ตอนที่ 819
ภาพแห่งสมัยโบราณแวบขึ้น
ในเวลาเดียวกันนั้น ภายในวงแหวนชั้นในแห่งทะเลเทียนเหอ น้ำทะเลกำลังเดือดพล่าน จู่ๆ ก็มีกลุ่มหมอกสีเทาลอยขึ้นมา กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
เรือโบราณค่อยๆ แหวกฝ่ากลุ่มหมอกออกมา เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ดูเหมือนว่าจะทำให้ภาพของโลกมากมายนับไม่ถ้วนได้แวบปรากฏขึ้นอยู่ภายในกลุ่มหมอก
แทบจะดูเหมือนว่าเรือลำนี้เพิ่งจะโผล่ออกมาจากสมัยโบราณ และตอนนี้ก็ได้มาปรากฏขึ้นในสมัยปัจจุบันนี้
ตรงหัวเรือเป็นชายชราที่สวมใส่ชุดเกราะนักรบที่ชำรุดทรุดโทรม เส้นผมที่ยาวของมันเป็นสีเงิน ยากที่จะมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน มองเห็นได้แต่ดวงตาที่ว่างเปล่าทั้งคู่ ซึ่งดูเหมือนกำลังจ้องมองออกไปในความเป็นนิรันดร์ กำลังค้นหาคำตอบสำหรับบางคำถามที่ไม่อาจจะตอบได้
ทันใดนั้น ชายชราก็เงยหน้าขึ้น และมองไปในทิศทางของวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณ ที่อยู่ห่างออกไปในดินแดนตะวันออก
“ใคร…ทำให้โลกสะเทือน?”
ระลอกคลื่นทั้งหมดที่กำลังกระจายออกไปทั่วทั้งดาวหนานเทียน ทันใดนั้นก็หายสาบสูญไป
ด้านนอกของเจดีย์แห่งถัง บิดามารดาเมิ่งฮ่าวรับฟังคำพูดของสุ่ยตงหลิว และกำลังสะท้านอยู่ภายในใจ
“ไม่อาจจะทำนายได้ มันได้เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนเองไปแล้ว”
“เจ้าทั้งสองต้องไม่สอดมือเข้าไป การเพิ่มกรรมมากเกินไปจะเป็นผลร้ายต่อมัน…มัน…กำลังเชื่อมต่อกับดาวหนานเทียนด้วยโชคชะตา”
“ผู้อาวุโส…” บิดาเมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกกังวล ขณะที่มองไปยังสุ่ยตงหลิว
“หายนะ…กำลังใกล้เข้ามา” สุ่ยตงหลิวพึมพำ “ข้ามองเห็นซากศพมากมายนับไม่ถ้วน และแม่น้ำแห่งโลหิตอย่างไร้จุดจบ ข้ามองเห็นหายนะที่ทำให้ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวเหลือเพียงแค่ขุนเขาที่เก้าเท่านั้น ความหายนะนั้น…ใกล้เข้ามาแล้ว”
“สิ่งมีชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยอ่อนแอจนไม่อาจจะข้ามเข้ามาจากในสมัยโบราณ แต่ตอนนี้มันได้เข้มแข็งขึ้น เพื่อกลับมาล้างแค้น…”
“ความเป็นศัตรูนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ต้นเหตุของมันคืออะไร? ลืมไปแล้ว…ทั้งหมดนี้ถูกลืมไปหมดสิ้น…ไม่มีใครจดจำได้อีกต่อไป…”
“พวกมัน…ควบคุมกฎแห่งสวรรค์ และพวกมันกำลังเดินทางมา” ท่านส่ายหน้าอย่างช้าๆ
เวลาเดียวกันนั้น ในส่วนลึกของเขตเทือกเขา ในวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณ พื้นดินกำลังสั่นไหวไปมาอยู่ที่ด้านนอกของวิหาร คนทั้งหมดต่างก็ประหลาดใจ ขณะที่พวกมันได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญผสมรวมเข้ากับเสียงหัวเราะ และเสียงกระหึ่มกึกก้องที่ดังขึ้นมาจากส่วนลึกของพื้นดินที่ด้านล่าง จากนั้นพวกมันก็มองเห็นวิหารทั้งหลังกำลังสั่นไปมา รอยแตกร้าวกระจายออกไป และทันใดนั้นภาพลวงตาของวิหารพิธีเต๋าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ภายในห้องโถงวิหาร ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาว สิ่งทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือยกตะเกียงสัมฤทธิ์นี้ขึ้นมา ดังนั้นเสียงกระหึ่มกึกก้องและพื้นดินที่กำลังสั่นไหวไปมา ทำให้ดวงตาเขาต้องเบิกกว้าง
ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะยกมือแยกออกมาจากตะเกียงสัมฤทธิ์ได้ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงเสียดแทงเข้าไปในมือ ทำให้ผิวหนังฉีกขาดออก และโลหิตก็พุ่งกระจายออกไป และจากนั้นก็ถูกตะเกียงสัมฤทธิ์ดูดซับเข้าไป
หลังจากที่ดูดซับโลหิต เปลวไฟของตะเกียงก็ลุกไหม้สว่างจ้ามากขึ้น กระจายแสงสีแดงออกมา ซึ่งดูเหมือนจะสามารถแทงทะลุอากาศ และฉีกกระชากเกราะป้องกันของสมัยโบราณให้เปิดออกมาได้ ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
ภาพรอบๆ ตัวเขาเริ่มโคจรหมุนวน อย่างรวดเร็วมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกมันหมุนวนอย่างรุนแรงจนก่อตัวกันเป็นกระแสน้ำวน
ยากที่จะบอกว่ามันได้เกิดขึ้นนานเท่าใดแล้ว แต่ในตอนนี้เองที่จู่ๆ กระแสน้ำวนก็หยุดการเคลื่อนไหว เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านมองไปรอบๆ และเห็นว่า…วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณยังคงเป็นเช่นเดิมเหมือนกับตอนที่เขาเคยเห็นมาก่อน เขาได้ยินเสียงเทศนาที่เกี่ยวกับเต๋า และคนทั้งหมดต่างก็นั่งขัดสมาธิอยู่ภายใต้แม่น้ำแห่งดวงดาว
บนแท่นบูชาเป็นชายชราที่กำลังโบกสะบัดมือ ทำให้ทุกสรรพสิ่งในสวรรค์และปฐพี ทันใดนั้นก็ไหลย้อนกลับ ตัวอักษร ‘仙’ (เซียน) ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น
สายตานับไม่ถ้วนมองมาที่เขา และจิตใจเมิ่งฮ่าวก็หมุนคว้าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นนี้ช่างน่าเหลือเชื่อนัก และเขาแทบไม่อยากจะเชื่อมัน
ต่อจากนั้น ตะเกียงก็เริ่มดูดซับโลหิตของเขาเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าเขาซีดขาวขณะที่โลกรอบๆ ตัวหมุนเคว้งคว้าง เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหวขึ้นอีกครั้ง อย่างน่าตกใจยิ่ง เมิ่งฮ่าวพบว่าตนเองกำลังมองออกไปยังโลกแห่งอื่น
มองเห็นมือขนาดใหญ่อยู่ในท้องฟ้า ซึ่งกระแทกลงไปบนพื้นตรงๆ มีผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนกำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย พวกมันถูกโจมตีโดยดวงดาวที่อยู่นอกท้องฟ้า และกลายมาเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของพวกที่โจมตีมา
พื้นดินขนาดใหญ่มหาศาลฉีกขาดออก และพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าเพื่อทำการป้องกัน
มีเงาร่างที่เลือนลางอยู่มากมาย ซึ่งมีแสงดาวสาดประกายอยู่บนหน้าผาก ด้านข้างมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนอยู่นับไม่ถ้วน พร้อมกับหนวดที่ยืดยาวออกมา มีขนาดใหญ่เท่าดวงดาว ทำให้มีการตายเกิดขึ้นไปทั่วทุกทิศทาง
เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะบอกได้ว่าใครเป็นสหายหรือศัตรู กลุ่มกองกำลังมากมายต่างก็ต่อสู้กันไปมาอยู่ทั้งหมด ที่ห่างไกลออกไป เขามองเห็นรอยแยกขนาดใหญ่ฉีกขาดออกเผยให้เห็น…ดวงตะวันเก้าดวง!
ดวงตะวันทั้งเก้านี้ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะเทือน ทำให้ความว่างเปล่าแตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ และทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต้องแตกดับไป!
คาดไม่ถึงว่า ดวงตะวันทั้งเก้าดวงกำลังฉุดลากรูปปั้นศิลาขนาดใหญ่ขึ้นมาจากรอยแยกนั้น รูปปั้นนั้นเป็นรูปปั้นของบุรุษที่มีหน้าตาธรรมดา แต่ก็กระจายกลิ่นอายที่ยากจะลืมเลือนออกมา!
เงามืดขนาดใหญ่อย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้เริ่มกระจายออกไป เห็นได้ชัดว่ามีความตั้งใจที่จะปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จากที่เห็นจะพบว่ามันเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดและโดดเด่นไม่เหมือนใครโดยสิ้นเชิง
ผู้คนเริ่มร้องขึ้นมาด้วยความแตกตื่นตกใจ ตะโกนขึ้นเกี่ยวกับเต๋าแห่งสวรรค์…
ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า จากทิศทางที่แตกต่างกัน มองเห็นผีเสื้อเก้าตัวกำลังโบยบินใกล้เข้ามา พวกมันมีขนาดใหญ่มากกว่าสิ่งใดๆ จนยากที่จะอธิบายออกมาได้ ในตอนที่พวกมันปรากฏขึ้น สิ่งที่ดูคล้ายกับเป็นประตูซึ่งนำไปสู่โลกอื่นก็เปิดออกอยู่บนร่างของพวกมัน ภายในนั้นมีเงาร่างของกลุ่มเมฆโผล่ออกมา ที่ยิ่งน่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า ที่ด้านหลังของผีเสื้อ เมิ่งฮ่าวมองเห็นสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นดินแดนขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังแผ่กระจายเต็มไปทั่วทั้งท้องฟ้าขณะที่มันใกล้เข้ามา
“โลกแห่งเซียนเป็นต้นเหตุแห่งความวุ่นวายทั้งปวง! เซียนคือจุดสูงสุดแห่งมาร!” ยากที่จะบอกได้ว่าเสียงนั้นดังออกมาจากปากใคร ในภาพที่เมิ่งฮ่าวได้เห็น มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถมองเห็นได้คือดวงตะวันทั้งเก้า, ผีเสื้อเก้าตัว และด้านล่างเป็นเก้าขุนเขาอันน่าตกใจ
เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังเต็มไปทั่วทุกสรรพสิ่ง และจากนั้นภาพก็จางหายไป จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้าง และทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ อีกครั้งที่กระแสน้ำวนก่อตัวขึ้นมา โดยมีเมิ่งฮ่าวเป็นจุดศูนย์กลาง เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งจากในสมัยโบราณ และก้าวเท้าเข้าไปในห้องโถงวิหาร
โลหิตเกือบทั้งหมดของเขาได้ถูกดูดออกไปจากร่าง เข้าไปในตะเกียงสัมฤทธิ์ สำหรับตะเกียง…มันลอยขึ้นไปเองในอากาศ อยู่เหนือศีรษะเมิ่งฮ่าว ในตอนนี้มันกำลังเปล่งแสงริบหรี่ออกมา
ในตอนนี้เองที่ท้องฟ้าด้านนอก…เริ่มสว่างจ้าขึ้น!
ในตอนที่ยามรุ่งอรุณจางหายไป ตะเกียงสัมฤทธิ์ที่ด้านบนศีรษะเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น และกลายเป็นก้อนถ่านสีแดงเพลิง มันไม่ได้ดับลงไป แต่เริ่มอ่อนจางลง กลุ่มควันสีเขียวไหลซึมเข้าไปในปาก, จมูก, หูและดวงตาของเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นเขาก็พบกับความแจ่มใสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และดวงตาก็สาดประกายด้วยความเจิดจ้า เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาลังเล ตามติดมาด้วยเงาที่เป็นร่างจริงที่สองของเขา เมิ่งฮ่าวปรากฏตัวออกมาจากห้องโถงวิหาร โบกสะบัดชายแขนเสื้อรวบรวมไท่หยางจื่อและซ่งหลัวตานไว้ จากนั้นเขาก็โยนพวกมันเข้าไปในถุงสมบัติ จ้องมองไปยังบ่อน้ำ ซึ่งยังคงถูกผนึกไว้ด้วยขุนเขาที่เก้า และจากนั้นก็ออกไปจากลานวิหารอย่างไม่รีรอ
เมื่อเมิ่งฮ่าวโผล่ออกมาจากประตูใหญ่ เขาก็เห็นคนทั้งหมดที่ด้านนอก มีสีหน้าว่างเปล่างุนงง เห็นได้ชัดว่าพวกมันยังคงติดอยู่ในภาพของสมัยโบราณ แม้แต่บุตรแห่งจี้ก็กำลังสั่นสะท้านอยู่
เมิ่งฮ่าวเริ่มบินขึ้นไปในทันที แต่ลำแสงกระบี่ก็กรีดร้องเป็นเสียงแหลมเล็ก แหวกฝ่าอากาศพุ่งตรงมา ก่อนที่เขาจะไปได้ไกล ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นจ้าวอีฝาน!
กลายเป็นว่า มันคือคนแรกที่ตื่นขึ้นมาจากห้วงภวังค์!
ผู้คนเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมามากขึ้น และเมื่อมองเห็นเมิ่งฮ่าว พวกมันก็ปลดปล่อยวิชาเวท ขณะที่ไล่ติดตามเขามาในทันที
“ข้ามอบวิหารพิธีเต๋านี้ให้กับพวกเจ้า!” เมิ่งฮ่าวร้องตะโกนออกมา ทันใดนั้นรถศึกได้ปรากฏขึ้น และพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ พลังเวทจากพวกที่ไล่ล่าติดตามมา แทบจะปกคลุมไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว
โชคดีที่เขาไม่ได้หยุดชะงักไปแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น จิตใจก็แจ่มใสขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ อันเนื่องมาจากตะเกียงสัมฤทธิ์ คนอื่นๆ ทั้งหมด แม้แต่จ้าวอีฝาน ก็เพิ่งจะได้สติกลับคืนมา และด้วยเช่นนั้น ทำให้พบว่ายากที่จะใช้พลังจากพื้นฐานฝึกตนของพวกมันออกมาทั้งหมดได้
เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ และเมิ่งฮ่าวก็กระอักโลหิตออกมากองโต อย่างไรก็ตามเขากำลังถูกไล่ล่าอย่างไม่ลดละ ดังนั้นเขาจึงพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังเส้นทางแคบๆ ที่มีหน้าผาสูงชันอยู่สองข้างทาง
โชคร้ายที่อากาศบริเวณนั้นเป็นเขตหวงห้าม จึงเห็นได้ชัดว่ารถศึกเริ่มยากที่จะลอยตัวได้อีกต่อไป มันเริ่มมีความเร็วลดลงในทันทีที่ผ่านเข้าไปในช่องทางแคบๆ นั้น จนกระทั่งในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ถูกบังคับให้ต้องเก็บรถศึกไว้ ทันทีที่แตะสัมผัสไปบนพื้นดิน เขาก็พุ่งออกไปราวกับเป็นธนูที่หลุดออกจากแหล่ง เสียงหวีดหวิวได้ยินมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งจนหายลับตาไป
มีผู้คนนับร้อยกำลังไล่ล่าติดตามมา ถึงแม้ว่าไม่มีใครเป็นผู้ถูกเลือก แต่พวกมันคือผู้พิทักษ์เต๋าจากสำนักและตระกูลต่างๆ มีแต่ภูเขาไท่หยางและตระกูลซ่งเท่านั้น ที่ส่งกองกำลังทั้งหมดของพวกมันมาไล่ตามเขาไป
สำหรับผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ หลังจากที่ได้สติกลับคืนมา ก็มองไปยังวิหารที่ว่างเปล่า และจากนั้นก็พุ่งเข้าไป
ทันทีที่พวกมันผ่านเข้าไป ภูเขาที่อยู่ด้านบนบ่อน้ำก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และเสียงแผดร้องของหญิงสาวก็ได้ยินมา
“เมิ่งฮ่าว! เรื่องระหว่างพวกเราจะไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้!” ฝานตงเอ๋อร์ลอยขึ้นมาจากภายในบ่อน้ำ ใบหน้าซีดขาวและเส้นผมก็ยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ทั้งหมดที่หลงใหลในความงามของนาง กำลังจะวิ่งเข้าไปหา แต่ทันใดนั้นพวกมันก็ต้องอ้าปากค้าง มองไปยังฝานตงเอ๋อร์ด้วยความประหลาดใจ และค่อยๆ เริ่มถอยไปทางด้านหลังอย่างช้าๆ
ฝานตงเอ๋อร์อ้าปากค้าง และมีสีหน้าสลดลง จากนั้นนางก็ยกมือขวาขึ้น แสงเจิดจ้าแวบขึ้นมา และกระจกก็ปรากฏขึ้น เมื่อนางมองเข้าไปในกระจก ก็สามารถมองเห็นใบหน้าของตนเอง ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างซีดขาวไปบ้าง แต่นางก็ยังคงงดงามเหมือนเช่นเคย
นางถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา ยกเว้นแต่…
“ตงเอ๋อร์ ดะ-ด้านหลังท่าน!!”
“มีบางคนอยู่ด้านหลังท่าน!!”
“ทะ-ทำไม…ท่านถึงได้แบกซากศพขึ้นมาด้วย…?”
ในตอนนี้เองที่ฝานตงเอ๋อร์มองเห็นบางสิ่งบางอย่างอยู่ในภาพสะท้อนของกระจก ด้านหลังนาง…มีซากศพของหญิงสาวลอยอยู่ เป็นซากศพเดียวกับที่ได้ทรมานนางอยู่ในบ่อน้ำ
ฝานตงเอ๋อร์รู้สึกราวกับว่าศีรษะนางกำลังจะระเบิดออก ทันใดนั้นนางก็บินขึ้นไปในอากาศ แต่ก็พบว่าซากศพนั้นก็กระทำเช่นเดียวกัน แทบจะราวกับว่าวิญญาณของคนทั้งสองได้เชื่อมต่อกัน เห็นได้ชัดว่า มันจะติดตามนางไปทั่วทุกที่ ไม่ว่านางจะไปยังที่แห่งใดก็ตามแต่
ฝานตงเอ๋อร์ไม่เคยคาดคิดว่าเหตุการณ์จะกลับกลายเป็นเช่นนี้มาก่อน ไม่ว่านางจะไปที่ไหน ก็จะถูกซากศพที่จมอยู่ในน้ำมานานนับล้านปีติดตามไป…เรื่องเช่นนี้ต้องทำให้ขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมดต้องตกตะลึงขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อไหร่ที่เรื่องราวเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกไป
ฝานตงเอ๋อร์กรีดร้องออกมา…
“เมิ่งฮ่าว ข้าต้องสังหารเจ้า สังหารเจ้าให้จงได้!!”
ในตอนนี้ ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ เข้ามาในห้องโถงวิหารแล้ว พวกมันมองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็บินออกไปจากวิหารในทันที รอยแตกร้าวกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว และพื้นดินก็แตกกระจายกลายเป็นหุบเหว ซึ่งวิหารทั้งหลังได้ตกลงไปในทันที!
โชคดีที่คนทั้งหมดเคลื่อนที่ออกไปด้วยความรวดเร็วอย่างทันท่วงที ทำให้ไม่มีใครติดอยู่ในซากปรักหักพังนั้น แต่พวกมันทั้งหมดก็มองกลับไปด้วยความตกตะลึง ขณะที่วิหารส่วนที่เหลือกำลังจมลงไปในพื้นดิน หลังจากนั้น พื้นดินก็กลับคืนเป็นปกติเหมือนเดิม ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรอยู่ที่นั่นมาก่อน…
“บัดซบ! เห็นได้ชัดว่าตะเกียงสัมฤทธิ์ที่เมิ่งฮ่าวนำไป เป็นของวิเศษอันล้ำค่าแห่งวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณนี้!”
“มันต้องมีเหรียญเต๋าเซียนโบราณด้วยอย่างแน่นอน!”
“ตามมันไป! อากาศที่นี่ถูกจำกัดไว้ ดังนั้นมันไม่อาจจะหลบหนีไปได้ไกล ปิดผนึกเทือกเขานี้ทั้งหมด! สกัดกั้นทางอากาศ! ต่อให้ต้องขุดพื้นลึกลงไปถึงสามจ้างก็ต้องหามันให้พบให้จงได้!”