ตอนที่ 612
สุภาพชนผู้รักเงินทอง
สายลมที่พัดขึ้นมานี้ ราวกับเป็นความหนาวเย็นจากปรโลก เมื่อลมหนาวนั้นพัดผ่านไป จิตใจทุกคนก็เริ่มหนาวสั่นราวกับว่า กำลังติดอยู่ในท่ามกลางฤดูหนาว แต่ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือ สายลมอันเย็นเยียบนั้น ทำให้ผู้ฝึกตนแทบจะเหมือนกับเป็นมนุษย์ธรรมดา ทุกคนเริ่มสั่นสะท้านคว้าจับต้นเถาวัลย์ไว้จนแน่น
ลมหายใจของพวกมันกลายเป็นน้ำแข็ง จากนั้นก็แตกกระจายไป ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจอย่างถึงที่สุดถ้าไม่ใช่เพราะต้นเถาวัลย์ และความอบอุ่นที่กระจายออกมาจากร่างของทุกคนในที่แห่งนี้ พวกมันก็คงไม่อาจจะลงไปด้านล่างได้ไกลมากนัก ถึงแม้ว่าจะมีพื้นฐานฝึกตนที่สูงส่งมากเพียงใดก็ตามที
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ขณะจับต้นเถาวัลย์ไว้แน่น เขาสรุปได้ว่าต้นเถาวัลย์นี้ก็คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้บรรลุถึงอาณาจักรที่สี่ คนอื่นๆ ก็คิดเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าไม่ใช่ทุกคน ที่เลือกจะเข้ามาในอาณาจักรที่สี่ แต่คนทั้งหมดที่เข้ามาในอาณาจักรเซียนอสูรโบราณนี้ ก็เป็นผู้ที่โดดเด่นจากดินแดนแห่งดาวหนานเทียน สำหรับคนที่เลือกจะเข้ามาในอาณาจักรที่สี่นี้ พวกมันคงจะไม่ยอมแพ้เพียงแค่ครึ่งทางอย่างแน่นอน
ขณะที่พวกมันหยิบเอาของวิเศษมาสังเวยให้กับต้นเถาวัลย์มากขึ้นเรื่อยๆ ต้นเถาวัลย์ก็บิดเบี้ยวไปมา ยืดขยายลงไปอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เมิ่งฮ่าวลงไปเป็นคนสุดท้าย ขณะที่เขาเลื่อนลงไป สายตาก็มองไปตรวจสอบบริเวณรอบๆ เท่าที่เขาบอกได้ หลุมนี้ดูเหมือนจะลึกจนไร้จุดสิ้นสุด เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าได้ลงมาลึกมากเท่าใดแล้ว ซึ่งก็ยังคงมองไม่เห็นก้นหลุมนี้ สายลมอันหนาวเหน็บเริ่มรุนแรงมากขึ้น จนดูเหมือนว่าต้องเพิ่มของวิเศษเพื่อสังเวยให้กับต้นเถาวัลย์นี้มากขึ้น
ห่างจากเมิ่งฮ่าวไปไม่ไกลนักเป็นหลี่เทียนเตา ใบหน้ามันค่อยๆ เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถึงแม้ว่ามันจะเตรียมของวิเศษมาเป็นอย่างดี แต่ก็กำลังพบว่ายากที่จะทำการสังเวยต่อไป ในตอนนี้ดูเหมือนไม่ว่าของวิเศษนั้นจะมีคุณสมบัติอย่างไร ก็จะถูกนำมาใช้จนแทบหมดสิ้น
จนกระทั่งของวิเศษในถุงสมบัติของหลี่เทียนเตาเริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ถ้ายังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปโดยที่ยังมองไม่เห็นก้นหลุม ในที่สุดมันก็คงจะต้องนำของวิเศษที่สำคัญมาทำการสังเวยต่อไป
สำหรับมัน เรื่องเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยากจะยอมรับได้ มันขมวดคิ้วและกัดฟันแน่น ความมุ่งมั่นสาดประกายอยู่ในแววตา ทันใดนั้นมันก็หยุดลง เห็นได้ชัดว่ามันกำลังเตรียมตัวเริ่มจะปีนกลับขึ้นไป ดูเหมือนว่ามันคิดจะยอมแพ้ ไม่เข้าไปในอาณาจักรที่สี่แล้ว
แต่เกือบจะในทันทีที่มันเริ่มปีนขึ้นไป ก่อนที่มันจะไปได้ไกลว่าครึ่งจ้าง สีหน้าก็เปลี่ยนไป สายลมอันเย็นเยียบรอบๆ ร่างมัน จู่ๆ ก็เริ่มหนาวเย็นมากขึ้นกว่าเดิมสิบเท่า เส้นผมและขนคิ้วของมันเริ่มกลายเป็นหิมะสีขาวในชั่วพริบตา ผลึกน้ำแข็งยังได้เคลือบอยู่บนผิวกายของมันอีกด้วย เห็นได้ชัดว่ามันแทบจะกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปได้ทุกเมื่อ
ความรู้สึกถึงอันตรายอันร้ายแรง ทำให้หลี่เทียนเตาต้องหยิบเอาของวิเศษที่สำคัญของมันออกมาในทันที เป็นอาวุธที่ส่องแสงสีฟ้าซึ่งมีรูปร่างคล้ายดาบ เพียงมองแค่แวบเดียวก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่า นี่เป็นของวิเศษที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง
หลี่เทียนเตาพยายามสะกดข่มความเจ็บปวดใจ วางดาบนั้นลงไปบนต้นเถาวัลย์ เมื่อมันจมลงไปด้านใน ความหนาวเย็นที่อยู่รอบๆ หลี่เทียนเตาก็หายไป และร่างมันก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม แต่สีหน้ามันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“พวกเราต้องลงไปอย่างเดียว ขึ้นไปไม่ได้?” มันพึมพำอยู่ในใจ “หรือว่าการจะกลับขึ้นไปต้องใช้สิ่งของที่สูงค่ามากไปกว่านั้น?” ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ตระหนักถึงเหตุการณ์แปลกๆ ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ และตกตะลึงไปตามๆ กัน พวกมันทั้งหมดเริ่มคิดแตกต่างกันออกไป
ในตอนนี้เองที่หลี่เทียนเตา มองเห็นว่าต้นเถาวัลย์ของมัน ไม่ได้เคลื่อนที่ลงไปอีก แต่กำลังหดกลับขึ้นไปเหตุการณ์นี้ได้ไปกระตุ้นปฏิกิริยาของคนอื่นๆ
“ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าจะขึ้นไปไม่ได้ แต่เมื่อไหร่ที่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ถึงแม้ว่าต้องการจะกลับขึ้นไป ก็ยังต้องใช้ของวิเศษเพื่อสังเวย!”
“มันต้องเป็นเช่นนั้น ดูเหมือนว่าการจะเข้าไปในอาณาจักรที่สี่ ไม่ใช่เรื่องง่ายแม้แต่น้อย…”
เมิ่งฮ่าวมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นอย่างดี ดวงตาสาดประกายด้วยความครุ่นคิด เอามือลูบไปที่ถุงสมบัติ ทันใดนั้น รอยยิ้มเขินอายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ไม่กล่าวอะไรออกมา แต่ปล่อยให้ต้นเถาวัลย์ของตัวเองค่อยๆ เลื่อนลงไปข้างล่างอย่างช้าๆ อย่างต่อเนื่อง
หลี่เทียนเตาครุ่นคิดอย่างลังเลอยู่ชั่วขณะ ตอนนี้มันมีอยู่สองทางเลือก ขึ้นไปหรือลงมา แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็ต้องใช้ของวิเศษทั้งหมดไป
หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่ หลี่เทียนเตาก็กัดฟันแน่น
“เมื่อข้าต้องสูญเสียของวิเศษไป ข้าก็ต้องลองเสี่ยงดู” มันคิด “ถ้าไม่เช่นนั้น ของวิเศษที่ข้าใช้ไปก็จะสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง แต่ถ้าข้าทำได้สำเร็จ ก็จะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาจากอาณาจักรที่สี่!”
ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ อีกมากมาย ต่างก็คิดเช่นเดียวกับหลี่เทียนเตา พวกมันกัดฟันแน่น ดวงตาสาดประกายด้วยความมุ่งมั่น สำหรับพวกมันนี่ก็คือการเสี่ยงโชค แต่ถ้าพวกมันยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้ ก็จะจบลงด้วยการไม่มีอะไรอย่างแน่นอน แต่ถ้าอดทนต่อไปให้นานกว่านี้ อย่างน้อยก็อาจจะมีโอกาสบ้าง…เพื่อที่จะได้ชดเชยในสิ่งที่พวกมันต้องจ่ายออกไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ไม่ต้องลองเสี่ยงดู!
เวลาผ่านไป วันต่อมา กลุ่มคนทั้งหมดก็อยู่ลึกลงไปในหลุมยักษ์นั้น แต่ก็ยังคงไม่อาจจะมองเห็นก้นหลุม ดูเหมือนว่าจริงๆ แล้ว หลุมนี้จะไม่มีจุดสิ้นสุดแม้แต่น้อย ในตอนนี้ มีผู้คนไม่น้อยที่ใช้ของวิเศษไปจนเกือบหมด ถ้าพวกมันต้องการจะไปต่อ ก็ต้องใช้ของวิเศษที่พวกมันได้รับมาจากภายในสำนักเซียนอสูร หรือนำของวิเศษที่สำคัญของพวกมันเองออกมา
ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่พวกมันกำลังเผชิญอยู่นี้ ทำให้ผู้ฝึกตนบางคนดูน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด ก่อนที่จะก้าวเท้าเข้ามาในที่แห่งนี้ พวกมันทั้งหมดเชื่อว่าตนเองมีของวิเศษอย่างเหลือเฟือ แต่ตอนนี้พวกมันก็ตระหนักว่ามีอยู่น้อยมาก
เมื่อเปรียบเทียบกับพวกมัน เมิ่งฮ่าวก็สบายมากกว่าอย่างแท้จริง เขามีของวิเศษอยู่ในถุงสมบัติจำนวนมากมาย เขาใช้ของวิเศษเพื่อสังเวยให้กับต้นเถาวัลย์อย่างสบายๆ เขาไม่เพียงแต่จะเคลื่อนที่ลงไปอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่เมิ่งฮ่าวยังได้ทำให้ต้นเถาวัลย์ของตัวเอง เปลี่ยนทิศทางเป็นระยะเพื่อส่งมอบของวิเศษให้กับสวี่ชิง
ทำให้สายตาของทุกคนซึ่งอยู่ในที่แห่งนี้ ต่างก็ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะ และรู้สึกอิจฉาอย่างถึงที่สุด
“อ้าย, ข้ามีของวิเศษมากเกินไป” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นพร้อมกับถอนหายใจออกมา เสียงของเขาดังก้องออกมาอยู่รอบๆ บริเวณนั้น ทำให้คนทั้งหมดรู้สึกคันปากไปจนถึงรากฟันด้วยความเกลียดชัง
“สหายเต๋าทั้งหลาย ถ้าท่านใดมีของวิเศษไม่เพียงพอ ก็ขอให้พูดขึ้นมา พวกเราทั้งหมดตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากด้วยกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็จะไม่เอาตัวรอดเพียงผู้เดียว”
“ถ้าพวกท่านต้องการยืมของวิเศษ ข้าก็จะส่งมอบให้กับพวกท่านโดยไม่ลังเล!”
“สบายใจได้ ราคาของข้าสมเหตุสมผลเสมอ และข้าก็ซื่อสัตย์ต่อลูกค้าทุกท่าน ซื้อหนึ่งจ่ายสาม!” เสียงเมิ่งฮ่าวดังก้องอยู่ในหลุมยักษ์ ทุกคนต่างก็ได้ยิน แม้แต่ชายชราที่นำอยู่ด้านล่างสุด ใบหน้าพวกมันบิดเบี้ยวขึ้นในทันที
ฟางอวี๋หันหน้ามองกลับขึ้นไปด้วยดวงตาที่ดุร้าย แต่รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า
สำหรับสมาชิกตระกูลจี้ ใบหน้าพวกมันดูน่าเกลียด แม้แต่พวกมันก็ยังมีปฏิกิริยาเช่นนี้ จึงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงคนอื่นๆ เมื่อกลุ่มคนทั้งหมดได้ยินคำพูดเมิ่งฮ่าว จิตใจพวกมันก็เต็มไปด้วยทั้งความเกลียดชังและไม่อาจจะทำอะไรได้
“เจ้าคนเจ้าเล่ห์, ไร้ยางอาย!” บางคนกล่าว “ถึงแม้ของวิเศษของพวกเราจะลดน้อยลงแล้วในตอนนี้ แต่ก็ไม่มีทางที่จะไปขอความช่วยเหลือจากเจ้า!”
“นั่นก็ใช่แล้ว!” อีกคนกล่าว “ที่ด้านนอก ซื้อหนึ่งจ่ายสอง แต่ตอนนี้ต้องซื้อหนึ่งจ่ายสาม?! การเพิ่มราคาเช่นนี้ช่างน่ารังเกียจอย่างที่สุด!”
“ข้ายอมตายดีกว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากเจ้า!”
เมิ่งฮ่าวได้ยินปฏิกิริยาโกรธแค้นเหล่านั้น ได้แต่ถอนหายใจออกมา “พวกท่านทั้งหมดผิดแล้ว ของวิเศษแต่ละชิ้นเหล่านี้ เป็นตัวแทนแห่งความทรงจำที่สำคัญสำหรับข้า ที่ข้าเสนอให้พวกท่านยืม ไม่ใช่ของวิเศษของข้า แต่เป็นความรักที่แท้จริงของชีวิตข้า” เมิ่งฮ่าวถอนหายใจด้วยความโศกเศร้าออกมาอีก
“กล่าวตามความสัตย์ ข้ามีความตั้งใจดีอย่างแท้จริง ดูของวิเศษเหล่านี้ของข้าสิ! แสงของพวกมันช่างเจิดจ้าและน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง! นี่ก็คือสิ่งของที่ล้ำค่า!”
“ท่านทั้งหลายลองคิดดู ด้วยของวิเศษของข้า พวกท่านก็สามารถเข้าไปในอาณาจักรที่สี่อย่างไร้อุปสรรคใดๆ! เมื่อไหร่ที่พวกท่านไปอยู่ที่นั่น ก็สามารถจะได้ครอบครองสิ่งของอันมีค่า ซึ่งพวกท่านสามารถนำมาจ่ายคืนให้กับข้าได้เพียงชั่วพริบตา”
“มันคุ้มค่ามากจริงๆ!”
“พี่น้องทั้งหลาย พวกท่านควรจะมองให้ไกลออกไป ราคาที่พวกท่านต้องจ่ายคืนในตอนนี้ถือว่าไม่มีอะไรเลย สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือ ให้ดูไปถึงสิ่งที่พวกท่านจะได้รับ! ถ้าไม่ลงทุน แล้วพวกท่านจะได้ผลกำไรมาได้อย่างไร, ใช่หรือไม่?” เมิ่งฮ่าวใช้ทักษะทั้งหมด พยายามจะจูงใจทุกคน แน่นอนว่านี่ก็คือทักษะที่เขาเคยใช้ ในร้านขายยาแบบเร่งด่วน เมื่อย้อนกลับไปในสำนักเอกะเทวะ แต่กลุ่มคนที่ได้ยินในตอนนี้ มีแต่ความโกรธแค้นเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สวี่ชิงอยู่ห่างออกไปที่ด้านข้าง เอามือปิดบังรอยยิ้มไว้ สายตาที่นางมองไปยังเมิ่งฮ่าว เริ่มอบอุ่นขึ้น อบอุ่นขึ้นไปเรื่อยๆ
“สหายเต๋าทั้งหลาย การลงทุนเพียงเล็กน้อยแค่นี้ จะไปเปรียบเทียบกับโอกาสที่ได้เข้าไปในอาณาจักรที่สี่ได้อย่างไร?” ประโยคสุดท้ายของเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความหมาย คำพูดของเขาดังก้องไปมาอยู่ในอากาศ เต็มไปด้วยความสัตย์ซื่อจริงใจ ผู้ฝึกตนมากมายเริ่มมีปฏิกิริยาขึ้น ทันใดนั้นพวกมันก็รู้สึกขัดแย้งอยู่ในใจ
หลี่เทียนเตากัดฟันแน่น ตอนนี้มันเหลือของวิเศษอยู่เพียงแค่สี่ชิ้น ไม่ว่าจะนำชิ้นใดในพวกมันไปสังเวย ก็ทำให้มันต้องเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง สีหน้ามันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และกล่าวว่า “ข้าต้องการสามชิ้น!!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หยิบเอาของวิเศษออกมาในทันที และวางลงไปบนพื้นผิวของต้นเถาวัลย์ตนเอง ทำให้มันเปลี่ยนทิศทาง มุ่งหน้าตรงไปยังหลี่เทียนเตา
“ยังคงเป็นพี่หลี่, ที่เชี่ยวชาญและรอบรู้ มีพรสวรรค์และกล้าหาญ นี่เป็นการค้ารายแรกของวันนี้ ดังนั้นข้าจะลดให้ท่านสักเล็กน้อย ข้าจะให้ของวิเศษสามชิ้นนี้แก่ท่าน และท่านก็แค่จ่ายคืนมาให้ข้าแปดชิ้น”
“ของวิเศษสามชิ้นนี้มีมูลค่าสามหมื่นหินลมปราณ ดังนั้นท่านก็จ่ายคืนให้ข้าแค่แปดหมื่นหินลมปราณเท่านั้น” ด้วยเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็หยิบสุ่มๆ เอาของวิเศษที่ดูธรรมดาสามชิ้น รวมทั้งตั๋วสัญญาออกมา จากนั้นก็ใช้วิธีเดียวกันกับที่เคยใช้ในอาณาจักรที่สอง, เต๋าแห่งคำสาป
หลี่เทียนเตาขบฟันแน่น หลังจากที่ทำพิธีเสร็จสิ้น มันก็นำของวิเศษทั้งสามชิ้นไป จากนั้นก็กดลงไปบนพื้นผิวของต้นเถาวัลย์ ทันใดนั้น ต้นเถาวัลย์ก็พุ่งลงไปอย่างรวดเร็ว ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลของมันลงไปได้ชั่วคราว
“ทุกท่านเห็นหรือไม่?” เมิ่งฮ่าวกล่าว วางท่าอย่างสง่างาม “เมิ่งฮ่าวก็คือสุภาพชน เป็นสุภาพชนที่รักเงินทอง และได้มันมาอย่างชอบธรรม ข้าไม่ได้บังคับใคร และยังได้ขายสิ่งของด้วยการไว้เนื้อเชื่อใจ! ใช่แล้ว! พวกท่านไม่จำเป็นต้องจ่ายคืนให้ข้าในตอนนี้ แค่ตั๋วสัญญาธรรมดา ก็สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดของพวกท่านได้”
“พวกท่านแค่จ่ายคืนให้กับข้า หลังจากที่พวกเราออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ช่างเป็นความคิดที่ดีจริงๆ!”
คนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ได้แต่คิดอย่างช่วยไม่ได้ว่า เมิ่งฮ่าวช่างไร้ยางอายอย่างถึงที่สุดจริงๆ เวลาผ่านไปมากขึ้น หลังจากครึ่งวันผ่านไป ก็ยังคงมองไม่เห็นก้นหลุม ในตอนนี้ หลี่เทียนเตา เป็นหนี้เมิ่งฮ่าวมากกว่าสี่แสนหินลมปราณแล้ว จนถึงจุดที่…หวังลี่ไห่ไม่อาจจะทนได้อีกต่อไปจนต้องร้องตะโกนออกมา
“เอามาให้ข้าสิบชิ้น!”
“ข้าต้องการสิบชิ้นด้วยเช่นกัน!” หลี่ซือฉีกล่าว กัดฟันที่สวยงามจนแน่น
“ข้าขอสิบชิ้นด้วย!” หานเป้ยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมา
เมิ่งฮ่าวดูท่าทางมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที หยิบเอาของวิเศษออกมาอย่างคล่องแคล่วช่ำชองพร้อมกับตั๋วสัญญา มองไปขณะที่คนทั้งสามกล่าวคำสาบานแห่งเต๋า จากนั้นก็ยื่นส่งของวิเศษไปให้พร้อมรอยยิ้ม
“เมื่อพวกท่านซื้อสิ่งของไปจากข้า ก็สามารถสบายใจได้ ของวิเศษทั้งหมดนี้รับประกันคุณภาพ และส่งตรงถึงมือพวกท่านด้วยตัวข้าเอง!”
คนทั้งสามรวบรวมของวิเศษที่ซื้อมา จากนั้นก็ไม่สนใจเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง พวกมันเริ่มป้อนของวิเศษเข้าไปในต้นเถาวัลย์ และเลื่อนลงไปด้านล่างไกลออกไป
อีกหนึ่งวันได้ผ่านไป ในที่สุดก็มีผู้คนเริ่มขาดแคลนของวิเศษมากขึ้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกมันก็ไม่ยินดีที่จะนำของวิเศษของตัวเองมาสังเวย ดังนั้นไม่ว่าพวกมันจะเกลียดชังเมิ่งฮ่าวมากเท่าใด แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตะโกนไปที่เขา
“ซื้อหนึ่ง จ่ายคืนห้า! สหายเต๋าทั้งหลาย ข้าเริ่มมีของวิเศษน้อยลงแล้ว ดังนั้นจึงไร้ทางเลือกที่จะต้องขึ้นราคา…ยิ่งไปกว่านั้น ข้าต้องขอประกาศว่า เมื่อของวิเศษข้าน้อยลงไปจนเหลือเพียงแค่สิบชิ้น ข้าก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเริ่มกระทำ ในสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์, และจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกครั้ง…การประมูล!” ถึงแม้เมิ่งฮ่าวจะถอนหายใจออกมา แต่จริงๆ แล้วในดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงเจิดจ้า
ทันทีที่คำพูดหลุดออกจากปาก ก็ทำให้เกิดเป็นเสียงต่อว่าอย่างโกรธเกรี้ยวออกมา แต่ถึงแม้จะมีโทสะ กลุ่มคนเหล่านั้นก็ได้แต่กัดฟันแน่น และต้องซื้อหนึ่งต่อห้า เพื่อให้ได้ของวิเศษจำนวนมากมาครอบครอง
“ช่างมีกำไรดีอะไรเช่นนี้!” เมิ่งฮ่าวคิด “ฮา ฮา ฮา! ข้าไม่เคยคิดว่า สำนักเซียนอสูรโบราณนี้จะกลายเป็นดินแดนแห่งโชควาสนาของข้า!” เมิ่งฮ่าวแขวนอยู่บนต้นเถาวัลย์ กำตั๋วสัญญาปึกหนาไว้ เมื่อมองไปยังตัวเลขที่ถูกเขียนไว้บนตั๋วเหล่านั้น ดวงตาก็ส่องประกายเจิดจ้า การเสพติดความต้องการหาเงินของเขา มีอยู่ลึกลงไปถึงในกระดูก และจะไม่มีวันลดลงไปแม้แต่น้อย ถึงแม้เขาจะมีพื้นฐานฝึกตนที่ก้าวหน้าขึ้นมามากแล้วก็ตามที
“ข้ารวยแล้ว!”