ตอนที่ 893
ก็แค่แสดงมันออกมา!
ตงเทียนเหมิน (ประตูสวรรค์ตะวันออก) เป็นเพียงประตูเดียวเท่านั้น ที่มีกลุ่มผู้ฝึกตนยืนเข้าแถวเรียงรายอยู่ที่ด้านนอกมากที่สุด ประตูสำหรับสำนักกุ่ยเสิน (เทพหุ่นเชิด) และนิกายเซี่ยหลัน (กล้วยไม้โลหิต) ไม่มีใครเข้าแถวอยู่เลย เช่นเดียวกับประตูของตระกูลฟาง
“พี่เมิ่ง ทางเดียวที่จะเข้าไปในดาวตงเซิ่งนี้ได้ ก็คือเดินผ่านเข้าไปที่ประตูนี้ ถึงข้าจะมาจากดาวตงเซิ่ง และแม้ว่าสำนักเย่าเซียน (เซียนโอสถ) จะไม่มีประตู แต่ข้าก็มีสิทธิพิเศษ อย่างไรก็ตามเมื่อท่านมายังที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก ข้าก็จะรอคอยอยู่ในแถวเช่นเดียวกับท่าน” เฝิงสวินกล่าวจบก็ประสานมือและโค้งตัวลง
เมิ่งฮ่าวประสานมือเพื่อขอบคุณ และคนทั้งสองก็ไปยืนอยู่ที่ปลายแถว เขามองไปรอบๆ ยังทุกสรรพสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และรำพึงอยู่ภายในใจถึงสิ่งที่แตกต่างไปจากดาวหนานเทียนโดยสิ้นเชิง
ดาวตงเซิ่งมีขนาดใหญ่มโหฬาร และในแง่ของความปลอดภัย รวมทั้งวิธีการจัดการในที่แห่งนี้ ทำให้รู้สึกได้ถึงความเคร่งเครียดที่แฝงอยู่ในทุกสรรพสิ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นมากกว่ากฎระเบียบอีกด้วย
ผู้ฝึกตนใดๆ ก็ตามที่ผ่านเข้ามายังดาวดวงนี้ จะต้องถูกตรวจสอบอย่างระมัดระวัง มีเพียงสมาชิกของสำนักจากดาวตงเซิ่งเท่านั้น ที่จะได้รับการปฏิบัติด้วยดีเป็นพิเศษ และที่ดีมากที่สุดกว่าทั้งหมดนั้นก็เป็นตระกูลฟาง
ขณะที่เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นตรงแถวหลังสุด เขาก็สังเกตเห็นผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ตัวต่างก็อยู่ในอาณาจักรเซียน ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในขั้นที่สองหรือสามก็ตามที มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ในขั้นที่ห้าหรือสูงไปกว่านั้น นอกจากนั้นก็ดูเหมือนว่าพวกมันส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเซียนเทียมกันทั้งหมด
นอกจากนี้มีแต่ผู้ฝึกตนที่อยู่ในอาณาจักรเซียนเท่านั้น ที่สามารถจะก้าวออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวได้ ผู้ฝึกตนในอาณาจักรวิญญาณสามารถออกไปได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น
ขณะที่เวลาเลื่อนผ่านไป ผู้ฝึกตนที่อยู่ในแถวก็ค่อยๆ ผ่านเข้าไปในประตูสวรรค์ตะวันออกอย่างช้าๆ เมิ่งฮ่าวยังคงยืนเข้าแถวอยู่ เขามีสีหน้าที่สงบนิ่งขณะที่มองไปยังผู้ฝึกตนที่กำลังยื่นส่งหินลมปราณออกไป เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญหยก
มีผู้ฝึกตนบางคนจากสำนักกุ่ยเสิน หรือนิกายเซี่ยหลันกลับมาจากหมู่ดาวที่ด้านนอกเป็นครั้งคราว และจะหายตัวเข้าไปในประตูที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้สำหรับนิกายของพวกมันเป็นพิเศษ และจะมีผู้คนออกมาจากประตูเหล่านั้นด้วยเช่นกันอยู่ตลอดเวลา
สองชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็เลื่อนไปอยู่ที่แถวด้านหน้า โดยมีผู้คนอยู่หน้าเขาเพียงแค่เจ็ดคนเท่านั้น ไม่นานนักก็มาถึงลำดับของพวกมัน ในตอนนี้เองที่ระลอกคลื่น ทันใดนั้นก็กระจายออกมาอยู่เหนือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ในชั่วพริบตาริ้วแสงแปดสายก็พุ่งลงมา
พวกมันเป็นผู้ฝึกตนแปดคน ที่สวมใส่เสื้อผ้าซึ่งดูหรูหราสง่างาม ส่งเสียงหัวเราะพูดคุยกันไปมา ขณะที่พวกมันเดินเข้ามาด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับว่ากำลังเดินอยู่ในสวนหลังบ้านของพวกมันเอง สองผู้ฝึกตนที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำ ดูเหมือนจะมีจิตใจที่ร่าเริงเบิกบาน เต็มไปด้วยพลังและมีพื้นฐานฝึกตนที่ไม่ธรรมดา กระจายกลิ่นอายแห่งความภาคภูมิใจที่อยู่เหนือผู้อื่นออกมา
“ดูนั่น นั่นคือกลุ่มคนจากตระกูลฟาง!” เฝิงสวินกระซิบเสียงเบาๆ กับเมิ่งฮ่าว “ข้าจำสองคนที่อยู่ด้านหน้าได้ พวกมันมาจากสายโลหิตรองของตระกูลฟาง ซึ่งเป็นรองจากสาขาโดยตรงของตระกูลเท่านั้น”
ผู้ฝึกตนที่อยู่ในบริเวณนั้น เริ่มส่งเสียงกระซิบกระซาบกันในทันที สีหน้าเมิ่งฮ่าวไม่ได้เปลี่ยนไป แสงที่แทบจะมองไม่เห็นแวบผ่านขึ้นมาในดวงตา
เมื่อกลุ่มผู้ฝึกตนนับร้อยที่อยู่ด้านหน้าของประตูสวรรค์ตะวันออก มองเห็นผู้ที่มาใหม่ทั้งแปดคนนั้น สีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น ก้าวเท้าตรงมาข้างหน้าในทันที ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ
“ขอคารวะกงจื่อ” (คุณชาย)
สองผู้ฝึกตนที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำ ในท่ามกลางกลุ่มคนทั้งแปดยิ้มออกมา และหันหน้ากลับไปยังหญิงสาวเยาว์วัยในท่ามกลางกลุ่มพวกมัน
“หงเม่ย (น้องหง) จิ่วซู (อาหก) กำลังรอให้ท่านกลับมาจากการฝึกฝนที่ด้านนอกอยู่!” หนึ่งในสองกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
หญิงสาวที่น่ารักยิ้มตอบ จากนั้นนางและกลุ่มคนที่เหลือก็เดินผ่านผู้ฝึกตนที่โค้งตัวลงไป พยักหน้าให้กับพวกมัน ขณะที่มุ่งหน้าตรงไปยังประตูตระกูลฟาง พวกมันผ่านเข้าไปในประตูทีละคน ขณะที่ทำเช่นนั้น ลำแสงอันเจิดจ้าก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ ความสูงของแต่ละลำแสงมีความแตกต่างกันออกไป เมื่อหญิงสาวที่ถูกเรียกว่าหงเม่ยก้าวผ่านประตูเข้าไป แสงที่พุ่งขึ้นไปในอากาศก็มีความสูงถึงหนึ่งร้อยจ้าง
สีหน้าอิจฉามองเห็นได้บนใบหน้าของผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว ขณะที่พวกมันพูดคุยกันถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ด้วยสุ้มเสียงที่แผ่วเบา
“ลำแสงสายโลหิตหนึ่งร้อยจ้าง! หญิงสาวนางนั้น…ต้องมีศักดิ์ฐานะที่สูงส่งอยู่ในตระกูลฟางอย่างแน่นอน! เป็นไปได้หรือไม่ว่านางคือฟางหง!?”
“น่าจะเป็นนาง ประตูตระกูลฟางเปิดให้เฉพาะสมาชิกของตระกูลเท่านั้น ยิ่งพวกมันมีสายโลหิตที่เข้มข้นมากเท่าใด ลำแสงที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งสูงมากขึ้นไปเท่านั้น!”
“เมื่อปีก่อนข้ามีโอกาสได้พบเห็นเว่ยกงจื่อ เมื่อมันเดินผ่านประตูตระกูลฟางเข้าไป ลำแสงนั้นสูงถึงแปดพันจ้าง! ช่างน่าตื่นตกใจยิ่งนัก!”
แน่นอนว่าถึงแม้พวกมันจะรู้สึกอิจฉา แต่ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงภูมิหลังสายโลหิตของตนเองได้ ถึงแม้ว่าพวกมันจะกลายมาเป็นศิษย์สายนอกของตระกูล การมีสายโลหิตของตระกูลฟาง ก็เป็นสิ่งที่พวกมันไม่อาจจะได้รับเกียรตินั้นได้
ถึงเฝิงสวินจะเป็นศิษย์แห่งสำนักเย่าเซียน แม้แต่มันก็กำลังถอนหายใจด้วยความอิจฉาออกมา จากนั้นก็ทำการอธิบายถึงข้อได้เปรียบทั้งหมด ในการเป็นสมาชิกของตระกูลฟางบนดาวตงเซิ่งนี้ให้กับเมิ่งฮ่าวฟัง แน่นอนว่าถึงมันจะพูดออกมาทั้งหมดเช่นนั้น แต่ก็ยังคงรู้สึกภาคภูมิใจในตัวตนของมันเองอยู่ดี
“ตระกูลฟางอาจจะแข็งแกร่งทรงพลัง แต่ข้าก็ไม่เคยคิดจะออกจากสำนักเย่าเซียนไป” มันกล่าวสรุปในท้ายที่สุด
เมิ่งฮ่าวรับฟังอย่างเงียบๆ ตลอดช่วงการอธิบายของเฝิงสวิน
ในที่สุดผู้ฝึกตนที่กำลังโค้งตัวอยู่ก็ยืดตัวขึ้นตรง สีหน้าที่ประจบสอพลอของพวกมันเริ่มเคร่งขรึมขึ้นอีกครั้ง และพวกมันก็กลับมาเก็บหินลมปราณจากแถวของผู้ฝึกตนต่อไป เพื่อปล่อยให้ผ่านเข้าไปในประตูทีละคน
สุดท้ายเมิ่งฮ่าวก็มายืนอยู่ที่เบื้องหน้าของประตู ผู้ฝึกตนที่มีหน้าที่รวบรวมหินลมปราณ มีปานสีดำอยู่ที่หน้าผากของมัน ทำให้ดูค่อนข้างจะดุร้ายขณะที่จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวอย่างเย็นชา
“เจ้าคิดว่าจะอยู่นานเท่าใด? ถ้าไม่มีเหรียญแสดงตัวตน เจ้าก็ต้องจ่ายหนึ่งร้อยหินลมปราณต่อวัน ถ้าอยู่เกินหนึ่งเดือน ราคาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งพันต่อวัน ถ้าเป็นสองเดือน ราคาก็จะเป็นหนึ่งหมื่นต่อวัน”
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เขาได้ยินราคาที่เคยพูดถึงก่อนหน้านี้ ในตอนที่อยู่ในแถว และดูเหมือนว่าพวกมันจะแพงมากเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับกันถ้ามีเหรียญแสดงตัวตน ราคาก็จะอยู่ที่สิบหินลมปราณต่อวันเท่านั้น
“ข้าไม่มีเหรียญแสดงตัวตน” เมิ่งฮ่าวพึมพำ หยิบเอาหินลมปราณออกมาหนึ่งร้อยก้อน
“หนึ่งวัน?” ผู้ฝึกตนที่มีปานสีดำยิ้มออกมาเล็กน้อย หลายปีที่ผ่านมา มันเคยพบเห็นผู้ฝึกตนมามากมายที่คิดว่าจะอยู่เพียงแค่วันเดียว แต่ในความเป็นจริงกลับตั้งใจที่จะอยู่ไปนานกว่านั้น และต้องการจะหลบเลี่ยงจากการจ่ายหินลมปราณเท่านั้น
ในที่สุดกลุ่มคนเช่นนี้มักจะถูกจับกุมโดยตระกูลฟาง และจากนั้นก็จะต้องจบลงด้วยการจ่ายหินลมปราณมากขึ้นกว่าเดิม
บุรุษผู้นั้นมองดูเมิ่งฮ่าวตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้า จากนั้นก็โยนเหรียญสีขาวให้กับเขา และมองไปยังเฝิงสวินซึ่งยืนอยู่ที่ด้านหลัง
ตอนนี้กิริยาท่าทางของเฝิงสวินแตกต่างไปจากสิ่งที่มันเคยทำกับเมิ่งฮ่าวมาก่อน มันดูเย่อหยิ่งขึ้นเล็กน้อยขณะที่โยนเหรียญของมันไปยังบุรุษผู้นั้น ทันทีที่บุรุษผู้นั้นมองเห็นเหรียญคำสั่ง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ประสานมือเหมือนกับตอนที่กระทำต่อสมาชิกของตระกูลฟาง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าได้ปฏิบัติต่อเฝิงสวินด้วยความแตกต่างไปจากเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวถือเหรียญคำสั่งสีขาวอยู่ในมือ และเดินตรงไปยังประตูสวรรค์ตะวันออก ขณะที่เขากำลังจะก้าวเดินเข้าไปในประตู แรงขับไล่อันทรงพลังก็พุ่งออกมา ปกคลุมเขาไว้และขับเขาออกมาจากภายในประตู
ภาพที่เกิดขึ้นนี้ทำให้สีหน้าของผู้ฝึกตนที่เข้าแถวรออยู่ เกิดความเห็นอกเห็นใจขึ้นมาในทันที เฝิงสวินอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็ดูเหมือนว่าจะตระหนักได้ถึงบางอย่างขึ้นในทันใด และขมวดคิ้วขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ สำหรับผู้ฝึกตนที่กำลังยืนคุ้มกันอยู่ที่ด้านนอกประตู พื้นฐานฝึกตนของพวกมันระเบิดขึ้นมาด้วยพลังอันแข็งแกร่ง และทันใดนั้นก็มาห้อมล้อมเมิ่งฮ่าวไว้ในทันที
“ถูกประตูสวรรค์ตะวันออกขับออกมา หือ? ดูหมือนว่าเจ้าต้องมีเจตนาร้ายไม่ดีบางอย่าง! มากับพวกข้า ถ้าตรวจสอบแล้วยืนยันว่าเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ก็จะถูกปล่อยตัวไป!”
“ประตูสวรรค์ตะวันออกไม่ยอมรับบุคคลที่มีความคิดชั่วร้ายเท่านั้น พื้นฐานฝึกตนของเจ้าไม่ได้สูงมากนัก ดังนั้นถ้าเจ้ากล้าขัดขืน พวกข้าก็จะสังหารเจ้าไป!”
ผู้ฝึกตนที่คอยเฝ้าพิทักษ์ประตูอยู่ทั้งหมดต่างก็จ้องมองมาที่เขาด้วยดวงตาที่เย็นชา
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว และมองลงไปยังเหรียญแสดงตัวตนที่ถืออยู่ในมือ ก่อนหน้านี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เหตุผลที่เขาถูกขัดขวางจากประตูสวรรค์ตะวันออกก็เนื่องมาจากเหรียญหยกนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะตัวเขาเอง
เฝิงสวินเข้ามาใกล้ในทันที ไม่ลังเลที่จะพูดถึงสถานะของเขาว่าไม่มีปัญหาอะไร หลังจากที่มันกล่าวจบ ผู้ฝึกตนที่มีปานสีดำ ซึ่งเป็นคนที่มอบเหรียญหยกให้กับเมิ่งฮ่าวได้กล่าวขึ้น
“เมื่อสหายเต๋าเฝิงยินดีที่จะให้คำรับรองแก่เจ้า พวกข้าก็จะไม่ตรวจสอบเจ้า แค่ส่งมอบหินลมปราณออกมาหนึ่งหมื่นก้อนเพื่อใช้สำหรับการประกันตัว และพวกข้าก็จะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ไปทั้งหมด” แววตามันเต็มไปด้วยความดูถูกขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว มันมั่นใจว่าบุคคลเช่นเมิ่งฮ่าวซึ่งไม่มีเหรียญแสดงตัวตน และมีพื้นฐานฝึกตนที่ต่ำต้อยเช่นนี้ ต้องพบเจอกับปัญหาบางอย่างอยู่ที่ด้านนอก และตอนนี้ก็พยายามที่จะมาขอลี้ภัยอยู่บนดาวตงเซิ่ง
ถ้าเมิ่งฮ่าวใจกว้างพอที่จะให้ความร่วมมือ ก็แค่ส่งมอบหินลมปราณออกมาหนึ่งหมื่นก้อนเพื่อซื้อสิทธิ์ที่จะอยู่ในที่แห่งนี้ แต่ถ้าเกิดตระหนี่ขึ้นมา ผู้ฝึกตนที่คอยพิทักษ์คุ้มกันประตูเมื่อมาพบเจอกับบุคคลเช่นนี้ พวกมันก็จะต้องสอนบทเรียนให้กับบุคคลเช่นนี้อย่างแน่นอน
แน่นอนว่าถ้าเมิ่งฮ่าวมีพื้นฐานฝึกตนที่สูงส่งอย่างน่าเหลือเชื่อ พวกมันก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรเช่นนี้ แต่ด้วยสถานะพื้นฐานฝึกตนในตอนนี้ของเขา พวกมันก็คงจะต้องสร้างความยุ่งยากให้กับเขาอย่างแน่นอน
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าพวกมันไม่ต้องการที่จะไปมีเรื่องกับเฝิงสวินเป็นการส่วนตัวแล้วละก็ แน่นอนว่าพวกมันคงจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถจะเอาเปรียบเมิ่งฮ่าวได้
รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตาเมิ่งฮ่าว เขาไม่เคยคิดเลยว่าการที่ต้องตระหนี่แค่เล็กน้อย และส่งมอบหินลมปราณไปไม่กี่ก้อน จะทำให้เกิดเป็นความวุ่นวายเช่นนี้ขึ้นมาได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…นี่คือบ้านของเขา ตระกูลฟางแห่งดาวตงเซิ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…เมื่อเขาได้พบเจอกับสถานการณ์ที่พลิกผันในช่วงของการเดินทางมายังที่นี่ และยังได้ถูกใครบางคนพยายามจะไล่ล่าและสังหารเขาไปอีกด้วย สิ่งทั้งหมดเหล่านั้นได้บ่มเพาะอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว และในตอนนี้ก็แทบจะทำให้เขาต้องระเบิดมันออกมา
เดิมทีเมิ่งฮ่าวตั้งใจว่าจะมายังดาวตงเซิ่ง เที่ยวชมดูไปรอบๆ สักเล็กน้อย และจากนั้นค่อยไปยังตระกูลฟาง แต่ในตอนนี้เขาเกิดเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้เมื่อในที่สุดเขาก็มาถึงดาวตงเซิ่งแล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องทำตัวให้ต้อยต่ำอีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่เขาจะได้เห็นว่าใครกันแน่ที่บังอาจมาลอบสังหารเขา!
เมิ่งฮ่าวหัวเราะหึๆ อย่างเย็นชา ตบไปที่ถุงสมบัติ ทำให้หินลมปราณหนึ่งหมื่นก้อนไหลออกมากองรวมกันกลายเป็นภูเขาลูกน้อยๆ
ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นซึ่งเป็นผู้พิทักษ์เฝ้ารักษาประตูสวรรค์ตะวันออก มองมาด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ย บุรุษที่มีปานสีดำทำท่าคว้าจับเพื่อรวบรวมหินลมปราณไว้ จากนั้นก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยท่าทางดูถูกและโยนเหรียญหยกให้กับเขา
“ถ้าเจ้าทำเช่นนี้ตั้งแต่ตอนแรก ก็จะช่วยให้เจ้าปลอดภัยจากปัญหาต่างๆ ได้อย่างมากมาย ตอนนี้เจ้าสามารถผ่านไปได้แล้ว”
เฝิงสวินรีบเดินมายังเมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็วและพึมพำขึ้น “ข้าลืมที่จะบอกเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนแรก พี่เมิ่ง คนเหล่านี้ไม่ใช่ผู้คุ้มกันธรรมดา พวกมันเป็นตระกูลสายนอกของตระกูลฟาง…ท่านแค่มอบเงินให้พวกมันเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย พวกมันก็จะไม่ทำให้ท่านต้องยุ่งยากใดๆ”
“แต่ท่านกลับซื้อเวลาอยู่บนดาวดวงนี้แค่หนึ่งวันเท่านั้น แม้แต่เหรียญแสดงตัวตนท่านก็ไม่มี…” เฝิงสวินกำลังส่ายหน้าอยู่ภายในใจ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าเมิ่งฮ่าวได้ช่วยชีวิตมันไว้ก่อนหน้านี้แล้วละก็ มันก็คงไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งและให้คำรับรองเขาอย่างแน่นอน
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่มองไปยังเฝิงสวินและกล่าวขึ้นเรียบๆ ว่า “ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของท่านในเรื่องนี้ พี่เฝิง แต่บนดาวตงเซิ่งนี้ ถ้ามีใครบางคนมาเอาหินลมปราณของข้าไป พวกมันก็จะต้องจ่ายคืนมาให้ข้าเป็นร้อยเท่า”
คำพูดนี้ทำให้เฝิงสวินอ้าปากค้าง
เมิ่งฮ่าวหมุนตัวเดินนำหน้าไป ไม่ได้ตรงไปยังประตูสวรรค์ตะวันออก แต่มุ่งหน้าตรงไปยังประตูของตระกูลฟาง
ภาพนี้ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดในบริเวณนั้น ต่างก็จ้องมองไปที่เขาด้วยความตกตะลึงขึ้นในทันที
ผู้พิทักษ์คุ้มกันประตูนับร้อย ต่างก็มองไปด้วยความประหลาดใจเช่นเดียวกัน
“คนผู้นี้มันบ้าไปแล้ว? กลับมุ่งหน้าตรงไปยังประตูของตระกูลฟาง?”
บุรุษที่มีปานสีดำหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมาและกล่าวว่า “ช่างบ้าบิ่นนัก! ถ้ามันจะผ่านเข้าไปในประตูตระกูลฟางด้วยกำลังแล้วละก็ มันก็คงจะถูกบดขยี้จนตายไป พวกเราไม่จำเป็นต้องทำอะไร”
สีหน้าของเฝิงสวินสลดลง และรีบเดินตรงไปในทันที
“พี่เมิ่ง ประตูนั่น…ประตูนั่นท่านไม่อาจจะผ่านเข้าไปได้! ถ้าท่านไม่มีสายโลหิตของตระกูลฟางอยู่ ท่านก็จะถูกสังหารไป!!”