Skip to content

King of Gods 1099

King Of Gods

บทที่ 1099 เข้าไปทั้งหมด

“สหายน้อยจ้าวเฟิงมีพัฒนาการที่น่าอัศจรรย์นัก ไม่ได้เจอกันไม่กี่ปีก็พัฒนามากเช่นนี้!”

ผู้ครองเนตรสังสารวัฏนั่งขัดสมาธิลง เหมือนว่าเตรียมจะปักหลักอยู่ที่นี่แล้ว

แต่ทว่าจากที่จ้าวเฟิงดู ราชาเซียนสังสารวัฏเพียงแค่นั่งอยู่ที่นี่เท่านั้น ด้วยความสามารถของอีกฝ่าย ไม่น่าจะมาเพื่อร่วมมือกับจ้าวเฟิง

“ผู้อาวุโสเดินทางมาเพียงลำพังจนถึงที่นี่ พลังในระดับขั้นนี้สิถึงจะน่าอัศจรรย์ใจ!”

จ้าวเฟิงฝืนเอ่ยกับราชาเซียนสังสารวัฏตามมารยาท

ราชาเซียนสังสารวัฏเคยช่วยเหลือจ้าวเฟิงมาหลายครั้ง ตามหลักแล้ว เมื่อเจอผู้แข็งแกร่งเช่นนี้จ้าวเฟิงควรเป็นมิตรกับอีกฝ่ายถึงจะถูกต้อง

แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด จ้าวเฟิงมักรู้สึกว่าใจของเขามักจะขัดแย้งกับราชาเซียนสังสารวัฏเล็กน้อย

‘หรือจะเป็นเพราะเรื่องของจักรพรรดิแห่งความตาย?’

จ้าวเฟิงครุ่นคิดอยู่ในใจ

อาจเป็นเพราะเรื่องของจักรพรรดิแห่งความตาย ทำให้จ้าวเฟิงไม่พึงพอใจราชาเซียนสังสารวัฏมาตลอด ต่อจากนั้น จ้าวเฟิงจึงพูดคุยกับราชาเซียนสังสารวัฏอีกเล็กน้อย แล้วต่างคนต่างฝึกตนไป

จ้าวเฟิงโคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ แบ่งห้วงความคิดออกจำนวนมากเพื่อฝึกหลายอย่างพร้อมกัน

ห้วงความคิดกลุ่มแรกใช้ไปเพื่อฝึกฝน ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ เขาฝึกขั้นที่เก้าอย่างวายุอัสนีธาตุดินไปจนถึงขอบเขตพลังชั้นสูงแล้ว จำต้องใช้พลังใจส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นคง พัฒนาการต่อจากนี้จะได้ราบรื่นไร้อุปสรรค

ห้วงความคิดที่สองใช้ไปเพื่อดูดซึมทรัพยากรผลึกโลหิตที่ได้มาจากในร่างเทพ ฝึกฝน ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ จ้าวเฟิงฝึกฝนวิชาฝึกร่างกายนี้ไปจนถึงขั้นสุดยอดของชั้นต้นแล้ว สามารถทะลวงไปยังชั้นสูงได้ตลอด

จ้าวเฟิงฝึกฝนกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกให้ทะลวงไปยังชั้นสูง เพื่อให้รับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป

ทรัพยากรที่วิชาทั้งสองนี้ต้องการ จ้าวเฟิงมีครบสรรพ ไม่ว่าจะได้มาจากห้วงฝันบรรพกาลหรือในร่างเทพ จ้าวเฟิงสามารถใช้ดวงตาซ้ายคัดลอกสิ่งที่ตนเองต้องการที่สุดได้

เพียงแต่ว่าในตอนนี้ จ้าวเฟิงกลับไม่กล้าสิ้นเปลืองไอสวรรค์และเจตจำนงดวงตาไปคัดลอกของอย่างอื่น เขาต้องให้ตนเองอยู่ในสภาวะที่ดีเยี่ยมที่สุด

ห้วงความคิดที่เหลือทั้งหมดของจ้าวเฟิงดำดิ่งลงไปในมิติดวงตาซ้าย

ห้วงความคิดที่สามใช้ดูดซึมพลังอัสนีเทวะในกะโหลกอำนาจเทวะ

จำนวนอัสนีเทวะในกายวิญญาณอัสนี ยิ่งนานไปยิ่งเพิ่มจำนวนยากมากขึ้นทุกที

ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงเริ่มจากด้านอื่น เริ่มเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตราอัสนีเทวะทุกเส้นสายในกายวิญญาณอัสนี ทำให้ตราอัสนีเทวะดั้งเดิมเก็บงำพลังอัสนีเทวะได้มากยิ่งขึ้น และปลดปล่อยพลังที่แกร่งกล้าขึ้น

อีกทั้งการเพิ่มความแข็งแกร่งของพลังอัสนีเทวะ จะทำให้พลังของ ‘เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ’ แกร่งขึ้นเอง

ห้วงความคิดที่สี่ จ้าวเฟิงใช้เพื่อเรียนรู้ทำความเข้าใจการต่อสู้กับครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง

ภาพรอบด้านในห้วงฝันบรรพกาลแปรเปลี่ยนอีกครั้ง กลายเป็นภาพเหตุการณ์การต่อสู้เมื่อตอนแรก เหมือนจ้าวเฟิงย้อนเวลากลับไปที่อดีตอย่างไรอย่างนั้น

จ้าวเฟิงใช้สติทั้งหมดจดจ่อ พิจารณาภาพเหตุการณ์ฉายซ้ำจากมิติดวงตาซ้าย

ยิ่งเข้าใจมากเท่าไหร่ จ้าวเฟิงก็ยิ่งเห็นเคล็ดลับในเหตุการณ์ดังกล่าวมากขึ้น สามารถเรียนรู้ได้อย่างไม่สิ้นสุด

แน่นอนว่าห้วงความคิดมากมายของจ้าวเฟิงก็กำลังทำเรื่องอื่นด้วย อย่างเช่นฝึกฌานวิชาดวงตา ฝึกปรือ ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ขั้นที่สาม และยังต้องสังเกตเหตุการณ์ที่โลกภายนอกด้วย

ผู้แข็งแกร่งทุกคนในพื้นที่ผลึกต่างอยู่ในสภาวะฝึกตนทั้งสิ้น ด้วยต้องการจะพัฒนาพลังของตนเองในช่วงเวลาสำคัญสุดท้าย เพื่อจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด

ในจุดสิ้นสุดของพื้นที่ผลึก ม่านแสงพลังเทพสีขาวทองยิ่งอ่อนจางลงไปทุกที

“พลังทั้งร่างเทพกำลังลดลง แม้กระทั่งพลังเทพที่แข็งแกร่งในม่านแสงยังกำลังสลายไป พลังพวกนั้นหายไปไหนกัน?”

“อาจจะต้องใช้พลังเพื่อรักษามรดกในส่วนศีรษะกระมัง!”

“พลังเทพในม่านแแสงอ่อนแรงลงไปอีกหลายส่วน หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ อีกไม่กี่วันพวกเราก็น่าจะเข้าไปได้แล้ว!”

ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในภาวะกึ่งฝึกตน มักจะตรวจตราสถานการณ์ที่โลกภายนอกอยู่เสมอ

สองวันต่อมา ห้วงความคิดส่วนหนึ่งของจ้าวเฟิงก็ออกจากมิติดวงตาซ้าย

ในมนตราอากาศ เบื้องหน้าจ้าวเฟิงปรากฏผลไม้ที่ถูกห่อหุ้มด้วยชั้นผลึกพลังเทพ ด้านบนชั้นผลึกล้วนถูก เจ้าแมวขโมยตัวน้อยเจาะรูเอาไว้หนึ่งรู

ผลไม้สามลูกลอยอยู่รอบกายจ้าวเฟิง พลังสำนึกรู้เก่าแก่ที่แน่นขนัดพลันพวยพุ่งออกจากรูเล็กนั้น

“มีสำนึกรู้กับเสวียนอ้าวสามประเภทคือ ทอง อัสนี และดิน!”

ถึงแม้ ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ของจ้าวเฟิงยังฝึกไม่ถึงธาตุทอง แต่ไม่ได้หมายความว่าจ้าวเฟิงจะไม่มีความเข้าใจลึกซึ้งในเสวียนอ้าวธาตุทอง

ถ้าหากจ้าวเฟิงลึกซึ้งในเสวียนอ้าวธาตุทองถึงระดับหนึ่ง พอถึงเวลาที่ต้องฝึกฝนวายุอัสนีธาตุทองก็จะยิ่งราบรื่น

พลังสำนึกรู้ที่ไร้รูปทั้งสามกลุ่ม เป็นประหนึ่งภูผาใหญ่ผนึกทุกสิ่ง กดทับวิญญาณของจ้าวเฟิงเอาไว้ภายใน พลังสำนึกรู้ที่แกร่งกล้าตรงไปรุกโจมตีในวิญญาณ

แต่จิตสำนึกของจ้าวเฟิงเสมือนมาถึงโลกรกร้างที่เกิดจากการรวมตัวของธาตุทั้งสามคือดิน อัสนี และทอง

พื้นดินคือฝุ่นธุลีสีเหลืองหม่นที่หนาเกินจะเปรียบ ในอากาศตลบอบอวลด้วยแสงสีทองนับไม่ถ้วน พุ่งผ่านไปมา ส่วนบนฟ้าก็มีหมื่นอัสนีลั่นแปลบปลาบ

จ้าวเฟิงเบิกดวงเตาเทพเจ้าเพื่อเพิ่มระดับความลึกซึ้งในสำนึกรู้

ทันทีทันใด หัวของจ้าวเฟิงปลอดโปร่งอย่างมาก ความเร็วของปฏิกิริยาตอบสนองและความสามารถในการพิจารณาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ของการลึกซึ้งในสำนึกรู้สามกลุ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ยิ่งพลังสำนึกรู้รุกเข้าสู่วิญญาณจ้าวเฟิงมากขึ้น ถึงจ้าวเฟิงจะเบิกดวงตาเทพเจ้า ก็ไม่สามารถจะประคองสติให้ปลอดโปร่งได้

“นี่เป็นขีดจำกัดแล้ว!”

จ้าวเฟิงลืมตาสองข้างทันที แล้วจึงวางผลไม้ทั้งสามลูกเอาไว้ข้างกาย ผนึกพวกมันเอาไว้ก่อน

“พลังวิญญาณอยู่เหนือเซียนชั้นสูง เมื่อใช้ผลไม้พวกนี้มารับรู้สักพักหนึ่ง พลังวิญญาณก็จะไปแตะขั้นราชาเซียนแล้ว!”

จ้าวเฟิงมีสีหน้ายินดี

การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของพลังวิญญาณเขา ไม่เพียงเป็นเพราะโอกาสและพลังสำนึกรู้ในผลไม้เถาวัลย์ในช่วงระยะนี้ แต่ยังมีระดับความลึกซึ้งในวิญญาณที่เป็นพรสวรรค์ของตัวจ้าวเฟิงด้วย

“พลังในม่านแสงพลังเทพ อ่อนแอกว่าตอนแรกมากกว่าหกส่วน!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองประเมินม่านแสงพลังเทพสีทองขาวตรงสุดทาง และรีบคิดคำนวณทันใด

จากนั้นจ้าวเฟิงจึงมองคนอื่นๆ ที่เหลือ

หนานกงเซิ่งได้ผลไม้สีดำมมาลูกหนึ่ง พลังวิญญาณของเขาในตอนนี้ค่อยๆ ไล่ตามขอบเขตพลังของตัวเขาเองทัน ส่วนกลิ่นอายที่แผ่ออกจากทั่วร่างเขาก็ยิ่งชั่วร้ายมากขึ้นทุกที

อีกฟากหนึ่ง จ้าวหยูเฟยทำได้เพียงนั่งอยู่ที่นี่ พลางดูดซึมกลิ่นอายเทพและไอสวรรค์ฟ้าดินของที่แห่งนี้ กลิ่นอายที่พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับในร่างนางสาดออกมาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

“ความเร็วในการสลายตัวของพลังเทพในม่านแสงสีทองขาวเร็วขึ้นทุกที!”

คุนอวิ๋นเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน

จ้าวเฟิงมองไปที่คุนอวิ๋น คุนอวิ๋นคงจะช่วงชิงสิ่งของดีเยี่ยมมาจากครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง มิฉะนั้นครึ่งเทพจวี้เหมิ่งคงไม่ไล่ล่าคุนอวิ๋นอย่างไม่ลดละเช่นนี้

ในขณะนั้นเอง จ้าวเฟิงพบว่าในร่างคุนอวิ๋นแฝงไปด้วยพลังอัสนีที่แกร่งและพิเศษอย่างยิ่ง

นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเฟิงสัมผัสความรู้สึกแบบนี้ได้

จากนั้นจ้าวเฟิงเบนสายตาไปที่ม่านแสงสีทองขาวนั้น

“เพิ่มความเร็วมากขึ้นอีกจริงๆ ด้วย!”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างมั่นใจ ในใจรู้สึกรอคอยและตื่นเต้นอยู่บ้าง

ผู้แข็งแกร่งต่างพากันออกจากสภาวะฝึกตนมากขึ้นทีละน้อย

“จะได้เข้าไปสำรวจแล้ว!”

“ภายในนี้จะต้องเก็บสมบัติล้ำค่าควรเมืองเอาไว้ หรืออาจถึงขั้นเก็บรักษาอาวุธเทพในตำนานก็ได้”

“ไม่แน่อาจจะมีเคล็ดวิชาลับเพื่อขั้นเทพระดับสูงก็ได้!”

ขณะนั้น ผู้แข็งแกร่งเกือบทั้งหมดต่างสิ้นสุดสภาวะฝึกตน แววตาจ้องไปที่ม่านแสงสีทองขาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งครึ่งเทพที่สามารถสัมผัสปริมาณพลังเทพที่เหลือในม่านแสงได้ชัดเจน

ในช่วงเวลาหนึ่ง ม่านแสงนั้นอับแสงลงไปมาก สิ่งที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกคนก็คือม่านแสงลายน้ำมืดสลัวที่บิดเบี้ยว

ฟู่! บริเวณหน้าผาทางด้านขวา ในถ้ำผลึกอันเป็นฐานที่มั่นของตำหนักไท่หวง ครึ่งเทพหลงหวงแห่งตำหนักไท่หวงนำผู้แข็งแกร่งที่เหลือโบยบินจากไปทันที อีกด้านหนึ่ง ครึ่งเทพโยวหลงแห่งลัทธิเมืองมืดโบยบินไป แววตาของเขาจ้องครึ่งเทพหลงหวงไม่วางตา ก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ครึ่งเทพของราชวงศ์ทั้งสองเคลื่อนไหวพร้อมกัน พลานุภาพข่มขวัญที่สะเทือนฟ้าดิน ทำให้เซียนและราชาเซียนที่เหลือด้านหลังชะงักค้างอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับตัว

“สหายน้อยจ้าวเฟิง ระวังตัวด้วย!”

ราชาเซียนสังสารวัฏเอ่ยปนยิ้ม จากนั้นจึงจากไป

“ท่านผู้อาวุโสเองก็เช่นกัน!”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเกรงใจ

เมื่อครึ่งเทพทั้งหมดเข้าไปภายในลายคลื่นน้ำมืดสลัวที่บิดโค้ง ราชาเซียนและเซียนคนอื่นที่เหลือก็ขยับตัวบ้าง

จ้าวเฟิงและพวกไม่ได้อยู่ด้านกน้ามากนัก แต่ก็ไม่รั้งท้ายเกินไป

“ทุกคนระวังตัวด้วย!”

จ้าวเฟิงเอ่ยเตือน ก่อนจะเข้าไปในม่านแสงมืดสลัวที่บิดเบี้ยว

พรึ่บ! หลังจากที่ภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าหมุนวนบิดเบี้ยว ก็คืนสู่สภาพการณ์ปกติอย่างช้าๆ

“นี่คือ?” จ้าวเฟิงมองทุกสรรพสิ่งด้านหน้า สีหน้าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง

ตอนนี้จ้าวเฟิงยืนอยู่บนเส้นทางสว่างไสวที่ประกอบขึ้นจากพลังเทพ แต่ในโลกมืดสนิทรอบกายเขามีเส้นทางแสงเช่นนี้อยู่เป็นจำนวนมาก

ในวินาทีหนึ่ง ไม่ไกลจากกายจ้าวเฟิงพลันปรากฏร่างเซียนโม๋ยวนขึ้น ถัดมาใต้ฝ่าเท้าอีกฝ่ายจึงก่อตัวเป็นทางเดินแสงสว่างสายหนึ่ง ยืดยาวเข้าไปยังกลุ่มแสงสว่างเรืองรองที่หมุนวนตรงใจกลาง

“จ้าวเฟิง!”

เซียนโม๋ยวนมองเห็นจ้าวเฟิง ความไม่ยินยอมและเพลิงโทสะก็ลุกโชนขึ้น

แต่จ้าวเฟิงกลับมีท่าทีตื่นตะลึงกระสับกระส่าย และมองข้ามเซียนโม๋ยวนไปจนสิ้น

“เป็นไปได้อย่างไรกัน? ทุกคนมีทางเดินของใครของมัน?”

จ้าวเฟิงยังตกอยู่ในความตื่นตระหนก

ก่อนจะเข้าไปภายใน สายตาของจ้าวเฟิงเคยมองทะลุโลกแห่งนี้

ในตอนนั้นเขามองเห็นทางเดินแสงสายหนึ่ง

พูดได้ว่า ก่อนที่ผู้แข็งแกร่งในราชวงศ์ทั้งสองยังมาไม่ถึง มีคนเดินเข้าไปภายในแล้ว

แต่ในเส้นทางแสงไม่มีคน และจ้าวเฟิงก็ไม่รู้ว่าคนที่มาถึงก่อนเข้าไปในแสงทรงกลมด้านหน้า หรือล้มหายตายจากไป

“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? ม่านแสงมายาสีขาวทองด้านนอกรวมตัวจากพลังเทพทรงอานุภาพ ถึงจะเป็นเทพแท้จริงทั่วไปก็ยังไม่อาจบุกรุกเข้ามา!”

จ้าวเฟิงคาดเดา ในใจไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้อยู่นาน

“อย่าเพิ่งสนเรื่องนี้ก่อน!” จ้าวเฟิงขจัดความสงสัยในใจ

ในเมื่ทุกคนต่างมีทางเดินของตนเอง เช่นนั้นจ้าวเฟิงก็ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนขัดขวางและตามสังหารจากศัตรู อีกทั้งไม่ต้องกังวลว่าจ้าวหยูเฟยและหนานกงเซิ่งจะเป็นอย่างไร

“หืม? ทางเดินพลังเทพสายนี้ทำไมจึงไม่มีคน?”

แววตาจ้าวหยูเฟยประหลาดใจ มองประเมินเส้นทางแสงมืดมิดบิดโค้งใต้ฝ่าเท้า

ทันใดนั้นเอง ภายในอุโมงค์ขนาดยักษ์ ชายสวมเกราะดำที่มีเกล็ดมังกรทั่วร่างพุ่งทะยานจากไป

“เข้าไปภายในนี้ไม่มีปัญหาแน่นะ?”

มังกรวารีล้างโลกาถามอย่างสงสัย

อย่างไรเสียเขาก็มองเห็นผู้แข็งแกร่งทั้งหมดจากสองราชวงศ์ล่วงเข้าไปภายในกับตา มังกรวารีทมิฬจึงกังวลอยู่บ้าง

“ไม่มีปัญหา!”

ภายในมิติดั้งเดิมที่พังพินาศในร่างของมังกรวารีทมิฬ สตรีชุดขาวเอ่ยเสียงเรียบ

เบื้องหน้านางมีม่านแสงหลากสีจำนวนมาก ในม่านแสงปรากฏภาพเหตุการณ์ไม่ซ้ำกัน

“ดี!”

ในแววตาของมังกรวารีล้างโลกาส่องประกายลิงโลดโหดร้าย ก่อนพุ่งเข้าไปในม่านแสงบิดเบี้ยวแห่งนั้น

วินาทีต่อมา ผู้แข็งแกร่งจากราชวงศ์ทั้งสองก็มารวมตัวอยู่ในโลกมืดสนิท เมื่อมังกรวารีล้างโลกาปรากฏกายขึ้น ใต้ฝ่าเท้าเขาก็ปรากฏเส้นทางแสงสายหนึ่งขึ้น

“มังกรวารีล้างโลกา!”

ด้านข้างมังกรวารีทมิฬ เซียนต่างเผ่าพันธุ์คนหนึ่งเอ่ยด้วยความตื่นตกใจ

“หึ เจ้าเองก็มาด้วยหรือ!”

ครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์ผู้หนึ่งที่อยู่ไกลออกไปแค่นเสียงเย็น

“ไม่คิดเลยว่ามังกรวารีทมิฬจะหลบซ่อนตัวในมุมมืดมาตลอด!”

ครึ่งเทพกูซีแห่งวังลอยฟ้าทางขวามือมีสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย

ในขณะนี้ มังกรวารีล้างโลกายังไม่ถึงขอบเขตพลังขั้นราชาเซียน แต่กลับสามารถหลบเร้นจากสายตาของครึ่งเทพแห่งราชวงศ์ทั้งสอง จะต้องมีเงื่อนงำอะไรแน่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!