Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 707

ตอนที่ 707

บดขยี้!

เมิ่งฮ่าวเหยียบย่างตรงไปแค่ก้าวเดียว ก็บรรลุถึงยอดเขาแรก ทันทีที่เขาก้าวเท้าลงไป ทั่วทั้งภูเขาโลหิตเหล็กก็สั่นสะเทือน ภายในวิหารบนยอดเขา สีหน้าของสองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กเปลี่ยนไป และพวกมันก็กระจายพลังอันน่าตกใจของตัดวิญญาณครั้งแรกออกมา

เสียงกระหึ่มดังเต็มไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี กลุ่มเมฆและสายหมอกพลุ่งพล่านปั่นป่วนไปทั่วทุกทิศทาง ในเวลาเดียวกันนั้น ใบหน้าขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในท่ามกลางอากาศเหนือภูเขาโลหิตเหล็ก ใบหน้านั้นเป็นสีโลหิต และมีเขาสองข้างงอกออกมาจากหน้าผาก

ดูดุร้ายอย่างไร้ที่เปรียบ สำหรับสองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็ก เสื้อผ้าพวกมันกระพือพัดอย่างบ้าคลั่งในสายลม และมีขวานต่อสู้ขนาดใหญ่อยู่ในมือของพวกมัน

ขวานต่อสู้นั้นเป็นอาวุธอสูร ที่สองผู้เฒ่าอสูรใช้ออกมาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง และจิตใจของพวกมันก็สั่นสะท้านด้วยคลื่นแห่งความตื่นตระหนก

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า…มันแข็งแกร่งเช่นนี้!!”

“พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ที่ระดับใดกันแน่?! ข้าไม่เห็นร่องรอยการตัดวิญญาณครั้งที่สองใดๆ แต่ถึงกระนั้นแม้ว่ามันจะอยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ของการตัดครั้งแรก ก็ไม่ควรจะมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้!”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันฝึกฝนวิชาที่พิเศษบางอย่างเพื่อช่วยเสริมความสามารถศักดิ์สิทธิ์!?”

ในตอนที่สองผู้เฒ่าอสูรปรากฏกายขึ้น ก็เป็นช่วงเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าลงไปบนขั้นบันไดที่ทอดยาวขึ้นไปสู่ยอดเขาแรก เขาเริ่มเดินตรงขึ้นไปอย่างช้าๆ

สายตาทุกคู่ต่างก็จ้องนิ่งไปที่เขา ตอนนี้คนทั้งหมดต่างก็คิดเช่นเดียวกันว่า เมิ่งฮ่าวคู่ควรต่อตำแหน่งของเขาอย่างแท้จริง

บนยอดเขาสอง เด็กชายในชุดนักศึกษาซึ่งก็คือผู้เฒ่าอสูรสวรรค์ลี้ลับกำลังมองมา รับรู้ได้ถึงผลลัพธ์จากการเผชิญหน้ากันของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ระหว่างเมิ่งฮ่าวและสองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็ก ใบหน้ามันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่รีบลุกขึ้นมายืน และเคลื่อนย้ายทางไกลออกไปจากวิหารของมันในทันที

ที่ด้านนอก เจ็ดศิษย์ของมันอ้าปากค้าง และใบหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“มันต่อต้านความสามารถศักดิ์สิทธิ์ ของสองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กทั้งหมด ด้วยตัวคนเดียว!!”

“มัน…มันมีพื้นฐานฝึกตนแบบใดกันแน่!?”

“มันกำลังจะทำอะไร? นี่ไม่ใช่การทดสอบเท่านั้น?”

“เงียบ!” ผู้เฒ่าอสูรสวรรค์ลี้ลับตะโกนขึ้นอย่างน่าตกใจ เจ็ดศิษย์ของมันเงียบลงไปในทันทีราวกับเป็นจั๊กจั่นที่อยู่ในช่วงฤดูหนาว

บนยอดเขาสี่ สามชายชราที่นั่งล้อมกองไฟ ก็พุ่งออกไปจากวิหารของพวกมันด้วยเช่นเดียวกัน สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่มองตรงไปยังยอดเขาแรก

ที่ห่างออกไปด้านข้าง เด็กหนุ่มที่มีพัดอยู่ในมือ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มองดูเหตุการณ์ด้วยสีหน้าดูถูก ตอนนี้มันยืนอ้าปากค้างอยู่ที่นั่น ดูเหมือนว่าแม้แต่การสูดลมหายใจเข้าไป มันก็ไม่อาจจะทำได้

ทันใดนั้นมันก็ตระหนักว่า นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เจ้าสำนักน้อยยังไม่รู้ความ แต่กลับเป็นตรงกันข้าม พื้นฐานฝึกตนของเขาสูงมากจนไม่จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์หรือการวางแผนใดๆ เขาก็สามารถจัดการศัตรูทั้งหมดได้เพียงแค่ครั้งเดียว!

ทันทีที่เมิ่งฮ่าวเริ่มเดินขึ้นไปยังขั้นบันได ยอดเขาแรก, ยอดเขาสอง และยอดเขาสี่ต่างก็ตกอยู่ในความตกใจโดยสิ้นเชิง ในเวลาเดียวกันนั้น สายลมและกลุ่มเมฆก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน กลุ่มหมอกสีดำปรากฏขึ้น ภายในมองเห็นเป็นกลุ่มหมอกสีขาวอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

ในชั่วพริบตา กลุ่มหมอกสีดำและขาวเริ่มหมุนวนไปรอบๆ ซึ่งกันและกัน เพื่อก่อตัวเป็นไข่มุกขนาดใหญ่สองลูก ยิ่งไปกว่านั้นด้านล่างของไข่มุกก็เป็นภูเขาที่ถูกโอบล้อมด้วยกลุ่มหมอกและก้อนเมฆ!

ขุนเขาที่เก้า!

ไข่มุกดำขาว และขุนเขาที่เก้า!

ปรากฏขึ้นพร้อมกัน!

นี่เป็นสิ่งที่เมิ่งฮ่าวได้มา หลังจากที่ต่อสู้กับปรมาจารย์หกเต๋าแห่งสำนักชิงหลัว ถึงแม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์ เขาก็ยังคงสามารถใช้พวกมันได้ด้วยผลลัพธ์อย่างน่าตกใจ

เสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ขณะที่ไข่มุกดำขาวและขุนเขาที่เก้า บดขยี้ลงไปบนสองผู้เฒ่าอสูรแห่งภูเขาโลหิตเหล็ก

ตูม!

พื้นดินสั่นสะเทือน และเสียงกระหึ่มก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ สีหน้าของสองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กเปลี่ยนไป

ในเวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปบนยอดเขาที่ห้า ดวงตาของชายชราหลังค่อมเบิกกว้าง และต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ

หญิงสาวเยาว์วัยที่น่ารักซึ่งยืนอยู่ข้างกายมัน ก็ตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด

“มัน…มันกำลังทำอะไร? มันพยายามจะต่อสู้กลับไปยังภูเขาโลหิตเหล็กจริงๆ? ท่านอาจารย์, ท่านบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ใช่หรือไม่?”

ชายชราหลังค่อมกระพริบตาและกระแอมไอออกมา “ใจเย็นๆ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ข้าบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด อย่างมากที่สุด ก็มีแต่ยอดเขาแรกเท่านั้นที่มีผลกระทบ ฮา ฮา ฮา! ดูเหมือนว่าเจ้าสำนักน้อยผู้นี้กำลังจะฉวยโอกาสแสดงพลังของมันออกมา!”

บนยอดเขาตรงกลางของภูเขาอสูรโลหิต สีหน้าของปรมาจารย์อสูรโลหิตสงบนิ่ง แต่ก็มองเห็นรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจอยู่บนใบหน้าของมัน

“ความโหดเหี้ยมในจิตใจมันรุนแรงเป็นอย่างมาก และไม่อาจจะขจัดให้หายไปได้ ได้แต่ต้องปล่อยให้มันรวมตัวกันกลายเป็นมาร ซึ่งได้เกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าต้องการจะบีบบังคับเจ้า แต่นี่เป็นเพียงวิธีเดียวที่สามารถนับได้ว่ามีประโยชน์ต่อเจ้า”

“ตอนนี้เจ้าอาจจะไม่เข้าใจ แต่เมื่อเจ้าบรรลุถึงการตัดวิญญาณครั้งที่สาม เจ้าก็จะรู้แจ้งเอง”

หลี่ซือฉีก็อยู่บนภูเขาอสูรโลหิตด้วยเช่นกัน และดวงตานางก็สาดประกายด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่มองไปยังภาพที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ นางยังได้รู้จักเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างมาก รู้จักดีมากกว่าใครๆ ในสำนักเซี่ยเยา

เหตุการณ์ในสำนักเซียนอสูรโบราณ ได้ประทับลึกอยู่ในจิตใจนาง ทำให้ไม่อาจจะลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในที่แห่งนั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่กลับมา นางก็ไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ยกเว้นปรมาจารย์อสูรโลหิตเท่านั้น

ผู้ที่ตกใจมากที่สุดก็คือหวังโหย่วฉาย มันจ้องมองไปด้วยความงุนงงยังทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ จากนั้นก็เริ่มสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ความมุ่งมั่นเริ่มสาดประกายอยู่ในดวงตา “เมิ่งฮ่าว…แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง! ข้า…ต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองคอยแต่ไล่ตามอยู่ด้านหลัง!”

ตูม!!

เสียงกึกก้องขนาดใหญ่ดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าขึ้นบันไดไปเป็นขั้นที่สาม สูงขึ้นไปในกลางอากาศ ไข่มุกที่เป็นกลุ่มหมอกดำและขาว รวมทั้งขุนเขาที่เก้า โคจรหมุวนไปรอบๆ พุ่งตรงไปยังยอดเขา ภายใต้พลังแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ สองใบหน้าอันดุร้ายขนาดใหญ่ของสองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็ก เผยให้เห็นถึงความเจ็บปวดขึ้นในทันที

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเย็นชา ขณะที่เดินขี้นไปเป็นก้าวที่สี่

เสียงกระหึ่มอย่างน่าตกใจทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะท้าน ใบหน้าที่ก่อตัวขึ้นมาจากพลังของสองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กพยายามดิ้นรนและส่งเสียงแผดร้องออกมา แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ภายใต้แรงกดดันที่บดขยี้ลงมา ใบหน้านั้นแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากมายนับไม่ถ้วน

ผู้ที่มุงดู แทบจะรู้สึกว่าท้องฟ้าครึ่งหนึ่งฉีกขาดออกไป ถูกแทนที่โดยไข่มุกสีดำขาวและขุนเขาที่เก้า เมื่อได้เห็นใบหน้าอันดุร้ายของพวกมันถูกทำลายไป สองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กก็สั่นสะท้านและกระอักโลหิตออกมา เพียงชั่วพริบตา พวกมันก็เหมือนจะแก่ชราลงไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“มันแข็งแกร่งเท่าใดกันแน่?!” พวกมันคิดด้วยจิตใจที่หมุนคว้าง พวกมันไม่เคยจะคาดคิดว่าเมิ่งฮ่าวเพียงใช้แค่กลิ่นอายของตนเองเท่านั้น ก็สามารถสะกดข่มพวกมันลงไปได้

บนยอดเขาที่สอง สีหน้าของผู้เฒ่าอสูรสวรรค์ลี้ลับเปลี่ยนไป ขณะที่มันจ้องมองไปยังไข่มุกสีดำขาวและขุนเขาที่เก้า “นั่นเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน?!”

เหล่าศิษย์ที่ยืนอยู่ข้างกายมันกำลังสั่นไปทั้งร่าง เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนที่เหลืออีกห้าหมื่นคนของยอดเขาแรก พวกมันมองขึ้นไปในท้องฟ้า และมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความหวาดกลัว

เงาร่างที่ปกคลุมด้วยเปลวไฟทั้งสามบนยอดเขาสี่มองไปด้วยความตกตะลึง

“บดขยี้! นั่นคือการบดขยี้!”

“มันไม่ได้โจมตีไปโดยตรง เพียงแค่ใช้พลังให้กดทับลงไปยังสองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กด้วยการบดขยี้เช่นนั้น!”

“เจ้าสำนักน้อย! มันสมกับเป็นเจ้าสำนักน้อยจริงๆ!”

คนทั้งหมดกำลังหอบหายใจ ในสำนักเซี่ยเยา ผู้แข็งแกร่งจะได้รับการนับถือ นอกจากศิษย์หลักบางคนที่ได้รับการยอมรับอันเนื่องมาจากสายโลหิตของพวกมันแล้ว ทุกคนในตอนนี้ต่างก็รู้สึกประหลาดใจต่อพลังที่เมิ่งฮ่าวแสดงออกมาโดยสิ้นเชิง

เขาเดินขึ้นไปเป็นก้าวที่ห้า

ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน ขณะที่ไข่มุกดำขาวและขุนเขาที่เก้ากระจายแรงกดดันบดขยี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง สีหน้าสองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กเปลี่ยนไป พร้อมกับเสียงแผดร้องคำราม พวกมันพุ่งขึ้นไปในอากาศ แต่ขณะที่พวกมันบินขึ้นไป เสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกมา และพวกมันก็ถูกตีกลับลงไป กระแทกเข้าไปบนยอดเขา ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ขณะที่พวกมันจมลงไปในพื้นดินหนึ่งจ้างเต็มๆ!

พวกที่มุงดูอยู่ทั้งหมดมีสีหน้าเหลอหลาไปตามๆ กัน

สองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กกระอักโลหิตออกมา ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล ความประหลาดใจที่พวกมันมีต่อขุนเขาที่เก้าและไข่มุกดำขาวไม่อาจจะเพิ่มขึ้นมากไปกว่านี้อีกแล้ว

“ถ้าพวกเราไม่อาจจะต่อสู้กับความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้ เช่นนั้นพวกเราก็จะต่อสู้กับร่างจริงของมัน!”

“วิชาเวทของมันช่างน่ากลัวนัก พวกเราไม่อาจจะต่อสู้จากที่ห่างไกล พวกเราจำเป็นต้องเข้าไปประชิดตัวเพื่อโจมตี!”

สองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กส่งเสียงแผดร้องออกมา และร่างกายพวกมันก็กระจายเป็นเสียงหึ่งๆ ออกมา ขณะที่เริ่มเรืองแสงขึ้น พวกมันเริ่มมีความสูงสิบจ้างขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นยักษ์สี่แขนที่ดูคล้ายปีศาจร้าย

หน้าผากพวกมันมีเขาสองข้างงอกออกมา และดูไม่เหมือนกับมนุษย์เลยแม้แต่น้อย แต่เป็นอสูร พลังพวกมันระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ขณะที่ยกขวานต่อสู้ขึ้นมา และจากนั้นก็กลายเป็นลำแสงพุ่งลงมายังเมิ่งฮ่าว พร้อมกับรังสีสังหารอันดุร้าย

“ตาย!”

“ฆ่า!”

เมิ่งฮ่าวกำลังเดินขึ้นไปเป็นก้าวที่หก ขณะที่พวกมันพุ่งลงมา เขามองไปยังสองอสูรอย่างเย็นชา จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นและตบออกไปอย่างรุนแรง

ร่างกายเขาเคยผ่านขั้นตอนการฝึกวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว และตามหลักแล้วก็อยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ของตัดวิญญาณ เป็นรองจากค้นหาเต๋าเท่านั้น!

พื้นฐานฝึกตนของเขาอยู่ที่ตัดวิญญาณครั้งที่สอง แต่พลังที่แท้จริง…ทำให้เขาอยู่ในอันดับหนึ่งรองจากค้นหาเต๋าในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนทั้งหมด

ฝ่ามือเมิ่งฮ่าวพุ่งทะยานผ่านอากาศ ตรงไปยังอสูรทั้งสอง

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา ขณะที่ขวานต่อสู้แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ ใบหน้าของสองอสูรเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และโลหิตก็กระจายออกมาจากปากพวกมัน เสียงแผดร้องอย่างโหยหวนได้ยินมา และพวกมันก็แทบจะระเบิดออกมา โลหิตพุ่งกระจายออกไปทั่วทุกที่ ขณะที่ร่างพวกมันลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง

ฝ่ามือเมิ่งฮ่าวกระแทกลงไปยังพวกมันที่พุ่งถอยตรงไปยังยอดเขา ในเวลาเดียวกันนั้น ไข่มุกสีดำขาว และขุนเขาที่เก้าก็เริ่มตกลงมา

“ไมมมมม่!!”

“ท่านปรมาจารย์ ช่วยพวกเราด้วย!!”

“สวรรค์ลี้ลับ! ไฟอสูร! ช่วยพวกเราด้วย!”

เมื่อสองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กร้องตะโกนออกไป เงาร่างเรืองแสงสีโลหิตก็พุ่งออกมาจากยอดเขาสองและสี่ ขณะที่พวกมันพุ่งตรงมา ก็ส่งเสียงดังก้องขึ้น

“พอแล้ว!”

“พลังของเจ้าเป็นที่ประจักษ์แล้ว! ทำไมถึงไม่ยั้งมือ!?”

ความโหดเหี้ยมในดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ขณะที่เขาเดินขึ้นไปเป็นก้าวที่แปด

“ไสหัวไป!” เขากล่าว ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้ระเบิดออก กลายเป็นลำแสงสีโลหิตอันน่ากลัว พุ่งตรงไปยังแสงเรืองรองสีโลหิตที่ใกล้เข้ามา และพวกมันก็ระเบิดแตกกระจายหายไปในทันที

“ยังต้องการจะทดสอบข้าอีกหรือไม่? ถ้าเช่นนั้นก็มองดูให้ดี ข้าจะทำให้เหมือนกับภูเขาโลหิตเหล็กนี้” ขณะที่เสียงของเขาดังก้องออกไป ไข่มุกดำขาวและขุนเขาที่เก้า ก็กระแทกลงไปยังยอดเขาโลหิตเหล็ก

ตูม!

ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน และสีมากมายก็แวบผ่านท้องฟ้า ศิษย์ห้าหมื่นของยอดเขาแรกสั่นสะท้าน ขณะที่สองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กแผดร้องเสียงโหยหวนออกมา ร่างกายพวกมันแหลกละเอียดไปในทันทีโดยขุนเขาที่เก้า

ขณะที่ร่างกายพวกมันถูกทำลายไป แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันก็บินออกไป แต่ก็ไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้ ไข่มุกดำขาวดูดกลืนพวกมันเข้าไปในทันที ถูกผนึกไว้ที่ด้านใน

ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวเดินขึ้นไปเป็นก้าวที่แปด และบรรลุถึงยอดเขาเรียบร้อยแล้ว ขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่นตามลำพัง ศิษย์ทั้งหมดแห่งยอดเขาแรกต่างก็ตัวสั่นคุกเข่าลงไปและเริ่มโขกศีรษะให้กับเขา

“พวกเราขอคารวะ เจ้าสำนักน้อย!”

“พวกเราขอคารวะ เจ้าสำนักน้อย!”

เสียงนั้นดังก้องออกไปจากยอดเขาแรก พุ่งขึ้นไปในอากาศ และกระจายออกไปราวกับเป็นคลื่นขนาดใหญ่

ทั่วทั้งสำนักเซี่ยเยาเต็มไปด้วยเสียงเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เสียงเหล่านั้นดังก้องไปมา เสียงแหลมเล็กที่ฟังดูน่ากลัวก็ได้ยินมา

“เมิ่งฮ่าว เจ้าอาจจะมีพื้นฐานฝึกตนที่สูงส่ง แต่ที่นี่คือสำนักเซี่ยเยา! การสังหารผู้เฒ่าอสูรแห่งห้องลงทัณฑ์ เพื่อแย่งชิงตำแหน่งของพวกมัน เป็นการทำผิดกฎของสำนัก! เจ้าต้องจ่ายค่าตอบแทนมา!”

“การบดขยี้สองสหายเต๋าโลหิตเหล็ก เจ้าต้องชดใช้!”

เสียงนั้นดังมาจากยอดเขาสองและสี่ ผู้เฒ่าอสูรสวรรค์ลี้ลับและสามผู้เฒ่าไฟอสูรไม่ยอมแพ้ ในจิตใจพวกมัน เมิ่งฮ่าวอาจจะมีพลังที่น่ากลัว แต่ในความคิดเห็นของพวกมัน ปรมาจารย์อสูรโลหิตต้องปรากฏกายขึ้นในไม่ช้านี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกมันก็พูดขึ้นมาเพื่อรักษาหน้า และทำให้ทุกคนรู้ว่าพวกมันไม่เกรงกลัวเจ้าสำนักน้อยผู้นี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!