Skip to content

King of Gods 1100

King Of Gods

บทที่ 1100 อันตรายอย่างยิ่ง

การปรากฏกายขึ้นอย่างฉับพลันของมังกรวารีล้างโลกา ทำให้ขั้วอำนาจและผู้แข็งแกร่งจำนวนมากของราชวงศ์ทั้งสองตื่นตระหนกและมองอย่างไม่เป็นมิตร

แต่ขณะนั้นไม่มีใครกล้าผลีผลามทำอะไร ทุกคนต่างสำรวจสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยนี้

รอบบริเวณมืดมิด ใต้ฝ่าเท้ามีเพียงทางเดินแสงเท่านั้น ส่วนใจกลางของโลกที่มืดมิดแห่งนี้กลับมีแสงทรงกลมหมุนโคจร รัศมีเจิดจ้าจากภายในกลุ่มแสงทำให้ผู้คนไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ภายในได้ชัด

“โอกาสที่แท้จริงน่าจะอยู่ที่แสงทรงกลมตรงใจกลางนั้น!”

“ทางเดินแสงใต้ฝ่าเท้านี่จะต้องมีเงื่อนงำอะไรอยู่แน่!”

ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของสองราชวงศ์คาดเดาไปต่างๆ นานา พลางเริ่มทำการหยั่งเชิง

พรึ่บ! จ้าวเฟิงนำหมาป่าปีกนกขั้นราชันตัวหนึ่งออกมาจากมนตราอากาศ ปล่อยไว้บนพื้นที่ด้านนอกทางเดินแสง วินาทีต่อมา หมาป่าปีกนกร่วงลงทันทีแล้วหายไปอย่างร่องรอย

“อะไรกัน?”

เซียนโม๋ยวนด้านข้างจ้าวเฟิงเห็นกรกระทำเมื่อครู่ของเขา ใจก็พลันสั่นระรัว

เซียนโม๋ยวนคิดว่าสัตว์อสูรที่จ้าวเฟิงโยนออกมาตายตกไปแล้ว

ราชาเซียนและเซียนมากมายรอบกายจ้าวเฟิงต่างเห็นการทดสอบเมื่อครู่ จิตใจพลันหนักอึ้งไป

“หืม? ไม่ตายนี่!” จ้าวเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย

เขาประทับตราผนึกดวงใจทมิฬลงไปบนหมาป่าปีกนกขั้นราชันตัวนี้ จึงเข้าใจสถานการณ์ทางฟากมันอย่างมาก หลังจากหมาป่าปีกนกร่วงลงไปในโลกมืดมิดก็ไม่ได้ตายแต่อย่างใด แต่ถูกส่งออกไปยังมุมหนึ่งนอกร่างเทพ

‘พูดได้ว่าเมื่อหลุดออกจากทางเดินแสงนี้แล้วจะเท่ากับล้มเหลว แต่จะไม่มีอันตรายใด แค่โดนส่งออกไปเท่านั้น!’

ในใจจ้าวเฟิงรับรู้รายละเอียดบางอย่างได้

อย่างน้อยๆ เมื่อเจออันตรายขึ้นมา ถึงหลุดออกจากทางเดินแสงก็จะถูกส่งออกไป

ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงยังรับรู้สถานการณ์มากขึ้นผ่านทางหมาป่าปีกนก

พื้นที่นอกทางเดินแสงถือได้ว่าเป็นพื้นที่ต้องห้าม ถึงจะเป็นครึ่งเทพ หากออกจากพื้นที่ทางเดินแสงก็มีแต่จะร่วงลงไป

ด้วยเหตุนี้ หมาป่าปีกนกที่เป็นสัตว์อสูรในประเภทโบยบิน เมื่ออยู่นอกพื้นที่ทางเดินแสงก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงร่วงหล่น

ในตอนที่จ้าวเฟิงสำรวจสถานการณ์อยู่นั้นเอง ผู้แข็งแกร่งบนทางเดินแสงในมิติดำมืดก็ขยับกายกันแล้ว และเวลานี้ ด้านบนเหนือมิติดำมืดมีแสงระยิบระยับทอประกายประหลาด

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

เห็นเพียงกลุ่มแสงสีทองขาวขนาดเล็กและใหญ่นับไม่ถ้วนดิ่งลงมาอย่างเร็วรี่ แล้วกระจายตัวปกคลุมทั่วบริเวณ

กลิ่นอายพลังเทพที่ไร้รูปร่างถาโถมกดดันในทันที ทำให้ผู้แข็งแกร่งในทางเดินแสงต่างขวัญผวา

“นั่นคือพลังเทพ!”

จ้าวเฟิงตื่นตกใจ

ถ้าหากโดนกลุ่มแสงสีทองขาวนั่นปะทะเข้าใส่ ถึงจะเป็นครึ่งเทพก็สลายเป็นธุลี

“ไป!” จ้าวเฟิงไม่อยากเป็นคนท้ายๆ จึงรีบก้าวเท้าออกไป

ทันใดนั้นเอง จ้าวเฟิงสังเกตเห็นว่าพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับในแสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนเองหลุดลอยออกจากร่างผ่านขาสองข้าง

“พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับในร่างกำลังลอยออกไป!”

สีหน้าจ้าวเฟิงตื่นตระหนกอีกครั้ง

ต่อมาจ้าวเฟิงจึงมองผู้แข็งแกร่งบนทางเดินแสงคนอื่นแวบหนึ่ง จากสีหน้าท่าทางของพวกเขา จ้าวเฟิงก็เดาออกว่าสถานการณ์ของทุกคนไม่ต่างกัน

“ดูไปแล้วการทดสอบของมิติแห่งนี้ยากยิ่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มากนัก!”

จ้าวเฟิงขมวดคิ้วน้อยๆ

ผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาในมิติแห่งนี้และเผชิญหน้ากับการทดสอบ จะไม่โดนคุกคามจากศัตรูคนอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถออกจากทางเดินแสงได้ทุกเมื่อ และจะถูกส่งออกไป เรียกได้ว่าความอันตรายต่ำมาก

แต่การทดสอบในมิติแห่งนี้กลับทำให้ทุกคนต้องมีสติเต็มร้อยอยู่ตลอดเวลา และทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อตั้งรับ

นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น คนทั้งหมดต้องแบกรับอันตรายจากทั้งบนและล่างทั้งสองด้าน

ด้านบนมีกลุ่มแสงพลังเทพที่ร่วงลงมา ทันทีที่กระทบโดนร่างจะตายโดยสมบูรณ์ ส่วนทางเดินแสงด้านล่างก็จะคอยแต่ดูดซึมพลังศักดิ์สิทธิ์และพลังเทพในร่างกายของทุกคนเรื่อยๆ

รีบไป!

จ้าวเฟิงสยายปีกแสงอัสนีศักดิ์สิทธิ์สีชาดด้านหลัง โบยบินไปบนทางเดินแสง

ในสถานการณ์ประเภทนี้ จำต้องรีบผ่านทางเดินแสงให้เสร็จสิ้นโดยเร็วแล้วไปให้ถึงพื้นที่ใจกลาง จึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่จ้าวเฟิงเพิ่งจะโบยบินได้ไม่กี่ลี้ ก็สัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดที่ไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งค่อยๆ ลอยลงมา

“คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอุปสรรคอีก!”

กระทั่งจ้าวเฟิงยังรู้สึกโกรธเกรี้ยวอยู่บ้าง

การทดสอบบนทางเดินแสงนี่ชักจะมากเกินไปเสียแล้ว

โชคดีที่จ้าวเฟิงฝึกฝน ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ การป้องกันร่างกายแกร่งกล้ามาก อีกทั้ง ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ก็ฝึกฝนไปจนถึงขั้นที่เก้าซึ่งก็คือวายุอัสนีธาตุดิน จึงมีความเข้าใจในแรงดึงดูดระดับหนึ่ง

พรึ่บ!

จ้าวเฟิงโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์วายุอัสนีธาตุดิน สร้างอาณาเขตแรงดึงดูดสลับขั้วขึ้นรอบกาย ต้านทานแรงดึงดูดที่ทรงพลังในทางเดินแสงเอาไว้

ฟึ่บ! จ้าวเฟิงรวดเร็วตามปกติ โบยบินอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นเอง จ้าวเฟิงหยุดชะงัก

วินาทีต่อมา เบื้องหน้าของเขาปรากฏกลุ่มแสงพลังเทพลูกหนึ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว

กลุ่มแสงพลังเทพลูกใหญ่พุ่งผ่านทางเดินแสง ตกกระทบลงด้านล่างไม่หยุด

ส่วนเซียนต่างเผ่าพันธุ์คนหนึ่งซึ่งกำลังโบยบินบนทางเดินแสงด้านล่างจ้าวเฟิง

ตอนที่เซียนผู้นี้รู้สึกถึงระลอกประหลาดด้านบนก็สายไปเสียแล้ว

โครม!

กลุ่มแสงพลังเทพลูกนั้นทะลวงผ่านพื้นที่เซียนผู้นั้นอยู่ และทำลายทุกสิ่งจนสิ้น

‘เป็นพลังที่น่ากลัวเหลือเกิน!’

จ้าวเฟิงใจกายชาวาบ

เซียนต่างเผ่าพันธุ์ในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงผู้นั้น เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มแสงพลังเทพก็ไม่มีกำลังจะต้านทานแต่อย่างใด จึงถูกทำลายสิ้น ไม่เหลืออะไรทั้งนั้น

ขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงยังมองเห็นว่าก่อนที่กลุ่มแสงพลังเทพจะกระทบถูก เซียนชั้นต้นคนหนึ่งไม่ไกลนักหนีออกไปยังพื้นที่นอกทางเดินแสง ก่อนจะร่วงดิ่งลงอย่างเร็วรี่แล้วถูกส่งออกไป

“รีบไป!”

จ้าวเฟิงทะลักพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับเพื่อเพิ่มความเร็วขึ้นทันที

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงเข้าใจในสถานการณ์ทั้งหมด กลุ่มแสงพลังเทพที่เข้ามารอบตัวเขา อยู่ในความเข้าใจของเขาทั้งหมดแล้ว

เมื่อจ้าวเฟิงโบยบินไปไม่หยุด แรงดึงดูดไร้รูปร่างรอบกายก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เพื่อให้ตนเองไม่ต้องได้รับผลกระทบจากแรงดึงดูด เขาจึงรีบโบยบินบนทางเดินแสงด้วยความเร็วมากขึ้น จ้าวเฟิงใช้พลังทั้งหมดโคจรอาณาเขตแรงดึงดูดของตนเองเพื่อต้านทานเอาไว้

ความเข้าใจที่จ้าวเฟิงมีต่ออาณาเขตแรงดึงดูดลึกซึ้งขึ้นมากโดยไม่รู้ตัว อาณาเขตแรงดึงดูดของตนเองแข็งแกร่งขึ้นมาก

“เหตุใดเจ้าเด็กนั่นจึงรวดเร็วเช่นนี้ได้?”

สีหน้าของเซียนโม๋ยวนตื่นตะลึง

จ้าวเฟิงในตอนนี้โบยบินอย่างรวดเร็วบนทางเดินแสง หยุดชะงักไปชั่วครู่บางครั้ง เพื่อหลบหลีกกลุ่มแสงพลังเทพที่ตกลงมาจากด้านบน ทิ้งเซียนโม๋ยวนไว้ด้านหลังไกลๆ เรียบร้อย

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?”

ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากบนทางเดินแสงรอบกายจ้าวเฟิงต่างตื่นตะลึงอย่างยิ่ง

ผู้แข็งแกร่งบนทางเดินแสงแทบทุกคนต่างสังเกตเห็น ความเร็วในการโบยบินยิ่งรวดเร็ว ระดับการทดสอบก็ยิ่งยากมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ผู้แข็งแกร่งมากมายจึงเดินทางบนทางเดินแสงอย่างระแวดระวัง เพื่อรับรองความปลอดภัย

ขอแค่สุดท้ายเดินทางไปถึงกลุ่มแสงในพื้นที่ใจกลางก็พอแล้ว

เมื่อได้ยินคำพูดของผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งรอบบริเวณ จ้าวเฟิงชะงักไปเล็กน้อย และมองประเมินคนอื่นรอบตัว

มีผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งเทพสองคนที่อยู่ใกล้ๆ เขา คือครึ่งเทพกูซีแห่งวังลอยฟ้าและครึ่งเทพจวี้เหมิ่งฝ่ายต่างเผ่าพันธุ์

แต่ความเร็วในการรุกคืบไปข้างหน้าของครึ่งเทพสองคนรวดเร็วกว่าจ้าวเฟิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“หรือจะบอกว่าการทดสอบที่ทุกคนต้องเจอ ขึ้นอยู่กับขอบเขตพลังของตนเองงั้นหรือ?”

จ้าวเฟิงกระจ่างแจ้ง

พูดได้ว่าแรงดึงดูดบนทางเดินแสงที่กดดันครึ่งเทพ อาจจะเป็นหลายสิบเท่าของแรงดึงดูดที่จ้าวเฟิงต้องแบกรับ

“หากเป็นเช่นนี้ ข้าน่าจะได้เปรียบที่นี่!”

จ้าวเฟิงนึกยินดีในใจ

การทดสอบบนทางเดินแสง เหมือนการคัดเลือกผู้แข็งแกร่งขอบเขตพลังเทียบเท่ากัน

ขอบเขตพลังของจ้าวเฟิงอยู่ที่เทวาเร้นลับชั้นต้นเท่านั้น แต่กลับเอาชนะเทวาเร้นลับชั้นสูง หรือกระทั่งจะสามารถต้านทานผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียนได้

ดังนั้นจ้าวเฟิงถึงสามารถใช้ความเร็วเกินคนปกติธรรมดาโบยบินบนทางเดินแสงนี้

“หายไปแล้ว?”

บินไปไม่นานเท่าไหร่ แรงดึงดูดที่กดดันบนร่างจ้าวเฟิงหายไปในฉับพลัน

ทางเดินแสงของจ้าวเฟิงปลดปล่อยเสวียนอ้าวพลังที่แข็งแกร่งออกมา จากนั้นจึงแปรเปลี่ยนเป็นพายุเหมันต์หนาวเหน็บ

ฟู่!

จ้าวเฟิงกระตุ้นสายเลือดเหมันต์วารีในร่าง โคจรพลังศักดิ์สิทธิ์วายุอัสนีธาตุน้ำ ตรงดิ่งไปในพายุที่หนาวเหน็บเสียดกระดูก

โครม ฟิ้ว!

พลังที่หนาวเหน็บยิ่งนักแทรกซึมเข้าไปในร่างจ้าวเฟิงเรื่อยๆ หนำซ้ำยังแช่แข็งเสวียนอ้าวและพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขา แต่ความเร็วของจ้าวเฟิงก็ช้าลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทางเดินแสงด้านล่างยังคงดูดซึมพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับในร่างจ้าวเฟิง ยิ่งโบยบินเร็วยิ่งขึ้น พลังในการดูดซึมนี้ก็จะรุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย

ในขณะที่ต้องพบเจออุปสรรคจากทั้งสองสิ่งนี้ จ้าวเฟิงยังต้องคอยระวังกลุ่มแสงพลังเทพที่จะดิ่งลงมาอยู่ทุกเมื่อ

ไม่นานนัก จ้าวเฟิงก็สามารถสลัดผู้แข็งแกร่งคนอื่นบนทางเดินแสงไว้ด้านหลังได้

และในเวลาเดียวกัน บนทางเดินแสงบางส่วนตรงทิศอื่น มีผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งหลุดออกไป แต่ทว่าผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ย่อมต้องไม่ใช่ครึ่งเทพหรือว่าราชาเซียนอยู่แล้ว

จากการที่คนทั้งหมดเข้าใกล้กลุ่มแสงลี้ลับนี้เรื่อยๆ พวกเขาก็เข้าไปใกล้อย่างช้าๆ

ทางขวาไม่ไกลจากจ้าวเฟิงเท่าไหร่ ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งรีบร้อนพุ่งผ่านพายุเหมันต์ เหลียวกลับมามองจ้าวเฟิงที่อยู่ด้านหลัง

“จ้าวเฟิง!” ใบหน้าครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเต็มไปด้วยจิตสังหาร

ตอนนี้เขาอยู่ใกล้กับจ้าวเฟิงมาก กลับไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้

ครึ่งเทพกูซีแห่งวังลอยฟ้าก็สังเกตจ้าวเฟิงอยู่เล็กน้อย แล้วจึงใช้สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับทางเดินแสงเบื้องหน้า

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ค่อยดีแน่!”

จ้าวเฟิงสีหน้าเคร่งเครียด

แต่เดิมเขาอยู่ไกลจากครึ่งเทพจวี้เหมิ่งมากนัก ทว่าเพราะพวกเขาเข้าใกล้กลุ่มแสงใจกลางนั้นไม่หยุด ระยะห่างระหว่างแต่ละทางเดินแสงก็แคบมากขึ้นทุกที

จ้าวเฟิงเดาว่าตอนที่เขาไปถึงจุดหมายปลายทาง เกรงว่าครึ่งเทพจวี้เหมิ่งจะอยู่ข้างตน

หลังจากเวลาผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง เมื่อผลกระทบจากพายุเหมันต์สลายไป ทางเดินแสงด้านหน้าพลันปกคลุมไปด้วยหมอกขาวชั้นหนึ่ง

“เขตมายา?”

ในขณะที่จ้าวเฟิงเข้าใกล้หมอกสีขาว ก็รู้ได้เลยว่าการทดสอบในครั้งนี้คืออะไร

ทว่าเขตมายาระดับต่ำแบบนี้ไม่มีผลอะไรต่อจ้าวเฟิงทั้งนั้น

จ้าวเฟิงเร่งรีบบินผ่านไปในหมอกฃขาว ยิ่งความเร็วของเขาเพิ่มขึ้น ระดับความแข็งแกร่งของเขตมายาก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่จ้าวเฟิงยังคงไม่สะทกสะท้าน โบยบินทะลุผ่านกลุ่มหมอกขาวอย่างไม่เดือดร้อนแม้แต่น้อย

ไม่นาน จ้าวเฟิงก็ไล่ตามครึ่งเทพจวี้เหมิ่งทัน

“บัดซบ เจ้าเด็กนี่!” ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งสีหน้ามืดทะมึนเป็นที่สุด

เขาผู้เป็นถึงครึ่งเทพ แต่กลับโดนเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นคนหนึ่งไล่ตามทัน

ทว่าพลังวิญญาณและอาณาเขตมายาเป็นจุดอ่อนของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งจริงๆ

‘ถ้าหากข้าไปถึงจุดหมายปลายทางก่อน ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก็ยากจะคุกคามข้าได้!’

จู่ๆ จ้าวเฟิงก็คิดวิธีออก

ขอแค่เข้าไปในกลุ่มแสงได้ จ้าวเฟิงจะเจอคุนอวิ๋นหรือตระกูลเถี่ย เขาก็ไม่ต้องหวาดกลัวครึ่งเทพจวี้เหมิ่งอีกต่อไป

หนำซ้ำคนที่เข้าไปในกลุ่มแสงก่อน ก็มีโอกาสก่อนพอควรด้วย

คิดว่าครึ่งเทพน่าจะถึงจุดหมายปลายทางก่อน ส่วนเซียนและราชาเซียนแค่คิดก็ยังไม่กล้า แต่จ้าวเฟิงไล่ตามครึ่งเทพจวี้เหมิ่งจนทันในตอนนี้ได้ ก็เป็นการพิสูจน์ที่ดีที่สุดแล้ว

อีกทั้งจ้าวเฟิงจำต้องไปถึงจุดหมายก่อนครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก้าวหนึ่ง มิฉะนั้นเขาอาจจะโดนครึ่งเทพจวี้เหมิ่งสังหารก็ได้

ฟุ่บ! ในการทดสอบด่านเขตมายา ความเร็วของจ้าวเฟิงเริ่มนำครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง

หลังจากรุกคืบเข้าไปเรื่อยๆ ระยะห่างระหว่างทางเดินแสงทั้งหลายก็เข้าใกล้กันมากขึ้นทุกที จนจ้าวเฟิงมองเห็นผู้แข็งแกร่งของสองราชวงศ์ได้เยอะขึ้น

“จ้าวเฟิง!” แววตาของมังกรวารีล้างโลกาชั่วร้าย จ้องจ้าวเฟิงเขม็ง

มังกรวารีล้างโลกายังจดจำการกระทำทั้งหมดของจ้าวเฟิงในมิติเทพลวงตาได้อย่างชัดเจน

ถึงจะไม่ได้แลกเปลี่ยนกับป๋ายหลิน มังกรวารีล้างโลกาก็ไม่ปล่อยจ้าวเฟิงไป

และในตอนนี้ มังกรวารีล้างโลกาล่วงรู้มาว่าบนร่างจ้าวเฟิงมีเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอีก จึงยิ่งไม่อาจปล่อยจ้าวเฟิงไปได้

“มังกรวารีล้างโลกา!”

จ้าวเฟิงสีหน้าเคร่ง เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงจากมังกรวารีล้างโลกา

มังกรวารีล้างโลกาอยู่ในขอบเขตพลังขั้นราชาเซียน แทบเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน ครบถ้วนพร้อมในทุกด้าน ด้วยเหตุนี้ความเร็วในการเดินทางจึงสูงอย่างยิ่ง

อนึ่ง มังกรวารีล้างโลกายังต้องเผชิญกับความเป็นปฏิปักษ์จากราชวงศ์ทั้งสอง เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เขาต้องรีบเดินทางเข้าไปในกลุ่มแสงใจกลางให้เร็วที่สุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!