ตอนที่ 806
ลมเมฆแปรปรวนในขุนเขาที่เก้า!
ยี่สิบวันก่อนหน้านี้ในดาวหนานเทียน บิดาเมิ่งฮ่าวได้ร่ายรำกระบี่ ทำให้ปราณกระบี่กรีดลงมาในดินแดนตะวันออก แทงทะลุผ่านเข้าไปในวิหารเก่าแก่โบราณที่ชำรุดทรุดโทรมในเขตเทือกเขา ทำให้ภาพลวงตาของวิหารพิธีเต๋าปรากฏขึ้น ผนึกของวิหารนี้ถูกบิดาเมิ่งฮ่าวคลายออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น มันก็เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นซึ่งกระจายออกไปนั้น เป็นสิ่งที่ยากจะปกปิดไว้เป็นอย่างยิ่ง ทำให้เกิดเป็นเส้นทางจากดาวหนานเทียนออกไปสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ซึ่งมีผู้ยิ่งใหญ่มากมายรับรู้ได้ถึงเรื่องนี้
บนดาวตงเซิ่ง (ชัยชนะตะวันออก) เกือบครึ่งของดาวดวงนี้ทั้งหมดเป็นของตระกูลฟาง อันที่จริงถ้าตระกูลฟางต้องการ พวกมันก็สามารถจะควบคุมดาวดวงนี้ไว้ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
เมื่อระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นกระจายออกไปจาก วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณในดาวหนานเทียน เสียงเก่าแก่โบราณก็ดังก้องออกมาจากภายในวิหารโบราณของดาวตงเซิ่ง
“วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณอีกแห่งได้คลายผนึกออกแล้ว…และอยู่ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน…ผู้ถูกเลือกของตระกูลสามารถจะไปค้นหาโชควาสนาจากที่นั่นได้…ฟางเซียงซาน, ฟางอวิ๋นอวี้, ฟางตงหาน เจ้าทั้งสามถูกชะตาลิขิตให้ไปค้นหาโชควาสนาจากที่นั่น ฟางซิ่วเฟิงผู้เป็นลุงของพวกเจ้าได้อยู่ที่ดาวหนานเทียนแล้ว ดังนั้นมันอาจจะสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้บ้าง”
“สำหรับศิษย์อื่นๆ ของตระกูล ถึงแม้ว่าพวกเจ้าอาจจะไม่ถูกลิขิตมาเช่นนี้ แต่ถ้าต้องการจะไป…ก็สามารถทำได้” เสียงนั้นดังก้องออกไปทั่วทั้งดวงดาว พร้อมกับการตอบรับ พลังอันน่าเหลือเชื่อได้พุ่งออกมาจากตำแหน่งที่ต่างกันสามแห่ง หนึ่งมาจากทะเลสาบ บนผิวน้ำมีเรืออยู่โดดเดี่ยวลำหนึ่ง ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเรือเป็นหญิงสาวที่สวมใส่ชุดสีขาว มีรูปร่างหน้าตาที่สง่างามราวกับเป็นนางเซียน เส้นผมที่ยาวเป็นเงางามของนาง แผ่กระจายอยู่ด้านหลังคล้ายกับเป็นผ้าคลุม สองฟากข้างมีเงาร่างที่เลือนลาง คอยปกป้องคุ้มครองนางอยู่ตลอดเวลา
ขนตาของหญิงสาวเต้นระริก ขณะที่ลืมตาขึ้นมา
“เมื่อท่านปรมาจารย์มีคำสั่ง เซียงเอ๋อร์ก็จะไป”
อีกตำแหน่งเป็นเทือกเขาที่ยืดยาวออกไป ซึ่งเต็มไปด้วยเสียงแผดร้องของสัตว์อสูรอย่างน่าตกใจ จนดูเหมือนจะสามารถฉีกกระชากท้องฟ้าให้ขาดออกเป็นชิ้นๆ ได้อยู่ตลอดเวลา สถานที่แห่งนี้จริงๆ แล้วก็ถูกถือว่าเป็นเขตหวงห้าม และมีอันตรายอย่างน่าเหลือเชื่อ ที่กำลังยืนอยู่ที่นั่นในเขตเทือกเขาเป็นบุรุษหนุ่มเยาว์วัยที่เปลือยหน้าอก ตอนนี้มันกำลังต่อสู้อยู่กับวานรยักษ์ ซึ่งเปล่งแสงสีทองออกมา วานรแผดร้องคำราม และภาพแห่งธรรมก็ปรากฏขึ้นอย่างน่าตกใจ แต่บุรุษหนุ่มเยาว์วัยที่ดุร้ายก็สามารถจะฉีกกระชากวานรออกเป็นสองส่วนได้ หยดพิรุณโลหิตพร่างพรมลงมาบนร่างมันเป็นจำนวนมาก
“วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณ?” บุรุษหนุ่มกล่าว “นั่นหมายความว่าเหรียญเต๋าเซียนโบราณจะต้องปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน! ฟางเว่ยกำลังออกไปหาประสบการณ์ และคงจะไม่กลับมาในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน โชควาสนาเช่นนี้จะต้องเป็นของข้า, ฟางตงหาน!” บุรุษหนุ่มดื่มโลหิตของวานรเข้าไปคำใหญ่ จากนั้นก็ลุกขึ้นมายืน หญิงสาวที่งดงามสองคนปรากฏขึ้น ไม่ใช่ด้วยกายเนื้อ แต่เป็นร่างวิญญาณ ใครก็ตามที่ฉลาดรอบรู้เพียงมองไปแค่แวบเดียวก็จะทราบดีว่า นี่คือร่างวิญญาณสายลม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีแต่สมาชิกของกลุ่มวิญญาณสายลมเท่านั้นถึงจะมีได้ ในกลุ่มพวกมันมีสมาชิกส่วนน้อยเท่านั้นที่จะมีร่างเช่นนี้ได้ มีแต่ผู้ที่เกิดในรุ่นที่ถูกมอบหมายเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น ถึงจะเหมาะสมที่จะฝึกฝนเวทสายลมเช่นนี้ได้
หญิงสาวทั้งสองหยิบเสื้อคลุมขึ้นมา คลุมลงไปบนร่างของบุรุษหนุ่ม
ตำแหน่งที่สามเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยก้อนศิลาที่แตกหัก ซ้อนเรียงรายกันไปมานับไม่ถ้วน ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ก้อนศิลาธรรมดา แต่ละก้อนมาจากด้านนอกในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และกลายเป็นอุกกาบาตตกลงมาในสถานที่แห่งนี้
ทำให้สระน้ำนี้เต็มไปด้วยแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ และผู้ฝึกตนใดๆ ก็ตาม ที่อยู่ด้านในก็จะพบว่าเป็นเรื่องยากที่ก้าวเท้าออกไปได้แม้แต่ครึ่งก้าว เมื่ออยู่ในสระน้ำนี้ ก็รู้สึกราวกับว่าทั่วทั้งร่างถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา และถ้าบังคับให้ตนเองเดินออกไป ร่างกายก็อาจจะระเบิดขึ้นได้
ตอนนี้ มองเห็นบุรุษหนุ่มกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในส่วนลึกของสระน้ำ มันไม่มีเส้นผมบนศีรษะและสวมใส่ชุดยาวสีทอง เสียงแตกร้าวได้ยินมาดังก้องอยู่ภายในร่างมัน กายเนื้อของมันแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ทำให้มันสามารถจะพึ่งพาพลังกายเนื้อเพียงอย่างเดียว เพื่อต่อต้านแรงกดดันอันน่าตกใจที่อยู่รอบๆ ตัวมันได้
หลังจากที่ผ่านไปชั่วครู่ มันก็ลืมตาขึ้นมา ภายในดวงตาแต่ละข้าง มีภาพของดวงดาวปรากฏขึ้นดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
“น่าสนใจนัก เหรียญเต๋าเซียนโบราณ…ถ้าข้าได้มันมาครอบครอง และส่งมอบให้กับจื่อเซียงเซียนจื่อ ก็อาจจะทำให้นางรู้สึกประทับใจในตัวข้าขึ้นได้บ้าง” บุรุษหนุ่มศีรษะล้านยิ้มออกมาและลุกขึ้นมายืน มันเดินขึ้นมาจากสระน้ำ มาพบกับสองชายชราที่ยืนเฝ้าดูแล คอยปกป้องคุ้มครองอยู่ด้านข้าง
นอกจากบุคคลทั้งสามเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีอีกมากกว่าสิบคนจากดาวตงเซิ่ง ที่เลือกจะมาแข่งขันเนื่องในโอกาสอันพิเศษเฉพาะนี้
ในเวลาเดียวกันนั้น บุรุษหนุ่มที่ผอมบางกำลังยืนอยู่ในท่ามกลางทะเลทรายแห่งดาวซีเฮ่อ (สุขสันต์ตะวันตก) บุรุษผู้นั้นสวมใส่ชุดยาวสีเขียวที่กระพือพริ้วไปตามสายลม และมีกระบี่สะพายอยู่ที่ด้านหลัง ซึ่งกระจายกลิ่นอายกระบี่จำนวนมากออกมา จนทำให้ทะเลทรายรอบๆ บริเวณนั้นดูเหมือนจะคล้ายกับเป็นทะเลสาบแห่งกระบี่
บทเพลงแห่งเต๋าลอยไปมาอยู่ในอากาศ และทั่วทั้งบริเวณนั้นก็คล้ายกับเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่มันยืนอยู่ที่นั่น เหมือนกับว่ามันกำลังรับฟังใครบางคนด้วยความเคารพอยู่ หลังจากผ่านไปชั่วครู่ แสงอันเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้นในดวงตา
“วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณ…ข้ามีความรู้สึกแปลกๆ ว่าถ้าไม่ไป ข้าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน ถ้าเช่นนั้น…ข้าก็ควรจะลองไปดู” มันยิ้มน้อยๆ ออกมา จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงกระบี่พุ่งจนหายลับตาไป
ในสถานที่อีกแห่งบนดาวซีเฮ่อ หญิงสาวคลุมหน้านั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขา ปราณอสูรหมุนวนไปมา ทำให้สายลมและสายฟ้าม้วนตัวไปมาอยู่ในอากาศ ดวงตาหญิงสาวหลับอยู่ และกลิ่นอายของนางเหมือนจะเป็นอสูรก็ไม่ใช่ จะเป็นเซียนก็ไม่เชิง
“วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณ” นางพึมพำเสียงแผ่วเบา เป็นเสียงที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลเป็นอย่างยิ่ง “ดาวหนานเทียน…” นางยิ้มออกมา ขณะที่ดูเหมือนว่ากำลังหวนรำลึกนึกไปถึงภาพของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งอยู่
“ข้าจะไม่ไปหาสหายเก่าได้อย่างไรกัน? ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กน้อยนั่นได้บรรลุขั้นตัดวิญญาณแล้วหรือไม่?”
ในเวลาเดียวกันนั้น บนดาวเป่ยหลู (ขลุ่ยทิศเหนือ) ภาพอันน่าตกใจกำลังเกิดขึ้นอยู่
ตระกูลหลี่แห่งดินแดนด้านใต้ เป็นแค่สาขาย่อยเท่านั้น ตระกูลหลี่ที่แท้จริงมีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่งอยู่ในตี้จิ่วซานไห่ (ขุนเขาทะเลที่เก้า) ตอนนี้เรือเหาะขนาดใหญ่กำลังบินออกมาจากตระกูลหลี่ ซึ่งมีความยาวถึงหนึ่งหมื่นจ้าง ตรงหัวเรือยืนไว้ด้วยสมาชิกของตระกูลสิบคน กำลังมองออกไปที่ด้านนอก ขณะที่เรือพุ่งผ่านท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวไป
หนึ่งในสมาชิกของตระกูลเหล่านั้นเป็นหญิงสาวที่เย่อหยิ่งราวน้ำแข็ง กำลังนั่งตัวแข็งทื่อหลังตั้งตรงอยู่ที่ด้านหน้าของกลุ่มคน แสงจันทร์แวบขึ้นมาในดวงตานาง และมองเห็นสัญลักษณ์ของใบหลิวอยู่ตรงกลางระหว่างคิ้ว สีหน้านางเย็นชาราวกับก้อนน้ำแข็ง
“เหรียญเต๋าเซียนโบราณต้องเป็นของข้า!”
ยังมีสถานที่อีกสองแห่งบนดาวเป่ยหลู ซึ่งสามารถมองเห็นภาพอันน่าตกใจเช่นเดียวกันนี้ ในสถานที่แห่งหนึ่ง ชายชราทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นที่ด้านนอกของปากปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ มันประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ
“หลัวตานเสียวจู่ (นายน้อยหลัวตาน) ท่านปรมาจารย์มีคำสั่งลงมา ให้ท่านนำคนไปยังดาวหนานเทียน วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณได้เปิดออกแล้ว ท่านปรมาจารย์ต้องการให้ท่านได้ครอบครองโชควาสนาที่ดีที่สุด”
ตูม!
เงาร่างที่มีเปลวไฟปกคลุมเดินออกมาจากด้านในของปากปล่องภูเขาไฟ มาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าของชายชรา ขณะที่เปลวไฟซึ่งปกคลุมอยู่รอบๆ ร่างมัน ได้รวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นอีกาเปลวไฟบินมาเกาะอยู่ที่ไหล่ของมัน
มันเป็นบุรุษหนุ่มที่มีร่างกายกำยำสูงใหญ่ มีรอยแผลเป็นพาดผ่านจากหน้าผากลงมาจนถึงลำคอ ทำให้มีรูปลักษณ์ที่ดูน่ากลัว เสื้อผ้าของมันประกอบขึ้นมาจากสัญลักษณ์เวทแห่งเปลวไฟ ซึ่งหลอมรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นเสื้อผ้าชุดนี้
“ข้าเข้าใจแล้ว” มันกล่าวเสียงราบเรียบ จากนั้นก็พุ่งจนหายลับตาไป
ในสถานที่อีกแห่งหนึ่งเป็นป่าต้นไผ่สีดำสนิท ภายในซุ่มซ่อนไว้ด้วยวิญญาณของคนที่เพิ่งตายไปนับไม่ถ้วน ลอยไปมาอย่างวุ่นวาย บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนกิ่งก้านไม้ไผ่ มีหน้าตาที่หล่อเหลา พร้อมกับคิ้วที่คล้ายกระบี่และดวงตาที่คล้ายดวงดาว มันกำลังมองไปยังกิ่งไผ่ที่อยู่ใกล้เคียงด้วยดวงตาที่สาดประกายเจิดจ้า
บนกิ่งไผ่นั้นมีชายชราที่ดูคล้ายวานรอยู่ มันกำลังจ้องมายังบุรุษหนุ่มด้วยท่าทางเย่อหยิ่งและดูถูก บุรุษหนุ่มก็กำลังจ้องมองกลับไปที่มัน
“เจ้าต้องมากับข้า!” บุรุษหนุ่มกล่าว
“ไร้สาระ! สวี่เหยียเยี่ย (ท่านปู่สวี่) มีชื่อเสียงมานานหลายปี เจ้าคิดว่าข้าจะวิ่งไปทั่วพร้อมกับเด็กน้อยเช่นเจ้า? รีบไสหัวไปก่อนที่สวี่เหยียเยี่ยจะหมดความอดทนไปมากกว่านี้” ชายชราตอบโต้ด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งดูถูก
“ข้าแซ่หวัง!!” บุรุษหนุ่มกล่าวผ่านร่องฟัน
“หวังปา? (王八 หมายถึงภรรยาคบชู้ หรือด่าว่าเป็นเต่า)” ชายชรากล่าวอย่างหมดความอดทน โบกสะบัดมือ ทำให้บุรุษหนุ่มปลิวไปทางด้านหลัง โลหิตกระจายออกมาจากปาก
เมื่อมันลุกขึ้นมายืน ภูติผีก็ลอยมาหยุดอยู่ที่ด้านข้างบุรุษหนุ่ม และกระซิบไปที่หูของมัน ดวงตาของบุรุษหนุ่มแวบขึ้นด้วยความฉุนเฉียว
“ฝากไว้ก่อนเถอะเจ้าบัดซบชรา! หลังจากที่เสี่ยวเหยีย (ท่านปู่น้อย) ได้เหรียญเต๋าเซียนโบราณมา ข้าจะกลับมาที่นี่เคี่ยวเข็ญเจ้าให้ตาย! เจ้าเป็นของข้า!”
“ไสหัวไป ไสหัวไปให้กับสวี่เหยียเยี่ยอย่างไว!” เสียงที่หมดความอดทนของชายชราดังก้องไปมาอยู่ในป่าไผ่
วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณที่ถูกปลดผนึกออก ทำให้เกิดเป็นคลื่นลูกใหญ่ม้วนกวาดออกไป ทั่วทั้งตี้จิ่วซานไห่ (ขุนเขาทะเลที่เก้า) นอกจากสามดวงดาวอันยิ่งใหญ่แล้ว ก็ยังมีกลุ่มพลังอื่นๆ แห่งดาวหนานเทียนที่รับรู้ได้ถึงเรื่องนี้ หลายสำนักได้ออกคำสั่งส่งศิษย์ออกมาเพื่อต่อสู้แย่งชิงโชควาสนาในครั้งนี้
แม้แต่ตระกูลจี้แห่งขุนเขาที่เก้าก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน ตระกูลพวกมันตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของขุนเขาที่เก้า เป็นที่ซึ่งพวกมันใช้ควบคุมตี้จิ่วซานไห่ทั้งหมด!
ภายในตระกูลจี้ เงาร่างมากมายผ่านประตูเคลื่อนย้ายทางไกลเข้ามา หนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นเป็นบุรุษร่างผอมสูง ถูกห้อมล้อมด้วยกรรมที่หมุนวนไปมาอย่างไร้ขอบเขต ยากที่จะเห็นใบหน้ามันได้ชัดเจน แต่สมาชิกตระกูลจี้คนอื่นๆ ต่างก็ถอยไปด้านหลัง ด้วยสีหน้าที่เคารพยกย่องและคลั่งไคล้ ขณะที่มันใกล้เข้ามา
มันไม่พูดอะไรขณะที่ออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกล นั่งลงขัดสมาธิ เมื่อหลับตาลง กรรมอันไร้ขอบเขตก็พุ่งไปมาอยู่รอบๆ ร่างมัน กลายเป็นเส้นใยบางๆ ที่ส่องแสงเจิดจ้า เมื่อเส้นใยเหล่านั้นแตะสัมผัสโดนกันไปมา คนทั้งหมดที่มองไปยังภาพนั้นต่างก็ตาลาย รู้สึกราวกับว่าวิญญาณของพวกมันกำลังถูกดึงออกไป เกินกว่าที่พวกมันจะควบคุมได้โดยสิ้นเชิง
“วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณเปิดออกในตอนที่บุตรแห่งจี้นั่งเข้าฌาณตามลำพัง โดยที่ไม่อาจจะออกมาได้ ข้าคิดว่าจี้ยินไม่ควรจะไป!”
“ในตอนที่สามคนนั้นต่อสู้กับบุตรแห่งจี้เมื่อหลายปีก่อน ฟ้าดินตกอยู่ในความมืดมิด แม้แต่ตะวันและจันทรายังต้องสั่นสะเทือน ขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมดสั่นสะท้าน และมีผู้คนนับไม่ถ้วนเฝ้ามองมา…สุดท้ายจี้ยินก็พ่ายแพ้ แต่มันก็ยังคงแข็งแกร่ง และถูกมองว่าเป็นคู่แข่งหลักของผู้ถูกเลือกแห่งสามนิกายหกสำนัก, สามตระกูลใหญ่และห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
“ในรุ่นนี้…มีผู้คนไม่มากนักที่จะมาเทียบกับมันได้ ถึงแม้ข้าจะเคยได้ยินมาว่า ในตระกูลฟางมีใครบางคนนามว่าเว่ยกงจื่อเคยเอาชนะจี้ยินในการต่อสู้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ข้าก็ไม่ค่อยมั่นใจนักว่านั่นจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่…”
ทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้าตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย สำนักและตระกูลนับไม่ถ้วนเริ่มมีการเคลื่อนไหว ต่างก็ส่งศิษย์ผู้ถูกเลือกตรงไปยังดินแดนแห่งดาวหนานเทียน เพื่อที่จะได้ครอบครองโชควาสนาในวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณ
แม้แต่ในทะเลที่เก้า ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างขุนเขาที่เก้าและขุนเขาที่แปด ก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนเช่นเดียวกัน อาจจะกล่าวได้ว่ามันเป็นทะเล แต่จริงๆ แล้ว มันประกอบไปด้วยชิ้นส่วนของท้องฟ้ามากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งกระจายพลังลมปราณออกมา จากนั้นก็กลายเป็นทะเลแห่งหมอก
เสียงกระหึ่มกึกก้องได้ยินออกมาจากภายในทะเลแห่งดวงดาว ขณะที่ประตูขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมา เมื่อประตูนั้นปรากฏขึ้นที่ด้านบนของพื้นผิวทะเล มังกรทะเลนับไม่ถ้วนบินออกมา ร่างกายพวกมันสั่นสะท้านขณะที่หมอบกราบอยู่ที่เบื้องหน้าประตู ซึ่งกระจายแสงอันไร้ขอบเขต รวมทั้งบทเพลงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ออกมา แทบจะดูเหมือนว่ามีเทพเซียนนับไม่ถ้วนกำลังนั่งขัดสมาธิเพื่อเข้าฌาณอยู่รอบๆ ประตู เป็นพลังที่น่าตกใจอย่างถึงที่สุด
ประตูเปิดออกอย่างช้าๆ ทำให้มองเห็นโลกทั้งหมดได้
หญิงสาวเดินออกมาจากโลกแห่งนั้น นางมีผมที่ยาวเหยียดตรงลงไปถึงต้นขา มีความงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับว่าเสน่ห์ทั้งมวลในสวรรค์และปฐพี ได้มารวมอยู่ที่ตัวนางเพียงคนเดียว ขณะที่นางโบกสะบัดมือก็กระจายกลิ่นอายของกล้วยไม้ออกมา ทำให้ประตูที่ด้านหลังปิดลง และจากนั้นก็จมกลับลงไปใต้ก้นทะเล
“พิธีเต๋าเซียนโบราณของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ในตอนนี้ มีศิษย์หลักเพียงแค่สี่คนเท่านั้น” หญิงสาวพึมพำ “ซึ่งมีน้อยกว่าอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าของข้าหนึ่งคน ข้าไม่อาจจะปล่อยให้เหรียญเต๋าตกอยู่ในกำมือของคนอื่นอย่างเด็ดขาด” นางก้าวเท้าตรงไป และมังกรทะเลที่กำลังส่งเสียงแผดร้องคำราม ก็บินออกมาอยู่ใต้เท้านางอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็นำนางไปยังที่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว
ในจิ่วต้าซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่), ตระกูลฟางโบราณ, สามตระกูลใหญ่, สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่, ห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์, สามนิกายหกสำนัก…ทั้งหมดต่างก็ขยับตัวเคลื่อนไหว กลุ่มผู้ถูกเลือกมากมายต่างก็มุ่งหน้าตรงไปยังดาวหนานเทียน (สวรรค์ทิศใต้)