บทที่ 1094 ร่วมแรงรับมือ
ณ มุมหนึ่งในร่างเทพ พวกจ้าวเฟิงและคุนอวิ๋นโบยบินในอุโมงค์กำแพงผลึกอย่างรวดเร็ว ต่อจากนั้น แรงกดดันที่น่ากลัวจากครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก็ค่อยๆ ไล่บี้ตามมาทีละน้อย
“จ้าวเฟิง เขาไล่ตามมาแล้ว!”
คุนอวิ๋นเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัย
ถึงคุนอวิ๋นและหนานกงเซิ่งจะมีอาวุธเทพชั้นรอง สามารถต้านทานการโจมตีของครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง แต่พลังเทพที่คนทั้งสองสามารถใช้ได้ก็ไม่มากนัก ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจเป็นแผนการในระยะยาวได้ หนำซ้ำเพียงแค่ป้องกันอย่างเดียวก็ไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ ขอแค่ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งกัดไม่ปล่อย ก็จะสังหารทุกคนได้อย่างช้าๆ
จ้าวเฟิงสีหน้าเคร่งขรึม หากเป็นแบบนี้ต่อไป สุดท้ายแล้วเขาคงจำต้องใช้ศรสังหารเทพ แต่ถึงจะใช้ศรสังหารเทพ อย่างมากสุดก็คงจะทำร้ายครึ่งเทพจวี้เหมิ่งจนบาดเจ็บสาหัส
“หืม กลุ่มมนุษย์พวกนั้น!”
แววตาของจ้าวเฟิงมองทะลุผ่านกำแพงผลึกจำนวนหลายสิบ แล้วจึงเห็นกลุ่มเล็กฝั่งขวาด้านหน้า
ตามหลักการแล้ว จ้าวเฟิงและราชาเซียนในราชวงศ์ต้าเฉียนไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน อีกทั้งกลุ่มราชาเซียนทั่วไปก็ไม่กล้าจะช่วยจ้าวเฟิงต้านทานครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์
แต่หัวหน้าของกลุ่มนี้คือราชาเซียนโยวมู่ ผู้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของมุมมืดทมิฬ
จ้าวเฟิงรู้สึกว่าราชาเซียนโยวมู่มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะช่วยเหลือตนเอง อีกทั้งราชาเซียนโยวมู่เหมือนกับราชาเซียนอวี่หลิง เป็นผู้ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในบรรดาราชาเซียน
“ไป!” จ้าวเฟิงนำหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟย เปลี่ยนทิศทางการบินเล็กน้อย
…
“ผู้อาวุโสสูงสุด ศีรษะร่างเทพมีขั้วอำนาจระดับสุดยอดของทั้งสองราชวงศ์รวมตัวกันอยู่ เกรงว่าพวกเราคงยากจะได้ส่วนแบ่งอะไรมา!”
มีผู้เฒ่าคนหนึ่งในกลุ่มมุมมืดทมิฬเอ่ยขึ้น
“ไม่มีเรื่องใดแน่นอนหรอก!”
ในกลุ่มคนทั้งห้า ราชาเซียนโยวมู่ที่เป็นผู้นำเอ่ยด้วยสายตาแน่วแน่
พลังของบางพื้นที่ในร่างเทพ ต่างไหลไปรวมกันทางส่วนศีรษะ จะต้องมีความลับอะไรซุกซ่อนอยู่ภายในอย่างแน่นอน ถ้าหากมุมมืดทมิฬพลาดโอกาสที่นั่นไป เช่นนั้นจะกลายเป็นความผิดของราชาเซียนโยวมู่
อีกทั้งมุมมืดทมิฬเป็นขั้วอำนาจที่เป็นกลาง ไม่เคยทำผิดต่อสำนักและขั้วอำนาจใด พอถึงตอนนั้นจะสามารถร่วมมือกับขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
และในเวลานี้เอง จู่ๆ ราชาเซียนโยวมู่สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงหมุนกายไปทันควัน
“จ้าวเฟิง?”
ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของราชาเซียนโยวมู่ทะลุผ่านกำแพงผลึกหลายแถบ จนมองเห็นเงาร่างของจ้าวเฟิง
“สหายน้อยจ้าวก็เตรียมจะไปพื้นที่ส่วนศีรษะของร่างเทพงั้นหรือ?”
ราชาเซียนโยวมู่เอ่ยด้วยสีหน้าครุ่นคิด
จ้าวเฟิงเข้ามาในร่างเทพและมีชีวิตรอดอยู่จนถึงตอนนี้ ก็ทำให้เขาประหลาดใจอย่างยิ่งแล้ว
แต่ในขณะนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงยังคิดจะไปค้นหาโอกาสที่ส่วนศีรษะของร่างเทพ ช่างไม่รู้จักตัวกลัวตายเอาเสียเลย
“คุนอวิ๋น!”
ราชาเซียนโยวมู่สีหน้าตะลึง มองไปที่ร่างสีทองด้านหลังจ้าวเฟิง
มุมมืดทมิฬลอบสังหารและสืบหาข้อมูลเป็นหลัก จึงย่อมต้องมีความรู้ความเข้าใจในประวัติความเป็นมาและรายละเอียดต่างๆ ของคุนอวิ๋นเป็นอย่างดี
อีกทั้งในข้อมูลของมุมมืดทมิฬคาดเดาไว้ว่าจ้าวเฟิงคงมีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับคุนอวิ๋น คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงและคุนอวิ๋นจะมาร่วมมือกันในร่างเทพแล้ว
“ผู้อาวุโสโยวมู่ ช่วยข้าหน่อยเถอะ!”
จ้าวเฟิงยังไม่ทันมาถึง ก็เอ่ยออกมาเสียงดัง
“ข้าย่อมไม่ผลักไสแน่ หากข้าสามารถทำได้!”
ราชาเซียนโยวมู่ลูบเครา
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ยามก่อนจ้าวเฟิงก็เคยให้ยาชำระเลือดศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่ายิ่งแก่เขา อีกทั้งตอนนี้ในกลุ่มจ้าวเฟิงยังมีผู้แข็งแกร่งอย่างคุนอวิ๋นอยู่ หากเป็นเช่นนี้แล้ว ความแข็งแกร่งทั้งหมดของกลุ่มจ้าวเฟิงก็น่าจะไม่ต่างกับกลุ่มพวกเขามากนัก ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันได้อยู่แล้ว
ราชาเซียนโยวมู่เพิ่งเอ่ยจบ กลุ่มของเขาก็สัมผัสได้ถึงพลานุภาพกดดันทำลายล้างที่น่ากลัวค่อยๆ คืบคลานมาถึง
“ผู้อาวุโสโยวมู่ ช่วยพวกเรารับมือกับครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์หน่อยเถิด!”
ในตอนนี้ จ้าวเฟิงมาถึงข้างกายราชาเซียนโยวมู่แล้วเอ่ยจนจบ
ต่อมาจึงเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าทุกคน แรงกดดันจากกลิ่นอายยิ่งใหญ่ราวขุนเขา ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในนั้นหายใจได้อย่างยากลำบาก เซียนที่ค่อนข้างอ่อนแอในกลุ่มราชาเซียนโยวมู่ กระทั่งยืนก็ยังทำไม่ได้
“ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งฝ่ายต่างเผ่าพันธุ์!”
เซียนคนหนึ่งในกลุ่มมุมมืดทมิฬเอ่ยเสียงไร้ชีวิตชีวา แข้งขาอ่อนทรุดลงบนพื้น
กระทั่งราชาเซียนโยวมู่ยังตัวแข็งทื่อราวท่อนไม้ ชะงักอยู่กับที่ ในใจสั่นไหวเกินจะเปรียบ
เหตุที่เขาตื่นตะลึงย่อมเป็นเพราะพวกจ้าวเฟิงถูกครึ่งเทพไล่ล่าสังหาร แล้วยังมีชีวิตรอดหนีมาจนถึงที่นี่ได้ ต่อให้ในกลุ่มจ้าวเฟิงจะมีคุนอวิ๋น ก็อาจจะไม่สามารถต้านทานครึ่งเทพในตำนานได้!
“เหอะๆ ข้านึกว่าพวกเจ้าเจอผู้ช่วยที่เก่งกล้าสามารถอะไรเสียอีก แต่นี่ก็เป็นแค่มดปลวกฝูงหนึ่งเท่านั้นเอง!”
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเหลือบมองกลุ่มคนของมุมมืดทมิฬด้วยใบหน้าดูแคลน
เซียนในกลุ่มด้านหน้า กระทั่งพลังของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งยังไม่อาจต้านทานได้ไหว มีเพียงราชาเซียนโยวมู่ที่พอจะเข้าตาเขา
ราชาเซียนโยวมู่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ สีหน้าก็แข็งค้าง เอ่ยทั้งดวงตาหนักอึ้ง “เจ้ามีแผนการอะไร?”
พวกจ้าวเฟิงถูกไล่ล่าสังหารจากครึ่งเทพ ยังสามารถหนีมาจนถึงที่นี่ได้ นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกจ้าวเฟิงมีวิธีบางอย่างที่พอจะต้านทานครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์ผู้นี้ได้
อีกทั้งกลุ่มจ้าวเฟิงยังมีคุนอวิ๋น คุนอวิ๋นเป็นถึงครึ่งเทพมาเกิดใหม่ ตอนนี้ฟื้นฟูกลับไปถึงขอบเขตพลังราชาเซียน แต่พลังที่แท้จริงของย่อมต้องแข็งแกร่งเกินจะเปรียบ
นอกจากนั้น ในใจราชาเซียนโยวมู่ก็ยังคาดหวังว่าจะประมือกับครึ่งเทพสักครั้ง
“ย่อมมีวิธีอยู่แล้ว!”
จ้าวเฟิงระบายยิ้มเล็กน้อย หยิบธงค่ายกลสี่ทิศสีดำออกมา
“ค่ายกลวิญญาณทมิฬของวังเก้านิรย!”
ราชาเซียนโยวมู่ความรู้กว้างไกล จึงมองที่มาของธงค่ายกลในมือจ้าวเฟิงออก
ขวับ! ขวับ! ขวับ!
จ้าวเฟิงโยนธงค่ายกลสีดำออกมาสามผืน มอบให้กับราชาเซียนโยวมู่ หนานกงเซิ่ง และจ้าวหยูเฟย
ค่ายกลวิญญาณทมิฬนี้เป็นค่ายกลที่เซียนวังเก้านิรยในตอนนั้นสร้างขึ้นเพื่อสังหารจ้าวเฟิง แต่ผู้แข็งแกร่งสี่คนที่สังหารจ้าวเฟิงล้วนถูกเขาปลิดชีพจนหมดสิ้น เพราะเหตุนี้ค่ายกลย่อมตกอยู่ในเงื้อมมือของจ้าวเฟิง
“พวกเจ้าถอยไป!”
ราชาเซียนโยวมู่รีบเอ่ยกับสมาชิกคนอื่นของมุมมืดทมิฬ
เซียนทั่วไปไม่มีประโยชน์ใดเมื่อเผชิญหน้ากับครึ่งเทพ
พรึ่บ พรึ่บ~
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสสูงสุด สมาชิกคนอื่นๆ ของมุมมืดทมิฬก็กุลีกุจอถอยไปหลายลี้ ต่อมา พวกจ้าวเฟิงก็รีบปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ เพื่อกระตุ้นธงค่ายกล
วูบ!
ธงค่ายกลสีดำทั้งสี่ทิศลอยขึ้นกลางอากาศ แต่ละผืนมีพลังศาสตร์ซากศพสีดำลุกไหม้ ส่งเสียงร้องโหยหวนของภูติผี ทำให้ขนลุกชัน
ในวินาทีนั้น ธงค่ายกลสี่ทิศเกิดแสงสีดำทอประกาย พลังเพิ่มขึ้นพุ่งพรวด ก่อนระเบิดไปที่ผนังผลึก กลายเป็นเสายักษ์ค้ำฟ้าสี่ต้น
พรึ่บ!
ในรัศมีหลายลี้ถูกประกายแสงสีดำแดงทะลวงผ่าน รอบกายพวกจ้าวเฟิงและราชาเซียนโยวมู่เกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็นเกราะแสงมีไอดำลุกโชน
“คุนอวิ๋น เจ้ายื้อครึ่งเทพเอาไว้ พวกเราจะช่วยเจ้า!”
จ้าวเฟิงเอ่ยขึ้นทันที
คนเดียวที่สามารถรับมือครึ่งเทพจวี้เหมิ่งได้ในกลุ่มก็มีเพียงคุนอวิ๋นและราชาเซียนโยวมู่ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พลังของคุนอวิ๋นน่าจะแข็งแกร่งกว่าส่วนหนึ่ง
“ได้!” คุนอวิ๋นตอบตกลง
เขาเองก็คาดคิดไม่ถึงเช่นกันว่าจ้าวเฟิงจะมีค่ายกลที่สูงส่งลึกล้ำขนาดนี้ พลังค่ายกลจะรวมพลังของพวกจ้าวเฟิงเอาไว้ด้วยกัน จึงทำให้การสังหารราชาเซียนทั่วไปนั้นง่ายดายมาก ค่ายกลที่น่ากลัวขนาดนี้ บวกกับมีคุนอวิ๋น จะไม่สามารถรับมือครึ่งเทพจวี้เหมิ่งอย่างซึ่งหน้าได้อย่างไร
“ผู้อาวุโสโยวมู่ ให้ท่านเป็นคนควบคุมหลักของค่ายกลวิญญาณทมิฬแล้วกัน!”
จ้าวเฟิงเอ่ยกับราชาเซียนโยวมู่
ค่ายกลวิญญาณทมิฬเป็นค่ายกลศาสตร์ซากศพ ราชาเซียนโยวมู่กระตุ้นพลานุภาพที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นของค่ายกล
“กระตุ้นการโจมตีสังหารของค่ายกล!”
จ้าวเฟิงเอ่ยทันใด
ขอแค่จิตหลอมรวมเข้าไปในธงค่ายกล ย่อมล่วงรู้วิธีการกระตุ้น
คนทั้งสี่โคจรวิชาพิเศษ ฟาดฝ่ามือลงไปบนธงค่ายกลที่เผาผลาญด้วยเพลิงสีดำ
ฟู่ ฟู่ ฟู่!
ในมิตินรกสีดำแดงพลันปรากฏภูติผีชั่วร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน ใบหน้าโหดเหี้ยม ยื่นกรงเล็บซีดขาวสองข้างออกมา
ภูติผีเหล่านี้ค่อยๆ รวมร่างกัน กลายเป็นโครงกระดูกยักษ์ร่างหนึ่ง ปกคลุมทั่วค่ายกล
“คิดจะขวางข้าด้วยค่ายกลเน่าเฟะนี่น่ะหรือ?”
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งมีสีหน้าดูถูก เขาปลดปล่อยพลัง เรียกดาบสีแดงเข้มขนาดยักษ์ออกมาทันใด
“ฝ่ามือผนึกนภา!”
คุนอวิ๋นลงมือทันที ลดการโจมตีของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งให้อ่อนลงไป
จากนั้นคนทั้งสี่จึงโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับอย่างบ้าคลั่ง ไอภูติผีทั้งค่ายกลพลุ่งพล่านปั่นป่วน ภูติผีโครงกระดูกยักษ์ยื่นกรงเล็บซีดเผือดออกมาเพื่อตั้งรับการโจมตีจากคลื่นดาบสีแดงเข้ม
พรึ่บ โครม! ทั้งค่ายกลสั่นไหว พลังทั้งหมดในค่ายกลทะลักเข้าไปในอากาศ
จนในที่สุด คนทั้งสี่ก็ต้านทานการโจมตีของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเอาไว้ได้ ถึงแม้ว่าคราวก่อนพวกจ้าวเฟิงและคุนอวิ๋นจะร่วมมือกันตั้งรับการโจมตีของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งได้ แต่ครั้งนั้นได้พลังจากอาวุธเทพชั้นรอง
“ค่ายกลวิญญาณทมิฬมีชื่อเสียงด้านการล้อมสังหาร แต่ก็กลายมาเป็นค่ายกลโจมตีได้ อีกทั้งคนที่มีธงค่ายกลจะได้รับการปกป้องจากพลังทั้งค่ายกล!”
ราชาเซียนโยวมู่ได้ยินชื่อเสียงของค่ายกลชุดนี้ของวังเก้านิรยมานานแล้ว
“หึ ขาดคนไปเพียงคนเดียว ค่ายกลนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้แล้วกระมัง!”
เมื่อครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเห็นว่าการโจมตีของตนถูกขัดขวางเอาไว้ สีหน้าก็ยิ่งโกรธเกรี้ยว
“พิฆาตทะลวงฟ้า!”
ครั้งนี้ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งไม่ได้โจมตีค่ายกล แต่จู่โจมคนที่กางค่ายกล
“หยูเฟย!”
ก่อนที่ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งจะลงมือ จ้าวเฟิงก็เดาคนที่เขาจะลงมือโจมตีได้ทันที
โครม ตูม ตูม!
ดาบสีแดงเข้มขนาดยักษ์พากลิ่นอายทรงพลังที่ทำลายล้างทุกสรรพสิ่งตรงไปยังจ้าวหยูเฟย
ถึงจ้าวหยูเฟยจะมีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ พลังป้องกันชวนสะพรึงขวัญ แต่การโจมตีของครึ่งเทพแฝงไปด้วยพลังเทพ ต่อให้เป็นร่างกายของเผ่าพันธุ์เผ่าพันธุ์วิญญาณก็อาจโดนทำลายจนสิ้นซากไป!
“หนานกงเซิ่ง ขอข้ายืมโล่ทองคำสักหน่อย!”
จ้าวเฟิงเอ่ยทันที
หนานกงเซิ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็มอบโล่ทองคำให้กับจ้าวเฟิงแต่โดยดี
พรึ่บ! จ้าวเฟิงโบกมือซ้าย เซียนหมื่นปรากฏการณ์ปรากฏกกายขึ้น ณ ตำแหน่งของจ้าวเฟิงแล้วกางค่ายกลต่อไป ส่วนจ้าวเฟิงเมื่อรับโล่ทองคำมาแล้วก็กระตุ้นปีกด้านหลังจนถึงขีดสุด ก่อนเร่งรุดไปยังข้างกายจ้าวหยูเฟย พร้อมกระตุ้นโล่ทองคำ
พรึ่บ ฟู่! ทันใดนั้น ปรากฏศีรษะสัตว์ดุร้ายขนาดยักษ์ขึ้นกลางอากาศ ในเวลาเดียวกัน ปีศาจโครงกระดูกที่เกิดจากค่ายกลวิญญาณทมิฬก็ยื่นกรงเล็บอันซีดขาวของมันออกมา ตั้งรับการโจมตีของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งร่วมกับพลังอาวุธเทพชั้นรองในมือของจ้าวเฟิง
“ฝ่ามือสะท้านฟ้า!”
คุนอวิ๋นอาศัยช่วงจังหวะนี้กระตุ้นสายเลือดและร่างกาย จัดแจงเอาพลังเทพหลอมรวมเข้าไปในหมัดทั้งสองข้าง แล้วโจมตีออกไปทันใด
มองเห็นเพียงแสงหมัดสีทองสว่าง สาดพลานุภาพสำนึกรู้ที่เขย่าฟ้าดิน พุ่งตรงไปยังครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง
ตูม! จ้าวเฟิงที่ใช้อาวุธเทพชั้นรองร่วมกับพลังค่ายกลวิญญาณทมิฬ จึงตั้งรับการโจมตีจากครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเอาไว้ได้
ผัวะ! จ้าวเฟิงกระอักเลือด เกิดความเจ็บปวดทั่วร่าง จ้าวเฟิงผู้ที่ไม่มีพลังเทพ ยากจะสำแดงพลานุภาพที่แท้จริงของอาวุธเทพชั้นรองได้
อีกฟากหนึ่ง ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก็ถอยร่นไปหลายสิบก้าวจากการโจมตีของคุนอวิ๋น และตกลงไปในกำแพงผลึกด้านหลัง
ถึงแม้ว่าคุนอวิ๋นจะเป็นเพียงราชาเซียน แต่สำนึกรู้ของเขาสูงส่งลึกล้ำ เมื่อผสานกับพลังเทพแล้วจึงสามารถทำร้ายครึ่งเทพจวี้เหมิ่งได้
“พี่เฟิง!” ดวงตาของจ้าวหยูเฟยพร่าเลือนด้วยละอองน้ำ ส่งเสียงสะอื้นไห้
“ไม่เป็นไร!”
จ้าวเฟิงโคจรวายุอัสนีธาตุน้ำและวายุอัสนีธาตุไม้ในร่าง เพื่อทำการรักษาอาการบาดเจ็บทันที
“ดี ทำร้ายตาแก่หนังเหนียวได้แล้ว!” คุนอวิ๋นลำพองใจ
ตั้งแต่ถูกครึ่งเทพจวี้เหมิ่งไล่ล่าสังหาร นี่เป็นครั้งแรกที่การโจมตีของเขาทำให้ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งได้รับบาดเจ็บ
อีกฟากหนึ่ง ราชาเซียนโยวมู่ระบายยิ้มบนใบหน้าเล็กน้อย รับมือกับครึ่งเทพ หนำซ้ำยังสามารถทำให้ครึ่งเทพให้บาดเจ็บได้ด้วย นับได้ว่าเป็นผลงานที่ดีเยี่ยมที่สุดในตอนนี้ของเขาแล้ว
เซียนคนอื่นของมุมมืดทมิฬที่หลบอยู่เบื้องหลังจ้องเขม็ง สูดหายใจเข้าปอดลึก
ในสายตาพวกเขา ครึ่งเทพเป็นผู้ที่ไร้เทียมทานในตำนานของดินแดนทวีป
แล้วในเวลานี้ ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาอย่างราชาเซียนโยวมู่ร่วมมือกับจ้าวเฟิง กลับสามารถตั้งรับครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์ อีกทั้งยังทำร้ายครึ่งเทพให้บาดเจ็บ นี่เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายอย่างมาก