ตอนที่ 664
รถศึก!
“อย่างมากที่สุด
ข้าสามารถใช้มันได้เพียงแค่สิบครั้งเท่านั้น”
เมิ่งฮ่าวตรวจสอบรอยสนิม มันแทบจะดูเหมือนกับเป็นการเน่าเปื่อย ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหน ก็จะทำให้สีเงินเปลี่ยนเป็นโลหะที่ผุพัง
“ข้ารู้สึกว่าไม่ได้ใช้มันอย่างถูกต้อง” เขาพึมพำกับตนเอง “ถ้าการใช้มันเป็นการทำลายมันไป เช่นนั้นก็…หือ?” ทันใดนั้น จิตใจเขาก็สั่นสะท้าน
“ใช้มันไม่ถูกวิธี?” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย และแรงสั่นสะเทือนในจิตใจก็รุนแรงมากขึ้น ขณะที่คิดย้อนกลับไปยังภาพที่เปิดเผยออกมาโดยเซียนชี้ทาง ตอนที่อยู่ในศาลาเมฆาล่อง
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เมิ่งฮ่าวก็ตบไปที่รถศึกอีกครั้ง ทันใดนั้น สัตว์อสูรที่อยู่รอบๆ รถศึกก็หายไป และตัวรถเริ่มหดเล็กลง ในที่สุดมันก็มีขนาดเท่ามือทารกอีกครั้ง วางนิ่งอยู่บนฝ่ามือเขา
เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่กลางอากาศ หลังจากที่ตรวจสอบรายละเอียดอยู่ชั่วขณะ ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรับรู้ได้ถึงร่องรอยบางอย่าง
“พื้นผิวของมันถูกแกะสลักไว้ด้วยสัญลักษณ์เวทโบราณ ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ส่วนที่แท้จริงของรถศึก…”
“และยังมีสายโซ่นั่นอีก พวกมันดูไม่เข้ากับตัวรถดั้งเดิม ราวกับว่าพวกมันถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลัง” ดวงตาเขาสาดประกายอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะหลับตาขวาลงในทันใด กระพริบตาเก้าครั้ง และปลดปล่อยปราณเซียนแห่งเซียนชี้ทางให้ไหลเข้าไปในดวงตา ทันใดนั้นรถศึกสีเงินก็มีรูปร่างที่เปลี่ยนไป
มันไม่ได้เป็นรถศึกอีกต่อไป แต่เป็นสัตว์อสูรที่ดุร้ายมากมาย พวกมันรวมตัวเข้าด้วยกัน ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล ก็จะเห็นว่าพวกมันก่อตัวคล้ายกับเป็นปีกสีดำ!
ปีกสีดำนี้ดูเลือนลางไม่ชัดเจน แต่เมิ่งฮ่าวก็มั่นใจว่า จริงๆ แล้วมันก็คือ ปีกของผีเสื้อ!
จิตใจเขาสั่นสะท้าน และต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ โคจรหมุนเวียนปราณแห่งเซียนชี้ทางมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเพ่งมองโดยละเอียด…ไปที่ปีกผีเสื้อนั้น
ทันทีที่เขามองไป เสียงกระหึ่มก็ดังเต็มอยู่ในจิตใจ โลกที่เบื้องหน้าเขาแตกกระจายไป แทบจะราวกับว่ากระจกกำลังแตกออกไป ภายใต้การแตกสลายนั้น กระจกได้กลายเป็นภาพที่แวบขึ้นมามากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งเมิ่งฮ่าวไม่อาจจะมองเห็นได้ชัดเจนนัก
แต่ก็มีอยู่หนึ่งภาพ ที่ทันใดนั้นมันได้ประทับตัวเองลงไปบนความทรงจำของเขา!
เมิ่งฮ่าวมองเห็นดินแดนที่มีกลุ่มเมฆ ม้วนตัวลอยไปมาอยู่ในท้องฟ้า เต็มไปด้วยการปะทุขึ้นของสายฟ้า บุรุษที่สวมใส่ชุดดำผู้หนึ่ง ยืนอยู่ในรถศึก มองลงไปยังดินแดนที่ด้านล่างด้วยสายตาที่เย็นชา
แทบจะเหมือนกับว่าบุรุษผู้นั้นก็คือสวรรค์ เป็นเจตจำนงแห่งสวรรค์ของมันเอง
มองเห็นกระแสน้ำวนที่กำลังหมุนไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอยู่บนหน้าผาก และมือขวาของมันก็มีเส้นเชือกไข่มุกที่เต็มไปด้วยช่องว่าง ซึ่งดูเหมือนจะรอให้มีการทำเครื่องหมายผนึกขึ้น
สำหรับรถศึกที่บุรษผู้นั้นยืนอยู่ มันดูเหมือนกับรถศึกที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะได้ครอบครองนี้ ยกเว้นแต่ว่ามันไม่มีสัญลักษณ์เวทอยู่
ด้านล่างรถศึกเป็นทะเลอันไร้ขอบเขต ตรงจุดศูนย์กลางของทะเล มีต้นไม้ขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า ที่กำลังนั่งอยู่บนยอดไม้ เป็นเด็กชายตัวเล็กๆ พร้อมรอยยิ้ม ขณะที่มันมองไปยังโลกทั้งหมด
ที่กำลังบินไปมาอยู่ในอากาศรอบๆ เด็กชายเป็นผีเสื้อเก้าตัว ที่ห่างไกลออกไปเป็นสิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนกำลังฝึกฝนพลังฝึกตนอยู่
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบและมีความสุข…
จิตใจเมิ่งฮ่าวส่งเสียงดังกระหึ่ม และภาพนั้นก็จางหายไป เขาหอบหายใจออกมา และแสงแปลกๆ ก็สาดประกายอยู่ในดวงตา ขณะที่มองไปยังรถศึกที่อยู่บนฝ่ามือ
“ภาพนั่น…” ดวงตาเขาแวบขึ้น หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าไปสองสามครั้ง เขาก็ยกมือซ้ายขึ้นมาและกดลงไปบนรถศึกสีเงิน เพื่อกวาดสัญลักษณ์เวทออกไปอย่างช้าๆ
มีสัญลักษณ์เวทอยู่ทั้งหมดเก้าสิบเก้าชิ้นบนรถศึกนี้
แสงที่ดูอ่อนโยนแต่ก็ดุร้ายด้วยเช่นกัน พุ่งขึ้นมาจากมือเมิ่งฮ่าว เขาลูบไล้ไปที่รถศึกต่อไป จนกระทั่งในที่สุดก็สามารถกวาดสัญลักษณ์เวทชิ้นแรกออกไปได้สำเร็จ ตอนนี้เขามีสีหน้าซีดขาว การกวาดเอาสัญลักษณ์เวทออกไปดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก แต่จริงๆ แล้วเขาต้องสูญเสียพลังพื้นฐานฝึกตนไปจำนวนมากมายเพื่อที่จะกระทำได้เช่นนี้
ทันทีที่สัญลักษณ์เวทถูกกวาดออกไป รถศึกสีเงินก็สั่นไปมา เสียงที่คล้ายกับเป็นเสียงแผดร้อง ดังออกมาจากภายในรถศึก ราวกับว่ายักษ์ในสมัยโบราณที่กำลังหลับอยู่ ทันใดนั้นก็เริ่มตื่นขึ้นมา
เมื่อเสียงนั้นดังมาเข้าหูเมิ่งฮ่าว จิตวิญญาณของเขาก็สั่นสะท้าน
“สัญลักษณ์เวทและโซ่เหล่านี้ถูกเพิ่มขึ้นมาในภายหลังจริงๆ ถ้าไม่ใช่ว่าเพื่อต้องการจะผนึกรถศึกนี้ไว้ ก็คงจะเป็นวิธีที่จะใช้ควบคุมรถศึกนี้ อันเนื่องมาจากการไม่เข้าใจถึงการใช้งานที่แท้จริงของมัน”
“ด้วยการใช้ที่ไม่ถูกต้องเช่นนั้น จริงๆ แล้วก็เป็นต้นเหตุของการทำลาย!” เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และกำลังจะลบสัญลักษณ์ชิ้นที่สองออกไป แต่ทันใดนั้น มือของเขาก็หยุดลง และความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในแววตา
“ทำไมข้าถึงมองเห็นภาพบนรถศึกนี้เพียงผู้เดียว? ใครก็ตามที่มองเห็นพวกมัน ก็จะต้องรู้ว่าที่ด้านในของมันมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป” ดวงตาเขาแวบขึ้นขณะที่มองลงไปยังลำตัวของตนเอง
หลังจากที่เวลานานผ่านไป เขาก็พึมพำขึ้นมาอย่างช้าๆ “เซียนชี้ทาง…โฉ่วเหมินไถ!”
เหตุผลที่เขาสามารถมองเห็นภาพบนรถศึก และรับรู้ถึงการใช้งานมันได้อย่างถูกต้อง ทั้งหมดนี้ก็เนื่องมาจากปราณเซียนแห่งเซียนชี้ทาง
“ใช่หรือไม่ว่านี่ก็คือของวิเศษแห่งเซียน?” เมิ่งฮ่าวยกมือซ้ายขึ้นมาอีกครั้ง และเริ่มทำการลบสัญลักษณ์ชิ้นที่สองออกไปอย่างช้าๆ
รถศึกสีเงินเริ่มเรืองแสงอันเข้มข้นมากขึ้น และเสียงกู่ร้องที่ได้ยินจากภายในตัวรถก็เริ่มได้ยินชัดเจนมากขึ้น
ต่อมา เมิ่งฮ่าวก็ทำการลบสัญลักษณ์เวทชิ้นที่สาม จากนั้นก็สี่ เมื่อเขาลบสัญลักษณ์เวทชิ้นที่สิบออกไป รถศึกสีเงินก็เริ่มกระจายเสียงหึ่งๆ ออกมา และขยายตัวออกจนกระทั่งมีขนาดใหญ่สิบจ้าง
เกิดเป็นแสงกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง รวมทั้งแรงกดดันที่แผ่ออกมาเป็นระยะ แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังรู้สึกว่า เขาได้รับผลกระทบจากแรงกดดันอันรุนแรงนั้น ซึ่งทำให้ยากที่จะเข้าไปใกล้ตัวรถได้ เขาถูกบังคับให้ถอยไปด้านหลังเล็กน้อยในทันที
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเจิดจ้า เมื่อทำการลบสัญลักษณ์เวทไปแล้วสิบชิ้น พลังพื้นฐานฝึกตนของเขาก็เริ่มหมดลง หลังจากที่หลับตาลงชั่วครู่เพื่อฟื้นฟูพลัง เขาก็ขมวดคิ้ว
“ยิ่งข้าลบสัญลักษณ์เวทไปมากเท่าใด ก็จะยิ่งทำให้ลบได้ยากมากขึ้นเท่านั้น” ร่างเขาแวบขึ้น ขณะที่พุ่งตรงไปยังรถศึก ขณะที่เข้าไปใกล้ จู่ๆ วงแหวนแห่งแสงสีเหลืองก็ปรากฏขึ้นรอบๆ รถศึก
มันเริ่มขยายตัวออกไป ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความรู้สึกถึงอันตราย เขารีบพุ่งถอยไปด้านหลัง โผล่ออกไปจากภายในแสงสีเหลืองอย่างรวดเร็ว และบังคับให้ปราณเซียนชี้ทางโคจรหมุนเวียนอยู่ภายในร่าง จากนั้นก็พุ่งกลับไปยังตำแหน่งดั้งเดิม
ครั้งนี้ ไม่มีวงแหวนแห่งแสงสีเหลืองปรากฏขึ้น เขาเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ เข้าไปถึงรถศึกในชั่วพริบตา เขายังเหลือปราณเซียนอยู่ภายในร่างไม่มากนัก และมันคงจะหายไปในอีกไม่ช้านี้
เมิ่งฮ่าววางมือไปบนรถศึก หลังจากที่ครุ่นคิดและพักผ่อนอยู่ชั่วครู่ เขาก็โคจรหมุนเวียนพื้นฐานลมปราณ ส่งพลังให้ไหลเข้าไปในตัวรถศึก แต่พลังนั้นดูเหมือนจะหายสาปสูญไป คล้ายกับก้อนศิลาที่จมหายไปในมหาสมุทร ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ จากรถศึก
เมิ่งฮ่าวยังคงโคจรหมุนเวียนพื้นฐานลมปราณ และจากนั้นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาส่งปราณอสูรออกไปมากขึ้น มันเป็นแค่ส่วนเล็กๆ แต่ทันทีที่มันไหลออกจากมือเข้าไปในตัวรถศึก ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ก็ดูเหมือนจะเริ่มส่งเสียงดังกระหึ่ม
กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นในท้องฟ้า ส่งเสียงดังกึกก้องขณะที่มันหมุนวนไปมา สายฟ้ามากมายนับไม่ถ้วนปะทุออกไปทั่วทุกทิศทาง ทั่วทั้งบริเวณนั้นดูเหมือนจะปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นมาในทันที ราวกับว่าจู่ๆ ทั้งสวรรค์และปฐพีกำลังจะพังทลายลงไป
ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่า เขากำลังรวมตัวเข้าด้วยกันกับรถศึก กลายเป็นหนึ่งเดียวกับมัน จากนั้นเขาก็มองเห็นภาพของบุรุษชุดดำที่มีกระแสน้ำวนอยู่บนหน้าผาก เป็นคนเดียวกับที่เขาได้เห็นเมื่อก่อนหน้านี้
ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงหึ่งๆ ก็ได้ยินมาจากรถศึก ขณะที่ภาพของสัตว์อสูรอันดุร้ายมากมายนับไม่ถ้วน ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า พวกมันทั้งหมดถูกล่ามโซ่ไว้ด้วยกัน และส่งเสียงแผดร้องคำรามอย่างไร้เสียงออกมา พวกมันเริ่มวิ่งตรงไปข้างหน้า ฉุดลากรถศึกไปพร้อมกับพวกมัน พุ่งผ่านท้องฟ้าไป กลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับเป็นดาวตก ที่ลอยออกไปในที่ห่างไกลด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเช่นนั้น ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในท้องฟ้า ขณะที่มันพุ่งตรงไป ระลอกคลื่นสีเหลืองกระจายออกไป กวาดผ่านไปทั่วทั้งท้องฟ้ายามราตรี ทำให้เต็มไปด้วยแสงสีเหลือง
ในตอนนี้ หยางหุนเซิ่งในชุดดำ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นมายืนอยู่ในหอคอยแห่งเมืองไห่เฉิง ท่าทางประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตา ขณะที่จู่ๆ มันก็หายตัวไป และจากนั้นก็ปรากฏกายขึ้นใหม่อยู่ที่ด้านนอกในกลางอากาศ มองออกไปยังที่ห่างไกล สีหน้าเปลี่ยนไปมาอยู่หลายครั้ง
“นั่นคืออาวุธเวทอะไรกัน!?” มันอ้าปากค้าง ก่อนหน้านี้พื้นฐานฝึกตนของมัน เกิดการกระตุกขึ้นด้วยความรู้สึกหวาดกลัว เป็นความรู้สึกบางอย่างที่มันไม่คุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย เป็นบางสิ่งที่มันเคยรู้สึกเมื่อตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับมรดกวิเศษของบรรพบุรุษในสำนักเท่านั้น
“นั่นก็คือมรดกของวิเศษ?” มันคิดกับตนเอง
จิตใจเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความตกตะลึง เส้นใยแห่งปราณเซียน ที่เขาส่งออกไปจากเซียนชี้ทาง ทำให้รถศึกทิ้งเมืองไห่เฉิงอยู่ที่ด้านหลังในชั่วพริบตา ถึงแม้ว่าจะยังคงมีน้ำทะเลอยู่ที่ด้านล่าง แต่เขาก็ไม่มีทางรู้ว่า ยังคงอยู่ในวงแหวนที่สามอยู่หรือไม่
ทะเลที่ยืดยาวออกไปนี้ดูแปลกเป็นอย่างมาก และน้ำก็แทบจะเป็นสีดำ ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ ไม่มีระลอกคลื่นแม้แต่นิดเดียวที่จะมองเห็นได้บนพื้นผิวของทะเล อย่าว่าแต่คลื่นลมใดๆ
“ความ…ความเร็วเช่นนี้มาจากไหนกัน!?” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับอ้าปากค้าง มองลงไปยังรถศึก สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“นี่ก็คือของวิเศษอันล้ำค่า!”
“โชคร้าย ที่มีแต่ต้องใช้พลังของเซียนเท่านั้น ถึงจะทำให้มันทำงานได้ ของวิเศษนี้…ไม่แม้แต่จะรู้จักพื้นฐานฝึกตนของข้า” เขาถอนหายใจออกมา มีแต่ปราณเซียนที่มาจากเซียนชี้ทางเท่านั้น ที่เขาสามารถใช้ได้เล็กน้อยเพื่อจะใช้วิชาม่านตาเซียนได้ แต่การใช้มันในการต่อสู้ ก็คล้ายกับการพยายามจะดับไฟบนรถม้าด้วยน้ำเพียงถ้วยเดียว
“ปราณเซียน…ของสิ่งนี้จริงๆ แล้วก็คือของวิเศษแห่งเซียน มันทำงานได้เมื่อเติมปราณเซียนเข้าไปเท่านั้น…” ขณะที่เขาพิจารณาเรื่องราวเหล่านี้ จู่ๆ จิตใจก็สั่นสะท้าน ขณะที่ความคิดแปลกๆ ปรากฏขึ้นมาในจิตใจ
“ปราณแห่งเซียนชี้ทาง จริงๆ แล้วก็คือปราณเซียน? ใช่หรือไม่ว่า…จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ปราณเซียน แต่เป็นอย่างอื่น…?” ก่อนที่เขาจะพิจารณาถึงความคิดนี้ได้มากขึ้น ทันใดนั้นเขาก็มองลงไปยังทะเลที่ด้านล่าง
น้ำทะเลที่สงบนิ่งก่อนหน้านี้ จู่ๆ ก็เต็มไปด้วยระลอกคลื่น มีจระเข้หนึ่งตัวปรากฏขึ้น มีความยาวถึงหนึ่งร้อยจ้าง…มุ่งหน้าตรงมายังตำแหน่งที่เขาอยู่
ปกติแล้วจะไม่มีจระเข้ปรากฏขึ้นอยู่ในท้องทะเล แต่ตอนนี้มีอยู่หนึ่งตัว มันมีสีดำโดยสิ้นเชิง และดวงตาก็เป็นสีแดงและสาดประกายเย็นชาออกมา บนหลังของมันมีก้อนเนื้อตะปุ่มตะป่ำดูดุร้ายอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางก้อนเนื้อเหล่านั้น เป็นบุรุษซึ่งสวมใส่เสื้อผ้าที่เก่าขาด สีหน้ามันเย็นชาขณะที่…มองขึ้นมายังเมิ่งฮ่าว
ทันทีที่มันมองมายังเมิ่งฮ่าว ดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยรังสีสังหารและความกระหายเลือด
“ผู้ฝึกตน?” มันกล่าว ด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งไม่พอใจ เมื่อมันอ้าปากพูด ก็มองเห็นฟันสีดำคล้ำ สำหรับเมิ่งฮ่าว ทั่วทั้งร่างของมันดูเหมือนจะกระจายความชั่วร้ายเลวทรามออกมาโดยสิ้นเชิง
กลิ่นอายของตัดวิญญาณทันใดนั้นก็ระเบิดออกมาจากร่างมัน ในเวลาเดียวกันนั้นจระเข้ก็เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงแผดร้องออกมาในทันที และระเบิดกลิ่นอายของตัดวิญญาณออกมาเช่นเดียวกัน น้ำทะเลตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย และกลิ่นเหม็นคาวก็พุ่งขึ้นมาเป็นระยะ
“นี่คือทะเลปีศาจ” บุรุษผู้นั้นกล่าว “ตอนนี้เมื่อเจ้ามาอยู่ที่นี่ เจ้าก็ไม่อาจจากไปได้” ด้วยเช่นนั้น มันก็ทำท่าคว้าจับ ทำให้อากาศในบริเวณนั้นเริ่มรวมตัวกัน แรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อกดทับลงมาในทันที
เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้าง “ทะเลปีศาจ?”