Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 897

ตอนที่ 897

ฟางเว่ย!

ฟางเว่ยมักจะถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มผู้ติดตามที่เป็นผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ ไม่ว่ามันจะไปในที่แห่งใด ก็มักจะเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ นอกจากนี้ มันคือฟางเว่ย ผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งของรุ่นนี้ในตระกูลฟางมาอย่างยาวนาน

มันมีชื่อเสียงอยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมด!

ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่หลานปู่คนโตของตระกูลฟางโดยชอบธรรม แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็อยู่ในตำแหน่งนี้มาโดยตลอด

ในตระกูลฟางรุ่นนี้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีความเป็นอาวุโสมากกว่ามัน ก็คือเมิ่งฮ่าว!

ขณะที่มันนั่งอย่างเยือกเย็นอยู่ที่นั่น มันได้ชำเลืองมองไปยังเมิ่งฮ่าวชั่วขณะ จากนั้นก็หลับตาลง หนึ่งปีก่อนหน้านี้ เมื่อตระกูลได้จัดประชุมงานเลี้ยงต้อนรับ มันไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น มันคิดว่าเมิ่งฮ่าวต้องไม่มีโอกาสกลับมาได้อย่างแน่นอน

เหตุผลเดียวที่มันมาในวันนี้ เป็นเพราะว่าสายโลหิตอันเข้มข้นของเมิ่งฮ่าว ทำให้มันเกิดความสนใจขึ้นมา

บรรยากาศในวิหารเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก คนทั้งหมดที่นั่งอยู่ด้านในเป็นผู้อาวุโสของตระกูลฟาง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผู้อาวุโสของตระกูลทั้งหมดที่มา แต่คนกลุ่มนี้ก็ประกอบไปด้วยคนกลุ่มหลักที่อยู่บนดาวตงเซิ่งนี้

แต่ละคนที่อยู่ในวิหารดูคล้ายกับเป็นเทพเซียน พวกมันทั้งหมดในแง่ของปราณและโลหิต หรือในแง่ของกลิ่นอายพวกมัน ต่างก็ดูน่ากลัวจนถึงที่สุด ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ก็ตระหนักว่าไม่อาจจะวัดพื้นฐานฝึกตนของพวกมันได้เลยแม้แต่น้อย

ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าตระกูลฟางแข็งแกร่งมากแค่ไหน

ถ้าไม่นับตระกูลจี้แล้ว ตระกูลนี้ถือได้ว่าเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมด ในปีที่ราชันหลี่หายตัวไป ถ้าตระกูลฟางแข็งแกร่งกว่านี้อีกแค่เล็กน้อย…ขุนเขาทะเลที่เก้าก็อาจจะมีราชันฟางปกครองไปแล้วในตอนนี้

เมิ่งฮ่าวได้ตระหนักด้วยเช่นกันว่า จริงๆ แล้วเขากำลังมองไปยังส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ตระกูลฟางมีกองกำลังที่แข็งแกร่งและลึกล้ำมากกว่านี้ ทำให้พวกมันไม่ค่อยมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น เมิ่งฮ่าว…คือหลานปู่คนโตของสายโลหิตหลักแห่งตระกูลฟาง จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาไม่เคยพบเจอกับทัณฑ์ทรมานปีที่เจ็ด ถ้าเขาโตขึ้นในตระกูลฟาง ศักดิ์ฐานะและชื่อเสียงของเขา ก็คงจะทำให้เป็นที่รู้จักกันไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้าอย่างแน่นอน ซึ่งรวมทั้งขุนเขาทะเลที่แปดด้วยเช่นกัน

ผู้อาวุโสทั้งหมดในตอนนี้กำลังมองมายังเมิ่งฮ่าว ยากที่จะบอกได้ว่าพวกมันกำลังดีใจหรือว่ามีโทสะ สีหน้าพวกมันดูลึกล้ำและไม่อาจจะอ่านได้ ห้องโถงทั้งหมดเต็มไปด้วยแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ สำหรับฟางเว่ย บิดาและปู่ของมัน แสงที่แทบจะมองไม่เห็นแวบขึ้นมาในดวงตาพวกมัน

เมิ่งฮ่าวเป็นเพียงคนเดียวที่กำลังยืนอยู่ ตรงจุดศูนย์กลางของวิหาร สำหรับแรงกดดันที่กระจายออกมาจากกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ ตัวเขา เมิ่งฮ่าวไม่ได้รู้สึกสะดุ้งหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยนิด

หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก ผู้เฒ่าสูงสุดฟางตงเทียนก็กล่าวขึ้นมาในที่สุด

“ฟางฮ่าว!” มันกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม เสียงของมันดังก้องอยู่ในวิหาร ทำให้แทบราวกับว่ามีกลุ่มคนกำลังพูดอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน

“เมื่อทำการสักการะบรรพบุรุษแล้ว ตอนนี้เจ้าคือคนของตระกูลฟางอย่างเป็นทางการ นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าสามารถจะใช้ทรัพยากรการฝึกตนของตระกูลฟาง และสิ่งของต่างๆ ที่เจ้าต้องการได้”

“อย่างไรก็ตาม ยังมีบางสิ่งที่เจ้าห้ามลืมเลือนอย่างเด็ดขาด!” สีหน้าของผู้เฒ่าสูงสุดจู่ๆ ก็เริ่มดูน่ากลัวขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีโทสะก็ตามที

“ตอนนี้เมื่อเจ้าเป็นคนของตระกูลฟาง เจ้าต้องปฏิบัติตามกฎของตระกูล ถ้าทำการละเมิดกฎเหล่านั้น ไม่ว่าเจ้าจะมีสายโลหิตที่เข้มข้นมากแค่ไหน หรือมีลำแสงสายโลหิตหนึ่งหมื่นจ้างก็ตามที เจ้าก็ยังคง…ต้องถูกลงโทษ!”

“เมื่อพูดถึงกฎของตระกูล ข้าจะส่งมอบรายละเอียดทั้งหมดให้เจ้าศึกษาดูอีกที”

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ มองไปยังผู้เฒ่าสูงสุด

หลังจากที่ผู้เฒ่าสูงสุดกล่าวจบ ชายชราผมขาวหน้าแดงก่ำ ที่นั่งห่างออกไปด้านข้างยิ้มออกมาและกล่าวขึ้น “ท่านทั้งหลาย พวกเรามาพูดถึงเรื่องแบ่งสิ่งที่ใช้ฝึกตนให้กับฟางฮ่าวกันเถอะ”

“ฮ่าวเอ๋อร์คือหลานปู่คนโตของสายโลหิตหลัก” ใครบางคนกล่าวขึ้น “จริงๆ แล้ว มันเป็นหลานปู่ที่มีตำแหน่งสูงสุดในตระกูลฟางรุ่นของมันทั้งหมด มันต้องพบเจอกับความยากลำบากในโลกภายนอกตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้เมื่อมันกลับมาแล้ว ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องส่งมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดให้กับมัน!”

“ถ้ำแห่งเซียนที่อยู่ข้างทะเลสาบจันทร์เจิดจ้า มีโชควาสนาของสวรรค์และปฐพีอยู่ข้างใน” อีกคนกล่าวขึ้นมา “ยิ่งไปกว่านั้นก็สามารถจะพบเจอกับมังกรสวรรค์ที่ยังหลงเหลืออยู่ในนั้น มันเป็นถ้ำแห่งเซียนที่ดีที่สุดบนดาวตงเซิ่งทั้งหมดนี้อย่างแน่นอน จากความเห็นของข้า ถ้ำแห่งเซียนนี้ควรจะมอบให้กับฮ่าวเอ๋อร์เป็นอย่างยิ่ง”

ผู้อาวุโสอีกคนมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยแววตาที่ชื่นชมและกล่าวว่า “นั่นก็ใช่แล้ว หลายปีมานี้ ไม่มีใครมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้ครอบครองถ้ำแห่งเซียนนั่น สายโลหิตหลักของพวกเรามีมันเป็นหลานปู่คนโต และเป็นหลานปู่ที่มีศักดิ์ฐานะสูงสุดในรุ่นของมันทั้งหมด! มันเป็นคนเดียวที่จะมีคุณสมบัติในการครอบครองถ้ำแห่งเซียนนั้น”

นี่ไม่ใช่เรื่องที่กลุ่มคนเหล่านี้พยายามจะทำให้เมิ่งฮ่าวตกต่ำลงโดยการแสดงความชื่นชมที่มากเกินไป แต่พวกมันต้องการให้เมิ่งฮ่าวได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจริงๆ เพื่อช่วยให้เขามีความก้าวหน้าขึ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แทบจะในทันทีที่ผู้อาวุโสจากสายโลหิตหลักพูดจบ ผู้อาวุโสคนอื่นก็เริ่มพูดขึ้น

“นั่นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมโดยสิ้นเชิง ฮ่าวเอ๋อร์เพิ่งจะกลับมา และยังไม่ได้ช่วยเหลือทำอะไรให้กับตระกูลแม้แต่น้อยนิด พวกเราไม่อาจจะมอบถ้ำแห่งเซียนนั้นให้ อันเนื่องมาจากศักดิ์ฐานะของมันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นไม่ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง”

“พูดกันตามตรงแล้ว ในตระกูลฟาง ตำแหน่งของคนผู้หนึ่งได้ขึ้นอยู่กับการที่มันได้ช่วยเหลือตระกูลมามากน้อยแค่ไหน เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้สมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลรู้สึกไม่พอใจ ดังนั้นจึงไม่สมควรที่จะมอบถ้ำแห่งเซียนนั่นให้กับฮ่าวเอ๋อร์”

เพียงไม่นานเสียงตะโกนเอะอะโวยวายก็ดังขึ้นมา เมื่อกลุ่มผู้อาวุโสจำนวนมากเริ่มแสดงความคิดเห็นของตนเองออกมา สุดท้ายเมิ่งฮ่าวก็บอกได้ว่ามีผู้อาวุโสอยู่สามในสิบส่วนที่ไม่เห็นด้วย มีเพียงแค่หนึ่งส่วนเท่านั้นที่ยืนอยู่ข้างเมิ่งฮ่าว ที่เหลือยังคงรักษาความเงียบของพวกมันไว้

ผู้เฒ่าสูงสุดคาดคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ดังนั้นมันจึงนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งเป็นปกติ

ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น ฟางเว่ยซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ถูกห้อมล้อมด้วยเหล่าสหายของมันหนึ่งร้อยกว่าคน จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมากล่าวว่า

“ผู้อาวุโสที่เคารพทุกท่าน ข้าเสียใจยิ่งที่จะขอแจ้งให้ทราบว่า ผู้เยาว์ได้นำถ้ำแห่งเซียนข้างทะเลสาบจันทร์เจิดจ้าไปมอบให้กับใครบางคนแล้ว” เสียงของมันราบเรียบ และดูเหมือนจะไร้อารมณ์ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง ทันทีที่มันกล่าวขึ้นมา สีหน้าของผู้อาวุโสสายโลหิตหลักก็เริ่มหมองคล้ำลง อย่างไรก็ตามไม่มีใครในพวกมันที่จะกล่าวตอบโต้ใดๆ ออกมา

แสงที่แทบจะมองไม่เห็นได้แวบขึ้นมาในดวงตาเมิ่งฮ่าว คำพูดที่กล่าวขึ้นมาโดยฟางเว่ยมีความหมายเป็นอย่างยิ่ง นี่คือการประชุมของผู้อาวุโสตระกูลฟาง และไม่มีกลุ่มคนรุ่นเยาว์ของตระกูลใดๆ จะมานั่งในที่แห่งนี้ได้ยกเว้นฟางเว่ย

ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของมันจริงๆ แล้วก็เต็มไปด้วยการข่มขู่ที่ดูเหมือนว่า จะไม่ยอมทนต่อฝ่ายตรงข้ามใดๆ เป็นการข่มขู่คุกคามที่…แม้แต่ผู้อาวุโสสายโลหิตหลักก็ไม่กล้าที่จะตอบโต้กลับไป

เมิ่งฮ่าวมองไปยังฟางเว่ย และฟางเว่ยก็มองกลับมายังเขาชั่วขณะ ก่อนที่มันจะหลับตาลงไป

จากนั้นผู้อาวุโสสายโลหิตหลักก็เริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง

“นอกจากถ้ำแห่งเซียนแล้ว ก็ยังมีเม็ดยาสลายรุ้งเซียนสิบเม็ด ที่ถูกปรุงขึ้นมาโดยผู้อาวุโสจ้าวโอสถจากแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา นั่นเป็นเม็ดยาที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งมีความสามารถอันลี้ลับที่ช่วยยกระดับจากอาณาจักรวิญญาณ ให้ก้าวเข้าไปในอาณาจักรเซียนได้ ควรจะมอบเม็ดยาเหล่านั้นให้กับฮ่าวเอ๋อร์เจ็ดเม็ด!”

“นั่นก็ไม่สมควรเช่นกัน” ผู้อาวุโสอีกคนกล่าว “แต่ละปีสามารถปรุงขึ้นมาได้แค่สิบเม็ดเท่านั้น และส่วนผสมต้นสมุนไพรก็สูญพันธุ์ไปจากโลกด้านนอกแล้วทั้งหมด เม็ดยาสลายรุ้งเซียนเป็นเม็ดยาที่ยอดเยี่ยมมากที่สุด ที่ยังคงมีอยู่ในช่องว่างระหว่างอาณาจักรวิญญาณและอาณาจักรเซียน เป็นเม็ดยาที่ถูกปรุงขึ้นมาเพื่อมอบให้กับเหล่าผู้เยาว์ทั้งหมด ดังนั้นการมอบให้กับฮ่าวเอ๋อร์เจ็ดเม็ดจึงไม่อาจจะเป็นไปได้ ข้าคิดว่าแค่หนึ่งเม็ดก็เพียงพอแล้ว”

ก่อนที่ผู้เฒ่าสูงสุดจะกล่าวอะไรออกมา ในตอนนี้เองที่ฟางเว่ยในชุดขาว ก็ลืมตาขึ้นและพูดออกมาอีกครั้ง

“ผู้อาวุโสที่เคารพ ข้าเสียใจยิ่งที่ขอแจ้งให้ทราบว่า ผู้เยาว์ได้จัดการเม็ดยาสลายรุ้งเซียนทั้งสิบเม็ดไปเรียบร้อยแล้ว”

ทันใดนั้น ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วทั้งวิหารขึ้นอีกครั้ง เพลิงโทสะลุกโชนขึ้นมาในดวงตาของผู้อาวุโสสายโลหิตหลัก แต่ทั้งหมดก็ได้แต่กัดฟันแน่นและรักษาความเงียบไว้

เมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาเช่นเดียวกัน แต่คิ้วของเขาค่อยๆ ขมวดขึ้นทีละน้อย ขณะที่มองไปยังฟางเว่ย ฟางเว่ยพูดออกมาแค่สองครั้ง แต่คำพูดของมันแต่ละครั้งก็ทำให้เหล่าผู้อาวุโสต้องเงียบไป ความจริงนี้ได้เปิดเผยออกมาอย่างเด่นชัด

นอกจากนี้ เมิ่งฮ่าวก็ค่อยๆ เริ่มรับรู้ได้ถึงสิ่งที่คุ้นเคยเกี่ยวกับฟางเว่ย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรก็ตามที หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เริ่มคิดว่าแค่คิดมากไปเอง

ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งวิหาร ขณะที่กลุ่มคนสายโลหิตหลักนั่งอยู่ที่นั่นด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ก็มีผู้อาวุโสจากสายโลหิตรองคนอื่นๆ กำลังยิ้มน้อยๆ ออกมา ในที่สุดผู้เฒ่าสูงสุดฟางตงเทียนก็กระแอมไอขึ้นมา และจากนั้นก็เริ่มพูดขึ้นด้วยแววตาที่สาดประกาย

“เมื่อพวกเราไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับถ้ำแห่งเซียนและเม็ดยาเหล่านั้น ก็ให้เก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้ก่อน ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้าคือหลานปู่คนโตของสายโลหิตหลัก ดังนั้นข้าจะคอยดูแลเจ้านับจากนี้เป็นต้นไป ไม่มีเรื่องให้พูดคุยกันอีกแล้ว เจ้าจะได้รับค่าตอบแทนจากตระกูลเป็นจำนวนมาก” ด้วยเช่นนั้น มันก็โบกสะบัดมือขวา ทำให้แผ่นหยกลอยออกมา และตรงไปหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

“นำแผ่นหยกนี้ไปยังห้องโถงหลักของตระกูล เจ้าสามารถไปขอเบิกอุปกรณ์การฝึกตนเป็นรายเดือนได้จากที่นั่น”

“สำหรับถ้ำแห่งเซียน…” ผู้เฒ่าสูงสุดพึมพำกับตัวเองชั่วขณะ จากนั้นก็โบกสะบัดมือ ทำให้แสงอันอ่อนโยนกระจายออกไป รวมตัวกันเป็นภาพของแผนที่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

มีจุดแสงอันหลากหลายอยู่บนแผนที่ แต่ละจุดแสงเหล่านั้นเป็นตัวแทนของถ้ำแห่งเซียน ถ้ำแห่งเซียนที่อยู่ใกล้ จะอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของแผนที่ และกระจายกลิ่นอายอันเข้มข้นออกมา ตรงจุดศูนย์กลางของถ้ำแห่งเซียนเหล่านั้นทั้งหมดเป็นทะเลสาบ ซึ่งไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นทะเลสาบจันทร์เจิดจ้า

“ฮ่าวเอ๋อร์ ออกไปเลือกถ้ำแห่งเซียนสักหนึ่งแห่ง จากที่เจ้าเห็นอยู่ในตอนนี้ แสงสลัวนั้นคือถ้ำแห่งเซียนที่ถูกครอบครองไปแล้ว” ขณะที่ผู้เฒ่าสูงสุดกล่าว จุดแสงบนแผนที่ประมาณแปดในสิบส่วนก็เริ่มมืดสลัวลง มีเหลืออยู่ไม่มากนักที่ยังคงส่องสว่างอยู่ และมีอยู่น้อยมากที่อยู่ติดกับทะเลสาบจันทร์เจิดจ้า ส่วนใหญ่จะอยู่ที่บริเวณอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงชายขอบที่ห่างไกลออกไป

สายตาทุกคู่มองมายังเมิ่งฮ่าว พวกที่มองมาส่วนใหญ่แล้วดูเหมือนจะรู้สึกเป็นห่วงกังวล แต่ก็ยากที่จะบอกได้ว่าความรู้สึกเช่นนั้นจริงหรือเท็จกันแน่

เมิ่งฮ่าวเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับผู้เฒ่าสูงสุด

“ท่านผู้เฒ่าสูงสุด ผู้เยาว์มายังดาวตงเซิ่ง ตามคำเรียกร้องของบิดา ให้มานำผลเนี่ยผาน (นิพพาน) ทั้งสองผลกลับไป ข้าไม่สนใจเกี่ยวกับถ้ำแห่งเซียน หรือเม็ดยาใดๆ ข้าไม่ต้องการพวกมัน ข้าแค่อยากได้ผลเนี่ยผานของข้าเท่านั้น” เมื่อพูดออกไปตรงๆ เช่นนี้ เมิ่งฮ่าวก็มองไปยังผู้เฒ่าสูงสุด

ความเงียบปกคลุมวิหารไปโดยสิ้นเชิง

ในที่สุด ผู้เฒ่าสูงสุดก็โบกสะบัดมือ ราวกับว่ามันไม่อาจจะยอมรับได้ ที่เมิ่งฮ่าวปฏิเสธถ้ำแห่งเซียนและสิ่งของอื่นๆ

“ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้าเพิ่งจะกลับมายังตระกูล” มันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา “เจ้าต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยกับทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งถ้ำแห่งเซียน อุปกรณ์การฝึกตน และเม็ดยาเหล่านั้น ในฐานะที่เป็นคนของตระกูลฟาง มันเป็นสิทธิ์ของเจ้าที่จะได้รับสิ่งเหล่านั้น”

“สำหรับผลเนี่ยผาน ไม่ต้องกลัวพวกมันยังคงเป็นของเจ้า เป็นธรรมดาที่จะต้องส่งคืนให้กับเจ้า ข้าให้คำสัญญากับบิดาเจ้าด้วยตนเองเมื่อมันจากไป”

“ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่สำคัญ สองวันนับจากนี้ไป ข้าจะป่าวประกาศไปทั่วทั้งตระกูล เรียนเชิญสมาชิกของตระกูลมายังที่นี่ เพื่อเป็นสักขีพยานในการส่งมอบผลเนี่ยผานให้กับเจ้า”

เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวตอบ เดิมทีเขาไม่มีความคิดที่จะมายังตระกูลฟาง แต่ตอนนี้เมื่อเขามาอยู่ที่นี่แล้ว และได้เข้าใจถึงสถานการณ์ต่างๆ เขาก็ยิ่งไม่อยากจะอยู่มากขึ้นไปอีก

อันที่จริง จิตใจเขาอยากจะจากไปมานานแล้ว แต่เมื่อคิดไปถึงความคาดหวังของบิดามารดา เขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และแสงอันคมกริบก็ปรากฏขึ้นในดวงตาอยู่ชั่วขณะ เขาพยักหน้าและจากนั้นก็ตัดสินใจที่จะพูดขึ้นมาอีกหนึ่งเรื่อง

“ท่านผู้เฒ่าสูงสุด ยังมีต้นเถาวัลย์ประกายเซียน ที่บิดาได้จัดเตรียมไว้ให้กับข้า ท่านโปรดส่งมอบมาให้ด้วยเช่นกันได้หรือไม่?”

ก่อนที่ผู้เฒ่าสูงสุดจะทันได้กล่าวตอบ เสียงของฟางเว่ยในชุดขาวก็ได้ยินมา

“ข้าเสียใจยิ่งที่ขอแจ้งให้ทราบว่า ข้าได้จัดการต้นเถาวัลย์ประกายเซียนนั้นไปแล้วเช่นกัน” มันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากมัน ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้นด้วยความเย็นเยียบราวน้ำแข็ง เขามองไปยังฟางเว่ย ยิ้มน้อยๆ ออกมา และจากนั้นก็เริ่มพูดขึ้น

“ฟางเว่ยตี้ตี (น้องฟางเว่ย) เห็นได้ชัดว่าข้าทุบตีเจ้ามากเกินไปในตอนที่พวกเรายังเยาว์วัย นั่นจึงเป็นเหตุผลเดียวที่จะอธิบายได้ว่า ทำไมเจ้าถึงได้กลายเป็นบ้าไปเช่นนี้ มิเช่นนั้นจะมีอะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าสามารถมาขโมยสิ่งของไปจากข้าได้?” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาราวน้ำแข็ง ถึงแม้ว่าจะยิ้มอยู่ก็ตามที

เมื่อฟางเว่ยได้ยินเช่นนี้ ดวงตามันก็สาดประกายด้วยความเย็นชา ขณะที่จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่ดูน่ากลัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!