Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 911

ตอนที่ 911

การเปลี่ยนแปลงในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา

เมื่อเด็กฝึกปรุงยาสี่ร้อยคนไปทำการทดสอบที่ศาลาโอสถโดยพร้อมเพรียงกันทั้งหมด และมีอยู่ร้อยกว่าคนที่ทำได้สำเร็จ ข่าวคราวนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนวุ่นวายขนานใหญ่อยู่ในเขตภูเขาด้านในเท่านั้น แต่ในเขตภูเขาด้านนอกก็เกิดเป็นพายุอันรุนแรงขึ้น

สำหรับเด็กฝึกปรุงยาใดๆ ก็ตาม การได้ผ่านเข้าไปในชั้นแรกของศาลาโอสถคือก้าวที่สำคัญของชีวิต และเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างน่าเหลือเชื่อ นั่นเป็นสิ่งที่แม้แต่คนที่กำลังศึกษาเล่าเรียนมาหลายสิบปี หรืออาจจะมากกว่าหนึ่งร้อยปี แต่ยังคงไม่อาจจะสอบผ่านเข้าไปได้ แทบต้องจะคลุ้มคลั่งขึ้นมา

เมื่อมีเด็กฝึกปรุงยาที่เล่าเรียนมายังไม่นานมากนัก กลับจู่ๆ ก็สามารถผ่านการทดสอบได้สำเร็จ โดยที่ไม่ใช่เป็นเพราะพรสวรรค์ตามธรรมชาติของพวกมัน แต่เป็นเพราะว่าพวกมันเคยเล่าเรียนและได้ฟังคำบรรยายมาจากเมิ่งฮ่าว จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะคาดคิดได้ว่าจะเกิดเป็นความปั่นป่วนวุ่นวายขนาดไหนในตอนนี้

นอกจากนั้นเด็กฝึกปรุงยาที่ไม่ยอมจ่ายค่ารับฟังให้กับเมิ่งฮ่าวด้วยคะแนนความดี ต่างก็รู้สึกเสียใจขึ้นอย่างรุนแรง และต้องอดคิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ว่า แค่คะแนนความดีไม่กี่ร้อยแต้ม สำหรับการรับฟังเป็นเวลาสามเดือน จะทำให้พวกมันผ่านการทดสอบชั้นแรกของศาลาโอสถไปได้ และกลายเป็นนักปรุงยาระดับแรกไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะหาซื้อได้ด้วยคะแนนความดี ไม่ว่าพวกมันจะยอมจ่ายให้มากมายเท่าไหร่ก็ตามที

เมิ่งฮ่าวไม่ได้ปรากฏกายขึ้นเป็นเวลาสามวัน ในช่วงเวลานั้นพายุท่ามกลางเด็กฝึกปรุงยาบนเขตภูเขาด้านนอกยังคงเกิดขึ้นต่อไป มีอยู่นับหมื่นคนมารวมตัวกันที่ด้านนอกของยอดเขาเจ็ดหนึ่งเก้าหนึ่งเพื่อเฝ้ารอเมิ่งฮ่าว บางคนยังได้ทำการต่อสู้กันเองอีกด้วย เพื่อที่จะได้นั่งในตำแหน่งดีๆ

ยามรุ่งอรุณของวันที่สี่ เมิ่งฮ่าวปรากฏกายขึ้นในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ทันทีที่ผู้คนมองเห็นเขา คำพูดก็แพร่กระจายออกไปราวกับเป็นไฟไหม้ป่า

เมิ่งฮ่าวรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ บ่นพึมพำกับตนเองเกี่ยวกับวิธีการที่ใช้ไปว่ามันได้ผลอย่างแท้จริง ในที่สุดเขาก็ไปถึงยอดเขาเจ็ดหนึ่งเก้าหนึ่ง เมื่อมองเห็นผู้คนมากมายกำลังเฝ้ารออยู่ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที

“มีผู้คนประมาณสี่หมื่นถึงห้าหมื่นคนอยู่ในที่แห่งนี้” เมิ่งฮ่าวคิดพร้อมกับหอบหายใจออกมา “ด้วยหนึ่งคะแนนความดีต่อการบรรยายหนึ่งชั่วยาม ข้าก็จะได้คะแนนความดีประมาณห้าหมื่นแต้ม! ถ้าข้าบรรยายไปสองชั่วยาม ก็จะเป็นหนึ่งแสนแต้ม ถ้าข้าบรรยายไปสี่ชั่วยามก็จะเป็นสองแสนแต้ม!!” ในที่สุด เขาก็ต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หน้าเปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลา จนดูคล้ายกับเป็นอาจารย์เต๋าผู้โดดเด่นที่เห็นว่าวัตถุนอกกายเป็นสิ่งของที่โสมม เขาค่อยๆ ก้าวเนิบนาบเดินตรงไป

เมื่อเด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดที่มารวมตัวกันอยู่บริเวณรอบๆ ภูเขามองเห็นเมิ่งฮ่าว พวกมันก็ประสานมือและโค้งตัวลง จากนั้นก็พูดขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน

“ขอคารวะ ฟางตานซือ!”

เสียงที่พูดขึ้นมาโดยเด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดดังก้องออกไปคล้ายกับเป็นเสียงฟ้าผ่า เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าลงไปบนแท่นเวที มองออกไปยังกลุ่มผู้ฟังด้วยดวงตาที่สาดประกาย จากนั้นก็กระแอมไอออกมา

“วันนี้ ข้าจะบรรยายเป็นเวลาสี่ชั่วยาม” เขากล่าวขึ้น

ทันใดนั้น ฟางซีก็ลอยขึ้นมาจากกลุ่มฝูงชนพร้อมกับแผ่นหยกที่อยู่ในมือ และร้องตะโกนขึ้น “ฟางตานซือ ช่างมีเมตตาและใจกว้างนัก สำหรับท่านแล้ว สิ่งของนอกกายไม่มีความหมายใดๆ ในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ พวกเราได้บังคับให้ท่านต้องยอมรับคะแนนความดีไป ตอนนี้เนื่องจากท่านไม่อาจจะทนเห็นเด็กฝึกปรุงยาของตระกูล ไม่อาจจะผ่านการทดสอบของศาลาโอสถได้ ท่านมาที่นี่เพื่อบรรยายเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพร พวกเราอย่าได้ทำให้ท่านต้องผิดหวัง!”

“มา มา ทุกคนมาใส่คะแนนความดีเข้าไปในแผ่นหยกนี้ ถ้าฟางตานซือไม่ต้องการ พวกเราก็จะทำให้ท่านต้องรับไปให้จงได้!” ในเวลาเดียวกับที่ฟางซีร้องตะโกนคำพูดเหล่านี้ออกมา กลุ่มเด็กฝึกปรุงยานับร้อยก็ลอยตัวขึ้นมาจากกลุ่มฝูงชนในตำแหน่งที่แตกต่างกันพร้อมกับถือแผ่นหยกอยู่ในมือ พวกมันเริ่มรับคะแนนความดีไปจากเด็กฝึกปรุงยาในพื้นที่ของตนเองในทันที

ครั้งนี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวจากกลุ่มฝูงชนทั้งสี่หมื่นถึงห้าหมื่นคนจะจากไป พวกมันทั้งหมดยอมจ่ายคะแนนความดีออกมา และจากนั้นแผ่นหยกนับร้อยก็ไปวางอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสลดลง พูดโพล่งขึ้นมา

“พวกเจ้าคิดว่ากำลังทำอะไรกันอยู่!?” เขาโบกสะบัดชายแขนเสื้อด้วยท่าทางที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก

อีกครั้งที่ฟางซีเป็นผู้นำร้องตะโกนออกมา

“ฟางตานซือ นี่เป็นสิทธิ์ที่ท่านควรจะได้ โปรดรับมันไว้!” เมื่อฟางซีพูดจบ กลุ่มคนนับร้อยก็เริ่มร้องตะโกนขึ้น

“รับมันไว้ ฟางตานซือ ถ้าท่านไม่รับ พวกเราก็คงจะเสียใจเป็นอย่างยิ่ง!”

หลังจากที่รับฟังอยู่ชั่วครู่ เมิ่งฮ่าวก็มีท่าทางลังเล จากนั้นก็ถอนหายใจยาวออกมา และเก็บรวบรวมแผ่นหยกเหล่านั้นขึ้นมา พูดออกไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกว่า

“ดี เมื่อพวกเจ้าเรียกร้องเช่นนี้ ข้าก็จะพยายามให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อช่วยให้พวกเจ้าผ่านการทดสอบของศาลาโอสถให้จงได้”

“สิ่งของนอกกายไม่มีความหมายใดๆ” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นพร้อมกับส่ายหน้า “สิ่งที่ควรให้ความสนใจน้อยที่สุดในชีวิตก็คือ เงิน” แน่นอนว่าภายในใจ เขากำลังตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด และกำลังร้องตะโกนขึ้นมาว่าข้ารวยแล้ว

การบรรยายสี่ชั่วยามจบลงอย่างรวดเร็ว เมิ่งฮ่าวเริ่มพูดเกี่ยวกับต้นสมุนไพรที่สำคัญจากศาลาโอสถขึ้นอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โบกสะบัดมือ ทำให้ต้นสมุนไพรนับพันปรากฏขึ้น ซึ่งดูเหมือนกับการทดสอบในศาลาโอสถ เด็กฝึกปรุงยามากมายที่เพิ่งเคยได้เห็นเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ต่างก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที

ในวันต่อมา เมิ่งฮ่าวหมกมุ่นอยู่แต่การบรรยายเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพร เขาทำการบรรยายไปสี่ชั่วยามต่อวัน ขณะที่เวลาเลื่อนผ่านไป กลุ่มคนที่มาร่วมรับฟังก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมีผู้ฟังมากกว่าหนึ่งแสนคน!

พื้นที่บริเวณนั้นอัดแน่นเต็มไปด้วยผู้คน ทำให้มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดในท่ามกลางกลุ่มฝูงชนขนาดใหญ่ ทำให้เมิ่งฮ่าวยิ่งมีแรงกระตุ้นในการบรรยายมากขึ้น เขายังได้ใช้พื้นฐานฝึกตนและความสามารถศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง เพื่อกระจายเสียงออกไปยังที่ห่างไกล ทำให้คนทั้งหมดได้ยินคำบรรยายของเขา

ตอนนี้เขาได้รับคะแนนความดีมานับแสนแต้มในทุกๆ วัน สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว รายได้เช่นนี้คือแรงขับเคลื่อนอันทรงพลัง ในที่สุดการบรรยายของเขาก็กลายเป็นจุดสนใจของเขตภูเขาด้านนอกทั้งหมด

ขณะที่เมิ่งฮ่าวมีคะแนนความดีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็สามารถจะได้รับต้นสมุนไพรที่มีค่ามากขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยเช่นนั้นส่วนผสมที่เขาจำเป็นต้องใช้สำหรับน้ำยาวิญญาณสกัด ก็ถูกนำมาแทนที่ส่วนผสมเดิมได้ทั้งหมด ซึ่งสามารถถือได้ว่าเป็นสิ่งของวิเศษ ในที่สุดประสิทธิภาพของน้ำยาวิญญาณสกัดก็บรรลุถึงระดับที่น่ากลัว

สำหรับคะแนนความดีที่เหลืออยู่ เขาได้นำมาใช้สำหรับต้นสมุนไพรอื่นๆ ซึ่งเขาได้ทำให้ถ้ำแห่งเซียนของตัวเอง กลายเป็นสถานที่สำหรับการปรุงยา ทำให้เต๋าแห่งการปรุงยาของเขาได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงในแต่ละวันที่ผ่านไป

เมิ่งฮ่าวยังได้นำคะแนนความดีไปแลกเปลี่ยนเป็นหินลมปราณด้วยเช่นกัน ซึ่งเขาได้นำมาใช้สำหรับการคัดลอกน้ำยาวิญญาณสกัด พลังชีวิตที่อยู่ในผลเนี่ยผานเริ่มมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แน่นอนว่า มีไม่กี่คนที่ได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ และดวงตาพวกมันก็กลายเป็นสีแดงก่ำไป นักปรุงยาคนอื่นๆ มองไปยังเมิ่งฮ่าวราวกับเป็นสุนัขป่าที่หิวโหย ถึงแม้ว่าพวกมันไม่เคยคิดว่าจะใช้วิธีการเช่นนี้มาก่อน แต่เมื่อได้เห็นกำไรมากมายที่เขาได้รับมา ก็ทำให้หลายคนในพวกมันเริ่มเลียนแบบเขา แม้แต่นักปรุงยาระดับห้าก็ยังได้ออกมาจากเขตภูเขาด้านใน และเริ่มทำการบรรยายเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพร เพื่อที่จะได้คะแนนความดีมา

เพราะว่าสภานักปรุงยาไม่ได้เข้ามาขัดขวางสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ ซึ่งก็หมายความว่าพวกมันเห็นด้วยโดยปริยาย จริงๆ แล้วพวกมันรู้สึกยินดีที่นักปรุงยาไม่มัวแต่ใช้เวลาทั้งหมดในการปรุงเม็ดยา แต่ได้ออกไปยังเขตภูเขาด้านนอกเพื่อบรรยายเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพร และเต๋าแห่งการปรุงยาให้กับเด็กฝึกปรุงยาเพิ่มมากขึ้น

ราวกับว่าแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาทั้งหมดถูกเติมพลังเข้าไป และในตอนนี้ก็คึกคักเต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ซึ่งแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก ตอนนี้มีนักปรุงยาออกมาจากเขตภูเขาด้านในเพื่อให้คำบรรยายเพิ่มมากขึ้น กลุ่มผู้ฟังของเมิ่งฮ่าวบางคนก็ถูกดึงตัวออกไป อย่างไรก็ตามในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาก็มีเด็กฝึกปรุงยาอยู่หนึ่งล้านคน ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกมันจะจากไปบ้าง แต่คนอื่นๆ ก็เข้ามาแทนที่ ทำให้แผนกเต๋าแห่งการปรุงยาราวกับมีร้อยบุบผาเบ่งบาน ต่างคนต่างก็แสดงความสามารถของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่

นักปรุงยาต่างๆ เริ่มใช้วิธีการทุกอย่าง ที่จะดึงดูดให้เด็กฝึกปรุงยามาสนใจฟังคำบรรยายของพวกมันมากขึ้น บางคนยังได้บรรยายเกี่ยวกับวิธีลับสุดยอดของตัวเองออกมาอีกด้วย อย่างช้าๆ เนื่องจากพวกมันสามารถจะดึงดูดความสนใจได้มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนทั้งหมดได้ผลประโยชน์ร่วมกันอย่างมากมาย

ในที่สุดนักปรุงยาระดับหกและแม้แต่นักปรุงยาระดับเจ็ดบางคน ก็เริ่มขยับตัวโผล่ออกมาจากเขตภูเขาด้านใน บรรยากาศในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาได้บรรลุถึงจุดสูงสุด แม้แต่ตระกูลหลักก็ยังได้รับผลกระทบ และผู้เฒ่าสูงสุดก็รู้สึกตกตะลึงจนต้องมาดูด้วยตนเอง

เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นไม่น้อย และในที่สุดก็มีข่าวคราวแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งตระกูล

ขณะที่เด็กฝึกปรุงยาเริ่มมีคะแนนความดีเหลือน้อยลง พวกมันก็เลือกที่จะทำงานให้กับตระกูล เพื่อที่จะได้รับคะแนนความดีเพิ่มมากขึ้น กลุ่มคนเริ่มแข่งขันกันเพื่อให้ได้งานมาจากแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ทุกสิ่งทุกอย่างเฟื่องฟูมีชีวิตชีวาขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นกับแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา!” แม้แต่นักปรุงยาระดับแปด สิบเก้าคนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นเป็นอย่างมาก พวกมันเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา และบอกได้ว่าถ้าเหตุการณ์ยังคงเกิดขึ้นเช่นนี้ต่อไป แผนกเต๋าแห่งการปรุงยาก็จะต้องเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างแน่นอน และในไม่ช้าก็จะมีนักปรุงยารุ่นใหม่ปรากฏขึ้น

ทั้งหมดนี้เริ่มขึ้นมาจากเมิ่งฮ่าว และเนื่องจากเช่นนี้ คนทั้งหมดจึงได้เอ่ยถึงนามเขาขึ้นมาอีกครั้ง!

ย้อนกลับไปยังคฤหาสน์โบราณ ผู้เฒ่าสูงสุดนั่งเงียบๆ อยู่ในวิหาร ด้วยสีหน้าที่หมองคล้ำ หลายเดือนมาแล้วที่มันได้มอบผลเนี่ยผานให้กับเมิ่งฮ่าว และมีเวลาเหลือเฟือให้เขาทำการปรุงน้ำยาวิญญาณสกัดขึ้นมาตามที่ต้องการได้ แต่ถึงกระนั้นเมิ่งฮ่าวก็ยังไม่ได้ตายไปอย่างฉับพลัน เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ผู้เฒ่าสูงสุดก็เริ่มรวบรวมชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน

“ข้าประเมินมันต่ำไป มันต้องตรวจพบบางอย่างได้ น่าเสียดาย…ที่ตระกูลใดๆ ก็ตาม กฎของตระกูลคือทุกสิ่งทุกอย่าง คนในตระกูลทั้งหมดต้องเคารพกฎของตระกูล สำหรับมัน…” ผู้เฒ่าสูงสุดครุ่นคิดพร้อมกับถอนหายใจส่ายหน้าไปมา ภายในดวงตาของมันมองเห็นแสงแห่งรังสีสังหารแวบขึ้นมา

ในวิหารอีกแห่งหนึ่งของคฤหาสน์โบราณ ฟางซิ่วซานและบิดามันนั่งอยู่ที่นั่น ใบหน้าเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด อันเนื่องมาจากนามอันยิ่งใหญ่ของเมิ่งฮ่าว ที่เขากำลังสร้างชื่อให้กับตนเองอยู่

“เจ้าสุนัขน้อยบัดซบนั่น!” ฟางซิ่วซานร้องคำรามพร้อมกับขมวดคิ้ว “คาดไม่ถึงว่ามันจะใช้เล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้เพื่อให้ได้คะแนนความดีมามากมาย!! จำนวนที่มันได้รับมาในแต่ละวัน เพียงพอที่จะทำให้แม้แต่ดวงตาข้าก็ยังต้องแดงก่ำไป…เมื่อมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปจำกัดความก้าวหน้าของมันได้” มันมองไปยังบิดา

ชายชราลืมตาขึ้นมา และแสงอันเย็นชาก็มองเห็นได้จากภายในดวงตาคู่นั้น

“เจ้ากำลังตื่นตระหนกเรื่องอะไรกัน? มันก็แค่เด็กน้อย เหตุผลที่มันคิดวิธีนี้ขึ้นมาได้ ก็เพราะว่ามีใครบางคนจากสายโลหิตหลักให้คำแนะนำมัน ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร” มันกล่าวขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ

“ข้ามีวิธีที่จะตัดแหล่งที่มาคะแนนความดีของมันไป!” ด้วยเช่นนั้นมันก็หยิบเอาแผ่นหยกออกมา ประทับสัมผัสศักดิ์สิทธิ์บางส่วนเข้าไป จากนั้นก็โยนออกไปนอกประตู

“คอยดูก็แล้วกัน” มันกล่าว หลับตาลงอีกครั้ง

ขณะที่เมิ่งฮ่าวมีชื่อเสียงขึ้นมา ฟางตงหานซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนสายโลหิตที่วางตัวเป็นกลางของตระกูลกำลังเฝ้ามองดูอยู่ ตั้งแต่แรกแล้วที่มันให้ความสนใจต่อเมิ่งฮ่าวและฟางเว่ย และตอนนี้มันก็ได้เห็นเมิ่งฮ่าวเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาอยู่ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ความรู้สึกมุ่งหวังของมันเริ่มมีมากขึ้น

“คงอีกไม่นานแล้ว ที่มันและฟางเว่ยจะเริ่มต่อสู้กัน!” มันคิด สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และยิ้มออกมา

ที่คฤหาสน์โบราณ ในถ้ำแห่งเซียนที่อยู่ใต้ดิน ฟางเว่ยนั่งขัดสมาธิเข้าฌาณอยู่ อีกครั้งที่มีชายชราเก้าคนอยู่รอบๆ ตัวมัน ซึ่งกำลังสั่นสะท้านขณะที่ปราณเซียนของพวกมันถูกฟางเว่ยดูดซับเข้าไป

ฟางอวิ๋นอี้คุกเข่าอยู่ที่เบื้องหน้ามันด้วยความนับถือ ดวงตาสาดประกายด้วยความกระตือรือร้นขณะที่มองไปยังฟางเว่ย

ชั่วขณะหลังจากนั้น ฟางเว่ยก็ลืมตาขึ้นมาและเสร็จสิ้นการฝึกตน ชายชราเก้าคนที่ห้อมล้อมอยู่รอบๆ มีอยู่สามคนที่กระอักโลหิตออกมา และจากนั้นร่างกายมันก็แห้งเหี่ยวลงไป จนกระทั่งกลายเป็นซากศพที่แห้งกรัง

“มีเรื่องอะไร อวิ๋นอี้?” ฟางเว่ยถามเสียงราบเรียบ

“ถังเกอ (ลูกพี่ลูกน้องผู้ชายที่มีอายุมากกว่า) ยังจำฟางฮ่าวได้หรือไม่? เจ้าสารเลวนั่นมันไม่ให้ความเคารพท่านในวิหารตอนนั้น ท่านเป็นผู้ที่มีจิตใจกว้างขวาง และไม่คิดจะลดตัวลงไปยุ่งกับมัน แต่มันไม่ได้คิดเช่นนั้น มันเป็นคนที่มีจิตใจคับแคบคิดเล็กคิดน้อย และมองว่าท่านคือหนามตำตาของมัน”

“เมื่อเร็วๆ นี้ มันได้ใช้วิธีการที่น่ารังเกียจเพื่อสร้างชื่อให้กับตัวเอง อยู่ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา และมันยังได้เริ่มเผยแพร่คำนินทาว่าร้ายท่านอีกด้วย ถังเกอ มันทำให้ชื่อเสียงท่านต้องแปดเปื้อน และทำให้ข้าต้องคลุ้มคลั่งขึ้นจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ข้าสู้มันไม่ได้ ข้าได้แต่มองไปขณะที่มันมีชื่อเสียงขึ้นมาในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาเท่านั้น” ฟางอวิ๋นอี้หัวเราะหึๆ ด้วยความขมขื่นออกมา

สีหน้าฟางเว่ยสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ดูเหมือนว่ามันไม่ได้รู้สึกยินดีหรือมีโทสะ มองไปยังฟางอวิ๋นอี้อย่างราบเรียบ ราวกับว่ามันมองเห็นความคิดทั้งหมดของฟางอวิ๋นอี้ ราวกับว่ามันสามารถจะบอกได้ว่าสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินมานั้นเป็นความจริงหรือความเท็จ

เมื่อได้เห็นฟางเว่ยกำลังมองมา จู่ๆ ฟางอวิ๋นอี้ก็เริ่มสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว มันไม่รู้ว่าฟางเว่ยกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรออกมามากไปกว่านั้น มันกำลังคิดว่าจะจากไป แต่ในที่สุดฟางเว่ยก็พูดขึ้นมา

“บอกข้ามา”

ฟางอวิ๋นอี้ร่าเริงขึ้นมาในทันที และเริ่มอธิบายถึงรายละเอียดทั้งหมด ที่เมิ่งฮ่าวได้กระทำมาในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา

หลังจากที่รับฟังทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ฟางเว่ยก็หลับตาลงชั่วขณะ จากนั้นก็ลืมขึ้นมาใหม่และกล่าวเสียงราบเรียบ “มีผู้คนมากมายในโลกนี้ที่อยากได้ของฟรี เมื่อมีทางเลือกที่จะได้ของฟรีหรือจ่ายเงิน คนส่วนใหญ่มักจะเลือกอย่างแรก ฟางอวิ๋นอี้ เจ้าเข้าใจความหมายของข้าหรือไม่?”

ฟางอวิ๋นอี้อ้าปากค้าง หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ดวงตามันก็เจิดจ้าขึ้น และลุกขึ้นมายืนด้วยความตื่นเต้น หัวเราะเป็นเสียงดังออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!