Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 753

ตอนที่ 753

เผชิญหน้าสำนักอีเจี้ยน

ตูม!

สายฟ้าในเขตพื้นที่หนึ่งร้อยจ้างพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ปกคลุมไปทั่วร่างเขา ชายชราที่ก่อตัวขึ้นมาจากสายฟ้าในกลางอากาศ มองดูการกระทำของเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่เจิดจ้า ในตอนนี้มันกำลังสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

ในตอนนั้นเองที่ทันใดนั้น กระถางสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ก็เริ่มสั่นไปมา ภายในประกายสายฟ้า ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวแทบจะถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ ผิวหนังของเขาแตกและฉีกขาดออก เห็นได้ชัดว่าใกล้จะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ

ในตอนนี้เอง เมื่อเขาเกือบจะระเบิดออกมา กฎแห่งธรรมชาติก็ตกลงมา และหมุนวนอยู่รอบๆ ศีรษะของเขา ตอนนี้ตลอดทั้งร่างของเมิ่งฮ่าว…อยู่ในขั้นค้นหาเต๋าโดยสมบูรณ์!

นี่ก็คือกายเนื้อค้นหาเต๋า!

ค้นหาเต๋านี้ไม่ได้เด่นชัดเหมือนกับพื้นฐานฝึกตนค้นหาเต๋า อิทธิพลของมันที่มีต่อกฎแห่งธรรมชาติไม่ได้เข้มข้นมากนัก แต่ในตอนนี้ ร่างเมิ่งฮ่าวก็เหมือนกับของวิเศษค้นหาเต๋าอย่างแท้จริง

ในตอนนี้เขาสามารถหลับตาลง และปล่อยให้ผู้ฝึกตนตัดวิญญาณ โจมตีมาตามความพอใจ และร่างกายเขาก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แม้แต่น้อย

อันที่จริง ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนทั้งหมดนี้ การที่จะเสาะหาขนหงส์หรือเขากิเลน ก็เทียบเท่ากับการที่จะหาใครสักคน มีร่างกายแข็งแกร่งเทียบกับเมิ่งฮ่าวได้ แม้แต่ในตระกูลจี้ก็ไม่อาจจะหาได้แม้แต่คนเดียว

นี่ก็คือกายเนื้ออันแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด!

เมิ่งฮ่าวเงยหน้ากลับขึ้นไปและกู่ร้องออกมา ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ สายฟ้าทั้งหมดในบริเวณนั้นถูกดูดเข้าไปในร่างกายเขา หายไปอย่างไร้ร่องรอยแม้แต่น้อยนิด เมิ่งฮ่าวบินขึ้นไปในอากาศ ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นสายฟ้าบนร่าง แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปในดวงตา ก็จะรับรู้ได้ถึงสายฟ้าที่อยู่ลึกลงไปข้างใน

ขณะที่เขาลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ เขาก็ส่งความรู้สึกกวาดออกไปทั่วทั้งร่าง และรับรู้ได้ถึงพลังอันน่ากลัวของร่างนี้ เขายังสัมผัสได้ถึงกฎแห่งธรรมชาติบางอย่างของสวรรค์และปฐพีอีกด้วย เพราะว่านี่ก็คือดินแดนสงบสุขโบราณ ทำให้กฎธรรมชาติในสถานที่แห่งนี้แตกต่างออกไปจากดาวหนานเทียน ดังนั้นกลิ่นอายของเขาในตอนนี้ก็เก่าแก่โบราณและปั่นป่วนวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม

มันดูเหมือนจะโบราณ เต็มไปด้วยกาลเวลาที่ผ่านไป ทำให้เกิดเป็นบรรยากาศของเวลาอันไร้ขอบเขตออกมา

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็มองกลับลงไปยังกระถางสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ และดวงตาก็แวบขึ้น ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาวางมือลงไปบนกระถาง ก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณบางส่วนของเขาได้แยกออก และเข้าไปในกระถาง

ขณะที่เขามองไปยังกระถางในตอนนี้ ก็รู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่ออันลี้ลับและเลือนลางบางอย่างกับมัน

“ขึ้นมา!” เมิ่งฮ่าวกล่าว ยกมือขึ้น

ตึง!

กระถางสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่สั่นสะท้าน เสียงแตกร้าวได้ยินมา และรอยร้าวก็กระจายออกไปทั่วทั้งบริเวณโดยรอบ ขณะที่มันค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ ทำให้ฝุ่นละอองจำนวนมากกระจายออกไปทั่วทุกทิศทางราวกับเป็นกลุ่มเมฆ

ขณะที่กระถางลอยขึ้นไปในอากาศ กลิ่นอายอันโบราณตั้งแต่สมัยบรรพกาลก็เริ่มคล้ายคลึงกับเมิ่งฮ่าวมากขึ้นเรื่อยๆ

ภาพที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ชายชราที่กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศต้องอ้าปากค้าง มองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็ชำเลืองมองลงไปยังร่างจริงที่สองซึ่งกำลังยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

“ถึงข้าจะไม่ใช่วิญญาณของกระถาง แต่ข้าก็คือผู้พิทักษ์ของมัน คุณค่าที่แท้จริงของของวิเศษนี้ก็คือกระถางด้านใน ซึ่งมีความลึกลับมาตั้งแต่ต้น สำหรับกระถางด้านนอก เจ้านายข้าได้สร้างมันขึ้นมา ตอนนี้มันเป็นของเจ้าแล้ว เมื่อเจ้าได้ครอบครองมัน…ก็หมายความว่าเจ้าได้ผูกมัดกับมันด้วยชะตาลิขิต เวลาจะเป็นตัวบอกว่า เจ้าสามารถใช้กระถางนั้นจนมีชื่อเสียงเหมือนกับเจ้านายข้าได้หรือไม่”

“ตอนนี้เมื่อเจ้าได้กระถางไปแล้ว หน้าที่ข้าก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์…” ดวงตามันเริ่มสลัวเลือนลางลง และร่างกายมันก็เริ่มจางหายไป

มันยังคงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าควรจะตายไปเมื่อนานมาแล้ว ในปีนั้น ข้าเป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของทัณฑ์สายฟ้า และวิญญาณข้าก็ไม่ได้กระจัดกระจายออกไป ตอนนี้เมื่อภารกิจของข้าเสร็จสิ้น ข้าก็สามารถไปเกิดใหม่ได้แล้ว…”

“ข้าจะเดินทางไปยังปรโลกแห่งขุนเขาที่สี่ และไปถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ เกิดเป็นมนุษย์ขึ้นอีกครั้ง นับจากนี้ไป บางทีเจ้าและข้าอาจจะได้พบกันอีกบนวิถีทางแห่งเซียน…” มันจางหายไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งไม่มีอะไรนอกจากเป็นจุดแสง เริ่มลอยขึ้นไปในท้องฟ้า จากนั้นก็หายลับไป

เมิ่งฮ่าวมองไปยังทิศทางที่ชายชราจากไป เขาไม่แน่ใจว่ามันคือใคร แต่ก็อดคิดไปอย่างช่วยไม่ได้ถึงชายชราร่างสูงใหญ่ที่เขาเคยเห็นในภาพลวงตาเมื่อหลายปีก่อนโน้น

บางช่วงขณะ คนทั้งสองก็ดูเหมือนจะค่อนข้างคล้ายคลึงกัน

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เมิ่งฮ่าวก็มองกลับไปยังกระถางขนาดใหญ่

“เล็กลง!”

กระถางขนาดใหญ่ส่งเสียงดังหึ่งๆ และจากนั้นก็เริ่มหดเล็กลง เมื่อมีขนาดเท่าฝ่ามือ มันก็ลอยลงไปหยุดนิ่งอยู่บนฝ่ามือของเมิ่งฮ่าว ทันทีที่มันสัมผัสกับฝ่ามือเขา สายฟ้าก็พุ่งออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว และเขาก็จมอยู่ภายใต้ประกายสายฟ้า

ภายในสายฟ้า ร่างเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และสามารถรับรู้ได้ถึงความสามารถที่โดดเด่นของกระถางสัมฤทธิ์ ดูเหมือนว่าความรู้นี้จู่ๆ ก็ปะทุขึ้นมาอยู่ในจิตใจทันทีที่เขาแตะสัมผัสโดนกระถาง

“เคลื่อนร่างย้ายตำแหน่ง…” เมิ่งฮ่าวหอบหายใจอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็กดมือลงไปบนกระถางในทันที และมองไปยังร่างจริงที่สองของเขา

ทันใดนั้นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเลือนลางลงไปชั่วขณะในทันที เมื่อเขามองเห็นได้ชัดเจนอีกครั้ง ก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าเขา…ยังคงถือกระถางอยู่ แต่ตอนนี้กำลังอยู่บนพื้นตรงจุดที่ร่างจริงที่สองเคยยืนอยู่ สำหรับร่างจริงที่สอง มันกำลังลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ ตรงจุดที่เมิ่งฮ่าวเคยอยู่มาก่อน

“ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!” เขาคิดพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง หอบหายใจออกมา มองลงไปยังกระถางสายฟ้า และดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงแปลกๆ ทันใดนั้นเขาก็บอกได้ว่า กระถางนี้มีประโยชน์เป็นอย่างมากในการต่อสู้

อันที่จริง ประโยชน์ของมันไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะการต่อสู้เท่านั้น เขายังสามารถใช้มันได้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันมากมาย มันเป็นของวิเศษที่ต่อต้านสวรรค์อย่างแท้จริง

“มันมีความสามารถอย่างอื่นอีกด้วย มันสามารถจะปลดปล่อยสายฟ้าออกมาได้ สามารถสร้างความพินาศอย่างรุนแรงได้อย่างแท้จริง!”

“ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ถูกสร้างขึ้นมาในสมัยโบราณ วัตถุดิบที่ใช้สร้างมันขึ้นมาก็แข็งแกร่งจนอาวุธเวทอื่นๆ ไม่อาจจะเทียบได้!” ดวงตาเขาแวบขึ้น ขณะที่ทันใดนั้นก็คิดไปถึงรูปปั้นที่อยู่ภายในกระถางสายฟ้า รวมทั้งกระถางที่อยู่ด้านใน

“นี่เป็นของวิเศษอันล้ำค่าอย่างแท้จริง!” เมิ่งฮ่าวคิด สูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง เก็บกระถางสายฟ้าเข้าไปในถุงสมบัติ จากนั้นก็บินขึ้นไปในอากาศ พุ่งออกไปยังที่ห่างไกลพร้อมกับร่างจริงที่สองของเขา

ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เคลื่อนย้ายทางไกลออกไปจากดินแดนแห่งความสงบสุข และพบว่าได้กลับไปอยู่บนแท่นรูปร่างดอกบัว ที่อยู่ลึกลงไปในซอกหลืบของอดีตสำนักชิงหลัวอีกครั้ง ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลไม่อาจจะใช้งานได้อีกต่อไป แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นก็หายไป

เมิ่งฮ่าวชำเลืองมองกลับไปยังประตูที่กำลังหายไป จากนั้นก็พุ่งออกมาจากใต้พื้นดิน ศิษย์สำนักเซี่ยเยากำลังรอคอยอยู่ที่ด้านนอก เมื่อพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ต่างก็ประสานมือและโค้งตัวลง

“เจ้าสำนักน้อย พวกเราขอต้อนรับการกลับมาของท่านด้วยความเคารพอย่างสูงสุด!”

สองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างออกไปเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าว แต่ก็ไม่มั่นใจว่าคืออะไร สำหรับปรมาจารย์สำนักจินหานและปรมาจารย์รุ่นสามตระกูลหลี่ ตอนนี้พวกมันกลายเป็นหุ่นเชิดร่างจำแลงโลหิต จึงไม่มีทางจะรับรู้ได้

สำหรับผู้ฝึกตนเร่ร่อนนับแสน ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะรับรู้ถึงร่องรอยใดๆ แม้แต่น้อย สิ่งที่พวกมันสามารถบอกได้ก็คือว่าเมิ่งฮ่าว…ดูเหมือนจะแข็งแกร่ง และเก่าแก่โบราณมากขึ้นกว่าเดิม

“สำนักชิงหลัวถูกทำลายไปหมดสิ้นแล้ว” เมิ่งฮ่าวประกาศก้อง มองไปยังกลุ่มฝูงชนที่อยู่รอบๆ “ต่อไป…ก็เป็นสำนักอีเจี้ยน!”

“สำนักอีเจี้ยน!” กองกำลังของสำนักเซี่ยเยาแวบรังสีสังหารขึ้น ความต้องการเข่นฆ่าลุกโชนราวกับเป็นไฟป่า ผู้ฝึกตนเร่ร่อนนับแสนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

“จริงๆ แล้วมันกำลังจะไปกวาดล้างสี่กองกำลังที่ไปโจมตีมันทั้งหมด!!”

“ถ้าสำนักเซี่ยเยาทำเช่นนั้น พวกมันก็จะรวบรวมดินแดนด้านใต้ให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างแท้จริง!”

ขณะที่ผู้ฝึกตนเร่ร่อนนับแสนกำลังมีสีหน้าตื่นตระหนก แสงอันเจิดจ้าของสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของเมิ่งฮ่าว และเขาก็พุ่งออกไปยังที่ห่างไกล ติดตามไปด้วยลำแสงมากมายนับไม่ถ้วนของศิษย์สำนักเซี่ยเยา

สองสามวันหลังจากนั้น ท้องฟ้าที่ด้านนอกของสำนักอีเจี้ยนก็เริ่มส่งเสียงดังกระหึ่ม กลุ่มเมฆแตกกระจายออกไป ขณะที่สายลมอันรุนแรงที่ทรงพลังกวาดผ่านไปทั่วบริเวณนั้น ดูเหมือนว่าพายุกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นมาอยู่เหนือสำนักอีเจี้ยน

สำนักอีเจี้ยนถูกปิดผนึกไว้โดยสิ้นเชิง ศิษย์ที่อยู่ด้านในไม่อาจจะออกมาได้ และทั่วทั้งสำนักก็เตรียมพร้อมราวกับว่ากำลังจะเผชิญหน้ากับศัตรูอันน่ากลัว ทุกสิ่งทุกอย่างถูกผนึกไว้ เพื่อป้องกันการตอบโต้แก้แค้นจากสำนักเซี่ยเยา

สำนักอีเจี้ยนตกอยู่ในสภาวะสิ้นหวังและทุกข์ใจ คนทั้งหมดต่างก็วิตกกังวล มีศิษย์เหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่หมื่นคนเท่านั้น และพวกมันทั้งหมดต่างก็แทบจะพังทลายลงไป ปรมาจารย์ค้นหาเต๋าของสำนักได้ตายไป ตอนนี้กลุ่มคนที่แข็งแกร่งมากที่สุดของสำนัก คือเจี้ยนเหล่า และผู้ฝึกตนตัดวิญญาณอีกสองคน

เมื่อพวกมันมองเห็นลำแสงที่กำลังพุ่งฝ่าอากาศมาเป็นสำนักเซี่ยเยา พวกมันก็รู้ว่าไม่อาจจะต่อสู้กลับไปได้ ได้แต่หวังว่าค่ายกลเวทอันยิ่งใหญ่ของพวกมัน จะสามารถปกป้องสำนักไว้ได้ สามารถจะต่อต้านกับความต้องการล้างแค้นของสำนักเซี่ยเยาได้

อากาศที่ด้านนอกของสำนักเกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้น ขณะที่ลำแสงนับหมื่นใกล้เข้ามา เมิ่งฮ่าวอยู่ในตำแหน่งแถวหน้า และบรรยากาศที่ต้องการเข่นฆ่ารอบๆ ตัวเขาก็เข้มข้นรุนแรง ดวงตาแวบรังสีสังหารออกมา ขณะที่จ้องมองไปยังสำนักอีเจี้ยน

ในอาณาเขตส่วนนี้ของดินแดนด้านใต้ ภูเขาได้พุ่งตรงขึ้นไปราวกับเป็นกระบี่ ตรงจุดกึ่งกลางของสำนักเป็นภูเขาอันน่าตกใจที่ถูกห้อมล้อมปกคลุมด้วยกลุ่มหมอกจางๆ มองผ่านกลุ่มหมอกเข้าไปในเขตสำนัก ให้ความรู้สึกที่เยือกเย็นและอ้างว้างน่าหดหู่ใจ

ถึงแม้ว่ากลุ่มหมอกจะบางเบา แต่จริงๆ แล้วก็คือค่ายกลเวทแรกของค่ายกลอันยิ่งใหญ่แห่งสำนักอีเจี้ยน

ศิษย์สำนักเซี่ยเยาที่อยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว รวมพลังกันร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น จนเกิดเป็นคลื่นเสียงที่ดังก้องไปทั่วทั้งสำนักอีเจี้ยน

“จะยอมจำนน หรือตายไป!”

ไม่มีคำตอบรับ แต่กลุ่มหมอกจางๆ ที่ปกคลุมสำนักอีเจี้ยนเริ่มหมุนขึ้น กลายเป็นมังกรจำนวนมากที่กำลังหมุนวนไปมา มังกรเหล่านั้นรวมตัวเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว ก่อตัวเป็น…มังกรกระบี่ขนาดใหญ่อย่างน่าตกใจ!

มังกรนั้นมีรูปร่างคล้ายกับจิ้งเหลนขนาดใหญ่ ใหญ่โตจนสามารถปกคลุมไปทั่วทั้งสำนัก หลังของมันเต็มไปด้วยกระบี่มากมายจนนับไม่ถ้วนราวกับเป็นเข็มที่ติดอยู่บนหลัง มีสีเขียวและน่าตกใจอย่างถึงที่สุด ทันทีที่มันปรากฏขึ้น ก็ผงกศีรษะขึ้นและแผดร้องคำรามไปยังเมิ่งฮ่าว

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นด้วยความเย็นชา ตบไปที่ถุงสมบัติด้วยมือขวา และกระถางสายฟ้าก็ลอยออกมา ส่งเสียงหึ่งๆ ขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมีขนาดเท่าภูเขา สายฟ้านับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากกระถาง ทำให้ทั่วทั้งท้องฟ้ากลายเป็นโลกแห่งสายฟ้า

แรงกดดันอันน่าตกใจกดทับลงไป และภาพของกระถางก็ทำให้เจี้ยนเหล่าและปรมาจารย์ตัดวิญญาณอีกสองคน เริ่มวิตกกังวลอย่างถึงที่สุด สำหรับศิษย์คนอื่นๆ พวกมันต่างก็ตกตะลึงไปจนถึงแก่นกาย

อย่างไรก็ตาม ยังมีบุรุษผู้หนึ่งอยู่ในที่ห่างไกลออกไปในมุมหนึ่งของสำนัก ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยกังวลใจเท่าใดนัก มันดูแทบจะคล้ายกับชายชรา แต่จริงๆ แล้วก็เป็นบุรุษวัยกลางคน ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา และดูท่าทางโดดเดี่ยว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นศิษย์สำนักอีเจี้ยน แต่ก็ไม่มีกระบี่อยู่ข้างกาย

สิ่งเดียวที่มันมีก็คือขวดน้ำเต้าสุราที่ดื่มอยู่ตลอดเวลา มันจ้องมองไปยังสิ่งที่คล้ายกับเป็นก้อนศิลาธรรมดา ซึ่งวางอยู่ไกลออกไปบนภูเขาที่เบื้องหน้า แต่เมื่อพิจารณาดูให้ละเอียดมากกว่านี้…ก็จะเห็นมีคนผู้หนึ่งอยู่ด้านในก้อนศิลานั้น เป็นบุคคลคนเดียวที่จะคงอยู่ภายในจิตใจมันไปตลอดกาล

“ศิษย์น้อง” บุรุษผู้นั้นกล่าว “สังหารพวกมัน…สังหารทุกคนในสำนักอีเจี้ยนไปให้หมดสิ้น ล้างแค้นให้กับอาจารย์ของข้า ให้พวกมันจ่ายค่าตอบแทนมาให้ข้า” พร้อมกับรอยยิ้มอันขมขื่น มันดื่มสุราเข้าไปอีกอึกใหญ่

ขณะที่กระถางสายฟ้าอันน่าตกใจขยายขนาดใหญ่ขึ้น ก็มีสายฟ้าพุ่งออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะท้าน

ศิษย์สำนักเซี่ยเยา รวมทั้งผู้ฝึกตนเร่ร่อนนับแสนที่มาคอยสังเกตดูเหตุการณ์ ต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน พวกมันมองไปด้วยความหวาดกลัว ขณะที่กระถางสายฟ้าพุ่งตรงไปยังมังกรกระบี่แห่งสำนักอีเจี้ยน

ตูม!

“อดทนไว้!” เจี้ยนเหล่าแผดร้องออกมา

“ศิษย์ทั้งหลาย ส่งพลังทั้งหมดเข้าไปในค่ายกลเวท!” หนึ่งในสามปรมาจารย์สำนักอีเจี้ยนร้องตะโกนออกมา

ศิษย์นับหมื่นกัดฟันแน่น และส่งพลังทั้งหมดของพวกมันเข้าไปในค่ายกลเวท ทันใดนั้น มังกรกระบี่ก็ยิ่งดูมีตัวตนมากขึ้นกว่าเดิม

คนทั้งหมดมองไป ขณะที่กระถางสายฟ้าตกลงไปบนร่างมังกรกระบี่ ซึ่งกำลังแผดร้องคำรามและพุ่งขึ้นไปปะทะกับกระถางสายฟ้าในกลางอากาศ

เสียงระเบิดอย่างน่าตกใจดังก้องออกมา

เสียงหอบหายใจดังออกไปทั่วทุกทิศทาง เมื่อมังกรกระบี่กระแทกเข้าไปยังกระถางสายฟ้า และเริ่มแตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ ไปในทันที ไม่อาจจะต่อต้านกระถางสายฟ้าได้แม้แต่น้อย ร่างกายทั้งหมดของมันพังทลายลงกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในชั่วพริบตา…

มันถูกทำลายลงไปได้อย่างง่ายดาย ราวกับเป็นหญ้าแห้งที่ถูกบดขยี้ไป!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!