกไป ทำให้ร่างของผู้ฝึกตนขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้งสั่นสะท้าน ทันใดนั้นมันก็หยุดนิ่งอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ สูญเสียการเชื่อมต่อกับอาวุธเวท ทำให้อาวุธเวทเหล่านั้นตกลงไปในทะเลม่วง ร่างของชายชราลอยอยู่ในอากาศไม่ไหวติง ความตกตะลึงเต็มอยู่บนใบหน้า ขณะที่ตระหนักว่าแม้แต่พื้นฐานฝึกตนของมันก็ยังถูกผนึกไว้โดยสิ้นเชิง

“นี่…” มันไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกนานมากไป เพราะเมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อพุ่งผ่านมันไป คลื่นขนาดใหญ่ทันใดนั้นก็พุ่งขึ้นมาจากทะเลม่วงที่ด้านล่าง ในที่สุดชายชราก็จมอยู่ใต้น้ำ

ในเวลาเดียวกันนั้น อู๋เหล่าก็เข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวหันร่างมา ไม่สนใจมันโดยสิ้นเชิง โบกสะบัดแขนทำให้แสงสีโลหิตพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า อย่างน่าตกใจ ใบหน้าสีโลหิตขนาดใหญ่ จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น

นี่เป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์เซียนโลหิต ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวไม่จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากาก เพื่อที่จะปลดปล่อยพลัง ตอนนี้เขาสามารถกระทำได้โดยไม่ต้องใช้…หน้ากากอีกต่อไป

พลังต่อสู้ของวงจรอันยิ่งใหญ่ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง รวมอยู่ภายในหน้ากากสีโลหิต ใบหน้าอู๋เหล่าเต็มไปด้วยความตกใจ ขณะที่ใบหน้านั้นกระแทกลงมาบนร่างมันพร้อมกับเสียงระเบิดดังกึกก้อง ใบไม้ที่อยู่รอบๆ ร่างมันแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และมันก็ลอยละลิ่วไปทางด้านหลัง โลหิตกระจายออกมาจากปาก ก่อนที่มันจะโผล่ออกมาจากภายในค่ายกลเวทพายุทราย เมิ่งฮ่าวก็เคลื่อนย้ายทางไกลไปอยู่ด้านหลังมัน จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นและชี้ออกไป

ตูม!

แผ่นหยกปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าอู๋เหล่า กระจายแสงอันนุ่มนวลออกมาเพื่อต่อต้านดรรชนีของเมิ่งฮ่าว แต่เพียงแค่สามลมหายใจมันก็แตกกระจายไป อู๋เหล่ากระอักโลหิตออกมามากขึ้น อย่างไรก็ตาม มันได้ใช้สามลมหายใจอย่างเป็นประโยชน์ เพื่อใช้วิชาโลหิตหลบหนีพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่วิชาโลหิตหลบหนีถูกใช้ออกมา เสียงอันเย็นชาของเมิ่งฮ่าวก็ได้ยินอยู่ในหูของมัน

“เซี่ย? (โลหิต)”

แม้จะเป็นแค่คำเดียว แต่ก็ทำให้ร่างของอู๋เหล่าเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่ม แม้จะอยู่ในท่ามกลางการใช้วิชาเวทหลบหนี มันก็ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง สีหน้าสลดลง ไม่สนใจอาการบาดเจ็บ รีบหยิบเอาแผ่นหยกแผ่นที่สองออกมาจากถุงสมบัติอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ใช้สองนิ้วบดขยี้แผ่นหยกอย่างรุนแรง เกราะป้องกันอีกเกราะก็กระจายออกมาอยู่รอบๆ ตัวมัน และต่อต้านการโจมตีจากดรรชนีที่สองของเมิ่งฮ่าว

เสียงปะทุกระจายออกมา ขณะที่เกราะป้องกันที่สองแตกกระจายไป ในที่สุดอู๋เหล่าก็หลบหนีออกไปจากค่ายกลเวทพายุทรายได้ ทันใดนั้นมันก็เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงกู่ร้อง เส้นผมยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง ร่ายเวทด้วยสองมือ ทำให้ค่ายกลเวทพายุทรายหมุนวนอย่างรวดเร็ว ปิดกั้นพื้นที่ระหว่างมันและเมิ่งฮ่าวไว้

ทันทีที่พายุทรายสัมผัสโดนตัวเมิ่งฮ่าว เขาก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่อาจจะพุ่งตรงไปได้อีก เขามองขึ้นไปและเห็นอู๋เหล่าอยู่อีกด้าน กำลังกวาดเช็ดโลหิตออกไปจากมุมปาก และจ้องมองมาที่เขาอย่างดื้อรั้น

อู๋เหล่าเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อครู่นี้ การเผชิญหน้ากันแค่ช่วงสั้นๆ ในค่ายกลเวท ทำให้มันตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวมีความองอาจและน่ากลัวมากแค่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะแผ่นหยกช่วยชีวิตทั้งสองแผ่น ซึ่งปรมาจารย์ฮูเหยียนได้มอบให้ มันก็คงต้องตกตายไปอย่างแน่นอน

“ปกป้องค่ายกลเวทด้วยพลังของพวกเจ้าทั้งหมด” มันกล่าวผ่านฟันที่ขบกันแน่น “คนผู้นี้ต้องตาย!”

ใบหน้าของสามผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งที่ยังเหลืออยู่ซีดขาว ภาพที่พวกมันเพิ่งจะได้เห็น ทำให้ต้องสั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง ดวงตาฮูเหยียนชิ่งเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

พายุทรายเต็มไปด้วยรังสีสังหาร ขณะที่มันเข้าไปใกล้รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว ที่ด้านนอก ดวงตาอู๋เหล่าเต็มไปด้วยแสงแปลกๆ มันขยับสองมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทำให้พายุทรายบีบไปรอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวแน่นยิ่งขึ้น อีกสามผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งก็ปลดปล่อยพลัง จากพื้นฐานฝึกตนทั้งหมดของพวกมันออกมาช่วยเหลือด้วยเช่นกัน

เมิ่งฮ่าวเริ่มเคลื่อนที่ตรงไปข้างหน้า เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่มังกรสายลมและมังกรสีเหลือง ที่อยู่ด้านในค่ายกลเวทส่งเสียงแผดร้องคำราม และประสานเชื่อมต่อกัน ร่างเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และเขาก็ถูกบังคับให้ต้องถอยไปด้านหลังสองสามก้าว ดวงตาสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ

“น่าสนใจ” เขากล่าวเสียงราบเรียบ “ช่างเป็นพลังผนึกที่น่าประทับใจนัก” ด้านนอกของค่ายกลเวท อู๋เหล่ายิ้มอย่างเย็นชา ร่ายเวทด้วยมือขวาและจากนั้นก็ชี้ตรงไป

“แปดมังกรกำจัดหนึ่งสวรรค์!” ทันใดนั้น มังกรสายลมตัวที่สองก็ปรากฏขึ้นภายในค่ายกลเวท จากนั้นก็สาม, สี่ และมังกรสีเหลืองอีกสามตัวก็ปรากฏขึ้นเช่นเดียวกัน

มีมังกรทั้งหมดแปดตัวหมุนวนไปมาเป็นรูปวงกลม การปรากฏขึ้นของพวกมันทำให้ค่ายกลเวท ยิ่งมีความน่าตกใจมากขึ้นกว่าเดิม ทรายแต่ละเม็ดในพายุเต็มไปด้วยพลังของพื้นฐานฝึกตนขั้นต้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ทันใดนั้นกลุ่มทรายก็เริ่มรวมตัวกันอย่างแน่นหนา กลายเป็นเงาร่างมากกว่าสิบร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งกลุ่มทรายรวมตัวกันมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งมีเงาร่างปรากฏมากขึ้นเท่านั้นค่ายกลเวทนี้เป็นไพ่ไม้ตายของอู่เหล่า เมื่อพิจารณาว่ามันได้ให้ความสำคัญต่อเมิ่งฮ่าวมากแค่ไหน จึงไม่ลังเลที่จะใช้พลังที่แท้จริงของค่ายกลเวทนี้ออกมา

อันที่จริงนี่ไม่ใช่ค่ายกล แต่เป็นการสำแดงเวทของความสามารถศักดิ์สิทธิ์ ในอดีตที่ผ่านมา มันได้พึ่งพาพลังอันรุนแรงนี้ ทำการสังหารผู้เชี่ยวชาญอันแข็งแกร่ง ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับมันได้ถึงสามคน

เมื่อได้เห็นเมิ่งฮ่าวไม่อาจจะหลบหนีออกมาจากภายในค่ายกลเวท ฮูเหยียนชิ่งก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา มันยืนอยู่ที่นั่นในเกี้ยว หัวเราะเป็นเสียงดัง

“มาดูกันว่าเจ้าจะออกมาได้อย่างไร! ห่วงพายุทรายของอู๋เหล่า ได้รับการยกย่องจากท่านพ่อข้า เจ้าต้องตาย! ไม่มีใครกล้าจะมาหาเรื่องข้า เมื่อเจ้าบังอาจมาข่มขู่ข้า เจ้าก็ต้องตาย!”

เมิ่งฮ่าวยิ้มอย่างเย็นชา ขณะที่ค่ายกลเวทหมุนวนอยู่รอบๆ ร่าง มังกรสี่ตัวส่งเสียงคำรามด้วยพลังอันน่าตกใจออกมา ตอนนี้มีเงาร่างที่ประกอบขึ้นมาจากทรายมากกว่ายี่สิบร่าง แต่ละร่างนั้นมีพื้นฐานฝึกตนขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้ง พวกมันไม่มีความเกรงกลัวต่อความตาย พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวในทันที พวกมันไม่ได้ปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมา แต่…

“ระเบิด!” อู๋เหล่าแผดร้องออกมา นี่เป็นความสามารถอันร้ายแรงของค่ายกลเวท ระเบิดตัวเองด้วยความสามารถศักดิ์สิทธิ์!

การระเบิดตัวเองแต่ละครั้ง เทียบเท่ากับการระเบิดตัวเองของผู้ฝึกตน ซึ่งอยู่ในขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้งยี่สิบคน ทำให้แม้แต่คนที่อยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งก็ยังต้องหวาดกลัว

ด้วยการพึ่งพาพลังของค่ายกลเวทความสามารถศักดิ์สิทธิ์ ทำให้อู๋เหล่ามีชื่อเสียงอย่างสูงส่งอยู่ในเผ่าเทียนฉง ทั่วทั้งดินแดนสีดำ มันถูกจัดให้เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมากที่สุด รองลงมาจากขั้นตัดวิญญาณ ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ ปรมาจารย์ฮูเหยียนก็คงจะไม่มอบหมายให้มัน มีหน้าที่ปกป้องบุตรชายเพียงคนเดียวของมัน

ตอนนี้มันมีสีหน้าราบเรียบและเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ ขณะที่มองอย่างเย็นชาไปยังเมิ่งฮ่าว ที่อยู่ภายในค่ายกลเวท

“ไม่สำคัญว่าพื้นฐานฝึกตนของเจ้าจะน่าตกใจมากแค่ไหน ภายในค่ายกลเวทแปดมังกรของข้า เจ้าได้แต่ก่นด่าสาปแช่งในความโชคร้ายของตัวเอง ไม่อาจจะตำหนิผู้ใดได้”

ชายชราอีกสามคนที่อยู่ด้านนอกค่ายกลเวท มีสีหน้าแปลกใจ พร้อมกับความดุร้าย และความต้องการสังหาร พวกมันยิ้มอย่างเย็นชาขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว ซึ่งดูเหมือนจะติดอยู่ภายในค่ายกลเวทราวกับเป็นสัตว์ที่ถูกไล่ต้อนจนมุมในกับดัก

เสียงหัวเราะของฮูเหยียนชิ่งเริ่มดังมากขึ้นจนแสบแก้วหู

ภายในค่ายกลเวท เมิ่งฮ่าวมองไปขณะที่เงาร่างขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งยี่สิบร่าง เริ่มทำการระเบิดตัวเอง จากนั้นก็กล่าวเสียงราบเรียบ “น่าสนใจนัก ข้าไม่เคยคิดว่าหลังจากที่ออกมาจากการนั่งเข้าฌาณตามลำพัง จะได้มาเผชิญหน้ากับใครบางคนที่แข็งแกร่ง ดูเหมือนเจ้าจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำให้ข้าเข้าไปใน…”

“วิญญาณดวงที่สอง!”

ตูม!

ร่างเมิ่งฮ่าวทันใดนั้นก็เริ่มมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น มีความสูงมากกว่าเดิมครึ่งช่วงศีรษะ และไหล่ก็กว้างมากขึ้น ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่เต็มไปด้วยพลังการต่อสู้ของสองวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ เมื่อเขามองขึ้นไป ดวงตาก็สาดประกายเจิดจ้า เสียงปะทุได้ยินออกมาจากภายในร่าง ขณะที่กลิ่นอายพุ่งทะยานขึ้น ฉับพลันนั้น ใบหน้าของผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านนอกของค่ายกลเวทก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างรุนแรง

ในตอนนี้เองที่การระเบิดตัวเองของขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้ง มากกว่ายี่สิบร่างได้ระเบิดออก ปลดปล่อยพลังอย่างน่าตกใจออกมา แต่สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็สงบนิ่งเหมือนเช่นเคย เคลื่อนที่ผ่านตรงเข้าไปในการระเบิด ซึ่งไม่ได้ทำให้เขาสั่นสะท้านแม้แต่เพียงน้อยนิด ภาพที่เห็นนี้ทำให้อู๋เหล่าอ้าปากค้าง ม่านตามันหดเล็กลง กำลังงุนงงอย่างไม่รู้ตัว

สำหรับชายชราอีกสามคน พวกมันยิ่งมีความประหลาดใจมากไปกว่านั้น และเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“มัน…มันมีพื้นฐานฝึกตนถึงระดับใดกันแน่?!?!”

ขณะที่ความตื่นตระหนกนี้ทำให้จิตใจของชายชราทั้งสี่สั่นสะท้าน เมิ่งฮ่าวก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ บินตรงไปยังอู๋เหล่าด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ เสียงระเบิดได้ยินมา ขณะที่เขาพุ่งออกมาจากภายในค่ายกลเวท แปดมังกรส่งเสียงร้องคำราม และพยายามจะหมุนวนไปรอบๆ ร่างเขา แต่เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดมือตรงไปยังพวกมัน ทันใดนั้น…แปดใบหน้าสีโลหิตขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น ทันทีที่พวกมันปรากฏก็ระเบิดออก กลายเป็นพลังโจมตีซึ่งกวาดออกไปทั่วทุกทิศทาง

เสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวแปดเสียงได้ยินมา ขณะที่มังกรทั้งหมดถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ค่ายกลเวทพายุทรายสั่นไปมาอยู่สามครั้ง จากนั้นก็พังทลายกลายเป็นชิ้นๆ ทุกคนที่อยู่ด้านนอกค่ายกลเวท ต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ฉับพลันนั้นเมิ่งฮ่าวก็หายตัวไป จากนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงหน้าอู๋เหล่าที่กำลังตกตะลึง

การพังทลายลงไปของค่ายกลเวท ทำให้อู๋เหล่าต้องกระอักโลหิตออกมากองโต แต่มันก็เป็นผู้มากประสบการณ์ในการต่อสู้ โดยไม่ลังเล มันพุ่งถอยไปด้านหลัง สองมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น สายลมและเม็ดทรายก็ปกคลุมไปรอบๆ ตัวมัน ก่อตัวเป็นเกราะป้องกัน ตามมาด้วยแผ่นหยกแผ่นที่สาม ช่วยเพิ่มพลังการป้องกันให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

แต่โชคร้าย…ทันทีที่เมิ่งฮ่าวปรากฏขึ้น เขาก็ชี้นิ้วออกไป เกราะป้องกันสายลมและเม็ดทรายกระจัดกระจายออกไป แสงจากแผ่นหยกอยู่ได้แค่หนึ่งอึดใจก่อนที่จะพังทลายลงไป อู๋เหล่าส่งเสียงแผดร้องอย่างน่าสังเวชและสิ้นหวังออกมา ขณะที่ดรรชนีเมิ่งฮ่าวแตะไปบนหน้าผากของมัน

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อการแตะไปเพียงแค่ครั้งเดียว

ตูม!

พลังแห่งการทำลายล้างระเบิดออกจากภายในร่างอู๋เหล่า ร่างกายมันระเบิดออกไปทั่วทุกทิศทาง ไม่สำคัญว่ามันจะอยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งหรือไม่ แต่ตอนนี้เมิ่งฮ่าวก็มีระดับพลังเดียวกันนี้ถึงสองเท่า แล้วอู๋เหล่า…จะต่อสู้กลับมาได้อย่างไร?!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!