บทที่ 1064 ขั้วอำนาจสี่ดาวร่วมสงคราม
“ต้องโทษที่พวกเจ้ากำเริบเสิบสานมากเกินไป เบื้องบนจึงส่งข้ามากำจัดกำลังรบเซียนของเขตสงครามที่นี่!”
ราชาเซียนเสี้ยวเทียนอดหัวเราะเยาะไม่ได้ มองไปยังเซียนเทวาเร้นลับชั้นต้นสองคนและเซียนเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มสองคนที่อยู่เบื้องหน้า ต่อให้ในเซียนสี่คนนี้มีหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟย แต่ขอบเขตพลังของพวกเขาต่ำเกินไป ไม่มีทางใช้พลังน่าหวาดกลัวที่ซ่อนเร้นอยู่ได้ ไม่ใช่คู่มือของเซียนเสี้ยวเทียนสักคน
ครั้งนี้ผู้ครอบครองสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ ผู้สืบทอดพลังเทพปีศาจ จะต้องตายด้วยน้ำมือของเขา
พวกจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งมีสีหน้าเคร่งเครียด
คนที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมดล้วนสู้กับผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียนเป็นครั้งแรก ความกดดันไร้รูปร่างค่อยๆ เพิ่มขึ้น ปกคลุมไปทั่วร่างของทุกคน
เซียนเกาหวงมองมายังจ้าวเฟิง หนานกงเซิ่ง และจ้าวหยูเผย หากไม่ใช่เป็นเพราะมีพวกเขาสามคนอยู่ เซียนเกาหวงไม่มีทางอยู่ทำเรื่องที่อันตรายเช่นนี้เด็ดขาด
“สี่คนอยู่ด้วยกัน ฝ่ายหนึ่งหนี ฝ่ายหนึ่งตรึงกำลังเอาไว้!”
จ้าวเฟิงส่งกระแสจิตให้กับอีกสามคน
พวกเขาทั้งสี่อยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพื่อสู้เอาเป็นเอาตายกับราชาเซียนเสี้ยวเทียน เพียงแค่ตรึงเอาไว้เท่านั้น อีกทั้งก่อนที่ราชาเซียนเสี้ยวเทียนจะมาถึง องค์ชายเก้าก็ส่งสารขอความช่วยเหลือออกไปแล้ว
“ไป!” จ้าวเฟิงร้องตะโกนโดยพลัน สี่คนถอยพร้อมกัน
“หึ วันนี้พวกเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่!”
สีหน้าของราชาเซียนเสี้ยวเทียนยโสโอหัง รอบกายมีปรากฏพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับสีฟ้าอ่อนผุดขึ้นอย่างมหาศาล กลิ่นอายพลังโหมซัดถาโถม โจมตีไปยังทุกคนทันใด
ครืน! แขนของราชาเซียนเสี้ยวเทียนมีเกล็ดปลาขึ้นเต็ม เมื่อสะบัดตามอารมณ์ พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับสีฟ้าอ่อนสายหนึ่ง ทะลักกระแสน้ำเชี่ยวกรากอันน่าหวาดหวั่นโจมตีไปยังเบื้องหน้า ราวกับคลื่นคลั่งปั่นป่วนน่าหวาดกลัว
ครืน ฟู่!
หนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยก้าวออกมาทันใด ร่างของทั้งสองต่างแผ่กลิ่นอายแรงกดดันที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานออกมา หนึ่งชั่วร้ายทรงพลัง อีกหนึ่งสูงส่งเหนือสิ่งใด กลิ่นอายพลังชั้นยอดทั้งสองสกัดกั้นแรงกดดันของราชาเซียนเสี้ยวเทียนไว้ด้านนอก
ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ
ซัดเงาฝ่ามือแสงอัสนีสีแดงทองขนาดมหึมา โจมตีไปเบื้องหน้า เซียนเกาหวงก็กวัดแกว่งทวนยาวในมือ ฟาดฟันออกไปอย่างสุดกำลัง
การโจมตีของทั้งสองปะทะเข้ากับการโจมตีพลังศักดิ์สิทธิ์ของราชาเซียนเสี้ยวเทียน
ครืน บึ้ม!
การโจมตีจากเซียนเกาหวงถูกทำลายลงทันทีจากพลังและกฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่ง ส่วนฝ่ามือสายฟ้าทลายนภาที่ทรงพลานุภาพของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งกว่า หักล้างต้านทานการโจมตีของราชาเซียนเสี้ยวเทียนไปหลายส่วน
ทั้งสี่คนร่วมมือกัน ทุกคนมีหน้าที่ของตน ต้านทานการโจมตีจากราชาเซียนเสี้ยวเทียน
“เอ๋? เจ้ามนุษย์นี่!”
สายตาของราชาเซียนเสี้ยวเทียนพลันจับจ้องมายังจ้าวเฟิง
ชั่วขณะที่ประมือ เขาก็ค้นพบถึงความไม่ธรรมดาของจ้าวเฟิง พลังของจ้าวเฟิงไม่ด้อยไปกว่าจ้าวหยูเฟยกับหนานกงเซิ่งเลย
“หึๆ เช่นนี้ก็ยิ่งดี ในวันนี้ก็สังหารบุคคลชั้นยอดของต้าเฉียนให้สิ้นเสียที่นี่ทั้งหมด!”
ราชาเซียนเสี้ยวเทียนคล้ายตื่นเต้นเล็กน้อย เริ่มรับมือกับคนทั้งสี่เบื้องหน้าอย่างจริงจัง
“ไป!” พวกจ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟย หลังจากที่ต้านทานการโจมตีแล้วก็หลบไปทางด้านหลังอีก
“คลื่นยักษ์ก้องนภา!”
ราชาเซียนเสี้ยวเทียนกางแขนทั้งสองข้างอยู่กับที่ พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับสีฟ้าอ่อนชั้นหนึ่งทะลักออก เสี้ยวขณะนั้น ทั่วทั้งผืนฟ้าเหมือนกลายเป็นคลื่นสีฟ้าอ่อนก็ไม่ปาน แผ่กระจายแรงกดดันแห่งกฎเกณฑ์อันน่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด
มือทั้งสองของราชาเซียนเสี้ยวเทียนสะบัดออก ทันใดนั้น การโจมตีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่น่าหวาดหวั่นด้านหลังราวกับคลื่นยักษ์สูงพันจั้งซัดขึ้น เกลียวคลื่นโถมกระหน่ำ มุ่งบดขยี้ไปยังทุกคน
“แข็งแกร่งมาก!” เซียนเกาหวงกลืนน้ำลาย
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีบ้าคลั่งเช่นนี้ ทุกคนล้วนรู้สึกว่าตัวเองเล็กจ้อยนัก ประหนึ่งจะถูกทำลายท่ามกลางฟ้าดินในชั่วพริบตา
“ใช้เงาโลกมิติส่วนตัวมาต้านทาน!”
จ้าวเฟิงรีบพูดขึ้นทันที เขาค่อนข้างเข้าใจทุกคนที่อยู่ที่นี่ รู้ว่าควรจะดึงข้อดีของแต่ละคนออกมาแก้วิกฤตเบื้องหน้านี้อย่างไร
อันดับแรก วายุคลั่งแก่นแท้อัสนีอันน่าพรั่นพรึงล้นทะลักออกจากข้างหลังของจ้าวเฟิง แปรเปลี่ยนเป็นพลังเสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ที่มืดมิดบ้าคลั่งมุ่งโจมตีไป
ใบหน้าของหนานกงเซิ่งเคร่งเครียด เบื้องหลังทะลักแสงเทพสีม่วงโลหิตที่ชั่วร้ายทรงพลัง มือเรียบเนียนของจ้าวหยูเฟยเพียงผลักออก ดาวตกเพลิงม่วงลุกไหม้กลุ่มหนึ่งก็เหนี่ยวนำไอสวรรค์ทั่วฟ้าดิน สกัดกั้นไว้เบื้องหน้า
เซียนเกาหวงก็ปลดปล่อยพลังเงาโลกมิติส่วนตัวที่มีแสงสีทองสอดประสานออกมาทันใด
เสี้ยววินาทีนี้ พลังเงาโลกมิติส่วนตัวที่แข็งแกร่งสี่กลุ่มผนึกกำลัง สกัดกั้นอยู่หน้าการโจมตีของราชาเซียนเสี้ยวเทียน
ครืน บึ้ม!
การโจมตีของราชาเซียนเเสี้ยวเทียนปะปนกับเงาโลกมิติส่วนตัวของคนทั้งสี่ พลังแห่งกฎเกณฑ์เสวียนอ้าวอันมหาศาลเข้าปะทะต่อสู้…
หลังจากที่ทุกคนปลดปล่อยเงาโลกมิติส่วนตัวแล้ว ก็หนีถอยไปเบื้องหลังอีกครั้ง
“หากพลังของข้าแข็งแกร่งขึ้นอีกสักหน่อย ก็สามารถใช้มนตราอากาศพาอีกสามคนที่เหลือหนีไปได้ทันที!”
จ้าวเฟิงนึกเสียใจเล็กน้อย
การพาเซียนสามคนทะลุข้ามมิติพร้อมกัน ด้วยขอบเขตพลังของจ้าวเฟิงในยามนี้ลำบากจะเป็นอย่างมาก นอกเสียจากที่หมายในการข้ามผ่านมิติจะอยู่ใกล้ๆ
แต่จ้าวเฟิงไม่ได้ทิ้งสัญลักษณ์มิติไว้แถวนี้
“เจ้าเด็กพวกนี้!” ราชาเซียนแปลกใจเล็กน้อย
หากพวกเขาสี่คนปลดปล่อยเงาโลกมิติส่วนตัวสู้กับราชาเซียนเสี้ยวเทียน ราชาเซียนเสี้ยวเทียนไม่เกรงกลัวสักนิด แต่คนทั้งสี่กลับปลดปล่อยเงาโลกมิติส่วนตัวมาสกัดกั้นการโจมตีจากเขา จากนั้นก็หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ฟุ่บ ครืน ครืน!
ราชาเซียนเสี้ยวเทียนเหยียบเกลียวคลื่นคลั่ง มุ่งหน้าตามไปทันที
“ฆ่าก่อนคนหนึ่งก็แล้วกัน!”
สายตาราชาเซียนเสี้ยวเทียนฉายจิตสังหาร
ขอเพียงแค่สังหารได้คนหนึ่ง ลดพลังทั้งหมดของพวกเขาลง ต่อไปค่อยสังหารเซียนเผ่ามนุษย์ทั้งหมดก็ไม่ใช่ปัญหา
วู้ม! ในมือของราชาเซียนเสี้ยวเทียน หอกยาวสีเขียวเข้มปรากฏขึ้นฉับพลัน บนนั้นส่องประกายแสงแสงสีฟ้าอ่อนวาววับ ราวกับว่าสามารถระดมพลังสายน้ำทั้งหมดได้
ราชาเซียนเสี้ยวเทียนถือง้าวยาวกวัดแกว่งออกไปทันที
ฟิ้ว!
เห็นเพียงแสงประกายน้ำสีเขียวมรกตโจมตีออกไป เหนี่ยวนำพลังฟ้าดินบรรจุไว้ภายใน ยิงไปยังเซียนเกาหวงโดยตรง
ราชาเซียนเสี้ยวเทียนย่อมมองออกว่าเซียนเกาหวงอ่อนแอที่สุดในหมู่คนทั้งสี่นี้
“หนานกงเซิ่ง!” จ้าวเฟิงเรียกทันที
ถึงแม้เซียนเกาหวงพลังไม่แข็งแกร่ง แต่ก็มีประโยชน์ในระดับหนึ่ง จะให้เขาตายไปเช่นนี้ไม่ได้
ฟู่! หนานกงเซิ่งทะยานไปเบื้องหน้าเซียนเกาหวงทันที โล่สัมฤทธิ์ลายสัตว์ปรากฏขึ้นในมือ โล่อันนี้คือโล่ทองคำ อาวุธเทพชั้นรองที่หนานกงเซิ่งได้รับมาจากคฤหาสน์ลับเทพบรรพกาล
วู้ม ครืน! ทันใดนั้น โล่สัมฤทธิ์ก็ส่งเสียงร้องคำรามที่ป่าเถื่อนดึกดำบรรพ์ เห็นเพียงเงาหัวสัตว์เลือนรางขนาดใหญ่หลอมรวมออกมา ล้อมหนานกงเซิ่งและเซียนเกาหวงไว้ข้างใน
ครืน ฉัวะ!
การโจมตีของราชาเซียนเสี้ยวเทียนปะทะลงบนเงาหัวสัตว์ อีกทั้งยังแทรกซึมเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
แต่ในยามที่ประกายแสงมรกตกระทบโล่ทองสัมฤทธิ์ พลังที่เหลืออยู่ก็ไม่เพียงพอจะแทรกซึมเข้าไปข้างใน
สุดท้าย การโจมตีของราชาเซียนเสี้ยวเทียนถูกอาวุธเทพชั้นรองของหนานกงเซิ่งสกัดกั้นเอาไว้ได้
“นี่มันอาวุธเทพชั้นรอง!”
แววตาของราชาเซียนเสี้ยวเทียนสั่นไหว จากนั้นก็เผยความละโมบ
อาวุธเทพชั้นรอง ตัวเขาเองยังไม่มีสักชิ้น
“ไปเร็ว!” จ้าวเฟิงตะโกนขึ้นทันควัน
พร้อมกันนั้น ในมือของเขาปรากฏแสงสีเขียวมรกตขึ้นจุดหนึ่ง นี่ก็คือไหมเมฆาผีเสื้อเซียนหลังจากที่ทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับแล้ว ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนทะลวงขอบเขตสำเร็จหลังจากที่จ้าวเฟิงข้ามผ่านเทวาเร้นลับได้ไม่นาน เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้ใช้มัน
ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนในยามนี้ยิ่งแวววาวสุกใส ทั่วทั้งตัวส่องประกายแสงสีเขียวอ่อน ชั่วพริบตาที่มันปรากฏขึ้น กลิ่นอายสายเลือดน่าหวาดหวั่นที่ไร้รูปร่างก็ดึงดูดสายตาผู้คนทันที
ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนพ่นไหมพร่างพรายหลากสี แหวกผ่านอากาศไปในชั่วพริบตา ปิดกั้นพื้นที่รัศมีหมื่นจั้งไว้
หลังจากไหมเมฆาผีเสื้อเซียนพ่นไหมเมฆาออกมาก็กระพือปีก ปล่อยละอองเกสรไฉ่เมิ่งไปในท้องฟ้า ตลบอวลไปยังร่างของราชาเซียนเสี้ยวเทียน
บางทีไหมเมฆาผีเสื้อเซียนไม่อาจขัดขวางราชาเซียนเสี้ยวเทียนได้ แต่ละอองเกสรไฉ่เมิ่งจะต้องมีผลกับเขาในระดับหนึ่ง
“เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า!”
ตาซ้ายของจ้าวเฟิงจับจ้องมายังราชาเซียนเสี้ยวเทียน ดึงพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งออกมา ปลดปล่อยเพลิงวายุอัสนีเทพเจ้าที่แข็งแกร่งที่ในตอนนี้
จ้าวเฟิงเห็นเพียงราชาเซียนเสี้ยวเทียนตัวแข็ง เหนือหัวพลันมีเพลิงเนตรสีม่วงแผ่กระจาย
“เป็นพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งเสียจริง!”
จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงวิญญาณของราชาเซียนเสี้ยวเทียนมั่นคงเป็นอย่างมาก ราวกับเหล็กกล้าที่ไม่อาจทำลาย ต่อให้จ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังอัสนีเทวะมากมาย ก็ยังไม่อาจสร้างบาดแผลที่สาหัสให้กับเขาได้
ครืน ฟู่ ฟู่!
หลังจากที่ปลดปล่อยกระบวนท่าแล้ว จ้าวเฟิงก็กระพือปีกวายุอัสนี ตามหนานกงเซิ่ง จ้าวหยูเฟย และเซียนเกาหวงไปทันใด
ความเร็วของจ้าวเฟิงเหนือกว่าคนที่เหลือทั้งสาม หากสำแดงปีกอัสนีผ่านฟ้า ก็สามารถนำหน้าเซียนเทวาเร้นลับชั้นสูงได้
ในยามนี้ จ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับวายุอัสนีไปมหาศาล ก่อนจะนำคนที่เหลือทั้งสามจากไปไกลอย่างรวดเร็ว
“บัดซบ เจ้าพวกเศษสวะ!” เซียนเสี้ยวเทียนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง
การป้องกันและวิธีการก่อกวนจากเซียนมนุษย์ทั้งสี่เยอะแยะมากมาย มีทั้งไหมเมฆาผีเสื้อเซียนและยังมีอาวุธเทพชั้นรองป้องกัน
“คลื่นทลาย!”
สายตาของราชาเซียนเสี้ยวเทียนจับจ้อง มองไปยังกลุ่มคนที่หนีไปนับหมื่นลี้ เขวี้ยงง้าวยาวสีเขียวเข้มในมือออกไป
ครึ่ก ครืน ครืน!
หอกยาวสีเขียวเข้มโอบล้อมด้วยเสวียนอ้าวธาตุน้ำอันน่าหวาดหวั่น ทุกที่ที่พาดผ่าน ฟ้าดินกลายเป็นมหาสมุทร
ในเสี้ยวขณะนั้น ราวกับว่าพลังทั่วทั้งฟ้าดินกดดันมายังทุกคน ฟ้าดินแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต ทุกคนเหมือนอยู่ในวังน้ำวนน่าหวาดกลัวมหาศาล
“แย่แล้ว ราชาเซียนเสี้ยวเทียนแข็งแกร่งเกินไป!”
เซียนเกาหวงส่ายหัวถอนหายใจอย่างโศกเศร้า
“พี่เฟิง!” จ้าวหยูเฟยก็ไร้แรงต้านทานเช่นกัน ยื่นมือขาวนวลจับจ้าวเฟิงเอาไว้
ฟู่! ในยามนี้ หนานกงเซิ่งพลันก้าวออกมา เผชิญหน้ากับสุดยอดวิชาของราชาเซียนเสี้ยวเทียน ทำได้แค่พึ่งอาวุธเทพชั้นรองป้องกันของเขาเท่านั้น
“ไม่ต้องแล้ว หนานกงเซิ่ง!”
จ้าวเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หนานกงเซิ่งตกตะลึง หรือจ้าวเฟิงจะมีแผนการอะไร
แต่ทันใดนั้น
แรงกดดันชะตามังกรที่น่าหวาดกลัวมาเยือนฟ้าดิน เห็นเพียงแสงกระบี่ลายมังกรสีทองฟาดฟันออกมาจากข้างหลังของทุกคน ปะทะเข้ากับง้าวยาวสีเขียวเข้มที่พุ่งมาจากราชาเซียนเสี้ยวเทียน
ครืน บึ้ม!
พลังศักดิ์สิทธิ์แห่งกฎเกณฑ์ที่น่าหวาดหวั่นทำให้ฟ้าดินสั่นไหว เสียงระเบิดอันน่าอึดอัดแผ่ไปทั่วทุกทิศอย่างไร้รูปร่าง
“พวกเจ้าถอยไป!”
ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่กายมังกรสูงใหญ่มาปรากฏอยู่เหนือทุกคน
“ขอบคุณผู้อาวุโสอวี่หลงที่ช่วย!”
เซียนเกาหวงเผยสีหน้าเคารพ รีบเคารพร่างสีทองนั้นอย่างลึกซึ้ง
จากนั้น จ้าวเฟิงและคนอื่นๆ ก็ถอยไปทันที
ราชาเซียนเสี้ยวเทียนที่อยู่ไกลๆ เห็นการโจมตีของตนถูกสกัดกั้น สายตาก็คร่ำเคร่ง จ้องเขม็งไปยังราชาเซียนอวี่หลง
“ผู้นำระดับสูงจากตำหนักไท่หวงมาถึงสนามรบแล้ว?”
ราชาเซียนเสี้ยวเทียนถามขึ้น
“ลัทธิเมืองมืดก็ไม่ใช่ว่าอยู่ระหว่าทางมุ่งหน้ามายังสนามรบรึ?”
ราชาเซียนอวี่หลงยิ้มราบเรียบ
จ้าวเฟิงกับหนานกงเซิ่งถอยไปหลายลี้ ในใจตื่นตกใจ
จ้าวเฟิงก็กำลังเเปลกใจ ความช่วยเหลือจากราชาเซียนตำหนักไท่หวง เหตุใดจึงมาเร็วถึงเพียงนี้
คิดไม่ถึงเลยว่าขั้วอำนาจระดับสุดยอดของสองราชวงศ์ ตำหนักไท่หวงและลัทธิเมืองมืด ล้วนเคลื่อนไหวแล้ว แต่เดิม สงครามในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่มีทางพัฒนาจนมาถึงขั้นนี้
เพียงแต่ช่วงนี้ ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นมาถึงสนามรบ จากนั้นท่าทีแข็งแกร่งที่จ้าวหยูเฟย หนานกงเซิ่ง และจ้าวเฟิงแสดงออกมาก็ดึงดูดความสนใจจากต่างเผ่าพันธุ์
นอกจากนั้น บนสนามรบมณฑลหลิงและมณฑลซวง
คนเช่นหยูเทียนฮ่าว เซวียนหยวนเหวิน เถี่ยหลิงอวิ๋น และคนอื่นๆ ยกระดับพลังอย่างรวดเร็ว และเป็นผู้แข็งแกร่งบนรายชื่อผลงานการรบ
สุดท้ายก็คือความตายขององค์ชายสิบสาม ทำให้ราชวงศ์ส่งสมาชิกจำนวนมากมายังสงครามเเนวหน้า
เหตุผลพวกนี้ผลักดันสถานการณ์ของสงครามโดยไร้รูปร่าง
สุดท้ายแล้ว ขั้วอำนาจสี่ดาวที่แข็งแกร่งที่สุดของสองราชวงศ์ใหญ่จึงเริ่มลงสู่สนามรบ