ตอนที่ 688
ด้วยกัน
ถ้ำกำเนิดใหม่ เป็นหนึ่งในสามเขตอันตราย แห่งดินแดนด้านใต้ อย่างไรก็ตาม มันถูกจัดอันดับให้อยู่เหนือทะเลสาบเต๋า และวิหารไท่เอ้อร์โบราณ ในแง่ของความลี้ลับ!
นั่นเป็นเพราะทะเลสาบเต๋าถูกมองว่า ได้ก่อตั้งขึ้นมาโดยเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ ซึ่งตายไปในตอนเข้าฌาณ หลังจากที่พวกมันตายไป เต๋าของพวกมันก็กระจัดกระจายไป จากนั้นก็ประสบกับความผันผวนแห่งกาลเวลา ทิ้งไว้เหลือเพียงแต่เงาร่างมากมายนับไม่ถ้วน
สำหรับวิหารไท่เอ้อร์โบราณ ประวัติศาสตร์ของมันได้ถูกบันทึกไว้ด้วยเช่นเดียวกัน
แต่ถ้ำกำเนิดใหม่แตกต่างออกไป การที่จะกล่าวว่า มันคือเขตอันตรายอันดับหนึ่งในดินแดนด้านใต้ เป็นสิ่งที่ไม่ได้กล่าวเกินจริงไปเท่าใดนัก จริงๆ แล้ว ถ้ามองไปยังดินแดนด้านใต้ทั้งหมด ก็ไม่มีอะไรจะถูกปกปิดไว้อย่างลึกลับมากกว่าถ้ำกำเนิดใหม่อีกแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน ได้พยายามศึกษาเรียนรู้มันเพื่อจะทำลายความลับนี้ลงไปให้ได้
กล่าวกันว่าภายในถ้ำ คนผู้หนึ่งสามารถจะมีชีวิตขึ้นมาใหม่ได้!
มีผู้ยิ่งใหญ่ที่แก่ชรามากมาย มายังถ้ำกำเนิดใหม่ ขณะที่พวกมันใกล้จะตายไป ไม่ต้องการที่จะยอมรับชะตากรรม พวกมันเข้าไปในถ้ำเพื่อค้นหาโอกาสนั้น แต่โชคร้าย ผู้ที่ทำได้สำเร็จหาได้ยากเย็นยิ่งราวกับเป็นขนหงส์หรือเขากิเลน
แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ ผู้ฝึกตนที่ผ่านเข้าไปในถ้ำกำเนิดใหม่ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือยังคงอยู่ที่ด้านในไปตลอดกาล ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าโครงกระดูก
ถ้ำกำเนิดใหม่ถูกห้อมล้อมด้วยป่าศิลา ซึ่งแตกต่างไปจากสิ่งที่เมิ่งฮ่าวเคยจดจำได้ในครั้งแรกที่เขามายังที่แห่งนี้อยู่เล็กน้อย มีก้อนศิลากระจัดกระจายอยู่ไปทั่วทุกทิศทาง และดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความลึกลับและเก่าแก่โบราณ ราวกับว่าพวกมันได้ผ่านกาลเวลาที่แปลกๆ และไม่เหมือนใครมา
ตรงจุดกึ่งกลางของป่าศิลามีภูเขาลูกเล็กๆ อยู่ เจ็ดในสิบส่วนของมันถูกสร้างขึ้นมา จนกลายเป็นประตูทางเข้าไปในถ้ำ มันดูคล้ายกับเป็นปากอันน่ากลัว รอคอยที่จะกลืนกินใครก็ตามที่เข้าไปใกล้
ทั่วทั้งบริเวณนั้นดูมืดมัวและหนาวเย็น พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งสีน้ำเงินอ่อน ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ เป็นความเงียบที่มีมานานปีนับไม่ถ้วน ซึ่งแทบจะไม่เคยถูกรบกวนโดยผู้ใดมาก่อนเลย
ยกเว้นโฉ่วเหมินไถ…
มีผู้ฝึกตนกระจัดกระจายอยู่รอบๆ เขตของถ้ำกำเนิดใหม่ ส่วนใหญ่จะมาเพียงลำพัง หรือบางทีก็เป็นกลุ่มเล็กๆ บุคคลเหล่านั้นมายังที่แห่งนี้ เพื่อจะเข้าไปใกล้กับถ้ำกำเนิดใหม่ และใช้พลังอันแปลกประหลาดของถ้ำ เพื่อฝึกฝนวิชาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพวกมัน
พวกมันส่วนใหญ่จะเป็นผู้ฝึกตนเร่ร่อน และไม่มีใครกล้าจะเข้าไปใกล้ถ้ำมากเกินไป เมื่อเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงเข้าไปในบริเวณนั้น ก็มีกลุ่มผู้คนสามคนกำลังนั่งขัดสมาธิเข้าฌาณ อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ดวงตาพวกมันลืมขึ้นมา และมองมายังเมิ่งฮ่าว
เมื่อพวกมันเห็นความอ่อนแอของเขา และกลิ่นอายแห่งความตายที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ตัวเขา ดวงตาพวกมันก็สาดประกายขึ้น
พวกมันรู้ได้ในทันทีว่า ทำไมเขาถึงมายังที่แห่งนี้
“กลิ่นอายแห่งความตายของมันเข้มข้นนัก และเห็นได้ชัดว่ามันไม่มีพื้นฐานฝึกตน…กำเนิดใหม่…มันจะง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร!?”
“มีอีกคนมายังที่นี่เพื่อพยายามจะกำเนิดใหม่อีกแล้ว แต่ทำไมหญิงสาวที่ข้างกายมัน ดูเหมือนจะคุ้นตาเช่นนี้?”
“นั่นก็คือ สวี่ชิงเซียนจื่อ (นางเซียน) แห่งสำนักชิงหลัว!”
เมิ่งฮ่าวจากดินแดนด้านใต้ไปนานกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว และช่วงเวลานั้นนามของสวี่ชิงก็กระจายออกไปทั่วทั้งใกล้และไกลมานานแล้ว ไม่เพียงแต่จะมีผู้คนมากมายที่คุ้นเคยกับบุคลิกของนาง นางยังเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วไป เนื่องจากตำแหน่งในสำนักชิงหลัวของนาง
การที่นางมาปรากฏตัวขึ้นที่ถ้ำกำเนิดใหม่ ทำให้สามผู้ฝึกตนรู้สึกตกตะลึง และพวกมันก็เริ่มให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดในทันที พวกมันยังได้หยิบเอาแผ่นหยกออกมา เพื่อส่งข้อความและแจ้งข่าวให้คนอื่นๆ รับรู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้
เพียงไม่นานกลุ่มผู้ฝึกตนเร่ร่อนจำนวนมาก ก็รับรู้ถึงข่าวนี้ จากนั้นพวกมันก็รีบวิ่งมายังอาณาเขตของถ้ำกำเนิดใหม่ เพื่อมองดูเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิง
เสียงพูดคุยดังก้องไปมา และในที่สุด กลุ่มผู้คนก็เริ่มคาดเดาว่าผู้ที่อยู่ข้างกายสวี่ชิงเป็นใคร
สวี่ชิงไม่สนใจกลุ่มคนทั้งหมดที่กำลังมองมาโดยสิ้นเชิง ในโลกของนาง มีเพียงเมิ่งฮ่าวเท่านั้น
เป็นเรื่องยากสำหรับเมิ่งฮ่าวที่จะเดินต่อไปได้ แต่ดวงตาเขาก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เพ่งมองไปยังเส้นทางที่เบื้องหน้าและมองไปยังสวี่ชิง ที่กำลังจับแขนเขาไว้เพื่อคอยพยุง คนทั้งสองเดินตรงไปด้วยกัน
พวกเขาสบตาซึ่งกันและกัน และส่งยิ้มให้กันเป็นระยะ สีหน้าเมิ่งฮ่าวอ่อนโยน ดวงตาสวี่ชิงเต็มไปด้วยความนุ่มนวล ถ้าเส้นทางนี้คือถนนแห่งชีวิต คนทั้งสองก็คงจะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน
มันไม่ใช่เส้นทางที่จะเดินไปได้อย่างง่ายดาย ยังมีระยะทางอีกหนึ่งหมื่นจ้างก่อนที่จะถึงถ้ำกำเนิดใหม่ แต่เมิ่งฮ่าวก็เริ่มสั่นสะท้าน กลิ่นอายแห่งความตายในตอนนี้ปกคลุมไปทั่วร่างกาย และเขาก็ดูแทบจะคล้ายกับซากศพไปทุกที
ใบหน้าเขาแก่ชรา และดวงตาก็ฝ้ามัว ข้างกายเขา สวี่ชิงก็ดูแก่ชราลงไปด้วยเช่นเดียวกัน
ดวงตานางดูเด็ดเดี่ยวเหมือนเช่นเคย แต่ทุกครั้งที่เมิ่งฮ่าวมองมา จิตใจนางก็เต็มไปด้วยความรักอันอ่อนโยน
หนึ่งหมื่นจ้าง แปดพันจ้าง หกพันจ้าง…เมื่อคนทั้งสองอยู่ห่างเพียงแค่ห้าพันจ้าง จิตใจเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าอย่างรุนแรง เขารู้ว่าในตอนนี้ กลิ่นอายแห่งความตายได้ผ่านเข้ามาในวิญญาณของเขาแล้ว
สวี่ชิงกำลังสั่นสะท้าน และใบหน้านางก็ซีดขาว พลังชีวิตที่เคยแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ กำลังจางหายไปอย่างรวดเร็ว เริ่มมองเห็นเส้นผมสีขาวแซมขึ้นมาในเส้นผมสีดำที่ยาวเป็นเงางามของนาง
นางดูแก่ลงไปกว่าเดิมอย่างน้อยก็ห้าปี และยิ่งนางเดินไปไกลมากขึ้นเท่าใด นางก็ยิ่งดูร่วงโรยลงไปมากขึ้นเท่านั้น
เมิ่งฮ่าวหยุดเดิน และมองไปยังนาง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการให้นางเดินต่อไป
“ถ้าท่านแก่ชราลง ข้าก็จะแก่ชราไปพร้อมกับท่าน” นางกล่าวเสียงแผ่วเบา มองมายังเขาด้วยความรักอันลึกซึ้ง
เมิ่งฮ่าวหลับตาลงชั่วครู่ เมื่อลืมขึ้นมาใหม่ ดวงตาก็สาดแสงเจิดจ้า ร่างกายที่ผอมแห้งของเขา ทันใดนั้นก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลัง ราวกับว่าพลังชีวิตครั้งสุดท้ายของเขาถูกปลดปล่อยออกมา เขายกมือขวาขึ้น และพลังก็พลุ่งพล่านอยู่ภายใน
นี่คือพลังสุดท้ายที่เขาสามารถปลดปล่อยออกมาได้ จากร่างกายขั้นตัดวิญญาณ เขาโบกสะบัดชายแขนเสื้อ และพลังก็ม้วนไปรอบๆ ตัวสวี่ชิง ส่งให้นางลอยออกไปจากภายในอาณาเขตของถ้ำกำเนิดใหม่
นางไร้พลังแม้แต่จะขัดขืนดิ้นรน ความแข็งแกร่งขั้นตัดวิญญาณของเมิ่งฮ่าว ส่งให้นางลอยจากไปในชั่วพริบตา เมื่อนางปรากฏกายขึ้นใหม่ นางก็ไปอยู่ที่ด้านนอกของอาณาเขตแห่งถ้ำกำเนิดใหม่ นางกัดลงไปบนริมฝีปาก
นางได้แต่คิดย้อนกลับไปในครั้งก่อน ที่นางและเมิ่งฮ่าวมาอยู่ในเขตของถ้ำกำเนิดใหม่อย่างช่วยไม่ได้ นางได้แต่ยืนอยู่ที่นั่นห่างไกลออกไปเพียงลำพัง กระวนกระวายใจขณะที่มองดูเขาจากไป
“ครั้งนี้ ข้าจะไม่นั่งอยู่เฉยๆ!” นางคิด ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ในเวลาเดียวกันนั้น กลิ่นอายเมิ่งฮ่าวก็ระเบิดออก ปกคลุมเต็มไปทั่วบริเวณนั้น จนทำให้ผู้ฝึกตนเร่ร่อนต่างก็ตกตะลึงกันไปตามๆ กัน พวกมันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ กดทับลงมาบนร่างพวกมัน
จิตใจพวกมันสั่นสะท้านและสีหน้าก็สลดลง ทีละคน ทีละคน พวกมันมองไปยังทิศทางของถ้ำกำเนิดใหม่
“สาเหตุมาจากชายชราผู้นั้น?”
“ใช่คนผู้นั้นที่เดินไปพร้อมกับสวี่ชิงเซียนจื่อ?”
“นั่นคือพื้นฐานฝึกตนอะไรกัน? อย่าบอกข้านะว่า…มันคือตัดวิญญาณ!!”
ในเวลาเดียวกันนั้น ร่างเมิ่งฮ่าวก็กลายเป็นลำแสง พุ่งตรงไปยังถ้ำกำเนิดใหม่ที่ห่างออกไปห้าพันจ้าง
เพียงชั่วพริบตา เขาก็ผ่านเข้าไปในเขตสามพันจ้าง และอยู่ที่ชายขอบของป่าศิลา ในตอนนี้เองที่ร่างเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่พลังพื้นฐานฝึกตนสุดท้ายของเขาได้กระจัดกระจายออกไป โชคดีที่มีป่าศิลา เมื่อเขาตกลงไปบนพื้น ก็เอนตัวลงไปบนก้อนศิลาก้อนหนึ่ง ใบหน้าซีดขาวจนดูน่ากลัว และดวงตาก็เริ่มเลือนลางลง
เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายอันยากจะอธิบายออกมาได้ในบริเวณนั้น มันเข้มข้นจนกลายเป็นกลุ่มหมอกสีขาว ซึ่งปกคลุมไปบนพื้นทั่วทุกทิศทาง ทุกครั้งที่สูดดมเข้าไปและหายใจออกมา ต่างก็เต็มไปด้วยความตายและความเสื่อมโทรม
หลังจากผ่านไปนานสักพัก เมิ่งฮ่าวก็ดิ้นรนเงยหน้าขึ้น และจากนั้นก็มองไปยังระยะทางสองพันจ้างที่เหลืออยู่ ระหว่างเขาและถ้ำกำเนิดใหม่ เขากัดฟันแน่น และเริ่มเดินตรงไปช้าๆ ทีละก้าว…
ก่อนหน้านี้ในชีวิตเขา ไม่เคยจะข้ามผ่านระยะทางสองพันจ้าง ได้อย่างยากเย็นเช่นนี้มาก่อน หลังจากที่เดินไปเพียงแค่ห้าร้อยจ้าง เขาก็กระอักโลหิตออกมากองโต ซึ่งกลายเป็นสีม่วงคล้ำและกระจายกลิ่นอายเน่าเหม็นออกมา
ดวงตาเขาพร่ามัวไปมากกว่าเดิม และร่างกายก็เริ่มแข็งทื่อและเย็นเยียบราวน้ำแข็ง สติกำลังจางหายไป มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถคิดได้ก็คือ เดินตรงไปข้างหน้า…
เขามุ่งหน้าตรงไปยังถ้ำกำเนิดใหม่ สถานที่ซึ่งเขาจะดิ้นรนเพื่อโอกาสในการเกิดใหม่
เมิ่งฮ่าวไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปมากมายเท่าใดแล้ว เขาเดินไปด้วยร่างที่สั่นสะท้าน กลิ่นอายแห่งความตายเริ่มรุนแรงมากขึ้นในทุกๆ ย่างก้าว สุดท้ายสติสัมปชัญญะของเขาก็เริ่มอ่อนแอลงไปมากกว่าเดิม ที่ด้านหลัง เส้นทางที่เขาเดินมาเปื้อนไปด้วยโลหิตสีม่วงคล้ำ ซึ่งเขากระอักออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นก็ตามที
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ เงียบราวกับเป็นโลกแห่งความตาย…
ภายในถ้ำกำเนิดใหม่ สิบกระแสแห่งเจตจำนงจ้องมองมาที่เขาอย่างเย็นชา ตรงส่วนที่ลึกเข้าไปในถ้ำ กระแสแห่งเจตจำนงอีกแปดสายโผล่ออกมากวาดไปที่เขา พวกมันเต็มไปด้วยความรู้สึกแห่งกาลเวลาและความโบราณ ราวกับว่าพวกมันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สมัยโบราณ
พวกมันมองมาขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็เดินไปได้ไกลถึงหนึ่งพันเก้าร้อยจ้าง อยู่ห่างจากถ้ำกำเนิดใหม่เพียงแค่หนึ่งร้อยจ้างเท่านั้น ในตอนนี้เองที่กระแสแห่งเจตจำนงหนึ่งสาย ปรากฏขึ้นมาจากภายในส่วนลึกของถ้ำกำเนิดใหม่อย่างเงียบๆ เมื่อเป็นเช่นนั้น กระแสแห่งเจตจำนงอื่นๆ ทั้งหมด ก็สั่นสะท้านกระจัดกระจายกันออกไป
กระแสเจตจำนงที่โดดเดี่ยวนั้นเพ่งนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าว ซึ่งอยู่ที่ด้านนอกถ้ำหนึ่งร้อยจ้าง
ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็มาถึงขีดจำกัด แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่าง ศีรษะเขาเริ่มตกลง และหัวเข่าก็แข็งทื่อจนไม่อาจจะงอได้ เขาดูแทบจะเหมือนกับซากศพที่แห้งกรัง
ในตัวเขาไม่มีพลังชีวิตเหลืออยู่อีกแล้ว มีเพียงเส้นใยเล็กๆ ที่เป็นความมุ่งมั่นอันดื้อรั้นที่จะต่อต้านโชคชะตาเท่านั้น!
อย่างไรก็ตาม ขณะที่สติกำลังจางหายไป แม้แต่เส้นใยนั้นก็ยังสลัวเลือนลาง เขาตกลงไปบนพื้น ห่างจากถ้ำกำเนิดใหม่หนึ่งร้อยจ้าง
“มันจบลงแล้ว…?” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ขณะที่สติของเขาดับลงไป
ในตอนที่เขาตกลงไป เสียงถอนหายใจก็ดังก้องออกมาจากภายในถ้ำ เจตจำนงทั้งหมดในที่แห่งนั้นล่าถอยไปอย่างช้าๆ ดูเหมือนจะไม่ได้ให้ความสนใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้อีก มีเพียงเจตจำนงโดดเดี่ยวจากก่อนหน้านี้เท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ มองไปยังบางสิ่งที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว
จากนั้นเจตจำนงที่เพิ่งจะล่าถอยไปเมื่อครู่นี้ ก็เริ่มสั่นสะท้าน พวกมันทั้งหมดปรากฏขึ้นอีกครั้ง มองไปยังสิ่งที่อยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว
ภายในกลุ่มหมอกสีขาวแห่งความตาย มองเห็นหญิงสาวกำลังย่ำเท้าเดินมา แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความยากลำบาก ขณะที่นางผ่านเข้าไปในป่าศิลา พลังชีวิตของนางดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ที่ถูกขุดขึ้นมาจากบางแห่งภายในร่างนาง
ร่างกายนางเหี่ยวแห้งลงไปอย่างช้าๆ พื้นฐานฝึกตนของนางสลัวเลือนลาง และรูปร่างหน้าตาที่ดูงดงามก่อนหน้านี้ ก็แก่ชราลง ขณะที่นางค่อยๆ เดินตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
นี่ก็คือสวี่ชิง
นางแตกต่างไปจากเมิ่งฮ่าว ที่สูญเสียพื้นฐานเต๋าไป พลังชีวิตที่เคยมีอย่างมากมายของนางได้หลอมรวมเข้าไปในวิญญาณของเฟิ่งจู่ต้าเหริน (พญาหงส์ผู้ยิ่งใหญ่) ดังนั้น นางจึงสามารถมุ่งหน้าตรงไปยังถ้ำกำเนิดใหม่ได้ไกลกว่าเขา สำหรับนางแล้ว ก็แค่ตะเกียกตะกายดิ้นรนตรงไปเท่านั้น
เมื่อนางมองลงไปยังร่างเมิ่งฮ่าวบนพื้น ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีพลังชีวิตเหลืออยู่เลย หยาดน้ำตาก็เริ่มไหลลงมาจากใบหน้า นางอุ้มเขาขึ้นมาพิงอยู่ที่ร่างนางอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็จุมพิตเขาด้วยความรักอันลึกล้ำ
เส้นใยแห่งพลังชีวิตกระจายออกมาจากภายในร่างนาง ผ่านริมฝีปากเข้าไปในปากเมิ่งฮ่าว ใบหน้านางแดงระเรื่อด้วยสีแดงที่ผิดปกติ ภายในนั้นสามารถมองเห็นความอ่อนแอ แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ด้วยเช่นกัน
“นี่ก็คือวิชาลับจากสำนักเซียนอสูร…ข้ามอบชีวิตของข้าให้แก่ท่าน…” ขณะที่นางมองดูเมิ่งฮ่าวซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตอีกครั้ง นางก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็คิดย้อนกลับไปตอนที่คนทั้งสองเดินอยู่ในสำนักเอกะเทวะด้วยกันภายใต้แสงจันทร์ ถูกจับตามองโดยคนอื่นๆ ทั้งหมด
นางมองตรงไปยังถ้ำกำเนิดใหม่ที่ห่างออกไปหนึ่งร้อยจ้าง จากนั้นก็เริ่มเดินตรงไป อุ้มเมิ่งฮ่าวอยู่ในวงแขน
ใบหน้านางเริ่มมีริ้วรอยเหี่ยวย่นมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และร่างกายนางก็สั่นสะท้าน พลังชีวิตของนางกำลังจางหายไป แต่ทุกย่างก้าวที่นางเดินไป นางก็ยังคงส่งพลังชีวิตบางส่วนของนางให้กับเมิ่งฮ่าวอย่างต่อเนื่อง
ทุกครั้งที่นางกระทำเช่นนี้ ร่างกายก็เริ่มอ่อนแอและแก่ชราลง อย่างไรก็ตามจิตใจนางไม่มีความเสียใจเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
นางอุ้มเมิ่งฮ่าวเดินไปตลอดทางหนึ่งร้อยจ้าง จนไปถึงปากทางเข้าถ้ำกำเนิดใหม่ จากนั้นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยนิด…
นางเดินเข้าไปในทันที
ท่านอยู่ ข้าอยู่, ท่านตาย ข้าตาย!
ถ้าท่านแก่ชราลง ข้าก็จะแก่ชราไปพร้อมกับท่าน…