ตอนที่ 973
เปิดชีพจรเซียน!
ในตอนนี้แสงอันน่าเหลือเชื่อได้สาดส่องออกมาจากประตูเซียน จนกลายเป็นภาพของศีรษะโบราณ ศีรษะนั้นมองมายังเมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็ส่งเสียงคำรามออกมา จนดังก้องออกไปคล้ายกับเป็นพลังโจมตี โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว จนต้องถอยโซเซไปทางด้านหลัง สำหรับประตูเซียน มันได้เริ่มปิดลงอย่างช้าๆ!
คนทั้งหมดในตระกูลฟางต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิงต่อเหตุการณ์นี้ เมื่อฟางเว่ยโจมตีไปยังประตูเซียน มันมีแต่เปิดกว้างออกมากขึ้นไปเรื่อยๆ เท่านั้น ไม่เคยแสดงให้เห็นว่าจะมีการปิดกลับเข้าไปแม้แต่น้อย ทำให้คนทั้งหมดต้องอ้าปากค้าง
“เกิดอะไรขึ้น? ประตูเซียนนี้…ช่างเปิดออกได้ยากเย็นนัก!”
“กลุ่มเมฆลงทัณฑ์ของฟางฮ่าวแตกต่างไปจากของคนอื่นๆ รวมทั้งวิหารเซียนเหล่านั้นด้วย คาดไม่ถึงว่าประตูเซียนของมัน ก็ยากที่จะเปิดออกอีกด้วย!”
ดวงตาฟางเว่ยสาดประกายขึ้น ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว เห็นได้ชัดว่ามันต้องการจะต่อสู้ด้วย สำหรับฟางซิ่วซาน รังสีสังหารในดวงตาของมันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น และสีหน้าก็กลายเป็นความยินดีอย่างถึงที่สุด
“มันไม่อาจจะเปิดประตูเซียนได้!”
ผู้ฝึกตนจากสำนักและตระกูลทั้งหมดแห่งขุนเขาทะเลที่เก้า ต่างก็ตกตะลึงต่อสิ่งที่พวกมันเพิ่งจะได้เห็นอยู่นี้
“ทัณฑ์เซียนเช่นนี้ และประตูเซียนเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ จะสามารถจัดการได้!”
“ยากที่จะบอกได้ว่าฟางฮ่าว…จะสามารถเปิดประตูเซียนออกมาได้หรือไม่!”
ที่ด้านนอกดาวตงเซิ่ง ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เมิ่งฮ่าวถูกบังคับให้ต้องถอยไปทางด้านหลังประมาณหนึ่งพันจ้าง ก่อนที่จะไปหยุดอยู่ในที่สุด เขากวาดเช็ดโลหิตออกมาจากมุมปาก ขณะที่มองไปยังประตูเซียนด้วยสายตาอันดุร้าย
ทันใดนั้นพื้นฐานฝึกตนของเขาก็ระเบิดพลังออกไป และภาพแห่งธรรมหนึ่งหมื่นจ้างก็ปรากฏขึ้นมาใหม่ เมิ่งฮ่าวหลอมรวมเข้ากับภาพแห่งธรรม กลายเป็นยักษ์ที่สูงหนึ่งหมื่นจ้าง ซึ่งได้ก้าวผ่านระยะทางหนึ่งพันจ้างไปในครั้งเดียว เพื่อไปปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าของประตูเซียน
เขายกสองมือขึ้นมา วางลงไปบนประตูเซียน และส่งเสียงกู่ร้อง จากนั้นก็ผลักออกไปอย่างรุนแรง ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง
ประตูเซียนสั่นสะท้าน ส่งพลังกระแทกกลับมายังเมิ่งฮ่าวอย่างเต็มกำลัง เขาสั่นไปมาขณะที่อาณาจักรความเป็นนิรันดร์ได้ระเบิดออก พื้นฟูร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว ขณะที่ทำการโคจรหมุนเวียนพื้นฐานฝึกตนและผลักมือออกไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ตูม!
ประตูเซียนเกิดรอยร้าวขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้แสงเซียนสาดส่องออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอีกครั้งหนึ่ง ปราณเซียนกระจายออกไป และดวงตาเมิ่งฮ่าวก็กลายเป็นสีแดงก่ำ กัดฟันแน่นพยายามต่อต้านกับพลังที่สะท้อนกลับมา และทุ่มออกไปจนสุดตัว ผลักออกไปด้วยพลังทั้งหมดที่สามารถจะรวบรวมขึ้นมาได้
ตูมมมมมมม!
ประตูเซียนค่อยๆ เปิดออกมากขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้แสงเซียนกระจายออกมามากขึ้นกว่าเดิม ในชั่วพริบตา มันก็เปิดออกจนมีความกว้างเท่ากับก่อนหน้านี้ ใบหน้าของชายชราที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาของประตูเซียนได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง มันส่งเสียงคำรามไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยโทสะ และอีกครั้งที่แสงอันทรงพลังได้ระเบิดออกมา เพื่อโจมตีไปยังเมิ่งฮ่าว
ครั้งนี้เมิ่งฮ่าวได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว ขณะที่พลังนั้นได้กระแทกลงมา เขาก็ถอยไปทางด้านหลังใช้สองมือขยับร่ายเวท จากนั้นก็ผลักออกไปที่ข้างหน้า ทันใดนั้นชีพจรเซียนทั้งแปดก็ปะทุขึ้น ทำให้เกิดเป็นกระแสแห่งพลังแปดสายลอยเข้าไปในมือขวา จากนั้นเขาก็ต่อยหมัดตรงไปยังใบหน้าของชายชรา ทำให้ปราณเซียนพุ่งออกไป
ในชั่วพริบตา พวกมันก็กระแทกเข้าหากัน ทำให้เกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง ใบหน้านั้นจางหายไป และกระแสปราณเซียนทั้งแปดก็หมุนวนรวมเข้าด้วยกัน กลับเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว ถึงโลหิตจะพ่นกระจายออกมาจากปาก แต่ความต้องการต่อสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม เขาก้าวเท้าตรงไป วางฝ่ามือไปบนประตูเซียน จากนั้นก็เริ่มผลักออกไป
แสงเซียนกระจายออกมามากขึ้น และปราณเซียนก็มีความเข้มข้นมากกว่าเดิม เสียงระเบิดดังก้องออกไป ขณะที่ประตูเซียนเปิดออกกว้างมากขึ้น
สิ่งทั้งหมดที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ ทำให้คนทั้งปวงประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง
“เมื่อครู่นี้คืออะไรกัน? แปดกระแสแห่งปราณเซียน?”
“นั่นเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน…?”
ดินแดนทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้าต่างก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายไปโดยสิ้นเชิง เส้นเลือดเขียวโผล่ขึ้นมาจากหน้าผากเมิ่งฮ่าว ขณะที่ประตูเซียนเปิดออกจนกว้างพอที่จะให้คนผู้หนึ่งลอดผ่านเข้าไปได้ แต่ไม่ใช่ภาพแห่งธรรมของเขา
“ข้าทำลายกลุ่มเมฆลงทัณฑ์และทำให้วิหารเซียนแตกกระจายออกไปแล้ว สำหรับประตูเซียนนี้…ถ้ามันยังคงปิดอยู่ ก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อไหร่ที่ข้าเริ่มทำแล้ว ข้าก็จะต้องเปิดมันออกมาทั้งหมดก่อนที่จะเดินเข้าไป!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่เขาโคจรหมุนวนพื้นฐานฝึกตนขึ้นมาอีกครั้ง และผลักสองมือตรงไปที่ประตู มันเปิดออกมามากขึ้นแค่เล็กน้อย แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ถอยออกไปทางด้านหลังในทันที
ขณะที่ทำเช่นนั้น แสงดาวอันระยิบระยับก็ได้ปรากฏขึ้นมาอยู่ภายในดวงตาข้างซ้ายของเขา ในชั่วพริบตาแสงนั้นก็เริ่มพุ่งออกมาจากดวงตาข้างนั้น กลายเป็นลำแสงที่มีความยาวหนึ่งพันจ้าง จากนั้นก็ยาวออกไปหนึ่งหมื่นจ้าง ปกคลุมเมิ่งฮ่าวไว้ภายในโดยสิ้นเชิง ในตอนนี้เองที่…เจ็ดตัวอักษรได้ปรากฏขึ้นมาในจิตใจเมิ่งฮ่าว
หนึ่งรำพึงกลายเป็นดวงดาว!
มันคือเวทแห่งเต๋าที่แข็งแกร่งมากที่สุดของท่านปรมาจารย์รุ่นแรกแห่งตระกูลฟาง!
เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นมา ขณะที่แสงที่อยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวเริ่มกระจายออกไป แสงดาวพุ่งออกมาจากดวงตาข้างซ้ายของเขา กลายเป็นดวงดาวศิลาซึ่งได้ละลายลงไปอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นของเหลวพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ในชั่วพริบตาก็ห่อหุ้มเขาไว้โดยสิ้นเชิง
ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่อึดใจ ขณะที่ประตูเซียนกำลังปิดลง แสงที่ห้อมล้อมอยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวก็หายไป ตรงตำแหน่งที่เขาอยู่ ไม่ได้มีเมิ่งฮ่าวในรูปแบบปกติอยู่อีกต่อไป แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นเป็น…อุกกาบาตยักษ์!
อุกกาบาตนี้มีความกว้างหนึ่งพันจ้าง และดูน่าตกใจอย่างถึงที่สุด ความว่างเปล่ารอบๆ อุกกาบาตแตกร้าวและกระจัดกระจายออกไป ราวกับว่าแค่การปรากฏขึ้นของอุกกาบาตนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะเทือน
ต่อมากลิ่นอายอันเข้มข้นก็ระเบิดออกมาจากอุกกาบาตนั้น จุดแสงนับไม่ถ้วนของแสงดาวได้ปรากฏขึ้น จากนั้นก็ตกลงไปบนพื้นผิวของอุกกาบาต
ทันใดนั้น มันก็ไม่ได้ดูคล้ายกับอุกกาบาตอีกต่อไป แต่เป็นดวงดาว!
เสียงหึ่งๆ เริ่มกระจายออกมาจากดาวดวงนั้น ขณะที่มันกระแทกเข้าไปในประตูเซียน คนทั้งหมดที่กำลังมองดูอยู่เต็มไปด้วยความตกตะลึง ขณะที่ศิลาขนาดใหญ่ก้อนนั้นกระแทกเข้าไปที่ประตูอย่างต่อเนื่อง
“หนึ่งรำพึงกลายเป็นดวงดาว!!” ผู้เฒ่าสูงสุดอ้าปากค้าง สีหน้าเปลี่ยนไปขณะที่ยืนอยู่ที่นั่นในท่ามกลางกลุ่มคนของตระกูลฟาง
ในทันทีที่คำพูดของมันดังก้องออกไป สมาชิกของตระกูลคนอื่นๆ หอบหายใจออกมา ขณะที่อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจต่อก้อนศิลาขนาดใหญ่นั้น
“หา?! นั่นคือ…หนึ่งรำพึงกลายเป็นดวงดาว!?”
“นั่นคือเวทแห่งเต๋าที่แข็งแกร่งมากที่สุดของท่านปรมาจารย์รุ่นแรก หนึ่งรำพึงกลายเป็นดวงดาว! กล่าวกันว่าสามารถใช้มันเพื่อกลายเป็นดวงดาวได้จริงๆ! โดยหลักการแล้วมันสามารถทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง!”
“ฟางฮ่าวได้รับหนึ่งรำพึงกลายเป็นดวงดาว มาจากดินแดนบรรพบุรุษจริงๆ! จากบันทึกโบราณของตระกูล มันเป็นวิชาเวทที่แข็งแกร่งมากที่สุด ซึ่งสามารถจะกลายร่างเป็นดวงดาวที่แท้จริงได้!”
ผู้ฝึกตนทั้งหมดบนดาวตงเซิ่ง และขุนเขาทะเลที่เก้าที่เหลือ ต่างก็ตกตะลึงต่อการเปลี่ยนร่างเป็นดวงดาวของเมิ่งฮ่าว ในเวลาเดียวกันนั้น ทุกครั้งที่ดาวดวงนั้นกระแทกเข้าไปในประตูเซียน ก็ทำให้เกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา
ระลอกคลื่นกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง เห็นได้ชัดว่าการโจมตีนั้นได้ประกอบไปด้วยพลังที่รุนแรงจนทำให้เกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนกระจายออกไปไกลและเป็นวงกว้าง ประตูเซียนสั่นไปมา และสายลมอันรุนแรงขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นไป ในชั่วพริบตาประตูเซียนก็เปิดออกในทันที
ด้วยการโจมตีไปในช่วงเวลาสั้นๆ ประตูเซียนก็เปิดออกกว้างมากขึ้น!
ราวกับว่าที่กั้นได้ถูกเปิดออก ทำให้แสงเซียนอันไร้ขอบเขตได้กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เต็มไปด้วยปราณเซียนที่พุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง
ในตอนนั้นเองที่ดวงดาวได้หายไป และเมิ่งฮ่าวก็ปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าเขาซีดขาว และกระอักโลหิตออกมาสี่ถึงห้าครั้ง ขณะที่แสงและปราณเซียนปกคลุมไปรอบๆ ตัว
ปราณเซียนอันไร้ขอบเขตพุ่งขึ้นมากระจายเต็มไปทั่วร่าง ชีพจรเซียนทั้งแปดของเขาสั่นสะท้าน และเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ฉับพลันนั้นชีพจรเซียนจุดที่เก้าก็เริ่มก่อตัวขึ้นมา!
อย่างไรก็ตาม ที่ภายนอกร่างกายของเขา ซึ่งมองเห็นได้จากด้านนอกของประตูเซียน สิ่งที่คนทั้งหมดมองเห็นไม่ใช่ชีพจรเซียนจุดที่เก้า แต่เป็นชีพจรเซียนจุดแรก
เมื่อไหร่ก็ตามที่มีใครบรรลุกลายเป็นเซียนแท้ ในตอนที่พวกมันเปิดประตูเซียนออกมาได้ ชีพจรเซียนของพวกมันก็จะทำให้เกิดเป็นภาพของมังกรเซียนปรากฏขึ้นอยู่เหนือประตูเซียน
ตอนนี้มังกรเซียนตัวแรกได้ตกผลึกแข็งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อยู่สูงขึ้นไปเหนือเมิ่งฮ่าวและประตูเซียน หมุนวนไปมาอยู่ในอากาศ
ปราณเซียนพุ่งขึ้นมาและส่องแสงเจิดจ้า กระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จนกระทั่งดูคล้ายกับเป็นเวลาในช่วงกลางวัน คนทั้งหมดที่กำลังดูอยู่บนดาวตงเซิ่งต่างก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
“ประตูเซียน…เปิดออกแล้ว!”
“มันกำลังเปิดชีพจรเซียน! ไม่รู้ว่าฟางฮ่าวจะสามารถเปิดได้มากน้อยเท่าใดกัน!?!?”
ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนกำลังมองไป ขณะที่มังกรเซียนตัวแรกปรากฏขึ้นเหนือประตูเซียน เมื่อมันร้องคำรามออกมา ชีพจรเซียนจุดที่สองก็ก่อตัวขึ้นมา จากนั้นก็สาม, สี่และห้า
ในชั่วพริบตาปราณเซียนนับไม่ถ้วน ซึ่งมากเกินกว่ามังกรสัมฤทธิ์ที่อยู่ในสุสานของดินแดนบรรพบุรุษ ได้ไหลซึมเข้าไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว ชีพจรเซียนจุดที่สิบ, ยี่สิบ, สามสิบได้ปรากฏขึ้น
สามสิบมังกรเซียนม้วนตัวไปมาอยู่ในอากาศ ส่งเสียงคำรามออกมา มังกรเซียนแต่ละตัวเหล่านั้นถูกสังเกตเห็นโดยกลุ่มผู้ชมในขุนเขาทะเลที่เก้า และทำให้จิตใจพวกมันต้องสั่นสะท้าน พวกมันจ้องมองไปด้วยความงุนงง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ถูกเลือกที่เป็นเซียนแท้แล้วทั้งหลาย จิตใจพวกมันกำลังเต้นรัว
“นั่น…นั่นคือชีพจรเซียน?”
“ทำไมชีพจรเซียนแต่ละจุดเหล่านั้นถึงได้ดูเหมือนว่า จะมีขนาดใหญ่กว่าชีพจรเซียนที่ปรากฏขึ้นของคนทั้งหมดที่เพิ่งจะกลายเป็นเซียนแท้ไปตั้งหลายเท่าตัว!?!?”
“ระดับความยากทัณฑ์เซียนของมันเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ประตูเซียนของมันก็ยากที่จะเปิดออกได้! จึงเป็นที่คาดคิดได้ว่าระดับความสำเร็จของมัน จะต้องเกินกว่าคนอื่นๆ ไปอย่างแน่นอน ทำให้ชีพจรเซียนของมันแข็งแกร่งกว่ามากนัก!”
คนทั้งหมดในตระกูลฟางบนดาวตงเซิ่งต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง ฟางเว่ยจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยใบหน้าที่ซีดขาว ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวได้ทำทุกอย่างเพื่อโจมตีไปยังทัณฑ์เซียนและเปิดประตูเซียนออกมาได้สำเร็จ แต่ฟางเว่ยก็ยังต้องการจะต่อสู้กับเขาอยู่ดี
ขณะที่เสียงพูดคุยด้วยความตกใจ ได้ยินออกไปทั่วทั้งดาวตงเซิ่ง ผู้ฝึกตนจากสำนักและตระกูลต่างๆ ในขุนเขาทะเลที่เก้า ต่างก็จ้องมองไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เมิ่งฮ่าวทำการเปิดชีพจรเซียนของเขาออก
“ความแข็งแกร่งของชีพจรเซียน เป็นตัวแทนพลังการต่อสู้ภายใต้อาณาจักรเซียนของมัน” หญิงชราที่ยืนอยู่ข้างกายฝานตงเอ๋อร์เอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาขณะที่จ้องมองเข้าไปในแก้วผลึก “มันจะกลายเป็นผู้ไร้พ่าย…มันได้เผชิญหน้ากับทัณฑ์เซียนผู้ยิ่งใหญ่ และมันก็จะกลายเป็น…เซียนผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น!”
เหล่าปรมาจารย์จากสำนักและตระกูลอื่นๆ ต่างก็ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกันนี้ ขณะที่พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่สาดประกายเจิดจ้า และความคิดที่เต็มอยู่จิตใจ
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ในประตูเซียน อาบไล้อยู่ใต้แสงเซียน ถูกปกคลุมด้วยปราณเซียน เสียงกระหึ่มดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง ขณะที่ปราณเซียนนับไม่ถ้วนได้ไหลซึมเข้ามาอยู่ภายในร่าง เสียงแตกร้าวได้ยินมาขณะที่ชีพจรเซียนจุดที่สี่สิบได้เปิดออก และจากนั้นก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ!
สี่สิบเอ็ด, สี่สิบห้า, ห้าสิบ…
ท่ามกลางเสียงกระหึ่มกึกก้องทั้งหมด มังกรเซียนที่อยู่ด้านนอกประตูเซียน ตอนนี้มีอยู่ทั้งหมดห้าสิบตัวแล้ว พวกมันบินวนไปมา ส่งเสียงแผดร้องคำราม ทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินเสียงนั้นจะต้องตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ก็ยังไม่จบลง!
ห้าสิบห้า, หกสิบ, เจ็ดสิบ, แปดสิบ…
ในช่วงเวลาแค่สั้นๆ มังกรเซียนแปดสิบตัวได้ปรากฏขึ้นที่ด้านนอกประตูเซียน มังกรเซียนแปดสิบตัวเหล่านั้นกระจายพลังอันน่าตกใจออกมา ขณะที่พวกมันบินไปรอบๆ ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
ร่างเมิ่งฮ่าวถูกปกคลุมเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง รู้สึกว่าร่างกายคล้ายกับจะแตกกระจายออกไป ขณะที่ปราณเซียนอันไร้ขอบเขตได้ไหลซึมเข้ามา ทำให้ชีพจรเซียนจุดที่แปดสิบเอ็ดก่อตัวขึ้นมา…
ในที่สุดชีพจรเซียนจุดที่แปดสิบเอ็ดก็ก่อตัวเสร็จสิ้น หลังจากนั้นก็เป็นจุดที่แปดสิบสอง แล้วก็แปดสิบสาม
ขณะที่คนทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้าเฝ้ามองมา เมิ่งฮ่าวก็มีชีพจรเซียนเกิดขึ้นเก้าสิบจุดแล้ว!