บทที่ 154 : แข็งแกร่งที่สุด
“มันง่ายนัก…”
น้ำเสียงและท่าทางของจ้าวเฟิงนั้นผ่อนคลายยามที่เผชิญหน้ากับศิษย์หลักเช่นหยวนจื่อและผู้อาวุโสทั้งสาม
ทุกคนประหลาดใจเล็กๆ และในผู้อาวุโสทั้งสาม ผู้อาวุโสเสวี่ยและผู้อาวุโสหนึ่งแสดงท่าทีสนใจออกมาเล็กน้อย มีจำนวนน้อยเท่าใดกันที่ศิษย์ผู้หนึ่งจะเยือกเย็นได้เพียงนี้ยามที่เผชิญหน้ากับพวกเขา?
ดวงตาของผู้อาวุโสทั้งสามนั้นราวกับเปลวเพลิงที่แผดเผาคำโกหก
“จ้าวเฟิง เจ้านั้นน่าสงสัยนัก หากเจ้าหลบซ่อนสิ่งใด มันก็ยังยากที่จะหลุดรอดสายตาของพวกเราไป” ไฮ่หยุนเอ่ยสีหน้าไร้อารมณ์พร้อมกับที่แรงกดดันหนักหน่วงได้ปรากฏขึ้นจากร่างของเขา
จ้าวเฟิงนั้นน่าเคลือบแคลงโดยแท้ เขานั้นมีพลังฝึกตนเพียงนภาที่หนึ่งแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ ทว่าเขาเป็นผู้ที่บังคับให้ผู้คุ้มครองต้องล่าถอย และมีเพียงเขาที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
ในตอนนี้ ในถ้ำได้เงียบงัน ราวกับอากาศได้จับตัวแข็ง
พวกเขาต่างเฝ้ารอคำตอบของเด็กหนุ่ม
กวานเฉินอยู่อยู่ด้านหลังของผู้เป็นอาจารย์รู้สึกพอใจ ความผิดพลาดเพียงเล็กๆ น้อยๆ ของอีกฝ่ายย่อมทำให้เขาต้องไปยังแดนไร้หวน
“เหตุใดจึงมีเพียงข้าที่อยู่รอดเป็นคนสุดท้าย? เหตุใดข้าจึงต่อต้านพิษศพได้? เหตุใดจึงเป็นข้าที่ควบคุมสถานการณ์? เหตุใดผู้อื่นล้วนบาดเจ็บหนักทว่าข้ากลับไม่… ทั้งหมดนี่มีเพียงคำตอบเดียว”
น้ำเสียงของจ้าวเฟิงนั้นแข็งราวโลหะและเต็มไปด้วยพลัง
ทุกคนชะงักไปชั่วครู่และไม่อาจตามทันเด็กหนุ่มได้
“เพราะว่าข้านั้น… คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!”
ดวงตาของเด็กหนุ่มผมครามแหลมคม เขาได้ใช้วิธีที่ง่ายที่สุดในการเอ่ยตอบ
เหตุใด? เพราะข้าแข็งแกร่งที่สุด!
เหตุใดที่ข้าจึงอยู่รอดเป็นคนสุดท้าย? เพราะข้าแข็งแกร่งที่สุด!
เหตุใดจึงมีเพียงข้าที่สามารถต่อต้านพิษได้? เพราะข้าแข็งแกร่งที่สุด!
คำถามของทุกคนได้มีคำตอบเพียง 4 คำ เพราะข้าแข็งแกร่งที่สุด!
จ้าวเฟิงรู้อย่างชัดแจ้งว่าแม้เขาจะตอบจุดน่าเคลือบแคลงเหล่านั้นได้ คนถามก็จะยังคงใช้อคติในการถามคำถามที่กระทั่งยากกว่าเดิม ข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจถูกจับได้โดยผู้อาวุโสทั้งสามในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง
เพราะข้าคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!
คำตอบที่ง่ายดายเช่นนั้นสั่นสะท้านหัวใจของทุกคน
โดยเฉพาะซู่เหริน หลินฟ่าน และเซี่ยวซุน เมื่อพวกเขาคิดไปถึงความสามารถของจ้าวเฟิง พวกเขาก็ไร้คำจะเอ่ย กลับกัน พวกเขากลับชื่นชมเด็กหนุ่มมากขึ้นไปอีก
ตั้งแต่ต้นจนจบ จ้าวเฟิงได้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้ ไม่เพียงแค่เขาเยือกเย็นและมีสติ มันยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง พลังที่เหนือกว่าโดยสิ้นเชิง
พลังคือพื้นฐานของทุกสิ่ง
พลังสามารถทำได้ทุกอย่าง!
นั่นเป็นเหตุผลที่จ้าวเฟิงเอ่ยตอบเช่นนั้น
“จองหอง!” ไฮ่หยุนเค้นเสียงเย็น
ฮ่าฮ่าฮ่า…
หยวนจื่อและกวานเฉินมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะ
สีหน้าแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้อาวุโสเสวี่ยและผู้อาวุโสหนึ่ง พวกเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยตอบอย่างง่ายดายและเถรตรงเช่นนี้ แต่จากสีหน้าของหลินฟ่านและคนอื่นๆ รวมทั้งความหวาดกลัวของซิ่งเฉิน บางทีมันอาจเป็นความจริง
หากจ้าวเฟิงแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มจริงๆ เช่นนั้นจุดน่าสงสัยทั้งหมดก็จะหายไป
ในตอนนี้ ผู้อาวุโสทั้งสามได้มองหน้ากัน
ในระดับของพวกเขา พวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนความคิดกันได้ด้วยประสาทสัมผัสวิญญาณ
ในที่สุด กวานเฉินก็เดินไปเบื้องหน้า
“จ้าวเฟิง ข้าได้ยินมาว่าเจ้าคนเดียวสามารถรั้งศพโลหิตลายเงินไว้ได้ชั่วขณะ เป็นจริงหรือไม่?” กวานเฉินแย้มยิ้ม
“ถูกแล้ว”
จ้าวเฟิงรู้ว่าการที่กวานเฉินเดินออกมานั้นหมายความว่าผู้อาวุโสทั้งสามได้เห็นด้วย
จากนั้นจึงควรเป็นการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขา
“ผู้คุ้มครองศพโลหิตแข็งแกร่งเพียงใด?” กวานเฉินเอ่ยต่อ
“ใกล้เคียงนภาที่สี่แห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ แต่เมื่อพิจารณาว่ามันบาดเจ็บหนัก มันอาจอยู่ในขั้นปลายของนภาที่สาม” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบอย่างสงบนิ่งและไม่มีผู้ใดเอ่ยโต้แย้ง
เหล่าผู้ที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปในทางของศพจะมีความเร็ว พลังโจมตีและพลังป้องกันเพิ่มขึ้น ทว่าความคล่องแคล่วและการเคลื่อนไหวของพวกเขาจะด้อยลง
ความจริงนั้น จ้าวเฟิงได้ลดความแข็งแกร่งของศพโลหิตลง เพราะพิษศพจากผู้คุ้มครองศพโลหิตนั้นสามารถจัดการเหล่าผู้ที่มีพลังฝึกตนต่ำกว่านภาที่สี่แห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณได้ และพลังของศพโลหิตที่ระเบิดออกมาในตอนนั้นแทบจะเหนือกว่าขีดจำกัดของนภาที่สามแล้ว
“ขั้นปลายของนภาที่สาม? ฮ่าฮ่า เยี่ยมไปเลย พลังของข้านั้นอยู่ที่ขั้นปลายของนภาที่สาม เมื่อเจ้าสามารถรั้งศพโลหิตไว้ได้ เจ้าย่อมสามารถต้านทานสิบกระบวนท่าของข้าได้”
ดวงตาของกวานเฉินส่องประกายระริก ขณะที่เขาเอ่ยนั้น ความมั่นใจได้พุ่งพล่านออกจากเขา
ก่อนหน้า เขาได้บดขยี้ทุกคนในตำหนักกว่านจวินและกระทั่งเอาชนะเจ้าเมืองกว่านจวินต่อหน้าจ้าวเฟิง ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะนำเด็กเหลือขอผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเขาสองนภาไว้ในสายตา
“คำของท่านนับว่าแทนทุกคนหรือไม่? ผู้อาวุโส?” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเย็นชา ราวกับว่าเขาดูแคลนเกินกว่าจะขยับตัว
“ใช่!” ไฮ่หยุนเอ่ยเสียงเย็น ราวกับว่าน้ำเสียงของเขาสามารถทำให้คนผู้หนึ่งหนาวเยือกไปถึงกระดูกได้
ผู้อาวุโสหนึ่งและผู้อาวุโสเสวี่ยต่างผงกศีรษะเล็กๆ เช่นกัน แน่นอนว่าพวกเขายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้
พลังฝึกตนของกวานเฉินนั้นอยู่ที่ขั้นปลายของนภาที่สาม ซึ่งเป็นระดับเดียวกับผู้คุ้มครองศพโลหิต และเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่าจ้าวเฟิงกำลังโป้ปดอยู่หรือไม่
“ได้ เริ่มเถอะ”
จ้าวเฟิงกลายเป็นเงาพร่าเลือนก่อจะปรากฏขึ้นที่ข้างบ่อเลือดที่เหือดแห้ง
“นี่เป็นบริเวณที่ข้าและศพโลหิตต่อสู้กัน”
สถานที่คือที่เดิม ซึ่งทำให้สถานการณ์ดูสมจริงมากขึ้น
ทุกคนผงกศีรษะและสร้างระยะห่างจากทั้งสอง
ในตอนนี้ คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ได้มายังที่นี่เพื่อชมการแสดง รวมทั้งผู้อาวุโสจางจากตำหนักภารกิจสำนัก ที่มองไปยังจ้าวเฟิงอย่างกังวล
“ศิษย์น้องจ้าว กระบวนท่าแรกจะเริ่มต้นขึ้นในตอนนี้…”
ทันทีที่กวานเฉินเอ่ยจบ เขาก็ได้ส่งฝ่ามือของเขาออกพร้อมกับที่ประกายแสงแล่นวูบไปทางจ้าวเฟิง
แสงนั้นราวกับกริชน้ำแข็งในฤดูเหมันต์ กระทั่งก่อนที่การโจมตีจะไปถึง ความเย็นยะเยือกก็ได้ไปถึงก่อนแล้ว
ซู่เหริน เซี่ยวซุน และหลินฟ่านต่างรู้สึกหนาวเหน็บ
“ศิษย์พี่กวานเฉินได้ใช้วิชามนุษย์ระดับสูง คู่มือจันทร์เยือกแข็ง! เพียงแค่กระบวนท่านี้ก็เอาชนะข้าได้แล้ว”
ลมหายใจของซู่เหรินติดขัด ราวกับเขาเป็นจ้าวเฟิงเสียเอง
คู่มือจันทร์เยือกแข็ง! วิชามนุษย์ระดับสูง!
กระบวนท่าแรกของกวานเฉินได้เอาชนะผู้ที่อยู่ต่ำกว่านภาที่สามแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณได้แล้ว
“กายมัจฉามายา!”
จ้าวเฟิงนั้นคล่องแคล่วราวกับมัจฉาในสายน้ำ และแม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าเขาอยู่ใกล้ แต่ความจริงนั้นห่างออกไป
วินาทีที่เด็กหนุ่มขยับ ดวงตาของผู้อาวุโสทั้งสามก็ได้ส่องประกายระริก
ฟุ่บ!
จันทร์เยือกแข็งได้พุ่งผ่านร่างของเด็กหนุ่มผมครามและพลาดเป้าไป ทว่ามันดูราวกับว่าเด็กหนุ่มนั้นไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย
“เป็นวิชาเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งอันใดเช่นนี้!”
ผู้คนไม่อาจกักเก็บความชื่นชมของพวกเขาไว้ได้
“เด็กนั่นได้ตีความภาพมัจฉามายาจนถึงระดับนี้ เหตุผลนั้นราวกับแสงไฟในธารา แม้ว่าเขาอาจดูใกล้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น…” ผู้เฒ่าจางนิ่งอึ้ง มีเพียงเขาที่รู้ว่าวิชาเคลื่อนไหวของจ้าวเฟิงมาจากที่ใด
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
กวานเฉินฟาดฟันออกไปอีกครั้ง ประกายแสงได้มุ่งตรงไปยังอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า
อีกฝ่ายนั้นคล่องแคล่วราวกับมัจฉา และเขาได้แสดงวิชาเคลื่อนไหวของเขาจนถึงขีดสุด
สามกระบวนท่าแรกถูกหลบเลี่ยงโดยจ้าวเฟิงอย่างง่ายดาย
เป็นไปได้เช่นไร!?
กวานเฉินรู้สึกตะลึงขึ้นในที่สุด เขาไม่อาจเชื่อได้ว่ามดปลวกที่อยู่ในขั้นแปดแห่งขอบเขตแห่งการรวบรวมเมื่อไม่กี่เดือนก่อนจะสามารถต่อกรกับเขาได้แล้ว
“อย่าได้จองหองนัก! ข้าใช้พลังเพียงหกส่วนก่อนหน้า” ชายหนุ่มเอ่ย
จากนั้นร่างของเขาก็พลันกลายเป็นเงาเลือนรางราวกับแสงจันทร์ พุ่งตรงไปยังคู่ต่อสู้
วิชาวายุโอบสวรรค์ ฝ่ามือลมทำลายล้าง!
จ้าวเฟิงยังคงเคลื่อนไหวราวกับปลาขณะที่เขาโคจรวิชาวายุโอบสวรรค์ มันเป็นเพียงฉบับง่ายของวิชาเซียนวายุสวรรค์ และเมื่อเด็กหนุ่มใช้มัน มันก็ได้เข้าสู่ขั้นสูง
ตูมม
จ้าวเฟิงนั้นราวกับปลาที่แหวกว่ายในธารา หลบการโจมตีส่วนมากในขณะที่ใช้วิชาวายุโอบสวรรค์ของเขาในการเบี่ยงเบนการโจมตีที่เหลือ
สี่กระบวนท่า… ห้ากระบวนท่า… หกกระบวนท่า…
สิบกระบวนท่าได้ผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว
วิชาเคลื่อนไหวและปราณแท้ของจ้าวเฟิงนั้นได้ลื่นไหลขึ้น และกลิ่นอายของเขาได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดของนภาที่หนึ่ง
“วิชาเคลื่อนไหวของเด็กนั่นแปลกประหลาด ราวกับมีค่ายกลปะปนอยู่”
ผู้อาวุโสหนึ่งมุ่นคิ้วของเขาเข้าหากัน และไม่อาจคิดได้ว่าวิชาเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายนั้นมาจากที่ใด
“ผู้อาวุโสหนึ่ง”
ผู้เฒ่าจางได้เดินไปข้างกายชายชราก่อนจะเอ่ยบางสิ่งด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไม่แปลกใจเลย เด็กเหลือขอนั่นมีความสามารถในการทำความเข้าใจสูง กระทั่งสามารถหลอมรวมค่ายกลเข้ากับวิชาต่อสู้ได้”
ผู้อาวุโสหนึ่งผงกศีรษะและเอ่ยว่า
“ผ่อนคลายเถอะ ข้าจะยุติธรรมและเท่าเทียมแก่ทุกคน”
ด้วยคำสัญญาของผู้อาวุโสหนึ่ง ผู้เฒ่าจางก็ได้ถอนลมหายใจออกพร้อมคิดว่า
“จ้าวเฟิง นี่เป็นสิ่งที่ข้าสามารถทำให้เจ้าได้มากที่สุดแล้ว ดูสิว่าเจ้าจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกหรือไม่”
“จ้าวเฟิง วิชาเคลื่อนไหวของเจ้านั้นยอดเยี่ยมโดยแท้ แต่จากที่ข้ารู้ พลังฝึกตนที่แท้จริงของศพโลหิตนั้นอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเป็นอย่างน้อย ดังนั้นแล้วเขาจะถูกหลอกโดยเจ้าได้อย่างไร?”
ไฮ่หยุนพลันแทรกขึ้นกะทันหัน
จากการตกลงก่อนหน้า จ้าวเฟิงนั้นจำเป็นเพียงต้านทานสิบกระบวนท่าจากกวานเฉินได้ เขาสามารถหลบและหลีกเลี่ยงหรือสู้ตรงๆ ได้
แต่บัดนี้ ความหมายของผู้อาวุโสไฮ่หยุนได้หมายความให้จ้าวเฟิงเผชิญหน้ากับกวานเฉินโดยตรง แม้ว่าผู้คุ้มครองตำหนักรองศพโลหิตจะสามารถมองการเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มได้อย่างทะลุปรุโปร่ง มันก็ไม่อาจทำอันใดได้เมื่อความคล่องแคล่วของมันต่ำนัก
คิ้วของผู้อาวุโสหนึ่งเลิกสูง เหตุใดผู้อาวุโสไฮ่หยุนจึงได้ก่อปัญหาแก่จ้าวเฟิง?
ในตอนนี้ เหลือเพียงสามกระบวนท่าจึงจะสิ้นสุด
“เช่นผู้อาวุโสต้องการ!” น้ำเสียงของจ้าวเฟิงนั้นเย็นเยียบขณะที่เขาโคจรปราณแท้วายุสวรรค์จนถึงขีดสุด
ฝ่ามือวายุอัสนี!
น้ำเสียงของฟ้าคำรามดังขึ้น
เปรี้ยงงงงง!
จ้าวเฟิงป้องกันการโจมตีหนึ่งของคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ และร่างทั้งสองได้แยกออกจากกัน
ภาพนั้นสร้างความตื่นตะลึงให้ทุกคน
“โอกาสดีที่จะเพิ่มพลังฝึกตนของข้า!”
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าปราณแท้ของเขาได้ลื่นไหลขึ้น และพลังที่หลงเหลือจากยาแก่นแท้โลหิตเมื่อไม่กี่วันก่อนได้ถูกดูดซึมไปจนหมดสิ้น ซึ่งทำให้พลังฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย