ตอนที่ 802
เหรียญเต๋าเซียนโบราณ!
ในดินแดนตะวันออกอันกว้างใหญ่ มีเมืองฉางอานที่เก่าแก่โบราณอยู่
เป็นสถานที่ซึ่งนักศึกษามากมายนับไม่ถ้วน ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนใฝ่ฝัน พวกมันทั้งหมดกระหายที่จะได้มากราบสักการะต่อต้าถัง และเดินเล่นไปทั่วเมืองฉางอาน
ต้าถังมีกองทหารที่แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้แต่กองทหารรักษาการณ์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วก็เป็นผู้ฝึกตน ไม่มีที่แห่งใดในโลกมนุษย์แห่งดาวหนานเทียน ที่ผู้คนจะไม่กราบสักการะต่อต้าถัง
ไม่เป็นประหลาดใจที่จะมีสำนักและตระกูลอันยิ่งใหญ่อยู่มากมายในดินแดนตะวันออก ความแข็งแกร่งและอิทธิพลของพวกมัน เกินกว่ากองกำลังที่อยู่ในดินแดนทางเหนือ, ดินแดนด้านใต้ หรือทะเลทรายตะวันตกทั้งหมด ในแง่ของสำนักเพียงอย่างเดียว ก็มีสำนักหลักอยู่ถึงเก้าแห่ง
นอกจากนี้ก็ยังมีตระกูลใหญ่อยู่ถึงเจ็ดตระกูล พร้อมกับศิษย์, ผู้ติดตาม และสมาชิกของตระกูลจำนวนมากมาย ดินแดนตะวันออกเป็นสถานที่อันรุ่งเรืองที่เต็มไปด้วยผู้ถูกเลือกมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว แม้แต่ในดินแดนอื่นๆ
แม้แต่ตระกูลจักรพรรดิก็ยังมีเวทแห่งเต๋าและหลักคำสอนของพวกมันเอง ซึ่งพวกมันใช้เพื่อควบคุมดินแดนอันกว้างใหญ่นี้ทั้งหมด ตัวจักรพรรดิต้าถังเองก็มีพื้นฐานฝึกตนที่แข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าท่านแทบจะไม่ได้ปรากฏกายขึ้นในที่สาธารณะเลย แต่พลังของท่านก็ปกคลุมไปทั่วทั้งดินแดนตะวันออก
ฉางอานเป็นจุดศูนย์กลางของทั้งหมด และถูกล้อมรอบด้วยป้อมปราการสิบแห่ง ป้อมทั้งสิบนี้ แปดแห่งเป็นของต้าถังโดยตรง ที่เหลืออีกสองแห่งเป็นของสองตระกูล
หนึ่งเป็นตระกูลฟาง และอีกหนึ่งเป็นตระกูลจี้!
ที่พวกมันได้ครอบครองป้อมปราการ ไม่ได้หมายความว่า ทั้งสองตระกูลนี้จะก้มศีรษะให้กับพลังของจักรพรรดิ พวกมันเป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร อันที่จริงยังได้อยู่เหนือคนอื่นๆ ทั้งหมดอีกด้วย สำนักและตระกูลอื่นๆ ต่างก็ต้องก้มศีรษะให้กับพวกมัน!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลจี้ สวรรค์ทั้งหมดได้เป็นของตระกูลจี้ ดังนั้นยังจะมีใครมาสะกดข่มพวกมันได้อีก?
สำหรับตระกูลฟาง พวกมันมีกองกำลังอันแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่เป็นของตนเอง ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นแค่ส่วนย่อยจากตระกูลหลัก แต่ก็ยังคงลึกล้ำอย่างมากมาย แน่นอนว่าด้วยการปฏิบัติตามกฎของตระกูล พวกมันจึงให้ความเคารพต่อต้าถัง และจะช่วยปกป้องราชวงศ์ถังไปตลอดกาล นอกจากนี้…จักรพรรดิถังก็แซ่หลี่อีกด้วย!
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีเหตุการณ์เช่นนี้อยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ แต่พวกมันก็อยู่ห่างไกลจากชีวิตประจำวันของเขามากนัก
ตอนนี้เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ในลานบ้านของตระกูลฟาง อยู่ภายใต้ต้นไม้โบราณ ที่กำลังนั่งอยู่ข้างกายเขาเป็นจระเข้ตัวน้อยที่กำลังสั่นสะท้านอยู่ ซึ่งกำลังมองไปด้วยความระมัดระวังยังบุรุษที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว
บุรุษผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเป็นบิดาเมิ่งฮ่าว
“ฮ่าวเอ๋อร์ เส้นทางในอนาคตของเจ้า เจ้าต้องเดินไปด้วยตัวเอง สำหรับสิ่งที่เจ้าจะทำ และทำอย่างไร เตียเหนียง (บิดามารดา) สามารถช่วยได้เพียงเล็กน้อย ไม่อาจจะช่วยเจ้าได้โดยตรง สิ่งสำคัญมากที่สุดที่เจ้าควรจะทำก็คือมุ่งเน้นไปที่…การกลายเป็นเซียน!”
“เจ้าอยู่ห่างจากเซียนแท้แค่ครึ่งทาง ขาดแต่เพียงครึ่งก้าวสุดท้ายเท่านั้น จากนั้นเจ้าก็จะเข้าไปในอาณาจักรเซียน”
“โอกาสที่จะกลายเป็นเซียนแท้ จะมาในทุกๆ หนึ่งหมื่นปี มีผู้ฝึกตนรุ่นอาวุโสมากมาย แม้แต่ผู้ถูกเลือกในตอนนี้ ต่างก็อยากจะก้าวข้ามพื้นฐานฝึกตนของพวกมันไป เพื่อจะมีโอกาสได้ครอบครองโชคชะตาแห่งเซียนแท้”
“ตลอดช่วงหนึ่งหมื่นปีมานี้ โชคชะตาแห่งเซียนแท้อยู่ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน แต่เมื่อเจ้าไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในดาวหนานเทียน โชคชะตานี้ก็ไม่อาจจะเป็นของเจ้าได้ สถานที่ที่เจ้าจะกลายเป็นเซียนแท้ก็คือดาวตงเซิ่ง”
“วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะกลายเป็นเซียนแท้ก็คือต้นเถาวัลย์ประกายเซียนที่ยากจะพบเห็น ใช้มันให้ได้รับความรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับความหมายแห่งเซียน และเจ้าก็จะสามารถกลายเป็นเซียนได้”
“ถึงแม้ว่าเถาวัลย์ประกายเซียนเป็นสิ่งที่หาได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางได้มันมาครอบครอง อันที่จริงตลอดช่วงเวลาหนึ่งหมื่นปี สำนักที่แข็งแกร่งมากที่สุดได้เตรียมตัวที่จะสร้างเซียนแท้ขึ้นมาหนี่งหรือสองคน แต่ต้นเถาวัลย์นั้นจะมีประสิทธิภาพอยู่ในช่วงหนึ่งพันปี หลังจากที่โชคชะตาแห่งเซียนแท้ปรากฏขึ้นเท่านั้น”
“วิธีที่สองในการที่จะกลายเป็นเซียนแท้เป็นสิ่งที่ยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง และนั่นก็คือต้องได้ครอบครองโชคชะตาเซียนซึ่งปรากฏขึ้นในทุกๆ หนึ่งหมื่นปี และใช้มันเป็นเส้นทางสู่การเป็นเซียนแท้ นั่นก็คือวิถีทางที่อาจารย์ตานกุ่ยของเจ้าต้องเดินไป”
“ทั้งสองวิธีนี้คือการกลายเป็นเซียนแท้”
“อาจารย์ของเจ้ากำลังเดินไปในเส้นทางที่ยากมากที่สุด ถ้าทำได้สำเร็จ ก็แน่นอนว่าท่านจะต้องถูกองค์กรที่แข็งแกร่งบางแห่งนำไปทำให้กลายเป็นศิษย์หลัก”
“ดังนั้น เมื่อเวลาที่จะกลายเป็นเซียนแท้ของอาจารย์เจ้ามาถึง ดินแดนแห่งดาวหนานเทียนก็จะเป็นสถานที่ที่คึกคักมากที่สุด ผู้ถูกเลือกจากสำนักและตระกูลต่างๆ ที่ออกจากดาวหนานเทียนไป ก็จะกลับมาต่อสู้แย่งชิงโอกาสของพวกมัน เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าก็จะไปเป็นผู้พิทักษ์เต๋าให้กับอาจารย์เจ้า”
“สำหรับเจ้า หลังจากที่ช่วยให้อาจารย์เอาชนะทัณฑ์เซียนได้แล้ว เจ้าก็จะไปยังดาวตงเซิ่ง ฟู่ (บิดา) ได้จัดเตรียมต้นเถาวัลย์ประกายเซียนให้กับเจ้าอยู่ที่นั่นแล้ว!”
“ในตอนแรก การใช้ต้นเถาวัลย์ประกายเซียนอาจจะมีผลลัพธ์ที่ด้อยกว่าเล็กน้อย แต่การฝึกตนก็มักจะไม่ขึ้นกับก้าวแรก การใช้วิธีนี้มาช่วยสามารถทำให้เจ้ามีความก้าวหน้าอย่างยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน”
“การกลายเป็นเซียนแท้มีแค่สองวิธีนี้เท่านั้น?” เมิ่งฮ่าวถาม รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “แล้วทำไมดอกปี่อ้านถึงกลายเป็นเซียนได้?”
“ผู้คนไม่ใช่ดอกไม้ และดอกไม้ก็ไม่ใช่ผู้คน เราสามารถเรียนรู้วิถีแห่งดอกปี่อ้านได้จากมัน แต่ถ้าผู้ฝึกตนพยายามที่จะทำตามมัน ก็จะต้องพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะรู้แจ้งในเต๋าของตนเองได้”
“ยังมีวิธีที่สามซึ่งไม่ได้ขึ้นกับดาวหรือดินแดนแห่งเซียนใดๆ แต่ก็สามารถที่จะกลายเป็นเซียนแท้ได้…ด้วยการใช้พลังของตนเอง!”
“นี่เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากๆ จากตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา มีแต่ปรมาจารย์ตี้จ้าง แห่งขุนเขาที่สี่เท่านั้นที่เคยเดินไปบนเส้นทางนี้ นอกจากท่านแล้ว ก็ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน ในตอนนั้นท่านทำให้ปราณเซียนทั้งหมดในอาณาจักรขุนเขาทะเลพุ่งขึ้นลอยตรงมาที่ท่าน ด้วยเช่นนั้นจึงทำให้คนทั้งหมดรู้เรื่องนี้”
“การที่จะเดินไปบนเส้นทางนี้ได้อย่างไร แม้แต่ฟู่ก็ยังไม่รู้เช่นกัน” บิดาเมิ่งฮ่าวส่ายหน้า ถึงแม้ว่าท่านจะฝากความหวังไว้ที่เมิ่งฮ่าวเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะสามารถเดินไปบนเส้นทางที่สามนี้ได้
“ตอนนี้ดูเก้าท่ากระบี่ของฟู่ให้ดี เจ้าต้องเข้าใจให้ได้ทั้งหมด” ท่านกล่าว มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
น่าเสียดายที่พี่สาวของเมิ่งฮ่าว, ฟางอวี๋ ยังคงไม่อาจจะออกมาจากการนั่งเข้าฌาณตามลำพังได้ การกลับมาของเมิ่งฮ่าวทำให้ตระกูลฟางในดาวหนานเทียนมีความระมัดระวังมากขึ้น พวกมันไม่คุ้นเคยกับเขา แต่ก็ไม่กล้าที่จะสอบสวนเขาเพื่อค้นหาข้อมูล
ข่าวคราวการกระทำของเมิ่งฮ่าวในดินแดนด้านใต้ ได้กระจายอยู่ในท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกตนแห่งดินแดนตะวันออกมานานแล้ว
เมื่อข่าวนั้นมาถึงตระกูลจี้ ก็มีผู้คนอยู่ไม่น้อยที่ค่อนข้างกระวนกระวายใจ…คนเหล่านั้นคือผู้ถูกเลือกที่เป็นหนี้หินลมปราณเมิ่งฮ่าว ตอนที่อยู่ในสำนักเซียนอสูร และมีผู้ถูกเลือกจากสำนักอื่นๆ ในดินแดนตะวันออกด้วยเช่นกัน คนทั้งหมดต่างก็มีความรู้สึกอันซับซ้อนต่อเมิ่งฮ่าว
ขณะที่พวกเขานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ที่นั่น บิดาเมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดมือ ทำให้เหรียญคำสั่งที่เป็นประกายลอยออกมาตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ไปหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าเขาลอยตัวอยู่กลางอากาศ เพียงมองแค่แวบเดียว เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ถึงความเก่าแก่โบราณที่กระจายออกมาจากเหรียญนี้
“นี่คือเหรียญเต๋าเซียนโบราณ” บิดาเมิ่งฮ่าวกล่าว
“ในวันข้างหน้า เมื่อเจ้าออกไปจากดินแดนแห่งดาวหนานเทียน เจ้าสามารถกลับบ้านไปยังตระกูลเพื่อฝึกตนต่อไป หรือสามารถใช้เหรียญนี้เข้าร่วมกับเซียนกู่เต้าฉ่าง (พิธีเต๋าเซียนโบราณ)แห่งขุนเขาที่เก้า เพื่อฝึกฝนเวทแห่งเต๋าของพวกมัน!”
“ในขุนเขาทะเลที่เก้า มีวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณอยู่มากมาย เมื่อไหร่ที่ประตูของหนึ่งในวิหารเหล่านั้นเปิดออก ก็จะเป็นที่สนใจของผู้คนมากมาย”
“ตอนนี้ มีแต่พิธีเต๋าเซียนโบราณแห่งขุนเขาที่เก้าเท่านั้น ที่ยังคงส่งมอบมรดกของมันลงมาอย่างต่อเนื่อง มีผู้ฝึกตนมากมายได้ฝึกฝนอยู่ท่ามกลางพวกมัน ทำให้พวกมันเป็นสังคมแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดในขุนเขาที่เก้า ตอนที่วิหารพิธีเต๋าเปิดออก พิธีเต๋าอื่นๆ ก็จะถูกยกเลิกไป”
“มีแต่ผู้ถูกเลือกที่แข็งแกร่งมากที่สุดเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าร่วมพิธีเต๋าเซียนโบราณนี้ได้ ราชันหลี่เข้าร่วมเช่นเดียวกับราชันจี้ ปรมาจารย์ตระกูลฟางในยุคนี้ก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน การคัดเลือกศิษย์ของพวกมันเข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าเจ้ามีเหรียญเต๋าเซียนโบราณนี้ เจ้าก็สามารถเข้าร่วมในฐานะที่เป็นศิษย์หลักได้โดยตรง”
“รักษาเหรียญนี้ไว้ให้ดี!”
“เหรียญนี้ยังใช้ทำอย่างอื่นได้อีก เมื่อพบเห็นวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณ ถึงแม้ว่ามันจะดูวิเวกวังเวง แต่ถ้าเจ้าเข้าไป วิหารก็จะมีชีวิตขึ้นมา…”
“ด้วยคำแนะนำของเหรียญนี้ เจ้าสามารถจะฝึกฝนรู้แจ้งในวิหารนั่นได้ มันจะช่วยให้เจ้ามีโอกาสกลายเป็นเซียนได้มากขึ้น”
“อย่างไรก็ตาม หลังจากที่วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณมีชีวิตขึ้นมา คนอื่นๆ ก็จะรับรู้ได้ ดังนั้นผู้ถูกเลือกจากสำนักและตระกูลแห่งดาวอื่นๆ ก็จะมาค้นหาโชควาสนาในวิหารนี้ด้วยเช่นกัน”
“สิ่งที่พวกมันให้ความสนใจมากที่สุดก็คือเหรียญเต๋าเซียนโบราณนี้”
“นั่นเป็นโอกาสที่เจ้าจะได้ฝึกฝนทักษะความสามารถของเจ้า”
เมิ่งฮ่าวมองไปยังเหรียญนั้นอย่างละเอียด และเขาแทบจะมองเห็นวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณอยู่ภายใน เต็มไปด้วยเงาร่างมากมายนับไม่ถ้วนกำลังฝึกตนอยู่ และยังมองเห็นเซียนที่เรืองแสงกำลังเทศนาเกี่ยวกับเต๋าอยู่อีกด้วย
บทเพลงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ลอยไปมาอยู่ในอากาศ ซึ่งเมิ่งฮ่าวได้ยินอย่างเลือนลาง แต่ก็ทำให้เขารับรู้ได้ถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่กำลังถูกอาบไล้ด้วยรัศมีแห่งสวรรค์ พร้อมกับปราณเซียนที่หมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ตัว
หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน เขาก็สั่นสะท้าน และฟื้นสติกลับคืนมา รีบยื่นมือออกไปคว้าเหรียญเต๋าเซียนโบราณไว้อย่างรวดเร็ว
“เก็บรักษาเหรียญเต๋านี้ไว้ให้ดี และกลายเป็นเซียนให้จงได้ ทั้งหมดนี้คือบททดสอบของเจ้า ถ้าเจ้าไม่อาจจะทำสิ่งเหล่านี้ได้สำเร็จ…ก็ควรจะอยู่ที่นี่กับเตียเหนียงจะดีกว่า”
“ถ้าเจ้าสามารถต่อสู้กับผู้ถูกเลือกแห่งสำนักและตระกูลต่างๆ จากดาวอื่นๆ ถ้าเจ้าสามารถเก็บรักษาเหรียญนี้ไว้ได้ ถ้าเจ้าสามารถกลายเป็นเซียน เช่นนั้น…เตียเหนียงก็จะเชื่อว่าเจ้าพร้อมที่จะจากพวกเราไป เพื่ออนาคตที่รุ่งโรจน์ของเจ้าเอง!”
เมิ่งฮ่าวกำเหรียญเต๋าเซียนโบราณไว้ มองขึ้นไปยังบิดา และพยักหน้าให้อย่างช้าๆ
บิดาเมิ่งฮ่าวมองกลับมาจากนั้นก็ยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักและการให้กำลังใจ
“ไปเถอะ ทิ้งจระเข้ไว้ที่นี่ เมื่อเจ้ากลายเป็นเซียน มันจะกลายเป็นพาหนะที่เจ้าสามารถใช้ตอนที่จากไปได้ ฮ่าวเอ๋อร์…เจ้าไม่มีเตียเหนียงคอยอยู่เคียงข้างเจ้ามาตลอดชีวิตนี้ เจ้าบรรลุมาจนถึงขั้นนี้ได้ ล้วนแต่พึ่งพาความพากเพียรพยายามของตนเองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น!”
“ฉะนั้นข้าเชื่อว่าในวันข้างหน้า…เจ้าไม่จำเป็นต้องให้เตียเหนียงคอยช่วยเหลือ เส้นทางของเจ้าจะนำเจ้าไปไกลมากยิ่งขึ้น…และเจ้าก็สามารถจะทำมันได้ด้วยตนเอง!”
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นก็โค้งศีรษะให้กับบิดา
“ไปเถอะ ผู้ฝึกตนเช่นพวกเราไม่ต้องสนใจเรื่องหยุมหยิมมากนัก นอกจากนี้…เจ้าก็เติบโตขึ้นแล้ว” รอยยิ้มของบิดากว้างมากขึ้น จากแววตาของท่าน ทำให้มองเห็นได้ว่าท่านปรารถนาที่จะให้บุตรชายกลายเป็นมังกร มีความสำเร็จอย่างแท้จริง เป็นแววตาที่เหมือนกับตอนที่เมิ่งฮ่าวได้เห็นจากในแววตาของเคออวิ๋นไห่
เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นมายืน และมองไปยังมารดาที่ใกล้เข้ามา นางเดินไปกับเขา ช่วยปรับแต่งเสื้อผ้าเขาให้เรียบร้อย และจากนั้นก็มองมาด้วยความรัก เห็นได้ชัดว่านางไม่ปรารถนาจะแยกจากเขาไป และรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง
“เหนียง (มารดา) ข้าไม่เป็นไร” เขากล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่เขินอาย
เมื่อนางเห็นรอยยิ้มของเขา นางก็ส่ายหน้า
“นั่นเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเคยทำอยู่เป็นประจำตอนที่ยังเป็นเด็ก เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้ากำลังจะทำความเสียหายขึ้น”
รอยยิ้มของเมิ่งฮ่าวยิ่งเขินอายมากขึ้น เขาพูดคุยกับบิดามารดาอีกเล็กน้อย จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลง มองไปยังคนทั้งสองอย่างลึกซึ้งเป็นครั้งสุดท้าย หันหลังและพุ่งทะยานจนหายลับตาไป
คนทั้งสองมองดูขณะที่เขาจากไป และมารดาเมิ่งฮ่าวก็ถอนหายใจออกมา
“นี่คือวิถีของผู้ฝึกตน” บิดาเขากล่าวเสียงราบเรียบ “ฮ่าวเอ๋อร์เป็นมังกรในมวลหมู่มนุษย์ เส้นทางของมัน…มันต้องเดินไปด้วยตนเอง!”
“แต่ข้าก็ยังกังวลใจอยู่ดี…” มารดาเขากล่าว
“โดยที่ไม่ต้องให้พวกเราคอยช่วยเหลือ มันก็อยู่ห่างจากเซียนแท้แค่ครึ่งก้าวเท่านั้น” บิดาเขากล่าวตอบด้วยความภาคภูมิใจ “มันเติบใหญ่แล้ว และมีบุคลิกของตนเอง เป็นไปไม่ได้ที่จะให้มันอยู่กับพวกเราในที่แห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งแสนปี เมื่อพวกเราจากไปไม่ได้ มันก็จำเป็นต้องออกไปผจญภัยด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น…ในขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมดนี้ น้อยคนนักที่จะบรรลุพื้นฐานฝึกตนระดับเดียวกับมันด้วยอายุเช่นนี้!”
“ข้าแค่เกรงว่าวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณที่ท่านกระตุ้นให้มันเปิดออก จะไปดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนที่อยู่เหนือกว่าอาณาจักรวิญญาณ…” มารดาเขากล่าวตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
บิดาเมิ่งฮ่าวหัวเราะอย่างไม่ค่อยใส่ใจมากนัก “ฟางซิ่วเฟิงเป็นผู้ตั้งกฎในดาวหนานเทียนนี้ขึ้นมาเอง และข้าขอบอกว่า…ใครก็ตามที่อยู่เหนือกว่าอาณาจักรวิญญาณกล้าผ่านเข้ามา ข้าก็จะสังหารพวกมันไปให้หมดสิ้น!”
เมิ่งฮ่าวออกจากตระกูลฟาง เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาตั้งแต่ที่มาถึง ถนนหนทางกำลังคึกคักวุ่นวาย และขณะที่เขามองไปรอบๆ ยังความคึกคักจอแจนั้น ก็เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเมืองของมนุษย์ธรรมดา มีผู้ฝึกตนอยู่ด้วยเช่นกัน แต่พวกมันก็ไม่กล้าจะทำตัวอยู่เหนือผู้อื่น เห็นได้ว่าจะไม่อนุญาตให้ผู้ฝึกตนแสดงความก้าวร้าว อยู่ในดินแดนที่ถูกควบคุมโดยต้าถัง
เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป และในที่ห่างไกลเขาสามารถมองเห็นเมืองขนาดใหญ่ นั่นคือ…ฉางอาน
เพียงมองแค่แวบแรกมันก็ดูธรรมดาไม่มีความพิเศษใดๆ แต่เมื่อเมิ่งฮ่าวโคจรหมุนเวียนปราณเซียน เขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่า มีมังกรสีทองอยู่ถึงเก้าสิบห้าตัว กำลังลอยไปมาอยู่ในอากาศที่ด้านบนของเมือง พวกมันส่งเสียงแผดร้องคำรามอย่างน่าตกใจออกมาเป็นระยะ แน่นอนว่า เป็นบางสิ่งที่คนทั้งหมดไม่อาจจะมองเห็นหรือได้ยิน
อย่างช้าๆ มังกรทั้งเก้าสิบห้าตัวได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นเงาร่างที่กำลังนั่งอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ เมื่อเมิ่งฮ่าวมองไปยังมัน เงาร่างนั้นดูเหมือนว่าจะรับรู้ได้ถึงสายตาของเขา และจากนั้นก็มองกลับมา
ทันใดนั้น เสียงอันโอ่อ่าเกรียงไกรก็ดังเต็มอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว “บุตรแห่งท่านพี่ฟาง อย่างที่คาดไว้ เจ้าค่อนข้างจะพิเศษไม่ธรรมดา น่ายินดีที่ได้พบกับเจ้า ขอให้ข้าได้อวยพรเจ้าด้วยปราณกองหนุนเพื่อรวมเข้าด้วยกันกับร่างกายเจ้า”
มังกรเก้าสิบห้าตัวต่างก็พ่นกระแสแห่งปราณมังกรออกมา ซึ่งหลอมรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นมังกรสีทองที่ดูคล้ายกับมีชีวิตขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ มันกลายเป็นลำแสงสีทองพุ่งฝ่าอากาศมา และหลอมรวมเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว ขณะที่มันพุ่งทะลวงเข้าไปในร่างเขา ก็รู้สึกได้ถึงความมีชีวิตชีวาอย่างน่าเหลือเชื่อเต็มอยู่ภายในร่าง
เสียงแตกร้าวได้ยินออกมาจากภายในร่างเขา และกลิ่นอายจากโลกอื่นก็ดูเหมือนกำลังกระจายอยู่เต็มร่าง คล้ายกับผ่านพิธีการล้างบาปมา แทบจะดูเหมือนว่าเขาได้ก่อตัวเป็นภาพสะท้อนของดินแดนแห่งนี้ และตอนนี้ก็สามารถมองเห็นเวทแห่งเต๋าและกฎธรรมชาติต่างๆ ในทุกที่ที่เขามองไป
จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่เงาร่างนั้นละสายตาออกไปจากเขา
“จักรพรรดิถัง!” เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้าง เขามั่นใจว่าบุคคลผู้นี้…คือจักรพรรดิแห่งต้าถัง!
“ดินแดนแห่งดาวหนานเทียนเต็มไปด้วยพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนอย่างแท้จริง…จักรพรรดิแห่งต้าถังมีพื้นฐานฝึกตนที่ลึกล้ำ มีเพียงดาวหนานเทียนเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ หรือว่าดาวอื่นๆ ก็เป็นเช่นเดียวกัน? บางทีอาจจะมีแต่บุคคลที่อยู่ในอาณาจักรเดียวกับฟู่ชิน (ท่านพ่อ) ถึงจะเข้าใจเรื่องเช่นนั้น”
เมิ่งฮ่าวประสานมือและโค้งตัวตรงไปยังเมืองฉางอาน จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงหลากสี ขณะที่เขาทำตามข้อแนะนำของเหรียญเต๋าเซียนโบราณมุ่งหน้าตรงไปยังวิหาร ร่างจริงที่สองกลายเป็นเงาอยู่ด้านล่าง ติดตามเขาไปทุกที่
เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะไปปรากฏกายขึ้นที่นอกเมือง และกำลังจะมุ่งหน้าไปยังที่ห่างไกล แต่ทันใดนั้นดวงตาเขาก็สาดประกายขึ้น
“เหนียงชิน (ท่านแม่) เคยบอกว่าตระกูลจี้ อยู่ห่างจากที่นี่ไปไม่ไกลนัก…” รอยยิ้มเขินอายปรากฏขึ้นบนใบหน้า และเขาก็ลูบไปที่ถุงสมบัติ เขายังมีตั๋วสัญญาอยู่ด้านในมากมาย บางส่วนถูกเขียนขึ้นโดยผู้ถูกเลือกแห่งตระกูลจี้
“ควรจะไปปิดบัญชีได้แล้ว…” เมิ่งฮ่าวคิดพร้อมกับไอแห้งๆ ออกมา มองไปยังแผ่นหยกที่ประกอบด้วยรายละเอียดแผนที่ของดินแดนตะวันออกอันกว้างใหญ่ หลังจากที่ตรวจดูอยู่ชั่วขณะ เขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังป้อมปราการตระกูลจี้…