Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 914

ตอนที่ 914

อันดับหนึ่งในแต่ละชั้น

แผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย มีผู้คนมากมายกำลังไปปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกของศาลาโอสถมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อจ้องมองไปยังลำแสงอันเจิดจ้าที่พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง พวกมันเริ่มสอบถามคนอื่นๆ ในบริเวณนั้นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และเมื่อได้ยินว่าเมิ่งฮ่าวได้เข้าไปในศาลาโอสถ จนทำให้เกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้น สีหน้าพวกมันก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างน่าเหลือเชื่อขึ้น

“คาดไม่ถึงว่าจะเป็นฟางฮ่าว!!”

“มันนี่เองที่เข้าไปในศาลาโอสถ มัน…ทักษะในเรื่องต้นพืชสมุนไพรของมัน ทำให้ศาลาโอสถเปล่งแสงออกมามากมายเช่นนั้น!?!?”

“ข้าเคยไปนั่งฟังคำบรรยายเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรของมันเหมือนกัน…แต่คนที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตกใจเช่นนี้คือฟางฮ่าวจริงๆ?” ตอนนี้มีผู้คนมากกว่าหนึ่งหมื่นคนอยู่ในที่แห่งนี้ ขณะที่คนทั้งหมดกำลังตกตะลึงต่อแสงอันเจิดจ้านั้น บางคนได้หันไปมองยังแท่นศิลาตัวอักษรที่อยู่ด้านนอกของศาลาโอสถ

รายชื่อนับแสนที่มองเห็นได้ตรงชั้นล่างสุดของแท่นศิลาตัวอักษร ในตอนนี้…รายชื่อทั้งหมดสลัวเลือนลางลงไป และดูเหมือนจะถูกเลื่อนลงมาหนึ่งบรรทัด ตรงด้านบนสุดของรายชื่อ…มีนามใหม่ปรากฏขึ้น

ฟางฮ่าว!!

เมื่อพวกที่มุงดูอยู่มองเห็นนามที่อยู่ด้านบนสุดของรายชื่อนั้น เสียงพูดคุยก็ดังก้องขึ้น

“เป็นฟางฮ่าวจริงๆ! นามของมันอยู่ในอันดับแรกของรายชื่อ!”

“ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ผ่านการทดสอบจะมีนามปรากฏขึ้นที่ด้านล่างสุด มีอยู่ไม่กี่คนที่ทำให้นามของพวกมันไปอยู่ตรงกลางได้! แต่ฟางฮ่าวกลับมีนามอยู่ที่อันดับแรก!”

“สำหรับมันแล้วการอยู่ที่อันดับแรก ก็หมายความว่าทักษะเรื่องพืชสมุนไพรของมัน ดีกว่าผู้คนนับแสนที่อยู่ในรายชื่อเหล่านั้น!”

“แน่นอนว่า นามของนักปรุงยาที่แข็งแกร่งทั้งหมด อยู่ที่อันดับต้นๆ บนแท่นศิลา ใครจะไปรู้ว่าในครั้งนี้ฟางฮ่าวจะขึ้นไปยังชั้นบนของศาลาโอสถต่อไป หรือว่ามันจะพยายามหาข้อผิดพลาดในระบบเพื่อฉวยโอกาสหากำไรกับเด็กฝึกปรุงยา เหมือนกับข่าวลือเมื่อครั้งที่แล้วหรือไม่?”

เสียงพูดคุยดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดพวกมันก็ตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้โผล่ออกมาจากภายในศาลาโอสถ ทำให้พวกมันได้ข้อสรุปว่า…เขากำลังทำการทดสอบต่อไป!

คนทั้งหมดเริ่มตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิมในทันที และพวกมันก็อยากจะรู้ด้วยว่า…ระดับทักษะของเมิ่งฮ่าวที่เกี่ยวข้องกับต้นพืชสมุนไพรจะอยู่ที่ระดับใดกันแน่ เขาเป็นผู้มาใหม่ที่เพิ่งจะมีชื่อเสียงอยู่ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาเมื่อไม่นานมานี้เอง

ไม่เพียงแต่พวกมันเท่านั้นที่อยากจะรู้ นักปรุงยาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นต่างก็อยากรู้อยากเห็นด้วยเช่นเดียวกัน

ที่ด้านในศาลาโอสถ เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และรอให้กลุ่มหมอกที่อยู่รอบๆ ตัวค่อยๆ จางหายไป ขั้นบันไดที่นำไปสู่ชั้นที่สองได้ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า เมิ่งฮ่าวเดินขึ้นไปบนบันไดในทันที พร้อมกับคิดอยู่ภายในใจ

“ถ้าข้าต้องการทำให้ผู้คนตกตะลึง ข้าก็ต้องทำให้ดีไปโดยตลอด และข้าก็อยากรู้ด้วยเช่นกันว่า ทักษะเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรของข้า ในศาลาโอสถของตระกูลฟางนี้จะอยู่ที่ระดับใดกัน”

“ในตระกูลฟาง ต้นพืชสมุนไพรเป็นส่วนที่สำคัญมากที่สุดในเต๋าแห่งการปรุงยาของพวกมัน เพื่อที่จะมีชื่อเสียงอยู่ในท่ามกลางเหล่านักปรุงยาทั้งหลาย ข้าก็ต้องอยู่ในอันดับแรกของศาลาโอสถนี้เท่านั้น อันที่จริงระบบนี้ได้สร้างความแตกต่างเป็นอย่างมากระหว่างผู้ผสมยาและนักปรุงยา!” หลังจากที่บรรลุถึงขั้นบนสุดของบันได ก็พบว่าตนเองกำลังอยู่ที่ชั้นสองแล้ว

แสงเจิดจ้ากระจายเต็มไปทั่วชั้นสอง และอีกครั้งที่พืชสมุนไพรสิบล้านต้นได้ปรากฏขึ้น บางต้นก็ซ้ำกับชั้นแรก พวกมันได้หลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว เพื่อก่อตัวเป็นตำราขึ้นมาหนึ่งเล่ม

ครั้งนี้ ธูปที่ปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าไม่ได้มีแค่สามดอกเท่านั้น แต่มีถึงหกดอก

อีกครั้งที่เสียงเก่าแก่โบราณได้ดังก้องไปทั่วทั้งชั้นสอง

“เจ้ามีเวลาชั่วธูปไหม้หมดไปหกดอก เพื่อบอกชื่อพืชสมุนไพรหนึ่งแสนต้นแรกมาให้ได้ ถึงจะสามารถผ่านชั้นนี้ไปได้ ถ้าเจ้าบอกผิดไปสิบต้นหรือมากกว่านั้น ก็จะถือว่าไม่ผ่าน”

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว จากนั้นก็มองไปรอบๆ ทั่วชั้นสองอยู่ชั่วครู่

“นี่คือชั้นสอง” เขาคิด ก้าวเท้าตรงไปและเปิดตำราขึ้นมา จากนั้นก็ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไป และเริ่มประทับรายชื่อต้นพืชสมุนไพรลงไป

ธูปสามดอกดูเหมือนจะเผาไหม้หมดไปอย่างรวดเร็ว แสงเจิดจ้าอันไร้ขอบเขตสาดประกายออกมาจากตำรา เมิ่งฮ่าวได้ประทับชื่อของต้นสมุนไพรไปทั้งหมดสิบล้านต้นเรียบร้อยแล้ว เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ และขั้นบันไดก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเขาอีกครั้ง

เมิ่งฮ่าวเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสามโดยไม่ลังเล หลังจากที่มองไปรอบๆ สีหน้าผิดหวังก็มองเห็นได้จากบนใบหน้า ชั้นที่สามนี้มีรูปภาพของพืชสมุนไพรสิบล้านต้นกำลังลอยไปมาอยู่รอบๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งจากนั้นก็มารวมซ้อนทับกันจนกลายเป็นตำราพืชสมุนไพร

อย่างไรก็ตาม การที่จะผ่านชั้นนี้ไปได้ไม่ใช่แค่บอกชื่อมาให้ครบหนึ่งแสนชื่อเท่านั้น แต่ต้องบอกให้ครบหนึ่งล้านชื่อ และต้องเรียงรายชื่อตามวิธีการพิเศษที่ตำราโบราณต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นแค่บอกผิดไปสามชื่อ ก็จะถูกถือว่าไม่ผ่าน

สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว มันไม่ได้ยุ่งยากเลยแม้แต่น้อย เขาส่ายหน้า ก้าวเท้าตรงไปและเปิดตำราโบราณออก

ครั้งนี้เขาใช้เวลาแค่ธูปไหม้หมดไปสองดอกเท่านั้น ก่อนที่ตำราจะเริ่มสั่นสะท้าน และชั้นที่สามก็ส่องแสงเจิดจ้าออกไปที่ด้านนอก เมิ่งฮ่าวผ่านไปได้อีกครั้ง เมื่อขึ้นไปถึงชั้นที่สี่ ในที่สุดสีหน้าเขาก็สดใสขึ้น

สิ่งที่เมิ่งฮ่าวเห็นก็คือว่าบนชั้นที่สี่นี้ เต็มไปด้วยพืชสมุนไพรมากกว่าที่เขาเคยเห็นบนชั้นสามถึงสิบเท่า มีทั้งหมดหนึ่งร้อยล้านต้น ทำให้ดวงตาต้องสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า

“เริ่มน่าสนใจขึ้นมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังคงมีอยู่ไม่มากนัก” เขาบ่นพึมพำ พืชสมุนไพรหนึ่งร้อยล้านต้นรวมตัวเข้าด้วยกันเพื่อกลายเป็นตำราโบราณ ซึ่งมีชื่ออยู่บนหน้าปกว่า ตำราพืชสมุนไพร

ข้อกำหนดของชั้นที่สี่คือ ต้องบอกชื่อพืชสมุนไพรให้ได้สิบล้านต้น โดยที่ไม่มีความผิดพลาดเลย บอกผิดแค่ชื่อเดียวก็หมายความว่าไม่ผ่าน

“พืชสมุนไพรหนึ่งร้อยล้านต้น หือ?” เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นที่จะลองทดสอบดู ย้อนกลับไปในสำนักจื่อยิ่น เขาเคยทำการทดสอบเช่นนี้มาก่อนแล้ว ซึ่งพวกมันได้ทำให้เขาต้องหวนรำลึกย้อนกลับไปในตอนที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่ภูเขาต้าชิง และประสบการณ์ที่เขาเคยไปสอบเข้าเป็นขุนนางมาก่อน

โดยไม่ลังเล เมิ่งฮ่าววางมือลงไปบนตำรา ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้ไหลเข้าไป และเริ่มประทับชื่อต้นสมุนไพรลงไปในทันที

ตอนนี้กลุ่มผู้คนมากกว่าหนึ่งแสนคน กำลังยืนอยู่รอบๆ ด้านนอกศาลาโอสถ ซึ่งถูกแสงอันเจิดจ้าดึงดูดใจให้ติดตามมา ก่อนที่แสงจากชั้นแรกจะจางหายไป แสงอันเจิดจ้าจากชั้นที่สองก็พุ่งออกมา และจากนั้นก็เป็นชั้นที่สาม

ถึงแม้ว่าแสงใหม่นี้จะไม่ได้เป็นประกายเจิดจ้าเท่ากับแสงจากชั้นแรก แต่มันก็ยังคงน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญมากที่สุดก็คือว่า นามของเมิ่งฮ่าวได้เลื่อนขึ้นไปยังชั้นที่สองและจากนั้นก็ชั้นที่สาม โดยที่ยังคงรักษาอันดับหนึ่งอยู่ในรายชื่อเหล่านั้นได้!

นักปรุงยามากมายที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น กำลังมองไปด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

“มันไปยังชั้นที่สี่แล้ว!”

“ฟางมู่ผู้นี้ผ่านชั้นที่สามไปด้วยเวลาที่น้อยมาก ไม่รู้ว่าชั้นที่สี่นี้จะสร้างปัญหาให้กับมันได้หรือไม่!?”

“ในศาลาโอสถของแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา สามชั้นแรกเป็นแค่พื้นฐานที่เรียบง่าย จากที่ข้าเคยได้ยินมา จะมีพืชสมุนไพรไม่เกินสิบล้านต้นปรากฏขึ้น แต่ชั้นที่สี่แตกต่างกันออกไป มันมีความยากมากกว่าเป็นสิบเท่า!”

ย้อนกลับไปที่ด้านในบนชั้นสี่ ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงที่แปลกๆ สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาสั่นสะท้าน ขณะที่ประทับรายชื่อต้นสมุนไพรลงไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ เขาจดจำพืชสมุนไพรได้ทุกต้นในทันทีที่มองเห็น ทำให้หน้ากระดาษของตำราพลิกผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นภาพที่ดูเลือนลางไป ถ้าคนที่ด้านนอกสามารถมองเห็นได้ ก็คงทำให้พวกมันต้องตกตะลึงกันไปตามๆ กัน

อันที่จริงเมิ่งฮ่าวอยากจะให้คนที่ด้านนอกได้เห็น ถ้าพวกมันสามารถมองเห็นได้ ก็คงจะช่วยเขาได้มากในเรื่องของคะแนนความดีที่เขาจะได้รับในวันข้างหน้า หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็ดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมา จากนั้นก็ตัดสินใจสอบถามศาลาโอสถว่า จะทำเรื่องเช่นนั้นได้หรือไม่

ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่เสียงเก่าแก่โบราณค่อยๆ กล่าวขึ้นมาอย่างช้าๆ

“ตอนนี้ศาลาโอสถไม่มีพลังที่จะทำเรื่องเช่นนั้นได้ แต่ถ้าเจ้าสามารถจะบอกชื่อพืชสมุนไพรออกมาได้หมดทั้งหนึ่งร้อยล้านต้น ข้าก็จะพยายามทำให้ในชั้นถัดไป”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวก็พยักหน้าในทันที สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และเริ่มประทับรายชื่อต่อไป

“เพื่อที่จะให้คนที่ด้านนอกมีเหตุผลเพียงพอที่จะมาฟังคำบรรยายของข้า เพื่อที่จะได้รับคะแนนความดีเพิ่มมากขึ้น…ข้าจะต้องทุ่มออกมาจนสุดตัว!”

“รอให้ข้าออกไปก่อนเถอะ! ข้าจะต้องขึ้นราคาอย่างแน่นอน! หนึ่งชั่วยามต่อสองคะแนนความดี!” ดวงตาเขาสาดประกายด้วยความมุ่งมั่น ซึ่งดูเหมือนจะมีผลกระทบต่อสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง ทำให้มันยิ่งมีความรวดเร็วขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้

หนึ่งล้าน, สิบล้าน, สามสิบล้าน…

เมิ่งฮ่าวประทับรายชื่อต้นสมุนไพรลงไปอย่างต่อเนื่องด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ความรู้สึกนั้นทำให้เขาต้องถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่หวนรำลึกออกมา ถ้าเขามีทักษะเช่นนี้ในตอนที่ทำข้อสอบเพื่อเป็นขุนนางในปีนั้น แน่นอนว่าเขาจะต้องกลายเป็นขุนนางใหญ่อยู่ในแคว้นจ้าวไปแล้ว

“ถึงแม้ว่าจะไม่ได้นานมากนัก แต่ก็ผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว ถ้าข้าไม่ได้เริ่มฝึกตน ก็คงจะตายไปนานแล้ว” เมิ่งฮ่าวคิดพร้อมกับส่ายหน้าถอนหายใจออกมา และประทับรายชื่อต่อไป

ไม่อาจจะมองเห็นตำราได้ชัดเจนมากนัก แต่ละหน้าพลิกผ่านไปด้วยความรวดเร็ว จนดูเหมือนว่าตำรานั้นจะถูกแช่แข็งไปตราบชั่วนิรันดร์ แทบจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

สี่สิบล้าน, ห้าสิบล้าน, หกสิบล้าน…

เวลาผ่านไป สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว เขารู้สึกเหมือนกับว่ายังไม่ได้ใช้พลังไปแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นความรู้เรื่องพืชสมุนไพรของเขาก็ดูเหมือนจะยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม

เจ็ดสิบล้าน, แปดสิบล้าน, เก้าสิบล้าน

ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ถอนหายใจออกมา และปิดตำรานั้นไป

หนึ่งร้อยล้าน!!

ศาลาโอสถสั่นสะท้าน และแสงอันเจิดจ้าไร้ขอบเขตก็กระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง ขั้นบันไดปรากฏขึ้น เมิ่งฮ่าวเดินขึ้นไปด้วยความคาดหวัง

คนทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ด้านนอกศาลาโอสถ มองไปยังแสงอันเจิดจ้าที่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทางจากชั้นสี่

“มันผ่านชั้นสี่ได้แล้ว!!”

“ถ้ามันผ่านชั้นสี่ ก็หมายความว่ามันเป็นผู้ผสมยาระดับสี่! ถ้าทักษะในการปรุงยาของมันแข็งแกร่ง มันก็จะกลายเป็นนักปรุงยาระดับสี่!”

กลุ่มฝูงชนค่อนข้างตกอยู่ในความปั่นป่วน แน่นอนว่ายังมีบางคนได้มองไปด้วยสีหน้าที่ดูถูกอยู่ด้วยเช่นกัน ในมุมมองของพวกมัน นักปรุงยาใดๆ ก็สามารถจะผ่านชั้นสี่นี้ไปได้ ซึ่งหมายความว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้มีอะไรที่พิเศษแม้แต่น้อย อย่างมากที่สุดเขาก็แค่ทำเรื่องบางอย่างที่ไม่ธรรมดาได้แค่ชั้นแรกเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เสียงพูดคุยจะเสร็จสิ้นลงไป จู่ๆ ก็มีลำแสงพุ่งออกมาจากชั้นห้า ลอยขึ้นไปในอากาศและจากนั้นก็เริ่มกระจายเป็นระลอกคลื่นออกมา

อย่างน่าตกใจยิ่ง ภายในระลอกคลื่นนั้น ปรากฏเป็น…จอภาพ!

มองเห็นเมิ่งฮ่าวอยู่ภายในจอภาพนั้น กำลังเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นห้า

จอภาพนี้ทำให้ผู้ชมทั้งหนึ่งแสนคนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นต้องจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง แม้แต่สามผู้อาวุโสระดับแปดก็ยังต้องประหลาดใจ

จอภาพนั้นมีขนาดใหญ่มากจนดูเหมือนจะบดบังไปทั่วทั้งท้องฟ้า ผู้คนมากมายที่อยู่ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา แต่ไม่ได้ไปยังศาลาโอสถ หลังจากที่มองเห็นจอภาพขนาดใหญ่นั้นแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาในทันที และเริ่มมุ่งหน้าตรงไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด

หนึ่งในพวกมันเป็นหญิงชรา ที่เป็นนักปรุงยาระดับเจ็ด ซึ่งได้มาทำให้การบรรยายของเมิ่งฮ่าวต้องแตกกระจายไป นางบินออกมาจากเขตภูเขาด้านนอกด้วยความตกใจ

คนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ศาลาโอสถ เริ่มพูดคุยกันถึงการปรากฏขึ้นของจอภาพนี้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พวกมันทั้งหมดรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

“เกิดอะไรขึ้น? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า จะมีจอภาพปรากฏขึ้นเมื่อมีคนเข้าไปในศาลาโอสถ”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า นี่คือความสามารถศักดิ์สิทธิ์ใหม่ ที่ศาลาโอสถแสดงขึ้นมา หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์?”

“ฮา ฮา ฮา! ยอดเยี่ยมจริงๆ! พวกเราจะได้มองเห็นฟางฮ่าวผ่านชั้นห้าได้อย่างชัดเจน ซึ่งดีกว่าก่อนหน้านี้มาก!”

สามผู้อาวุโสระดับแปด จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็สบตากันด้วยความสงสัย

การเปิดเผยสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ที่ด้านในของศาลาโอสถเป็นข้อห้ามอย่างเคร่งครัด ถึงแม้ว่าจะมีใครบางคนแอบรู้ความลับมาบ้างแล้วก็ตามที แต่พวกมันก็พยายามปกปิดไว้ไม่ยอมที่จะกระจายข้อมูลออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชั้นห้าหรือสูงกว่านั้นขึ้นไป

“ผู้เฒ่าโอสถกำลังควบคุมศาลาโอสถนี้อยู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านมีแผนลับบางอย่าง?” ขณะที่สามชายชราส่งข้อความพูดคุยกัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัวพวกมันเริ่มเงียบลง บนจอภาพสามารถมองเห็นเมิ่งฮ่าวที่เพิ่งจะก้าวเท้าออกมาจากขั้นบันไดและเหยียบลงไปบน…ชั้นห้า

ในเวลาเดียวกันนั้น บนแท่นศิลาตัวอักษรที่ตั้งอยู่ตรงด้านนอกของศาลาโอสถ นามฟางฮ่าวก็ปรากฏขึ้นอยู่บนชั้นสี่ และอยู่ในอันดับแรกอีกครั้ง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!