ตอนที่ 833
นักต้มตุ๋นมือสมัครเล่น
เมิ่งฮ่าวหันหน้ามองไปยังฟางเซียงซาน และทันใดนั้นนางก็หยิบเอาขวดที่แตกร้าวออกมาจากถุงสมบัติ
“ถังเกอ นี่คือสิ่งที่ข้าพบอยู่ในเขตเทือกเขา มันมีบทเพลงแห่งเต๋าอยู่ข้างใน…”
นางรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกแทงอยู่ในจิตใจ แต่เมื่อคิดไปถึงชะตากรรมของฟางอวิ๋นอี้ที่นางเพิ่งจะได้เห็นไปเมื่อครู่นี้ ก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรนอกจากยื่นส่งขวดใบนั้นออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางคิดไปถึงคำพูดทั้งหมดที่ได้กล่าวออกไปต่อหน้าบิดาและมารดาของเมิ่งฮ่าว เมื่อคิดไปถึงเรื่องนี้ก็ทำให้หนังศีรษะนางต้องด้านชา
นอกจากนั้นเมิ่งฮ่าวจะลืมคำพูดอันเลวร้ายทั้งหมด ที่นางเพิ่งจะพูดไปเมื่อครู่นี้ได้อย่างไรกัน? เขายื่นมือออกไปหยิบเอาขวดใบนั้นมา มองดูไปที่มันจากนั้นก็โยนกลับไปให้กับฟางเซียงซาน ขวดใบนั้นเป็นที่คุ้นเคยดีสำหรับเขา มีขวดเช่นนั้นอยู่มากมายที่ด้านในของวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณ
ถึงแม้ว่ามันจะมีบทเพลงแห่งเต๋าอยู่ภายใน แต่ก็เป็นเพราะว่ามันได้อยู่ที่ด้านในของวิหารมาเป็นเวลานานแล้ว
โดยไม่สนใจฟางเซียงซานอีก เมิ่งฮ่าวหมุนตัวและกลายเป็นลำแสงหลากสี พุ่งออกไปยังที่ห่างไกล ในที่สุดเมื่อเขาหายลับตาไป สามผู้พิทักษ์เต๋าต่างก็ถอนหายใจออกมา และไปช่วยพยุงร่างฟางอวิ๋นอี้ให้ลุกขึ้นมายืน จากนั้นก็นำมันและฟางเซียงซานที่กำลังหวาดกลัวพุ่งจนหายลับไป
สองสามวันแวบผ่านไป ในช่วงเวลานั้น เมิ่งฮ่าวได้เดินทางไปรอบๆ ดินแดนตะวันออก ส่วนใหญ่แล้วก็อยู่ในบริเวณรอบๆ ของเทือกเขาวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณ เขาไม่ได้เปิดเผยกลิ่นอายหรือตัวตนของตัวเองออกมา แต่ปกปิดมันด้วยหมวกไม้ไผ่
สำหรับเสื้อผ้า เขาหยิบเอาชุดยาวที่เป็นของซุนไห่แห่งนิกายตี้เซียนออกมาสวมใส่ ท่องตระเวนไปทั่วในพื้นที่แถบนั้นอย่างช้าๆ เพื่อเฝ้ารอคอย
เฝ้ารอ…สองโจรบัดซบนั้น!
“พวกมันกล้าดีอย่างไร ถึงได้มาขโมยการค้าของข้า!” เขาคิดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด เมิ่งฮ่าวได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับสองโจรผู้ลึกลับ ที่มาขโมยเอาสิ่งของทั้งหมดที่เป็นของเขาไปมานานแล้ว
“ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิด ข้าน่าจะรู้ว่าเจ้าตัวที่ไร้ยางอายนี้คือใคร!” เขาแค่นเสียงเย็นชา ขณะที่บินอยู่ในกลางอากาศ
“เจ้าสองตัวบัดซบนั่นได้หลบหนีจากไป ในช่วงที่ข้าต่อสู้กับปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง และไม่เคยจะโผล่หน้าออกมาเลยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ครั้งนี้ข้าจะต้องล่าพวกมันมาให้จงได้!” ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เมิ่งฮ่าวมั่นใจว่าต้องเป็นผีโต้งและนกแก้ว ที่สามารถกระทำเรื่องเช่นนี้ได้ และทำให้เขาต้องสูญเสียไปอย่างมากมาย
“แต่เจ้าสองตัวบัดซบนั่นไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แล้วพวกมันสามารถไปปล้นผู้ถูกเลือกมากมายได้อย่างไรกัน?” เมิ่งฮ่าวอยากรู้อยากเห็นต่อเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง มันเป็นหนึ่งในเรื่องที่เขาไม่อาจจะรู้ได้
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า พวกมันอาจจะได้รับโชควาสนาบางอย่างมา?” เขาครุ่นคิดด้วยความสงสัย บินฝ่าอากาศไปอย่างต่อเนื่องในอาณาเขตที่ใกล้กับเทือกเขา สามวันผ่านไป จนกระทั่งในที่สุดเขาก็บินเข้าไปยังกำแพงเมืองด้านหนึ่งของดินแดนตะวันออก จ้องมองไปจากนั้นก็ค่อยๆ บินไปรอบๆ เมืองอย่างช้าๆ ด้วยความจงใจสองสามรอบ ก่อนจะในที่สุดก็พุ่งออกไปยังที่ห่างไกล
สิ่งที่เขาไม่ได้สังเกตเห็นก็คือว่า ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง มีสายตาสองคู่กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ
คนทั้งสองมีรูปร่างที่สูงใหญ่กำยำ กำลังนั่งดื่มสุราและกินเนื้ออยู่ในเหลาสุรา หนึ่งในพวกมันนั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้ อีกคนกำลังนั่งยองๆ อยู่ข้างโต๊ะ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นท่าร่างที่สะดวกสบายสำหรับคนทั้งสองนี้
ที่แปลกมากไปกว่านั้นก็คือว่า ผู้ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ที่นั่งขัดสมาธิดื่มสุราอยู่ในเหลา และมักจะโยนเนื้อชิ้นใหญ่เข้าไปในปาก กัดเคี้ยวลงไปในคำเดียว สำหรับบุรุษอีกคน มัน…มักจะจิกอาหารจนแทบจะเหมือนกับท่าทางของวิหค
“เจ้าเห็นนั่นหรือไม่?” บุรุษที่คล้ายวิหคพูดขึ้น กระพริบตาไปมา และจากนั้นแสงอันเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้นในดวงตามัน ขณะที่มองดูเมิ่งฮ่าวหายลับตาไปในที่ห่างไกล
“หือ?” บุรุษอีกคนกล่าว จ้องมองขึ้นไปยังเงาร่างที่ล่าถอยออกไปของเมิ่งฮ่าว
“เจ้าโง่! ช่างโง่เขลานัก! มีสมองบ้างหรือไม่!?” บุรุษที่คล้ายวิหคกล่าว ตบลงไปยังศีรษะของบุรุษอีกคนอย่างแรง
“อู่เหยียลากพาเจ้าไปทั่วมานานหลายปีแล้วจนถึงตอนนี้! แต่เจ้าก็ยังคงโง่เขลาอยู่เช่นนี้!?!?”
“เจ้ากำลังจะทำอะไร?!” บุรุษร่างสูงใหญ่แผดร้องคำราม เศษอาหารพ่นกระจายออกมาจากปาก เผยให้เห็นประจุไฟฟ้าที่เต้นไปมาอยู่ข้างใน “เจ้ากำลังเป็นคนที่ไร้ศีลธรรม! เจ้ากำลังเป็นคนที่ไร้ยางอาย! นี่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง! ข้าจะเปลี่ยนแปลงเจ้า!!”
“เงียบก่อน” บุรุษที่คล้ายวิหคกล่าวด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง “ฟังข้านะ เจ้าเห็นคนที่สวมหมวกไม้ไผ่นั่นหรือไม่? มันกำลังปิดบังกลิ่นอายของมันไว้ หมวกนั่นต้องเป็นของวิเศษบางอย่างอย่างแน่นอน!”
“ของวิเศษ!?” บุรุษร่างสูงใหญ่กล่าว ดวงตาเกิดเป็นสายฟ้าขึ้นมา
“ใช่แล้ว ต้องเป็นของวิเศษอย่างแน่นอน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของข้า ผู้คนที่มีของวิเศษเช่นนั้นมักจะเป็นคนที่อ่อนแอ โดยหลักการแล้วพวกมันคือลูกแกะที่รอการถูกเชือด!”
“จงเชื่อมั่นในอู่เหยีย คนผู้นั้นต้องอ่อนแออย่างแน่นอน! ยิ่งไปกว่านั้น พื้นฐานฝึกตนของมันก็อาจจะไม่สูงมากนัก แต่ถุงสมบัติของมันอาจจะมีสิ่งของอยู่มากมาย เจ้าเห็นเสื้อผ้าของมันหรือไม่? เมื่อไม่นานมานี้ พวกเราเคยปล้นคนที่สวมใส่เสื้อผ้าเช่นนั้นมาก่อน”
“ที่สำคัญมากไปกว่านั้น เห็นได้ชัดว่ามันไม่ต้องการให้ใครจดจำมันได้ ซึ่งบ่งบอกว่ามันมีความลับซ่อนอยู่! ต้องเป็นความลับอย่างแน่นอน!” บุรุษที่คล้ายวิหคเริ่มรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปเรื่อยๆ
“ความลับ!” บุรุษร่างสูงใหญ่อุทานออกมา ดวงตาสาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้า
“ด้วยความลับเช่นนั้น และพื้นฐานฝึกตนที่อ่อนแอ รวมทั้งถุงสมบัติที่เต็มแน่น…มันจึงสุกพร้อมที่จะถูกถอนขนแล้วอย่างแน่นอน นอกจากนี้ เพียงมองแค่แวบเดียว ก็สามารถบอกได้เลยว่ามันคือคนที่รู้จักการแต่งตัวเป็นอย่างดี มันเป็นเหยื่อที่เหมาะสมสำหรับพวกเรามาก เชื่อข้า ถ้าพวกเราสามารถกวาดมันมาได้ทั้งหมด พวกเราก็จะมีชีวิตอยู่อย่างสะดวกสบายมากขึ้น” บุรุษที่คล้ายวิหคยิ่งมีความตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม
ดวงตาบุรุษร่างสูงใหญ่สาดประกายเจิดจ้า แต่จากนั้นมันก็ลังเล
“แต่พวกเราก็ทำพลาดมาแล้วหลายครั้ง และยังแทบจะถูกจับได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ เมื่อไหร่ที่เจ้าใช้รูปร่างหน้าตาของมัน พวกเราก็จะถูกผู้คนมากมายไล่ล่า…หรือว่ามันจะเป็นคนพาลที่ชอบข่มเหงรังแกคนอื่น?”
“ใช่แล้ว” บุรุษที่คล้ายวิหคกล่าวพร้อมกับพยักหน้าไปด้วย “มันต้องเป็นคนพาลอย่างแน่นอน ไม่มีทางจะเป็นอย่างอื่นไปได้! ครั้งนี้พวกเราจะต้องทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน ขอให้เชื่อมั่นในอู่เหยีย ที่ผ่านมาก็แค่โชคร้าย ผู้ถูกเลือกทั้งหมดเหล่านั้นได้จากไปแล้ว ดังนั้นผู้คนที่เหลืออยู่ก็เป็นแค่พวกที่อ่อนแอเท่านั้น”
“จัดการมัน!” บุรุษร่างใหญ่กล่าว กัดฟันแน่นและพยักหน้าให้ “ท่านย่ามันเถอะ ซานเหยียต้องไปจัดการมัน!”
“ให้อู่เหยียคิดแผนก่อน บุคคลเช่นนั้น อืม…มีโอกาสอยู่แปดถึงเก้าในสิบส่วนที่มันจะเป็นพวกที่ลุ่มหลงสุรานารี พวกเราไม่อาจจะใช้กลยุทธ์เดิมที่เคยใช้มาก่อน ครั้งนี้ พวกเราจะใช้แผนการที่เก้าไปตรงๆ เร็วเข้า รีบกลายร่างเป็นสาวงาม”
“แผนการที่เก้า? แผนการที่เก้าคืออะไร? เจ้าบังอาจมาเยาะเย้ยซานเหยีย!!” บุรุษร่างใหญ่มีโทสะขึ้น
“อืม…สาม! แผนการที่สาม!!” บุรุษที่คล้ายวิหคกล่าวตอบ
“ทำไมเจ้าถึงไม่พูดมาตั้งแต่แรก? แล้วข้าควรจะมีหน้าตาเหมือนใครดี?”
“ใครก็ได้ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตราบเท่าที่งดงามและมีเสน่ห์ เร็วเข้า พวกเราต้องไปแล้ว!”
“งดงามและมีเสน่ห์?” บุรุษร่างใหญ่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นเสียงปะทุก็ได้ยินดังก้องออกมา ขณะที่มันเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตา ตอนนี้มันกลายเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างอันอ่อนช้อยมีเสน่ห์อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมกับใบหน้าที่งดงามและดวงตาที่สามารถฉุดกระชากจิตใจและวิญญาณของบุรุษออกมาได้
ถ้าเมิ่งฮ่าวอยู่ที่นี่ เขาก็ต้องจดจำได้ในทันทีว่านี่คือ…เยาหนี่ว์ (ภูติสาว หรือผู้หญิงที่งดงาม) จื่อเซียง
“เสื้อผ้ามากไป!” บุรุษที่คล้ายวิหคกล่าว “ลดเสื้อผ้าให้เหลือน้อยชิ้น!”
ปัง!
บุรุษร่างใหญ่เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง
“ตอนนี้เปิดเผยมากเกินไปแล้ว! เจ้า เจ้า เจ้าโง่! แล้วเจ้าจะออกไปข้างนอกแบบนี้ได้อย่างไรกัน!?!?”
หลังจากที่ปรับเปลี่ยนไปเจ็ดถึงแปดครั้ง บุรุษที่คล้ายวิหคก็พึงพอใจ และผลักให้อีกคนออกไปนอกประตู
บุรุษร่างใหญ่ในรูปลักษณ์ของจื่อเซียง สวมใส่เสื้อผ้าที่เผยให้เห็นผิวกายในร่มผ้าเป็นส่วนใหญ่ และรู้สึกไม่ค่อยพอใจต่อเรื่องนี้ ดังนั้นมันจึงได้หายใจฟึดฟัดออกมาจากจมูก และเดินเป็นก้าวยาวๆ ลงไปบนถนน ทำให้บุรุษที่คล้ายวิหคบินตามไปด้วยโทสะ บอกให้ทำการปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้น
เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะออกมาจากเขตเมือง ใบหน้าภายใต้หมวกไม้ไผ่กำลังคิ้วขมวดอยู่ หลังจากที่เดินทางไปทั่วในอาณาเขตที่ใกล้เคียงกับเขตเทือกเขามาหลายวัน เขาก็ยังไม่ได้เผชิญหน้ากับสองตัวบัดซบที่กำลังค้นหาอยู่เลย
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกมันจากไปแล้ว?” เขาคิด “หรือว่าพวกมันตรวจจับกลิ่นอายของข้าได้?” ทันใดนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป และหมุนตัวไปรอบๆ ที่นั่นในกลางอากาศที่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก หญิงสาวนางหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ ราวกับว่านางกำลังถูกไล่ล่าอยู่
ทันทีที่หญิงสาวนางนี้ปรากฏขึ้น เมิ่งฮ่าวก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
หญิงสาวนางนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นจื่อเซียง ที่เกิดขึ้นมาจากการปลอมตัวของบุรุษร่างสูงใหญ่
นางสวมใส่เสื้อผ้าที่เผยให้เห็นผิวกายในร่มผ้า และมีกลิ่นหอมที่คล้ายกับเป็นลมหายใจแห่งฤดูใบไม้ผลิ ดูสง่างามและมีเสน่ห์ดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาแฝงแววเจ้าชู้จนดูเหมือนว่าใครก็ตามที่มองมาจะต้องตกหลุมเสน่ห์นางอย่างแน่นอน บุรุษส่วนใหญ่ที่มองเห็นนางต้องพบว่าจิตใจตนเองกำลังเต้นรัวขึ้นในทันที
ขณะที่นางพุ่งผ่านเมิ่งฮ่าวไป ก็มองมาที่เขาและยิ้มให้อย่างเอียงอาย จากนั้นก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะไปได้ไกลกว่านั้น ก็หันหน้ามองกลับมาที่เขา เห็นได้ชัดว่ากำลังพยายามดึงดูดใจเขาด้วยวิธีการบางอย่าง นางมองมาที่เขาด้วยท่าทางที่ยั่วเย้าเชื้อเชิญ จากนั้นก็หันร่างและเดินจากไป ส่วนโค้งส่วนเว้าของนางบิดตัวไปมาอย่างนุ่มนวล เงาร่างจากด้านหลังที่ดูอรชรอ้อนแอ้นของนาง ทำให้บุรุษใดๆ ก็ตามที่มองไปต้องใจเต้นรัวด้วยความปรารถนาอย่างแน่นอน
เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้าง
‘จื่อเซียง’ ไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก และกำลังพึมพำอยู่ภายในใจ เกี่ยวกับเรื่องราวที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ ดูเหมือนว่าเหยื่อไม่ได้ตอบรับเท่าใดนัก แค่จ้องมองมาด้วยความตกตะลึงเท่านั้น ในที่สุด ‘จื่อเซียง’ ก็จงใจที่จะกระอักโลหิตออกมา
สีหน้านางซีดขาว และดิ้นรนไปมา
“สหายเต๋า ช่วยข้าด้วย!” นางร้องออกมา มองกลับไปยังเมิ่งฮ่าว
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขณะที่ตรวจสอบดู ‘จื่อเซียง’ จากนั้นรอยยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็นก็ปรากฏขึ้นในแววตา ทำหน้าเป็นพร้อมกับเข้าไปใกล้กล่าวว่า
“ถ้ามีข้าอยู่ ท่านไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว สหายเต๋า”
“ใครบางคนกำลังไล่ตามข้ามา” ‘จื่อเซียง’ กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา ฟังดูค่อนข้างจะอ่อนแอแต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจกว่าก่อนหน้านี้ “ขณะที่หลบหนีมา ข้าได้รับบาดเจ็บ สหายเต๋า ถ้าท่านช่วยพาข้าไปยังถ้ำแห่งเซียนได้ ก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง…”
เมิ่งฮ่าวแอบหัวเราะเป็นเสียงดังอยู่ภายในใจ และรำพึงกับตัวเองถึงการแสดงที่เสแสร้งทั้งหมดนี้ แต่ก็ยังคงยิ้มออกมาเหมือนก่อนหน้านี้ และพยักหน้าให้ในทันที จากนั้นเขาก็บินขึ้นไปในอากาศพร้อมกับหญิงสาว คนทั้งสองพุ่งเข้าไปในเขตเทือกเขา เมื่อไปถึงถ้ำแห่งเซียน หญิงสาวก็ชี้ให้เขาเดินตามนางเข้าไปที่ด้านใน
ในตอนนี้ดวงตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง ถ้ำแห่งเซียนนี้ดูเหมือนจะแปลกพิเศษไม่ธรรมดา เวทป้องกันที่อยู่ด้านนอกสาดประกายให้ความรู้สึกถึงอันตราย และจากพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว ทำให้รู้ว่าแม้แต่เขาก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะทำลายมันไปได้
หลังจากที่ก้าวเท้าเข้าไปในถ้ำแห่งเซียน หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็หยุดลงและหันหน้ากลับมามองยังเมิ่งฮ่าวด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์
“ขอบคุณมาก สหายเต๋า” นางกล่าวพร้อมกับจงใจที่จะเข้ามาใกล้ “ท่านพอที่จะเป็นผู้พิทักษ์เต๋า ในช่วงที่ข้ารักษาอาการบาดเจ็บอยู่ได้หรือไม่? ข้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนต่อความเมตตาของท่านอย่างแน่นอน”
“พูดได้ดี พูดได้ดี!” เมิ่งฮ่าวกล่าว พยายามสะกดข่มความต้องการจะอาเจียนไว้ ถอยไปด้านหลังสองสามก้าว
บุรุษที่ปลอมตัวขมวดคิ้ว เรื่องราวไม่ค่อยเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และตอนนี้มันก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อดี มันรีบกระทืบเท้าลงไปบนพื้นอย่างรวดเร็ว เพื่อแจ้งเตือนอย่างลับๆ ไปยังบุรุษที่คล้ายวิหคในทันที
หลังจากผ่านไปไม่กี่อึดใจ ประตูถ้ำแห่งเซียนก็ถูกกระแทกเปิดออก และกลิ่นอายที่น่ากลัวก็พุ่งเข้ามา ทำให้เมิ่งฮ่าวค่อนข้างจะตกตะลึง บุรุษผู้หนึ่งโผล่เข้ามา สวมใส่เสื้อผ้าชุดดำ มีหน้าตาที่หล่อเหลา และยังได้กระจายกลิ่นอายของนักศึกษาออกมาอีกด้วย
“เหนียงจื่อ (ภรรยา) ข้ากลับมาแล้ว!” บุรุษเยาว์วัยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมา แต่เมื่อมันมองเห็นเมิ่งฮ่าวและ ‘จื่อเซียง’ ก็หยุดชะงักนิ่งในทันที จากนั้นดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น
“เจี้ยนเหริน (นางแพศยา) เจ้า…เจ้า คิดไม่ถึงว่าเจ้ากลับกล้าลักลอบเล่นชู้กันในที่แห่งนี้!?!?” ใบหน้าของบุรุษเยาว์วัยบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยโทสะ กลิ่นอายของมันระเบิดเป็นพลังออกมา สวรรค์มืดสลัวปฐพีเลือนลางไป ทุกสรรพสิ่งเริ่มสั่นสะเทือนและดูเหมือนจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ ประตูถ้ำแห่งเซียนระเบิดออก และค่ายกลเวทป้องกันที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะเห็นมา ก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ
กลิ่นอายอันน่ากลัวพุ่งขึ้นมาสูงเกินกว่าอาณาจักรวิญญาณ มีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ และทำให้ดูเหมือนว่าเซียนกำลังเหินลงมา ทั่วทั้งบริเวณนั้นถูกปิดตายไปในทันที ทำให้ความรู้สึกถึงวิกฤตอันรุนแรงพุ่งขึ้นมาในจิตใจเมิ่งฮ่าว
ดูเหมือนว่าบุคคลที่กำลังยืนอยู่ที่เบื้องหน้าเขาในตอนนี้ มีพลังที่สามารถจะตัดสินได้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่หรือตายไปได้อย่างง่ายดาย
“ฟูจวิน (สามี) ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด…” ‘จื่อเซียง’ กล่าว
“เข้าใจผิดอะไรกัน! ไสหัวไป! เมื่อพวกเราเป็นสามีภรรยากัน ข้าก็จะไม่สังหารเจ้าในวันนี้ แต่ชู้รักของเจ้าผู้นี้ต้องจ่ายค่าชดเชยมาให้ข้า! ข้าไม่สนใจว่ามันจะมาจากสำนักอะไร เมื่อผู้แซ่เมิ่งต้องการให้มันตายไป ใครจะกล้าบังอาจมาช่วยชีวิตมัน!?”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ขณะที่มองไปยังบุรุษหนุ่มผู้นั้น และสีหน้าแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
บุรุษหนุ่มผู้นี้ดู…คล้ายกับตัวเมิ่งฮ่าวเองเป็นอย่างมาก!
แน่นอนว่าเมิ่งฮ่าวกำลังสวมหมวกไม้ไผ่อยู่ ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาของเขาไป จนทำให้ไม่มีใครสามารถจะจดจำเขาได้