Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 812

ตอนที่ 812

ข้าคือผู้กวาดพื้น

ผู้ถูกเลือกสิบกว่าคนได้หยุดชะงักลง เมื่อพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ทั้งหมดต่างก็คิดว่าอาจจะมีใครบางคนมายังสถานที่แห่งนี้ก่อนหน้าพวกมัน แต่เมื่อได้เห็นเมิ่งฮ่าว พวกมันก็หยุดคิดเช่นนั้นไปในทันที

“มันคือ…”

“มันดูอายุยังน้อย แต่จากความรู้สึกที่มันกระจายออกมา ทำให้ดูเหมือนว่ามันคงอยู่มาตั้งแต่ครั้งสมัยโบราณจวบจนกระทั่งถึงตอนนี้! มันเป็นใคร?!”

“ดูที่เสื้อผ้ามัน! เห็นได้ชัดว่าได้ผ่านกาลเวลามานานปีนับไม่ถ้วน ดูสิ! เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้เสแสร้งแกล้งใส่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งเช่นนั้น เสื้อผ้าชุดนั้นเน่าเปื่อยไปเองขณะที่มันสวมใส่อยู่!”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า…ว่ามันคือผู้พิทักษ์เต๋าของวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณแห่งนี้!?”

“บรรยากาศที่เก่าแก่โบราณรอบๆ ตัวมัน เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะแปลกปลอมขึ้นมาได้ มันต้องเป็นของจริงอย่างแน่นอน!”

มันเป็นเรื่องจริงที่เมิ่งฮ่าวให้ความรู้สึกที่ว่า เขาไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่อยู่ในยุคสมัยปัจจุบันนี้ ตอนนี้ผู้อาวุโสของสำนักและตระกูลต่างๆ จากตี้จิ่วซานไห่ (ขุนเขาทะเลที่เก้า) ได้มาถึงแล้ว เมื่อพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เบื้องหน้าวิหารโบราณ จึงทำให้พวกมันต้องอ้าปากค้างขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

“คนผู้นี้มีกลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณ เช่นเดียวกับวิหารโบราณนั่น! เป็นไปได้หรือไม่ว่า…มันคือผู้พิทักษ์เต๋าที่แท้จริง?!”

“ครั้งหนึ่งข้าเคยได้ยินมาว่าในตี้จิ่วซานไห่ เมื่อวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณอีกสี่แห่งถูกเปิดออก ก็มักจะมีสิ่งที่แปลกๆ เกี่ยวกับพวกมัน หนึ่งในนั้นมีบุคคลที่คล้ายกับเป็นผู้พิทักษ์เต๋าปรากฏขึ้น!”

“แต่มัน…ดูอายุยังน้อยเกินไป! เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันมายังที่แห่งนี้ก่อนพวกเรา และพยายามที่จะมาหลอกลวงพวกเรา!?”

ความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ยินมา บางคนกำลังสั่นสะท้านใจ และบางคนก็รู้สึกสงสัย สำหรับผู้ถูกเลือก พวกมันเป็นกลุ่มคนที่มีความฉลาดเป็นอย่างยิ่ง เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการวางแผนใช้เล่ห์เหลี่ยม นอกจากนี้คนผู้หนึ่งก็ไม่ควรที่จะพึ่งพาแต่พรสวรรค์เท่านั้น เพื่อที่จะกลายเป็นผู้ถูกเลือกที่โดดเด่น

ถึงแม้ว่าพวกมันจะรู้สึกตกตะลึงอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ก็เริ่มที่จะมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความละเอียดรอบคอบขึ้นอย่างรวดเร็ว และแสงแปลกๆ ก็เริ่มปรากฏขึ้นในแววตาพวกมัน

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่ภายในใจเขากำลังตกตะลึง เมื่อได้ยินคำสนทนาตอบโต้ของพวกมัน จิตใจก็เริ่มเต้นรัวด้วยความกระตือรือร้น จากนั้นความเขินอายเล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นในส่วนลึกของแววตา หลังจากผ่านไปชั่วขณะ มันก็กลายเป็นความเคร่งขรึม และสายตาที่เรียบเฉยของเขาก็กวาดผ่านไปทั่วทั้งกลุ่มคน

เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของเขาพริ้วเป็นระลอกคลื่น ทั้งที่ไม่มีสายลมโชยพัด และกลิ่นอายอันเก่าแก่โบราณก็เริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น ขณะที่เขาจงใจทำให้บทเพลงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ดังออกมามากขึ้นกว่าเดิม เมิ่งฮ่าวค่อยๆ เริ่มกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วเก่าแก่โบราณเป็นอย่างมาก

“เซียนโบราณได้ถูกผนึกไว้ และเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็ตกลงมา ในสถานที่มรดกแห่งนี้ พวกเจ้าต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง…ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ให้ก้าวเท้าออกมา…ข้า…ได้เฝ้ารอคอยพวกเจ้ามาเป็นเวลานานแล้ว…” เขายกแขนขวาขึ้น และจากนั้นก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ อย่างไรก็ตาม การโบกสะบัดชายแขนเสื้อนี้ก็ไม่ได้ทำให้มีสิ่งใดๆ เกิดขึ้น

กลุ่มคนทั้งหมดมองไปรอบๆ บริเวณนั้นด้วยความระมัดระวังตัว ดวงตาสาดประกาย เมื่อได้เห็นว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้น ไท่หยางจื่อก็แค่นเสียงขึ้นมา

“รูปลักษณ์ราวกับเทพแต่กระทำลับๆ ล่อๆ ราวกับปีศาจ!” มันกล่าวขึ้น ก้าวเนิบนาบตรงไป แต่มันก็เดินไปได้แค่สามก้าวเท่านั้น ก่อนที่ทันใดนั้นมันก็หยุดชะงักนิ่ง และจ้องมองไปยังบางสิ่งที่อยู่ด้านหน้ามันด้วยความรู้สึกตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เมื่อกลุ่มฝูงชนมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ดวงตาพวกมันก็แวบขึ้น ฟางเซียงซานก้าวตรงไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เช่นเดียวกับฟางอวิ๋นอี้และฟางตงหาน หลังจากที่เดินไปได้สามก้าว พวกมันทั้งหมดก็สั่นสะท้าน และหยุดชะงักนิ่ง จากนั้นก็เริ่มหอบหายใจออกมา ขณะที่จ้องมองไปยังบางสิ่งบางอย่างที่เบื้องหน้า

แสงแปลกๆ มองเห็นได้ในดวงตาของจ้าวอีฝานแห่งสำนักกระบี่ไท่สิง ตัวมันตามมาด้วยหวังมู่ และซ่งหลัวตานแห่งตระกูลซ่ง ทั้งหมดต่างก็ก้าวเดินตรงไป และพวกมันก็หยุดนิ่งหลังจากที่เดินไปได้แค่สามก้าวเท่านั้น

ดวงตาหลี่หลิงเอ๋อร์แวบขึ้น ขณะที่นางก้าวตรงไป ตามมาด้วยจี้ยินซึ่งรอบๆ ร่างมันมีกรรมตระกูลจี้หมุนวนไปมา ตามมาด้วยฝานตงเอ๋อร์จากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า

ในที่สุด ผู้ถูกเลือกทั้งหมดก็ก้าวเท้าออกไป รวมทั้งผู้พิทักษ์เต๋าของพวกมันด้วย มีแต่จื่อเซียงเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่ด้านหลัง ขณะที่นางจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่นตรงเบื้องหน้าของวิหาร นางขยี้ตาอยู่สองสามครั้งด้วยความไม่อยากจะเชื่อ และจากนั้น…ก็แทบจะหัวเราะออกมา

ตอนนี้แทบจะทุกคนที่ก้าวเท้าตรงไป ทันทีที่พวกมันผ่านเข้าไปในเขตหนึ่งร้อยจ้างรอบๆ วิหาร พวกมันก็ต้องเผชิญหน้ากับภาพอันน่าตกใจ เช่นเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวได้เคยเห็นมาก่อน ในครั้งแรกที่เขาเข้ามายังที่แห่งนี้

มันเป็นภาพของพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ถูกสร้างขึ้นมาจากหินปูนสีเขียว เงาร่างมากมายนับไม่ถ้วนทำการฝึกตนอยู่ และบนแท่นบูชาที่สูงใหญ่ มีชายชรากำลังเทศนาเกี่ยวกับเต๋า ไม่อาจจะได้ยินเสียงของมันอย่างชัดเจน แต่เมื่อมันโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ตัวอักษร ‘เซียน’ ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น

แม่น้ำแห่งดวงดาวไหลผ่านท้องฟ้าไป ดวงตะวันและจันทราโผล่ขึ้นมาแล้วก็ตกลงไป มีคนปลิดดวงดาวลงมาจากท้องฟ้า และกระแทกลงไปบนพื้นเพื่อดึงเอาวิญญาณของดวงดาวออกมา มองเห็นสมรภูมิรบที่ดังกระหึ่มกึกก้อง และผู้คนได้รับความรู้แจ้งเกี่ยวกับเต๋า บุรุษผู้หนึ่งลุกขึ้นมายืนหัวเราะ และร่างกายมันเริ่มขยายขนาดใหญ่โตขึ้นจนยากที่จะจินตนาการได้ กระทั่งมองเห็นแต่นิ้วเท้าของมันเท่านั้น ร่างกายส่วนที่เหลือทั้งหมดของมัน…ไม่อาจจะมองเห็นได้

คนทั้งหมดสั่นสะท้านด้วยสิ่งที่มองเห็นนี้ พวกมันรู้สึกราวกับว่าได้ย้อนกลับเข้าไปในสมัยโบราณ จนทำให้จิตใจต้องหมุนคว้าง สิ่งที่พวกมันเห็นในตอนท้ายสุดก็คือเงาร่างที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เบื้องหน้า เป็นบุคคลที่ดูคล้ายกับ…เมิ่งฮ่าว!

ก่อนที่พวกมันจะทันได้มองดูอย่างละเอียด ภาพนั้นก็จางหายไปและทุกสรรพสิ่งก็กลับคืนมาเป็นปกติเหมือนเดิม คนทั้งหมดสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง แม้แต่ไท่หยางจื่อก็ยังต้องสั่นสะท้าน ขณะที่มันมองไปยังเมิ่งฮ่าว ตอนนี้มันไม่กล้าที่พูดเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้อีกแล้ว

ตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าสำหรับพวกมันแล้ว ตอนที่เมิ่งฮ่าวได้โบกสะบัดชายแขนเสื้อขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่าความสามารถศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ปรากฏขึ้น แต่มันคือเวทแห่งเต๋าที่ลึกล้ำเกินกว่าที่พวกมันจะเข้าใจได้

กลุ่มคนทั้งหมดสบตากันไปมา พวกมันไม่อยากจะเชื่อ แต่ภาพอันน่าตกใจนั้นก็เพิ่งจะทำให้พวกมันรู้สึกราวกับเป็นของจริง

ศิษย์หญิงสาวผู้หนึ่งประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับเมิ่งฮ่าว “ผู้อาวุโส…ท่านคือ…ผู้พิทักษ์เต๋าของที่แห่งนี้?”

เมื่อได้ยินคำถามของนาง คนทั้งหมดต่างก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความคาดหวัง ในขณะที่จื่อเซียงมีสีหน้าแปลกๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ผู้ถูกเลือกต่างก็จ้องนิ่งไปโดยสิ้นเชิง พวกมันอาจจะเพิ่งรู้สึกตกตะลึงไปเมื่อครู่นี้ แต่ดวงตาก็ยังคงสาดประกายเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ จ้าวอีฝานมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างละเอียด และแสงแห่งกระบี่ก็มองเห็นได้อยู่ในดวงตาของมัน

สีหน้าฝานตงเอ๋อร์สงบนิ่ง แต่ก็มองเห็นแสงอันคมกริบอยู่ในดวงตานาง ขณะที่ละสายตาจากเมิ่งฮ่าวไปยังวิหารที่อยู่ด้านหลัง

จี้ยินมีสีหน้าที่เย็นชา มันไม่กล่าวอะไรออกมาขณะที่ยืนอยู่ที่นั่น แต่แรงกดดันแปลกๆ ก็กระจายออกมาจากร่างมัน และมีกรรมที่หมุนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเหมือนเช่นเคย

พวกมันทั้งหมดต่างก็มองไปยังเมิ่งฮ่าว ตอนนี้เมิ่งฮ่าวกลายเป็นจุดสนใจของผู้ถูกเลือกในสำนักและตระกูลทั้งหมดแห่งตี้จิ่วซานไห่ ผู้คนมากมายได้มองไปที่เขาพร้อมกับดวงตาที่หดเล็กลง

“เหล่าฟูไม่ใช่ผู้พิทักษ์เต๋าของวิหารพิธีเต๋าแห่งนี้” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา “เป็นแค่คนกวาดพื้นเท่านั้น” ท่าทางระลึกถึงความทรงจำเมื่อในอดีต ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เป็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากชายชราที่สติไม่สมประกอบ ซึ่งอยู่ในห้องโถงของวิหาร

คำพูดของเขา ทำให้ผู้คนมากมายเริ่มหายใจเข้าไปอย่างรุนแรงขึ้นในทันที

“คนกวาดพื้น? ครั้งหนึ่งข้าเคยได้ยินมาว่า ในสถานที่โบราณหลายแห่งเช่นนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด ไม่ใช่ผู้พิทักษ์เต๋า แต่เป็นคนกวาดพื้นที่ดูไม่สะดุดตาผู้หนึ่ง!”

“ข้าก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน…” แม้ในขณะที่กลุ่มคนเริ่มพูดคุยกันในเรื่องนี้ บุรุษหนุ่มที่มีท่าทางเย่อหยิ่งก็ก้าวเท้าออกไป ใบหน้ามันบึ้งตึง สวมใส่ชุดที่ประดับตกแต่งอย่างหรูหรา พร้อมกับที่รัดผมอย่างสวยงาม พลังแห่งดวงดาวดูเหมือนจะหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ร่างมัน ขณะที่เดินออกมาจากกลุ่มฝูงชน

“นั่นคือจุ่นเต้าจื่อ (เสมือนบุตรแห่งเต๋า) แห่งนิกายตี้เซียน! (เซียนจักรพรรดิ)”

“ข้าเคยได้ยินมาว่า ครั้งหนึ่งมันเคยสังหารเซียนเทียมไปผู้หนึ่ง! แน่นอนว่ามันได้รับบาดเจ็บไปในครั้งนั้นด้วยเช่นกัน แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาของผู้ฝึกตนอาณาจักรวิญญาณ ที่สามารถจะทำได้เช่นนั้น!”

เสียงพูดคุยดังมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่บุรุษหนุ่มเดินเข้าไปในทิศทางของเมิ่งฮ่าว พร้อมกับศิษย์อีกสิบกว่าคนของนิกายตี้เซียน รวมทั้งชายชราที่ทำการปิดผนึกพื้นฐานฝึกตนของพวกมัน กลุ่มคนเหล่านี้ทั้งหมดมีสายตาที่เย็นชา และเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เมิ่งฮ่าวได้พูดมา

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้พิทักษ์เต๋า, คนกวาดพื้น หรืออาจจะทำให้ดูลึกลับน่าประหลาดใจ ให้ถอยออกไป! ข้ากำลังจะเข้าไปในวิหาร!”

ขณะที่พวกมันเข้ามาใกล้ สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็บึ้งตึงขึ้น ยกมือขึ้นมา และถึงแม้ว่าจะไม่มีสายลมอยู่ในบริเวณนั้น เสื้อผ้าของเขาก็พริ้วเป็นระลอกคลื่น อย่างน่าตกใจยิ่ง ไข่มุกดำขาวปรากฏขึ้นมาในฝ่ามือ กลายเป็นพลังที่เก่าแก่โบราณกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง

จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็นึกขึ้นได้ถึงวิธีที่ชายชราบนเรือได้มองไปเมื่อหลายปีก่อน และเขาก็ลอกเลียนแบบการมองเช่นเดียวกันนั้น ดวงตาเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณ ขณะที่มองไปยังบุรุษหนุ่มแห่งนิกายตี้เซียน

“หยุดอยู่ตรงนั้น!” เขากล่าวเสียงราบเรียบ ไข่มุกดำขาวกระจายแสงอันเจิดจ้าออกมา ในชั่วพริบตาก็ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวจะกระจายเจตจำนงที่เก่าแก่โบราณออกมาอย่างเข้มข้น

จุ่นเต้าจื่อแห่งนิกายตี้เซียนหยุดชะงักนิ่ง สีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นมันก็จ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าว

กลุ่มคนที่กำลังติดตามมันไป จริงๆ แล้วคือทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้น ทั้งหมดต่างก็จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว แต่ละคนไม่มั่นใจว่าเมิ่งฮ่าวกำลังจะทำอะไร และไม่ต้องการที่จะไปมีเรื่องกับเขา

“เซียนโบราณถูกปิดผนึกไว้ แต่ก็ไม่ได้จะหมายความว่า ใครก็ตามสามารถที่จะเข้าไป และได้รับความรู้แจ้งเกี่ยวกับวิหารพิธีเต๋าแห่งนี้ ผู้ใดสามารถบรรลุเต๋าของพวกมันถึงจะเข้าไปได้”

จุ่นเต้าจื่อแห่งนิกายตี้เซียนรู้สึกลังเล ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว มันมีความรู้สึกว่าเขาเต็มไปด้วยพลังอันลี้ลับบางอย่าง ถึงแม้ว่ายากที่จะมั่นใจได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ตามที มันมองกลับไปยังคนอื่นๆ ในกลุ่มฝูงชน และมองเห็นว่าคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน

ไม่มีใครพูดจาออกมา ตอนนี้ท้องฟ้ากำลังเริ่มมืดลงไป และดวงจันทร์ก็ได้ปรากฏขึ้น ทันใดนั้นสายลมก็เริ่มโชยพัด และเสียงหวีดหวิวก็ได้ยินมา ความมืดมิดเริ่มปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นดิน ในตอนนี้เองที่ฟางตงหานได้หัวเราะหึๆ อย่างเย็นชาออกมา และก้าวเท้าตรงไป พลังของมันพุ่งขึ้นมา และพลังอันเข้มข้นก็กระจายออกมาจากพื้นฐานฝึกตนของมัน

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ฟางโหม่ว (ผู้แซ่ฟาง) มาขอรับคำชี้แนะแล้ว!” มันพุ่งออกมา และกำลังจะโจมตีไปยังเมิ่งฮ่าว แต่เมิ่งฮ่าวก็พึมพำบางอย่างกับตนเอง ท้องฟ้าเริ่มมืดลงไป และเสียงหวีดหวิวของสายลมก็ทำให้เขามีความคิดขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็มองไปยังฟางตงหาน

เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นมาจากท่านั่งขัดสมาธิ ทำให้คนที่มุงดูอยู่ทั้งหมดเกิดความสนใจขึ้นมาในทันที พวกมันหลายคนกำลังระแวงสงสัยเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวมทั้งหมด และค่อนข้างจะไม่เชื่อว่าเขากำลังพูดความจริงอยู่

แม้แต่ดวงตาของฟางตงหานก็ต้องเบิกกว้างขึ้น ดูเผินๆ แล้ว การกระทำของมันดูเหมือนจะหุนหันพลันแล่น แต่จริงๆ แล้วมันเป็นคนที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง

ขณะที่คนทั้งหมดมองมา จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็หันศีรษะไปที่ด้านหลัง และหัวเราะเป็นเสียงดังขึ้น

“เส้นทางที่ไม่ถูกต้อง…มรดกได้ถูกตัดขาดไป…? ผ่านไปนานหลายปีมาแล้วตั้งแต่สงครามในครั้งนั้น…” เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดก็กลายเป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

“พวกมันทั้งหมดตกตายไป! พื้นดินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ! แม่น้ำแห่งดวงดาวถูกตัดขาด…” ทันใดนั้น ดูเหมือนว่าเขากำลังร้องไห้อยู่ และเริ่มก้าวเดินไปมา

“ตัดขาด! ข้าไม่อาจจะไปเกิดใหม่ได้ ต้องกลายเป็นวิญญาณภูติผีเท่านั้น…”

“หายไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างหายไปจนหมดสิ้น…”

คำพูดของเขาดูเหมือนว่าจะไปกระตุ้นปฏิกิริยาจากสิ่งแวดล้อมรอบๆ บริเวณนั้น สายลมเริ่มหนาวเย็นและพัดแรงขึ้น และเสียงร้องไห้ของหญิงสาวก็ลอยไปมาให้ได้ยิน พื้นดินสั่นสะเทือน สีหน้าของคนทั้งหมดเปลี่ยนไป ขณะที่ความมืดมิดได้ปกคลุมไปทั่ว ในตอนนี้เองที่…

“ช่วยข้าด้วย ข้าอยากจะกลับบ้าน…ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย ท่านผู้ยิ่งใหญ่…” เสียงที่หดหู่นั้นดังขึ้นมาจากพื้นดิน และความหนาวเหน็บอย่างน่าตกใจก็กระจายเต็มอยู่ในอากาศ เส้นผมสีดำลอยขึ้นมาจากบ่อน้ำที่อยู่ด้านในวิหาร เถาองุ่นห้อยย้อยตกลงมา และเริ่มกวัดแกว่งไปมา เสียงร้องไห้และเสียงหัวเราะดังเต็มอยู่ในอากาศ

มีเพียงแสงจางๆ มองเห็นได้จากเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ในตะเกียงน้ำมันสัมฤทธิ์เท่านั้น

เมื่อรวมเข้ากับเสียงของเมิ่งฮ่าว ทั้งหมดนั้นก็กลายเป็นภาพอันน่ากลัว จนทำให้เส้นผมของคนทั้งหมดต้องลุกตั้งชี้ชัน ผู้ถูกเลือกทั้งหมดที่เคยสงสัยในตัวเมิ่งฮ่าวก่อนหน้านี้ กำลังตกตะลึงอยู่ในตอนนี้ หนังศีรษะฟางตงหานด้านชา และมันก็รีบถอยไปทางด้านหลังในทันที จุ่นเต้าจื่อแห่งนิกายตี้เซียนอ้าปากค้าง และถอยโซเซไปทางด้านหลังด้วยความประหลาดใจ

เมิ่งฮ่าวร้องไห้และหัวเราะขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ด้านหน้าของวิหาร รู้สึกยินดีกับตัวเองเป็นอย่างยิ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!