ตอนที่ 621
มันคือน้องชายข้า
ในช่วงเวลาเดียวกับที่ เสียงของเจินหลิงเยี่ยดังก้องออกมา ผู้ฝึกตนจากดาวหนานเทียนกำลังถูกห้อมล้อมด้วยแสงดาว ภายในแสงดาวนั้นเป็นเศษฝุ่นเถ้าธุลีมากมายนับไม่ถ้วน รวมตัวเข้ากับแสงดาว ปกคลุมไปทั่วทุกสรรพสิ่ง จนทำให้กลายเป็นแม่น้ำแห่งดวงดาว
แม่น้ำแห่งดวงดาวคล้ายกับเป็นลำแสง ที่เต็มไปด้วยเศษฝุ่นแห่งแสงมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งรวมตัวเข้าด้วยกัน ขณะที่มันคลี่กระจายออก กวาดผ่านไปยังผู้ฝึกตนทั้งหมด ที่เตรียมตัวจะกลับไปยังดาวหนานเทียน นอกจากนี้มันยังได้กวาดผ่าน ราวกับจะนำสถานที่แห่งนี้เข้าไปในแม่น้ำแห่งดวงดาวด้วย เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกมันจะถูกนำไปด้วยวิธีเดียวกันนี้
เมื่อได้เห็นแม่น้ำแห่งดวงดาว คนทั้งหมดก็รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย ถึงแม้พวกมันต้องการจะให้การก่อตัวนี้จบลงเร็วขึ้นกว่านี้ แต่ก็คิดว่าสิ่งที่รวดเร็วยากที่จะควบคุมได้ พวกมันต้องการจากไปในทันทีเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อออกไปจากสถานที่อันตรายแห่งนี้ด้วยความปลอดภัย
ในตอนนี้ นี่ไม่ใช่อาณาจักรที่สี่แห่งสำนักเซียนอสูรโบราณอีกต่อไป นี่ก็คือ…อาณาจักรที่ห้าซึ่งไม่มีใครเคยรู้จัก มาจนกระทั่งถึงบัดนี้!
อาณาจักรที่ห้า เจินหลิงเยี่ยที่ตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล!
ขณะที่เสียงของเจินหลิงเยี่ยดังก้องออกไป พื้นดินและท้องฟ้าทั่วทุกทิศทางก็บิดเบี้ยวไปมา ภาพซ้อนทับดูเหมือนจะปรากฏขึ้น ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ดูเหมือนจะคืนกลับไปยังสมัยโบราณ เงาร่างมากมายนับไม่ถ้วนบินไปมา และทุกสิ่งทุกอย่างก็เต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง แต่จากนั้นในบางช่วงเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นซากปรักหักพัง เต็มไปด้วยซากศพ และจากนั้นก็กลายเป็นเยี่ย ยกศีรษะขึ้นมา เจ็ดยอดเขากลายเป็นเขาของมัน!
ภาพซ้อนทับนั้นกระพริบไปมาทั่วทั้งโลกแห่งนี้ เจินหลิงเยี่ย…ในตอนนี้ได้ยกศีรษะขึ้นมาจากในพื้นดินหมดแล้ว
เมื่อเจินหลิงเยี่ยหลับ โลกก็คือความฝัน เมื่อเจินหลิงเยี่ยตื่น ภัยพิบัติก็มาเยือนสวรรค์และปฐพี!
เมิ่งฮ่าวหอบหายใจ และผู้ฝึกตนดาวหนานเทียนก็มองไปด้วยความระมัดระวังตัว ถึงแม้ว่าร่างของกลุ่มคนทั้งหมดจะเป็นครึ่งโปร่งใส แต่ก็ยังต้องถอยไปด้านหลังด้วยความวิตกกังวลอย่างช่วยไม่ได้ และปรารถนาอย่างรุนแรงว่า พวกมันจะสามารถเคลื่อนย้ายทางไกลออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
หลังจากส่งเสียงแผดร้องอย่างน่าเหลือเชื่อออกมาแล้ว ศีรษะขนาดใหญ่ของเจินหลิงเยี่ยทันใดนั้น…ก็พูดออกมา เป็นเสียงที่คลุมเครือไม่ชัดเจน “นำกระจกวิเศษ…คืนมาให้ข้า!”
เสียงนั้นดังก้องไปมา ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่เขากระอักโลหิตออกมา จิตใจผู้ฝึกตนดาวหนานเทียน รู้สึกราวกับว่าพวกมันกำลังถูกเสียงฟ้าร้องทำให้แก้วหูแทบฉีกขาด
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้ฝึกตนดาวหนานเทียนทั้งหมด มองไปยังเมิ่งฮ่าว ทีละคน ทีละคน พวกมันเริ่มมีสีหน้าประหลาดใจ
“ของวิเศษอะไรที่เมิ่งฮ่าวนำมา?!?!”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า มันไปขโมยของวิเศษล้ำค่ามาจากสัตว์อสูร จนทำให้มันตื่นขึ้นมา!?!?”
“กระจกวิเศษ…เป็นไปได้…เป็นไปได้หรือไม่ว่า มันกำลังพูดเกี่ยวกับดินแดนแห่งกระจก ที่พวกเราเห็นในอาณาจักรที่สี่?”
ขณะที่เสียงของพวกมันดังก้องออกมา ดวงตาก็เริ่มเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และประหลาดใจ รวมทั้งความอิจฉาอย่างรุนแรง
“นำดินแดนแห่งกระจก…คืนมาให้ข้า!” เจินหลิงเยี่ยกล่าว ครั้งนี้ เสียงของมันดังชัดมากขึ้น ขณะที่มันพูด สายฟ้าจำนวนมากมายก็เริ่มพุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ เจ็ดยอดเขา
ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะอ้าปากพูด กลุ่มคนจากดาวหนานเทียนก็เริ่มหอบหายใจ ขณะที่พวกมันเข้าใจถึงความหมายในคำพูดของเยี่ย
ดินแดนแห่งกระจกของอาณาจักรที่สี่ ซึ่งประกอบไปด้วยของวิเศษมากมายนับไม่ถ้วน จริงๆ แล้วก็…ถูกเมิ่งฮ่าวเอาไป!!
ดวงตาของผู้ฝึกตนดาวหนานเทียนทั้งหมด กลายเป็นสีแดงก่ำขึ้นมาในทันที แม้แต้ฟางอวี๋ก็ยังต้องสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
หวังลี่ไห่, หานเป้ย, หลี่ซือฉี และคนอื่นๆ ทั้งหมดเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ จิตใจพวกมันสั่นสะท้านจนถึงที่สุด
พวกมันไม่อาจจะคาดคิดได้ว่า เมิ่งฮ่าวจะนำดินแดนแห่งกระจกนั้นมาได้อย่างไร
ดวงตาของสมาชิกตระกูลจี้เบิกกว้าง ผู้ฝึกตนจากดินแดนทางเหนือ และดินแดนด้านใต้ต่างก็หอบหายใจออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงถึงข้อมูลใหม่นี้โดยสิ้นเชิง
สีหน้าสวี่ชิงเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ นางมองไปยังเมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว โดยไม่กล่าวออกมาแม้แต่คำเดียว เขาใช้ความรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พุ่งออกไปยังโลกด้านนอก ร่างกายเกือบทั้งหมดของเขาเริ่มโปร่งใสไปแล้ว และเขาก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงพลังแห่งการเคลื่อนย้ายทางไกล
ในเวลาเดียวกันนั้น แม่น้ำแห่งดวงดาวในตอนนี้ก็เกือบจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาโดยสมบูรณ์ ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเศษฝุ่นแห่งแสงมากมายนับไม่ถ้วนอย่างไร้จุดสิ้นสุด เริ่มกวาดออกไปทั่วในความว่างเปล่า นำกลุ่มคนที่เป็นผู้ฝึกตนจากดาวหนานเทียน รวมทั้งเมิ่งฮ่าว พุ่งออกไปยังที่ห่างไกล
ในเวลาเดียวกันนั้น ขณะที่เมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ถูกกวาดออกไปโดยแม่น้ำแห่งดวงดาว ดวงตาของเจินหลิงเยี่ย ทันใดนั้นก็ลืมขึ้นมาโดยสมบูรณ์ ความรู้สึกงุนงงใดๆ ที่ยังมีอยู่ในดวงตาคู่นั้นหายไปโดยสิ้นเชิง ถูกแทนที่ด้วยความตระหนักรู้แจ้ง ตอนนี้เจินหลิงเยี่ย…ได้ตื่นขึ้นมาอย่างแท้จริง!
ทันทีที่มันตื่นขึ้นมาโดยสมบูรณ์ เจินหลิงเยี่ยก็ส่งเสียงร้องคำรามออกมา ทำให้ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ และแม้แต่ความว่างเปล่าก็หยุดชะงักนิ่งไปในทันที แม้แต่แม่น้ำแห่งดวงดาวก็สั่นสะท้านและจากนั้นก็หยุดนิ่งชะงัก
สีหน้าเมิ่งฮ่าวสลดลง และสีหน้าของผู้ฝึกตนดาวหนานเทียน ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจโดยสิ้นเชิง
ทันใดนั้น ดินแดนที่ด้านล่างก็เริ่มสั่นสะเทือน และแยกออกจากกัน ขณะที่แขนยักษ์ค่อยๆ พุ่งขึ้นมา มันถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำ และมีนิ้วเพียงแค่สี่นิ้วเท่านั้น ขณะที่มันพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ก็ทิ้งหลุมยักษ์ไว้ด้านหลัง มันมีขนาดยาวมาก จนแทบจะมองไม่เห็นทั่วทั้งแขน และขณะที่มันยื่นแขนออกไป ฝ่ามือก็ใหญ่โตจนดูเหมือนจะใหญ่เพียงพอที่จะปิดบังไปทั่วทั้งท้องฟ้า
แขนที่ยืดยาวออกไปนั้น คว้าจับตรงไปยังแม่น้ำแห่งดวงดาว
“กลับมา!” เจินหลิงเยี่ยกล่าว เสียงของมันดังกระหึ่มขึ้นไปจนถึงสวรรค์ เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะควบคุมร่างกายได้โดยสิ้นเชิง ขณะที่ลอยออกไป ถูกดึงออกไปจากแม่น้ำแห่งดวงดาว พุ่งตรงไปยังมือยักษ์นั้น
เพียงชั่วพริบตา อย่างน่าตกใจยิ่ง เขาไปยืนอยู่ด้านบนของมือยักษ์นั้น ใบหน้าเมิ่งฮ่าวขาวซีด และดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงอันคมกริบ ตอนนี้เมิ่งฮ่าวได้ออกมาจากแม่น้ำแห่งดวงดาว ซึ่งกำลังสั่นสะท้านขึ้นอีกครั้ง และจากนั้นก็ค่อยๆ เริ่มเคลื่อนที่ออกไป ผู้ฝึกตนดาวหนานเทียนในตอนนี้เคลื่อนที่ออกไปยังที่ห่างไกลอีกครั้ง
“เมิ่งฮ่าว!” สีหน้าสวี่ชิงสลดลง นางพยายามดิ้นรนจะบินออกมา แต่ก็ไม่อาจจะออกมาจากแม่น้ำแห่งดวงดาวได้ ใบหน้าฟางอวี๋ก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวลด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับคนอื่นๆ เกือบทั้งหมด ดูเหมือนพวกมันจะพึงพอใจต่อความโชคร้ายของผู้อื่น
“มันตายแน่! สัตว์อสูรนั่นเก็บมันไว้โดยเฉพาะ มันต้องตายอย่างแน่นอน!”
“มันขโมยของวิเศษของเจ้าสิ่งนั้นมา! แล้วมันจะปล่อยให้เมิ่งฮ่าวจากไปได้อย่างไรกัน!?”
ผู้ฝึกตนเริ่มมองไป ขณะที่พวกมันเคลื่อนที่ห่างออกไปไกล เจินหลิงเยี่ยหดแขนมันกลับไป ซึ่งมีเมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่น จนกระทั่งเมิ่งฮ่าวไปอยู่ตรงหน้ามัน สีหน้าเขาซีดขาวขณะที่ยืนอยู่ที่นั่นบนฝ่ามือมัน มองขึ้นไปยังศีรษะขนาดใหญ่ และสองตาของเจินหลิงเยี่ย
มือขวาเมิ่งฮ่าวแตะไปที่ถุงสมบัติ มองเห็นแสงอันเย็นชาอยู่ในดวงตา เขารู้ว่าไม่อาจจะสู้กับเจินหลิงเยี่ยได้ แม้แต่ลมหายใจเพียงแค่ครั้งเดียวของมัน ก็อาจจะกำจัดเปลวไฟแห่งพลังชีวิตเขาไปได้โดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม เมื่อจุดวิกฤตแห่งความเป็นตายมาถึง เมิ่งฮ่าวก็จะทุ่มสุดกำลังอย่างต่อเนื่อง
“เจ้าไม่มีกลิ่นอายบนร่างที่ทำให้ข้ารู้สึกคุ้นเคย…” เจินหลิงเยี่ยกล่าว มองมายังเมิ่งฮ่าว มือขวามันเริ่มกำเป็นหมัด ขณะที่ทำเช่นนั้น แรงกดดันที่ยากจะอธิบายออกมาได้ก็ท่วมท้นร่างเมิ่งฮ่าว เสียงแตกร้าวได้ยินมา และโลหิตก็กระจายออกมาจากปาก ร่างเขาดูเหมือนจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ แม้แต่อวัยวะภายในก็แทบจะระเบิดออกมา
อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีความหวาดกลัวอยู่ในแววตาเมิ่งฮ่าวแม้แต่น้อยนิด แต่มองเห็นความบ้าคลั่งกำลังลุกไหม้ขึ้นมาอยู่ภายใน ซึ่งจากนั้นก็กลายเป็นความดุร้าย ในที่สุด เขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และเตรียมตัวจะหยิบเอากระจกทองแดงออกมา
แต่ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น เงาร่างชุดขาวก็ปรากฏขึ้นอยู่ในกลางอากาศ ก้าวเนิบนาบออกมาทีละก้าว ในชั่วขณะหนึ่งมันอยู่ห่างไกลออกไป ชั่วขณะต่อมา มันก็มายืนอยู่ที่ด้านหน้าเมิ่งฮ่าว หันหลังให้กับเขา มันยืนปกป้องเขาอยู่ที่นั่น มองไปยังเจินหลิงเยี่ย
มันสวมใส่ชุดสีขาว และมีเส้นผมที่ยาวสีเทาเข้ม ดูเก่าแก่โบราณอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ นี่ก็คือ…เคอจิ่วซือ!
“ท่านไม่อาจทำร้ายมัน” เคอจิ่วซือกล่าวเสียงเยือกเย็น จ้องมองขึ้นไปยังเจินหลิงเยี่ย น้ำเสียงเต็มไปด้วยพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ พลังที่ทำให้สวรรค์เปลี่ยนสีปฐพีสิ้นแสง ราวกับว่ามันสามารถจะต่อสู้กับเจินหลิงเยี่ยได้
เจินหลิงเยี่ยมองมายังเคอจิ่วซือ “ข้าตื่นขึ้นมาแล้ว” มันกล่าวด้วยเสียงหึ่งๆ “ต้องมีชีวิตถูกกำจัดไป”
“มันคือบุตรที่บิดาข้าให้คำรับรอง” เคอจิ่วซือกล่าวอย่างเงียบๆ ด้านหลังมัน แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านร่างเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขามองไปยังเคอจิ่วซือ ความอบอุ่นระหว่างเขาและเคออวิ๋นไห่ในอาณาจักรที่สอง ทันใดนั้นก็เต็มอยู่ในจิตใจ
“นั่นเป็นแค่ความฝัน!” เจินหลิงเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เมื่อบิดาข้าให้คำรับรองมัน ก็ไม่สำคัญว่าจะเป็นภาพลวงตาหรือไม่” เคอจิ่วซือกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ แสงอันลี้ลับแวบขึ้นผ่านดวงตาของมัน “มันก็คือ…น้องชายของข้า เมื่อมีข้าอยู่ที่นี่ ไม่ว่าท่าน หรือสิ่งใดๆ ก็ตามที ก็ไม่อาจจะทำร้ายมันได้แม้แต่น้อย หรือแม้แต่จะกล้าลองดู!”
ขณะที่มันพูด พลังที่ยากจะอธิบายออกมาได้พุ่งขึ้นไป
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ มองไปยังแผ่นหลังของเคอจิ่วซือ มือที่จับไปยังถุงสมบัติค่อยๆ คลายออกอย่างช้าๆ
“ข้าจะ…ข้าจะส่งมอบดินแดนแห่งกระจกออกไป…” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับถอนหายใจอย่างแผ่วเบาออกมา ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปากเขา เคอจิ่วซือก็หันหน้า มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยแววตาอันลึกล้ำ
นี่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวได้เห็นใบหน้าของเคอจิ่วซือ ในตอนนี้ เขาแทบจะคิดว่า กำลังมองไปยังเคออวิ๋นไห่ เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ยังหน้าตาที่แสนจะคุ้นเคยนั้น
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ไม่นานนัก เขาก็พบว่านี่ไม่ใช่เคออวิ๋นไห่อย่างแน่นอน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องส่งมันออกไป” เคอจิ่วซือกล่าว มันได้เห็นแล้วจากช่วงก่อนหน้านี้ว่า เมิ่งฮ่าวไม่ได้แสดงความหวาดกลัว ในตอนที่กำลังเผชิญหน้ากับความตาย แต่ตอนนี้ เขายินดีที่จะส่งมอบดินแดนแห่งกระจกกลับคืนไป เคอจิ่วซือเข้าใจ และทำให้ความอ่อนโยนปรากฏขึ้นในส่วนลึกของดวงตา “เมื่อเจ้าสามารถจะนำมันไป ก็แสดงว่าเจ้าถูกลิขิตมาสำหรับโชควาสนาเช่นนั้น นอกจากนี้…การตื่นขึ้นมาของเจินหลิงเยี่ย ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นหายนะไปทั้งสิ้น”
เคอจิ่วซือมองมายังเมิ่งฮ่าว “เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”
เมิ่งฮ่าวมองกลับไปยังเคอจิ่วซือ ยังหน้าตาที่ดูคล้ายกับเคออวิ๋นไห่อย่างมากมาย โดยไม่ลังเล เขากล่าวตอบ “ข้าเชื่อท่าน!”
“ในอดีต ราชันหลี่ได้ออกคำสั่งลงมาว่า ใครก็ตามที่ปลุกเจินหลิงเยี่ยขึ้นมาได้ จะได้รับสองทางเลือก” พร้อมกับการมองมายังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้ง เคอจิ่วซือหันหน้ากลับไปมองยังเจินหลิงเยี่ยกล่าวต่อ “เยี่ย, มันก็คือน้องชายของข้า ดังนั้นข้าจะตัดสินใจในนามของมัน มันจะเลือกเส้นทางที่สอง!”
เยียเงียบไปชั่วขณะ มีสีหน้าอันซับซ้อน ในที่สุด สายตาของมันก็ตกกระทบไปบนร่างเมิ่งฮ่าว
อย่างช้าๆ มันเริ่มอธิบายขึ้น “ราชันหลี่ออกคำสั่งว่า สิ่งมีชีวิตชนิดใดก็ตาม ถ้าปลุกข้าขึ้นมาได้ จะได้รับสองทางเลือก ทางเลือกแรกก็คือ กลับเข้าไปในดินแดนแห่งกระจกพร้อมกับข้า และข้าก็จะหลับไหลต่อไป…”
“ทางเลือกที่สองก็คือ ไม่ต้องกลับเข้าไปในกระจก แต่เตรียมตัวที่จะได้ครอบครองคุณสมบัติ เพื่อรับมรดกแห่งราชันหลี่ เดินไปสามภูเขา, ทะลุผ่านดินแดนศักดิ์สิทธิ์, ขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นสี่…ครอบครองมรดกแห่งราชันหลี่! ถ้าเจ้าล้มเหลว…เจ้าก็จะอยู่ในฐานะที่เป็นแขกในความฝันของข้าตลอดไป”
ขณะที่เสียงของมันดังก้องออกไป แม้แต่ผู้ฝึกตนดาวหนานเทียนที่อยู่ในแม่น้ำแห่งดวงดาวก็ยังได้ยิน เมื่อได้ยินคำพูดของเจินหลิงเยี่ย พวกมันก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกของตระกูลจี้ และผู้ฝึกตนจากดินแดนทางเหนือ พวกมันมองกลับไปยังสำนักเซียนอสูรที่อยู่ห่างไกลออกไป ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ และยิ่งไปกว่านั้น ต่างก็รู้สึกอิจฉาอย่างรุนแรง จนแทบจะบ้าคลั่ง
“นี่…นี่…นี่เป็นความโชคดีอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ?”
“บัดซบ! เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? นั่นไม่ใช่ภัยพิบัติ! มันจะถือว่าเป็นภัยพิบัติได้อย่างไรกัน? ไม่ใช่ว่าเมิ่งฮ่าวจะถูกกำจัดไป? โชควาสนาเช่นนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน?!?! คาดไม่ถึงว่าจะเป็นมรดกแห่งราชันหลี่! เป็นมรดกแห่งราชันหลี่จริงๆ?!?!”
“ก่อนหน้านี้มันก้าวร้าวเอาแต่ใจ ราวกับว่าจะทำลายทุกสรรพสิ่งไป แล้วมันกลับลำ กลายมาเป็น…ความโชคดีเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”
“มรดกแห่งราชันหลี่?! ข้าไม่ยอมรับเรื่องนี้!!”