Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 783

ตอนที่ 783

กวาดล้าง

ช่วงเวลาสั้นๆ ต่อมา กลุ่มหมอกสีแดงก็รวมตัวกันเป็นเมิ่งฮ่าวขึ้นอีกครั้ง ผิวหนังของเขาในตอนนี้ฟื้นฟูกลับคืนมาได้ห้าในสิบส่วน ดูไม่น่าเกลียดน่ากลัวเท่าใดนัก แต่สีหน้าที่เย็นชา ทำให้กลิ่นอายมารมีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม

เขาโบกสะบัดชายแขนเสื้อ จากนั้นภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ พุ่งฝ่าอากาศออกไปจนเกิดเป็นเสียงแหลมเล็ก กลายเป็นลำแสงหายลับตาไปในที่ห่างไกล

สำหรับแนวรบทั้งหก ถูกทำลายไปแล้วสี่ ยังเหลืออยู่อีกแค่สองแนวรบเท่านั้น

เมิ่งฮ่าวบินไปด้วยความรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อากาศรอบๆ ตัวแตกกระจายไป และสายฟ้าก็ปะทุขึ้น ขณะที่เขาเร่งความเร็วผ่านพื้นดิน ในที่สุดก็ไปปรากฏกายขึ้นตรงแนวรบที่ห้า มีผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้เหลืออยู่เล็กน้อยในแนวรบนี้ เพียงแค่ไม่กี่พันคนเท่านั้น แต่กลับกันผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือมีมากกว่าหนึ่งหมื่นคน กำลังต่อสู้กันอย่างโหดเหี้ยม ผลักดันให้กองกำลังดินแดนด้านใต้ต้องล่าถอยไปทางด้านหลังอย่างต่อเนื่อง

อย่างน่าตกใจยิ่ง เจ้าอ้วนกำลังอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ พ่นโลหิตออกมาด้วยสีหน้าอันดุร้าย ถึงแม้ว่าพื้นฐานฝึกตนของมันไม่ได้สูงส่งมากนัก แต่มันก็มีอาวุธเวทอยู่มากมาย ยิ่งไปกว่านั้นด้วยฐานะที่เป็นเจ้าสำนักน้อยแห่งจินหานจง ทำให้มันได้รับการปกป้องคุ้มครองจากศิษย์คนอื่นๆ ของสำนักอย่างต่อเนื่อง

แม้จะเป็นเช่นนั้น เมื่อมันกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่อันตรายอยู่ในตอนนี้ หลังจากที่กระอักโลหิตออกมา มันก็กระโจนขึ้นไปด้วยโทสะ และกัดลงไปที่เนื้อของศัตรูอย่างเต็มแรง

เมื่อเจ้าอ้วนกัดสิ่งใด ไม่ว่ามันจะเป็นเนื้อ, กระดูก หรือาวุธเวท ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นก็จะถูกบดขยี้และฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ ช่างเป็นภาพที่ดุร้ายน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

กองกำลังดินแดนทางเหนือที่ไล่ตามเจ้าอ้วนไป ก็จะเต็มไปด้วยรอยแผล ที่มีเครื่องหมายของการถูกกัดปรากฏอยู่

“บัดซบ! นี่เป็นคนหรือว่าสัตว์ป่ากันแน่? มันไปมีฟันที่แหลมคมเช่นนั้นได้อย่างไร!?”

“มันฝึกฝนวิชาอะไรกัน?!?!”

“สังหารและเลาะฟันมันออกมา! ข้าเชื่อว่าจะสามารถกลั่นสกัดมันให้กลายเป็นอาวุธเวทที่น่ากลัวได้!”

รังสีสังหารของพวกมันพลุ่งพล่านปั่นป่วน แสงของอาวุธเวทหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ร่างพวกมัน ขณะที่ไล่ติดตามเจ้าอ้วนไป

“เข้ามา! มาเลย! พ่างเหยีย (ท่านปู่อ้วน) จะกัดพวกเจ้าให้ตาย!” เจ้าอ้วนแผดร้องตะโกนออกมา

การต่อสู้เริ่มรุนแรงมากขึ้น และผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ก็ถอยไปทางด้านหลังอีกครั้ง กองกำลังดินแดนทางเหนือมุ่งหน้าไปด้วยความบ้าคลั่ง จากสถานการณ์โดยรวม ดูเหมือนว่าผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้คงจะถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นในที่สุด

ดวงตาเจ้าอ้วนกลายเป็นสีแดงก่ำไปนานแล้ว ที่ด้านข้าง หนึ่งในภรรยาของมันได้รับบาดเจ็บ ทำให้มันต้องกระโจนเข้าไปช่วยเหลือ ดึงนางมาทางด้านหลัง จากนั้นก็พุ่งออกไป ใช้ฟันกัดลงไปที่แขนของผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือ ซึ่งกำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปบนร่างนาง

ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือถอยไปด้านหลังในทันที หนังศีรษะด้านชา ถึงแม้ว่าเจ้าอ้วนจะกัดโดนแค่อากาศเท่านั้น แต่เสียงกัดของมันก็ดังออกมาอย่างน่าตกใจยิ่ง

“บัดซบ!” ฝึกตนดินแดนทางเหนือร้องออกมา อับอายจนกลายเป็นโทสะ โบกสะบัดมือทำให้ก้อนสัมฤทธิ์ปรากฏขึ้น มันโยนออกไปที่ด้านหน้า ทำให้ระเบิดเป็นแสงสีฟ้าออกมาดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง แสงสีฟ้านั้นพุ่งตรงไปยังเจ้าอ้วนในทันที ราวกับว่ากำลังจะกลืนกินมันลงไป

สีหน้าเจ้าอ้วนสลดลง รู้สึกได้ถึงวิกฤตอันร้ายแรงพุ่งขึ้นมา มันถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว แสงสีฟ้านั้นไล่ติดตามมา

เมื่อแสงสีฟ้ากำลังจะกระแทกเข้าไปในร่างเจ้าอ้วน เสียงแค่นอย่างเย็นชาก็ดังก้องออกไปทั่วทั้งบริเวณนั้น เป็นเพียงแค่เสียงเท่านั้น แต่ก็ทำให้ร่างของผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือต้องสั่นสะท้านไปในทันที บางคนยังได้กระอักโลหิตออกมา และจิตใจก็หมุนคว้างอย่างรุนแรงอีกด้วย

ผู้ฝึกตนที่ไล่ตามเจ้าอ้วนไป ทันใดนั้นใบหน้าก็ซีดขาวลง โลหิตกระจายออกมาจากปาก มันหันหน้าไปด้วยความประหลาดใจ สิ่งที่เห็นก็คือแสงสีแดงเจิดจ้าที่เต็มอยู่ในท้องฟ้า

ต่อจากนั้น มีมือยื่นออกมาจากทางด้านหลังเจ้าอ้วน คว้าจับไปที่หัวไหล่ และดึงมันกลับไป จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็ปรากฏกายขึ้น

“เมิ่งฮ่าว!” เจ้าอ้วนร้องออกมาด้วยความฮึกเหิม ทันใดนั้น จิตวิญญาณของผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นต่างก็พุ่งทะยานขึ้น

“เมิ่งฮ่าวผู้ยิ่งใหญ่มาแล้ว!”

“พวกเราปลอดภัยแล้ว! เมิ่งฮ่าวอยู่นี่แล้ว!”

ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือต่างก็เคยได้ยินนามเมิ่งฮ่าวมาทุกคน พวกมันรู้ว่าเขาคือผู้ที่กวาดล้างกองกำลังแรกของพวกมันไป เมื่อได้ยินนามของเขา หลายคนในพวกมันอ้าปากค้าง และถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวในทันที

ใครบางคนที่สามารถกวาดล้างกองกำลังของผู้ฝึกตนนับแสนไป ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าเขาจะทำได้อย่างไรก็ตามที

ทันทีที่เมิ่งฮ่าวปรากฏกายขึ้น พลังของเขาก็กลายเป็นแรงกดดัน ที่ส่งผลให้จิตใจของผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือต้องหมุนคว้าง ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็ยื่นแขนออกมา และสะบัดไปที่แสงสีฟ้าที่กำลังกดทับลงมาบนร่างเจ้าอ้วน

“กระจายไป!” เขากล่าวเสียงราบเรียบ แสงสีฟ้าสั่นไปมา จากนั้นก็ส่งเสียงกรีดร้อง ขณะที่พุ่งกลับไปทางด้านหลัง และกลืนกินผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือที่หลบหนีไม่ทันลงไป จากนั้นมันก็ย้อนกลับเข้าไปในก้อนสัมฤทธิ์ และถูกดูดฝ่าอากาศกลับไปที่ด้านหลัง ตกลงไปในมือเมิ่งฮ่าว

ก้อนสัมฤทธิ์นั้นสั่นสะท้าน ดูเหมือนว่ากำลังอ้อนวอนขอชีวิตกับเมิ่งฮ่าว ซึ่งกำลังมองไปที่มันชั่วขณะ และเก็บมันเข้าไปในถุงสมบัติ จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ ยังผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือหมื่นกว่าคน

แสงอันมืดสลัวสาดประกายอยู่ในดวงตา และเขาก็ก้าวเท้าตรงไป ทันใดนั้นกลุ่มหมอกสีแดงก็ม้วนตัวออกไปเป็นวงกว้าง ราวกับเป็นอสรพิษนับไม่ถ้วน พุ่งตรงไปยังศัตรูทั้งหมื่นกว่าคนนั้น ไหลซึมเข้าไปในร่างพวกมัน ทำให้เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจดังเต็มอยู่ในอากาศ

เมิ่งฮ่าวยืนนิ่งอยู่ที่นั่น ยกแขนขึ้นไปในอากาศ หลับตาลง เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือคนแล้วคนเล่า กลายเป็นซากศพที่แห้งกรัง กลุ่มหมอกสีแดงไหลออกมาจากดวงตา, หู, จมูกและปากของพวกมัน จากนั้นก็ไหลกลับมายังเมิ่งฮ่าว ผิวหนังเขาฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาธูปไหม้หมดไปครึ่งดอก เสียงแผดร้องก็จางหายไป ซากศพซ้อนทับกันไปมา และเมิ่งฮ่าวก็ลืมตาขึ้น

ผิวหนังของเขาในตอนนี้ฟื้นฟูกลับมาได้เจ็ดในสิบส่วน เส้นผมสีขาวพริ้วไสวไปมาอยู่รอบๆ ตัว กระจายบรรยากาศอันโหดเหี้ยมออกมา ทำให้ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้รู้สึกได้ทั้งความกังวลใจและตื่นตระหนก

“เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตระดับหก…คงอีกในไม่ช้า…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ดวงตาสาดประกายด้วยความดุร้าย เขาหันหน้าไปมองยังกลุ่มผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ เมื่อสายตาตกกระทบไปบนร่างเจ้าอ้วน ก็ยิ้มออกมา

แต่…เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เจ้าอ้วนต้องสูดลมหายใจเข้าไปอย่างรุนแรง

“เจ้า…” มันกล่าวอย่างลังเล

เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวตอบ หันหลังและพุ่งขึ้นไปในอากาศ เตรียมตัวที่จะมุ่งหน้าไปยังแนวรบสุดท้าย นั่นจะเป็นสถานที่ซึ่ง…เขาจะบรรลุถึงเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตระดับหก!

เจ้าอ้วนมองไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังบินขึ้นไปในอากาศ และไม่อาจจะอดกลั้นได้อีกต่อไป ร้องตะโกนออกมา “เจ้าไม่ใช่เมิ่งฮ่าว! เจ้าเป็นใคร?!”

เมื่อเมิ่งฮ่าวปรากฏตัวขึ้น มันก็เต็มไปด้วยความยินดี แต่หลังจากนั้น มันก็ตระหนักว่ามีบางสิ่งที่ดูไม่คุ้นเคยเกี่ยวกับเขา เป็นความเย็นชาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทันใดนั้นเจ้าอ้วนก็มีความรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ใช่เมิ่งฮ่าวที่มันเคยรู้จักมาเมื่อในอดีต เขาแตกต่างออกไป

แตกต่างเป็นอย่างมาก!

เป็นความรู้สึกเดียวกับที่ฉู่อวี้เยียนเคยพบเจอมาก่อน แต่สำหรับเจ้าอ้วน มันรู้สึกได้รุนแรงมากกว่า

เมิ่งฮ่าวที่มันจำได้ ไม่ใช่คนที่จะสังหารหมู่ได้เช่นนั้น เขาไม่ได้โหดเหี้ยมและน่ากลัวเช่นนี้ เขาจะไม่กลืนกินปราณ, โลหิต, พลังชีวิต และวิญญาณของคนอื่นๆ เพื่อให้พื้นฐานฝึกตนเพิ่มขึ้น วิชาเหล่านั้นเป็นวิชาของมารร้ายเท่านั้น!

การฝึกฝนเช่นนั้น ทำให้เกิดเป็นความตื่นตระหนกขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัย หรือสถานที่แห่งใดก็ตามที

ความดุร้าย, โหดเหี้ยม, ความสามารถที่ปฏิบัติต่อชีวิตเหมือนสิ่งไร้ค่า…นั่นก็คือสิ่งที่เมิ่งฮ่าวผู้นี้กำลังกระทำอยู่ เขาแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงจากเมิ่งฮ่าวผู้น่ารัก ซึ่งคงอยู่ในความทรงจำของเจ้าอ้วน

เมิ่งฮ่าวหยุดชะงักนิ่งอยู่ในกลางอากาศ และคำพูดของเจ้าอ้วนก็ดังก้องไปมาอยู่ในจิตใจ เขาหยุดนิ่งอยู่ชั่วขณะ โดยที่ไม่มองกลับลงไปยังเจ้าอ้วน จากนั้นก็หายลับตาไปยังที่ห่างไกล

แนวรบที่หกเป็นสถานที่ซึ่งมีกากเดนของกองกำลังที่สองจากดินแดนทางเหนือเหลืออยู่เป็นกลุ่มสุดท้าย ผู้ฝึกตนที่รับผิดชอบในการต่อต้านพวกมัน มาจากสาขาย่อยของสำนักเซี่ยเยา คือสำนักอีเจี้ยนและสำนักจินหาน

นี่คือแนวรบของพวกมันทั้งหมดซึ่ง…ดินแดนด้านใต้จะรักษาตำแหน่งอันสูงส่งไว้ได้!

เดิมทีมีผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือมากกว่าสองหมื่นคน แต่ตอนนี้มีเหลือน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ต่อสู้กลับไปอย่างดุร้าย และเสียงแผดร้องตะโกนต่อสู้กันไปมาก็เต็มอยู่ในบริเวณนั้น

เฉินฝานอยู่ในท่ามกลางกลุ่มคนทั้งหมด ตามมาด้วยหลี่ซือฉี สนามรบเต็มไปด้วยแสงของวิชาเวท และพลังของความสามารถศักดิ์สิทธิ์

พื้นฐานฝึกตนของเฉินฝานได้กลับเข้าไปอยู่ในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง และมันก็ต่อสู้ด้วยกระบี่ ดูคล้ายกับเป็นผู้ฝึกตนมือกระบี่อย่างแท้จริง ต่อสู้สังหารได้อย่างน่าตกใจ หลี่ซือฉีถูกปกคลุมด้วยแสงสีโลหิต แน่นอนว่านางไม่ได้ฝึกฝนวิชาเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิต แต่กำลังใช้วิชาเวทอื่นของสำนักเซี่ยเยาทำการต่อสู้

เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ และท้องฟ้าทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดงจ้า สายฝนเริ่มตกลงมา เป็นสายฝนสีแดง ช่างคาดไม่ถึงอย่างแท้จริง ผู้ฝึกตนทั้งดินแดนด้านใต้และดินแดนทางเหนือ ต่างก็รู้สึกประหลาดใจ

ในตอนนี้เองที่สายฝนที่กำลังตกลงมานั้น ได้กลายเป็นกลุ่มหมอกสีแดง ซึ่งพุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือ เพียงชั่วพริบตา ก็ไหลซึมเข้าไปในร่างพวกมัน

ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ตกตะลึง ถอยไปด้านหลังในทันที พวกมันมองดูด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน ขณะที่ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือเริ่มแผดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายพวกมันเริ่มแห้งเหี่ยวลงไป และเส้นผมก็หลุดร่วง ขณะที่พื้นฐานฝึกตนและวิญญาณถูกดูดออกไปผ่านทางตา, หู, จมูกและปากของพวกมัน

เช่นเดียวกับยักษ์ที่คล้ายกับภูเขาซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น แม้แต่สิ่งมีชีวิตในรูปแบบวิญญาณ ซึ่งดินแดนทางเหนือได้นำมา ต่างก็ส่งเสียงกรีดร้อง ร่างกายพวกมันจางหายไป ราวกับว่าพวกมันกำลังถูกลบล้างไป

ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้อ้าปากค้าง รู้สึกตกตะลึงต่อเหตุการณ์ที่กลับกลายเป็นเช่นนี้ แทบจะราวกับว่าพวกมันกำลังเป็นสักขีพยานอยู่ในนรกอเวจี

ซากศพตกลงไปบนพื้นทีละซาก ยักษ์ตายไป วิญญาณปีศาจส่งเสียงกรีดร้องและจางหายไป หลังจากนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบสงบ

ภายในความเงียบนั้น กลุ่มหมอกสีแดงพุ่งตรงไปยังกลุ่มเมฆสีแดงที่อยู่บนท้องฟ้า นำปราณ, โลหิต, พื้นฐานฝึกตน และวิญญาณไปด้วย

ภาพที่เห็นนี้กลายเป็นความทรงจำอันลึกล้ำ ต่อผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ทั้งหมด กลุ่มหมอกสีแดงพลุ่งพล่านปั่นป่วนม้วนตัวไปมา ขณะที่พวกมันมองขึ้นไปยังกลุ่มเมฆสีแดง ก็มองเห็นใครบางคนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น

นั่นก็คือบุคคลที่กำลังดูดกลืนกลุ่มหมอกสีแดงเข้าไปทั้งหมด!

ตอนนี้ผิวหนังของเมิ่งฮ่าวได้ฟื้นกลับคืนมาโดยสมบูรณ์ เขาสวมใส่ชุดของนักศึกษา แต่กลิ่นอายนักศึกษาก่อนหน้านี้ของเขา กลายเป็นความดุร้ายและโหดเหี้ยมในฐานะมารโลหิต

เส้นผมสีขาวลอยพริ้วไปมาอยู่รอบๆ ร่าง เมื่อดวงตาค่อยๆ ลืมขึ้นมาอย่างช้าๆ ก็ดูราวกับว่าสายฟ้าสีแดงกำลังปะทุขึ้นมาอยู่ภายใน หลังจากที่ดูดซับพลังทั้งหมดจากสนามรบที่ด้านล่าง ร่างเขาก็แวบขึ้น หายตัวไปในทันที

มีสหายอยู่หลายคนที่ด้านล่าง แต่เขาไม่ต้องการให้พวกมันมองเห็นเขาเป็นเช่นนี้

“สิ่งสังเวยมีชีวิต! มันใช้วิชามารบางอย่าง เพื่อเปลี่ยนให้พวกมันกลายเป็นสิ่งสังเวยที่มีชีวิต!!”

“คนที่อยู่ในกลุ่มเมฆนั่นคือใคร!?” ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ส่วนใหญ่จะร้องอุทานออกมาเช่นนี้ แต่ก็มีบางคนที่มีสีหน้าเปลี่ยนไป ขณะที่ดูเหมือนว่าพวกมันจะนึกขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน ซึ่งไม่ใช่ภาพที่ดุร้ายเช่นนั้น

เฉินฝานยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ มีสีหน้าอันซับซ้อน ขณะที่มองขึ้นไปในท้องฟ้า

ห่างออกไปไม่ไกลมากนักเป็นหลี่ซือฉี ซึ่งยืนตัวสั่นสะท้านอยู่ที่นั่น นางเป็นศิษย์สำนักเซี่ยเยา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ฝึกเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตมาก็ตามที แต่นางก็คุ้นเคยกับมันดี

“เป็นมัน…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!