ตอนที่ 675
หยินเติงซ่างเหริน!
วันต่อมา มีเรื่องราวบางอย่างที่ทำให้วงแหวนที่สามต้องสั่นสะเทือนอย่างน่าตกใจ ศิษย์หนึ่งแสนคนจากสามสำนัก ออกไปจากเมืองไห่เฉิงกระจายออกไปทั่วทั้งวงแหวนที่สาม แต่ละคนถือแผ่นหยกอยู่ในมือ ซึ่งภายในเป็นภาพของบุคคลที่พวกมันสืบเสาะค้นหา!
ทั่วทั้งวงแหวนที่สามสั่นสะเทือนด้วยเหตุการณ์นี้ แม้แต่สามผู้ศักดิ์สิทธิ์ก็เข้ามาร่วมการค้นหาที่เข้มงวดนี้ด้วย ถ้าเป็นเช่นนั้นทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาก็คือว่า ร้านค้าทุกร้านในเมืองไห่เฉิง ต่างก็เสนอของวิเศษอันมีค่าให้กับผู้ฝึกตนที่เข้าร่วมการค้นหาครั้งนี้ด้วย
ด้วยเช่นนั้น จึงมองเห็นผู้ฝึกตนได้ทั่วทุกที่ กำลังค้นหาไปมาบนพื้นผิวของทะเล วงแหวนที่สามตกอยู่ในสถานะราวกับเป็นคุกคุมขังไปโดยสิ้นเชิง
ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังพักอยู่ในเมืองไห่เฉิง ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของมันออกไป กลายเป็นเส้นใยมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งเกาะติดอยู่กับแผ่นหยก ถ้าใครก็ตามเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว มันก็จะรับรู้ได้ในทันที
ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังยังได้เตรียมการสำหรับความเป็นไปได้ ที่เมิ่งฮ่าวอาจจะเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาและกลิ่นอาย มันยอมสังหารผิดคน แต่จะไม่ยอมปล่อยให้เมิ่งฮ่าวหลบหนีไปได้
ขณะที่วงแหวนที่สามเดือดพล่านตกอยู่ในความปั่นป่วน เมิ่งฮ่าวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเกาะแห่งหนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียด ในมือเขาเป็นแผ่นหยกที่หยางหุนเซิ่งมอบให้มา
“ข้าไม่ต้องการจะทดสอบความซื่อสัตย์ของผู้ใด” เขาพึมพำเสียงแผ่วเบา “และข้าก็จะไม่ฝากความหวังของตนเองไว้กับผู้อื่น” เขาบดขยี้แผ่นหยก จากนั้นก็ลุกขึ้นมายืนและบินลงไปในทะเล เมื่อเขาไม่อาจจะหลบซ่อนตัวอยู่บนพื้นผิวของทะเล ถ้าเช่นนั้นเขาก็จะหลบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของมัน
ในตอนที่แผ่นหยกถูกทำลายไป หยางหุนเซิ่งที่กำลังบินอยู่ในกลางอากาศ ทันใดนั้นมันก็หยุดชะงักนิ่ง จากนั้นก็ยิ้มกว้างออกมา มันเข้าใจถึงการตัดสินใจของเมิ่งฮ่าว และนั่นเป็นเพราะว่า…มันกำลังรอคอยที่จะตัดสินใจของตัวเองอยู่
“วิธีนี้ก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน” มันคิด “ข้ามีสหายเพิ่มขึ้นหนึ่งคน และมีศัตรูน้อยลงหนึ่งคน” มันแอบถอนหายใจออกมา คิดย้อนกลับไปยังทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา และคิดไปถึงการต่อสู้ทั้งหมดของคนทั้งสองกับอสูรทะเล
ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวพุ่งลงไปที่ก้นทะเล กลิ่นอายของดอกปี่อ้านถูกสะกดไว้โดยสิ้นเชิง ไม่ได้กระจายออกมาแม้แต่น้อยนิด เขามองไปยังบริเวณรอบๆ เป็นระยะ ถ้ามีสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้น เขาก็พร้อมที่จะหยิบเอารถศึกออกมาในทันที
“การออกไปจากวงแหวนที่สาม จำเป็นต้องผ่านกำแพงลมพายุ แต่ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังต้องเตรียมการไว้แล้วโดยไม่ต้องสงสัย การเข้าไปในกำแพงลมพายุ จะทำให้ข้าตกลงไปในกับดักของมัน”
“แต่ข้าก็ไม่อาจจะอยู่ในวงแหวนที่สามได้อีกต่อไป มิเช่นนั้นมันก็จะต้องพบเห็นข้าในที่สุด และจากนั้น…” ดวงตาเขาสาดประกาย
“แต่วงแหวนที่สอง…มีเซียนรุ่งอรุณสิงสถิตอยู่” เมิ่งฮ่าวคิดอย่างเงียบๆ อยู่ชั่วขณะ
“อสูรอยู่ด้านหน้า ศัตรูไล่ตามมาด้านหลัง แล้วยังไง?!” ดวงตาเขาสาดประกายด้วยแสงอันเย็นชา
“ในชีวิตของคนผู้หนึ่ง ต้องมีความหวังที่จะอยู่อย่างอิสระมีเสรีภาพ ในชีวิตของคนผู้หนึ่ง ต้องค้นคว้าหาความสุขของตนเอง! ข้ารู้มาโดยตลอดว่าปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังจะมา ดังนั้นแล้วข้าจะลังเลไปเพื่ออันใด?”
“ทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวของข้าก็คือวงแหวนที่สอง นั่นเป็นสถานที่ที่เซียนรุ่งอรุณสิงสถิตอยู่ และนั่นก็จะเป็นสถานที่ที่ข้าจะล่อปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังไป ภายใต้อันตรายสูงสุดนี้เท่านั้น ที่เป็นโอกาสเดียวของข้าที่จะมีชีวิตรอด!”
“การที่สำนักเฟยเซียน และสำนักไห่เสิน ตัดสินใจช่วยปรมาจารย์ตระกูลหวังอย่างรวดเร็วเช่นนั้น ก็บ่งบอกได้ว่าค่าตอบแทนที่พวกมันจะได้รับช่างน่าเหลือเชื่อนัก!” รังสีสังหารสาดประกายอยู่ในดวงตา เขาพร้อมที่จะหลบซ่อนและหลบหนีแล้ว
หลังจากที่กลับมาจากสำนักเซียนอสูร สิ่งทั้งหมดที่เขาทำก็คือหลบหนีโดยไม่มีการหยุดพัก ทำให้เขาเกิดความไม่พอใจและความต้องการสังหารก็บรรลุถึงความเข้มข้นสูงสุด เป็นบางสิ่งที่การสังหารอสูรทะเลเป็นจำนวนมากไม่อาจจะทดแทนกันได้ เขาจำเป็นต้องสังหาร…ผู้คน!
“ตอนแรกก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายอยู่ในวงแหวนที่สาม จากนั้นก็ล่อให้ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังมาหาข้า หลังจากนั้น…ก็ไปตัดสินผลแพ้ชนะกันในวงแหวนที่สอง!” เมิ่งฮ่าวกำลังจะดำเนินไปตามแผนการที่วางไว้ แต่ทันใดนั้น เขาก็หยุดเดินในทันที
กลิ่นอายอันดุร้ายน่ากลัวเข้ามาใกล้เขาอีกครั้ง และอีกครั้งที่ดอกปี่อ้านรู้สึกกังวลใจและสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
ความหวาดกลัวของดอกปี่อ้าน ทำให้เมิ่งฮ่าวใจสั่นไปด้วย หยิบเอารถศึกออกมา แต่ก็ไม่ได้กระตุ้นให้มันทำงานในทันที เขามองลงไปยังก้นทะเล
สถานที่แห่งนี้จริงๆ แล้วก็เป็นตำแหน่งเดียวกับที่เขาได้ยินเสียงนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว
เสียงเดียวกันนั้นพูดขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ความเงียบแตกกระจายไป “เมื่อไม่อาจกลายเป็นเซียน ก็จะกลายเป็นดอกไป๋กู่…”
“เมื่อไม่อาจจะตัดดอกปี่อ้าน เหล่าฟูก็ได้แต่ตัดตนเอง…นับจากนี้ไป จะไม่มีดอกปี่อ้านอีก แต่จะมีดอกไป๋กู่บานอยู่ทั่วทุกที่…”
ขณะที่เขาได้ยินเสียงนี้เป็นครั้งที่สอง เมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ถึงความเสียใจ, ความไม่พอใจ และความคับแค้นใจเป็นอย่างยิ่งอยู่ภายในเสียงนั้น ใครก็ตามที่ได้ยินเสียงนี้ก็จะต้องหวาดกลัวจนเส้นผมลุกตั้งชี้ชัน แต่กลับกันเมิ่งฮ่าวกลับรู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นมาในทันที
เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ชั่วขณะ ก่อนที่ความมุ่งมั่นจะสาดประกายอยู่ในแววตา บังคับให้รถศึกพุ่งตรงไปยังทิศทางของเสียงนั้น เวลาผ่านไปไม่นานนักก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะมองเห็นพื้นทะเลใกล้ๆ บริเวณนั้นซึ่งเป็นแหล่งที่มาของเสียงอันดุร้ายน่ากลัว
เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยกระดูกสีขาวมากมายนับไม่ถ้วน เป็นกระดูกของทั้งผู้ฝึกตนและอสูรทะเล และดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล ทั้งหมดนั้นก็ดูเหมือนจะก่อตัวเป็นรูปร่างของดอกไม้
ดอกไป๋กู่ (กระดูกสีขาว)
ที่ตรงจุดกึ่งกลางของดอกไป๋กู่เป็นสาหร่ายทะเลสีดำสนิท ภายในเป็นโครงกระดูก กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ผิวหนังของมันได้เน่าเปื่อยไปนานแล้ว และกำลังลอยอยู่ที่นั่นอย่างช้าๆ ท่ามกลางสาหร่ายทะเล ซึ่งพันไปรอบๆ โครงกระดูกนั้น
จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่เขาค่อยๆ เข้าไปใกล้ ยิ่งใกล้เข้าไปมากเท่าใด ดอกปี่อ้านก็ยิ่งสั่นสะท้านมากขึ้นเท่านั้น อันที่จริง มันยังได้เริ่มกรีดร้องอยู่ภายในร่างเขาด้วยความหวาดกลัวออกมาอีกด้วย เมื่อเขาเข้าไปในเขตหนึ่งร้อยจ้างของดอกไป๋กู่ เส้นโลหิตก็โผล่ขึ้นมาอยู่ทั่วทั้งร่าง ดอกปี่อ้านห้าสีปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง และเห็นได้ชัดว่ามันกำลังเริ่มคลุ้มคลั่ง
ทันทีที่ดอกปี่อ้านห้าสีปรากฏขึ้น โครงกระดูกที่ส่ายไหวไปมาอยู่ภายในสาหร่ายทะเล จู่ๆ ก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ มันมองขึ้นมา จ้องมายังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่กลวงโบ๋ว่างเปล่า
จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่ดูเหมือนว่า ความทรงจำจากซากศพได้ไหลเข้ามาในจิตใจ จากดวงตาที่กลวงโบ๋ของซากศพนั้น
เขามองเห็นชายชราที่สวมใส่ชุดยาวสีทอง กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ก้นทะเล ที่ด้านหน้ามันเป็นตะเกียงสีเงิน ซึ่งกระจายแสงอันอ่อนโยนออกมา ถึงแม้จะอยู่ที่ก้นทะเล แต่เปลวไฟของตะเกียงก็ยังไม่ดับไป และแสงตะเกียงก็ห่อหุ้มชายชรานั้นไว้
ใบหน้าชายชราบิดเบี้ยวอย่างดุร้าย และบิดเบี้ยวไปมาเป็นระยะ ราวกับว่ามันกำลังดิ้นรนต่อสู้กับบางสิ่ง ดูเหมือนว่ามันกำลังเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ เส้นโลหิตโผล่ขึ้นมาจากใบหน้ามัน และทันใดนั้นมันก็เงยหน้าขึ้น และแผดร้องออกมาด้วยโทสะ
“เหล่าฟูหยินเติงซ่างเหริน! (ผู้สูงส่งตะเกียงเงิน) ฝึกฝนวิถีเซียนมานานนับพันปี และอยู่ในขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า! แล้วจะพ่ายแพ้ให้กับดอกปี่อ้านอันกระจ้อยร่อยนี้ได้อย่างไร!?!?”
“เห็นได้ชัดว่าข้าทำได้สำเร็จ! เห็นได้ชัดว่าข้ากำจัดมันไปได้! แล้วมันจะกลับมามีชีวิตได้อย่างไร!?!?” ขณะที่มันแผดร้องออกมา ภาพลวงตาขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ร่างมัน
ภาพลวงตานั้นมีความสูงเกือบพันจ้าง และน่าตกใจยิ่ง ที่มันมีหกสี…นี่ก็คือ…ดอกปี่อ้านหกสี!!
เมื่อดอกปี่อ้านปรากฏขึ้น ชายชราก็เริ่มสั่นสะท้าน และร่างกายมันก็เริ่มแห้งเหี่ยวไป ราวกับว่าพลังชีวิตทั้งหมดของมัน พื้นฐานฝึกตนทั้งหมดของมัน ความทรงจำทั้งหมดของมัน ทั้งหมดนี้ถูกดูดออกไปโดยดอกปี่อ้านนั้น
“การกลายเป็นเซียน…ถ้าดอกปี่อ้านกลายเป็นเซียน มันจะดูดเอาพลังชีวิตของร่างอาศัยไป ถ้าข้าต้องการบรรลุขั้นเซียน ข้าก็ต้องใช้โชคชะตาของดอกปี่อ้าน!”
“ข้าจะไม่ยอมแพ้!” ขณะที่ชายชราแผดร้อง ดวงตามันเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความมุ่งมั่น
“ข้าจะกลายเป็นเซียน!”
“ข้าต้องเป็นเซียนให้ได้!!”
“ข้าถูกลิขิตให้กลายเป็นเซียน และข้าก็มีเส้นทางแห่งเซียน ชีวิตสุดท้ายของข้าก็คือเซียน แล้วข้า…จะไม่อาจเป็นเซียนในชีวิตนี้ได้อย่างไร?!?!?”
“ถ้าข้าไม่อาจจะตัดดอกปี่อ้าน ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะตัดตัวข้าเอง! ตัดโชคชะตาแห่งเซียนของข้า ตัดเส้นทางแห่งเซียนของข้า ใช้การฝึกตนในชีวิตก่อนหน้านี้ของข้าแปลงความไม่พอใจให้กลายเป็นทะเลแห่งกระดูกสีขาว!”
“นับจากนี้เป็นต้นไป กระดูกของข้าจะลอยอยู่ที่ก้นทะเลเทียนเหอ และโลหิตของข้าจะย้อมน้ำทะเล ข้าจะใช้กระดูกของข้าทำให้เจตจำนงของดอกปี่อ้านแตกกระจายไป และทำให้ดอกไป๋กู่เบ่งบานออกมามากมายนับไม่ถ้วน!” ด้วยเช่นนั้น ชายชราได้ยกมือขวาขึ้น และตบไปที่หน้าอกของตนเอง โลหิตพ่นออกมาจากปาก และร่างมันก็แห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว แต่โลหิตที่กระจายออกไปในน้ำทะเลตอนนี้ ได้ไปดึงดูดความสนใจของอสูรทะเลมากมาย
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป วิญญาณของข้าจะกลายเป็นดอกไป๋กู่ ซึ่งจะมีชีวิตอยู่ในฐานะผู้อาศัยในสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มากมายนับไม่ถ้วน และจะเป็น…ศัตรูตัวฉกาจของดอกปี่อ้าน!” ชายชราเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็พ่นโลหิตออกมาอีก โลหิตของมัน หรือแม้แต่ชิ้นเนื้อของมันเริ่มลอยออกไป และในเวลาเดียวกันนั้น อสูรทะเลมากมายนับไม่ถ้วนก็พุ่งมาที่ร่างมัน
เสียงขบเคี้ยวและฉีกทึ้งได้ยินมา ราวกับว่ามีปากและเขี้ยวมากมายนับไม่ถ้วนกำลังกลืนกินเลือดเนื้อของชายชราไป เมิ่งฮ่าวมองไม่เห็นชายชรา แต่ก็ได้ยินเสียงของมัน ซึ่งเต็มไปด้วยความเป็นศัตรูและความเกลียดชัง
“ข้าจะไม่ยอมอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับเจ้า!!”
ในเวลาเดียวกันนั้น ดอกปี่อ้านหกสีที่ด้านหลังมันก็เริ่มร่วงโรยไป กลายเป็นหนึ่งเดียวกับชายชรา ขณะที่ชายชรากำลังถูกกลืนกิน ดอกปี่อ้านก็ถูกกินไปด้วยเช่นกัน มันตะเกียกตะกายดิ้นรนแต่ก็ไร้ประโยชน์
หลังจากที่เวลาผ่านไปนานสักพัก เสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกมา และอสูรทะเลทั้งหมดก็พุ่งออกไป เผยให้เห็นโครงกระดูกสีขาวที่ไร้เลือดเนื้อโดยสิ้นเชิง ค่อยๆ จมลงไปในสาหร่ายทะเลที่ด้านล่าง สาหร่ายสีดำม้วนพันไปรอบๆ โครงกระดูกนั้น และจากนั้นมันก็เริ่มลอยไปมา
สำหรับดอกปี่อ้าน มันได้หายไปโดยสิ้นเชิง ทุกสรรพสิ่งในบริเวณนั้นเริ่มเงียบสงบ สำหรับอสูรทะเลซึ่งได้กลืนกินเลือดเนื้อของมัน จู่ๆ ก็เริ่มระเบิดออก เลือดเนื้อของพวกมันได้ไปดึงดูดความสนใจของอสูรทะเลตัวอื่นๆ มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเข้ามากลืนกินเลือดเนื้อเหล่านั้น และระเบิดออกด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนนี้ดำเนินไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลาหกสิบปี ในตอนนี้วงแหวนที่สามแห่งทะเลเทียนเหอ เต็มไปด้วยกลิ่นอายเลือดเนื้อของชายชรา เนื่องจากกลิ่นอายนั้น อสูรทะเลทั้งหมดในทะเลส่วนนี้ ต่างก็ถูกประทับตราด้วยดอกไป๋กู่
จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ภาพที่เห็นนั้นค่อยๆ จางหายไป และทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม เขายังคงถูกห้อมล้อมด้วยกระดูกสีขาวมากมายนับไม่ถ้วน โครงกระดูกในสาหร่ายทะเลก้มศีรษะลง และอีกครั้งที่มันเริ่มส่ายไปมา
เมิ่งฮ่าวเริ่มหอบหายใจ และใบหน้าก็ซีดขาว
“ดอกปี่อ้าน…ดูเหมือนว่าข้าประเมินมันต่ำไป!”
“โครงกระดูกนั่นก็คือหยินเติงซ่างเหริน ที่ครั้งหนึ่งเคยไปยังสำนักจื่อยิ่น และท่านอาจารย์เคยบอกว่า ได้ช่วยมันกำจัดดอกปี่อ้าน!”
“แต่…สุดท้าย มันก็ตายอยู่ที่นี่ ตายไปพร้อมกับดอกปี่อ้าน กลายเป็นดอกไป๋กู่ ที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของดอกปี่อ้าน!”
“และมันก็…ไม่ได้เป็นดอกปี่อ้านเจ็ดสี มีเพียงแค่หกสีเท่านั้น!”
“หยินเติงซ่างเหรินไม่อาจจะควบคุมดอกปี่อ้านหกสี และดอกปี่อ้านภายในร่างข้าก็มีห้าสีแล้ว!” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็สลดลง
อีกครั้งที่เขาตระหนักว่า ได้วิเคราะห์ผิดพลาดไปอย่างร้ายแรง ในการทำความเข้าใจกับดอกปี่อ้าน
“ถ้าดอกปี่อ้านของข้าบานหกสี โชคชะตาของข้าก็คงจะเหมือนกับหยินเติงซ่างเหริน!” สีหน้าเขาเปลี่ยนไป และดวงตาก็แวบขึ้นขณะที่มองไปรอบๆ
“ดอกปี่อ้านในร่างข้าตอนนี้ช่างน่ากลัวอย่างถึงที่สุด…ข้าอาจจะไม่สามารถกำจัดมันออกไปด้วยพลังของตนเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ข้าไม่อาจจะยืมพลังของหยินเติงซ่างเหรินได้!” ดวงตาเขาหดเล็กลง และจากนั้นก็เริ่มสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้า ร่างเขาแวบขึ้นขณะที่มุ่งหน้าตรงไปยังหยินเติงซ่างเหริน
ด้วยการปล่อยให้ดอกปี่อ้านในอยู่ในร่างเขาดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่ลังเลเขานั่งลงขัดสมาธิอยู่ด้านข้างสาหร่ายทะเล ทันใดนั้นเสียงอันเลือนลางฟังดูน่ากลัวก็ได้ยินมา ลอยตรงมาที่เขาจากที่ห่างไกลออกไป
“ออกไปจากที่แห่งนั้น เด็กน้อย…”