บทที่ 157 : เป้าหมายสำเร็จ
ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสทั้งสองต่างต้องการรับจ้าวเฟิงเป็นศิษย์ ทว่าเด็กหนุ่มนั้นกลับต้องการผู้อาวุโสหนึ่งเป็นอาจารย์
ชายชรายืนอยู่ที่จุดเดิมและไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
จ้าวเฟิงเผลอตัวไปเพราะผู้อาวุโสไฮ่หยุน หากผู้อาวุโสเสวี่ยต้องการรับเขาเป็นศิษย์มันก็นับว่าปกติ แต่มันกลับเกิดปัญหาขึ้นเมื่อผู้อาวุโสไฮ่หยุนเองก็ต้องการรับเขาเป็นศิษย์เช่นกัน
ผู้อาวุโสชุดขาวมีรอยยิ้มล้ำลึกบนใบหน้า จ้าวเฟิงพลันเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายในทันที
ผู้อาวุโสไฮ่หยุนกำลังให้ ‘โอกาส’ ในการเข้าร่วมฝั่งของเขาเช่นเป่ยโป่ย หากเป็นเช่นนั้น เขาจะสามารถบดขยี้เจ้าเมืองกว่านจวินไว้ใต้ฝ่าเท้าได้อีกครั้ง หากเจ้าเมืองกว่านจวินรับรู้ถึงเรื่องนี้ บุรุษวัยกลางคนย่อมกระอักโลหิตด้วยความเคืองแค้นเป็นแน่
ในเวลาเดียวกัน เขากำลังบังคับให้จ้าวเฟิงตัดสินใจ
หากเขาเลือกผู้อาวุโสเสวี่ย มันหมายความว่าไร้ซึ่งทางหวนกลับ พวกเขาจะกลายเป็นศัตรูกันและผู้อาวุโสไฮ่หยุนจะข่มเหงกำจัดเด็กหนุ่มออกไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้องไฮ่หยุน เจ้าก็สนใจในตัวของจ้าวเฟิงเช่นกันหรือ? หากเขาต้องการ เขาสามารถเป็นศิษย์ของเจ้าได้” ผู้อาวุโสเสวี่ยชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะเริ่มหัวเราะออกมา
จ้าวเฟิงคิดว่าฉิบหายในทันใด
สถานการณ์ไม่ดีแล้ว!
ในตอนนี้ เขาได้มองทุกสิ่งทะลุปรุโปร่ง
- 1. ผู้อาวุโสหนึ่งไม่ต้องการรับศิษย์ด้วยเหตุผลบางอย่าง
- 2. ผู้อาวุโสเสวี่ยไม่จริงใจ
- 3. ผู้อาวุโสไฮ่หยุนวางแผนบางอย่างเอาไว้
ส่วนที่สำคัญที่สุดคือข้อที่สอง
ผู้อาวุโสเสวี่ยเอ่ยเสนอให้เด็กหนุ่มเป็นศิษย์เพื่อที่จะสงบบรรยากาศลง และเมื่อผู้อาวุโสไฮ่หยุนเอ่ยเสนอว่าเขาจะรับจ้าวเฟิงเป็นศิษย์ เขาจึงเอ่ยขึ้นโดยไร้ซึ่งความลังเล
ดังนั้นแล้ว ผู้อาวุโสเสวี่ยนั้นไม่อาจเชื่อถือได้ จากจุดที่เขารับซุนหยวนเฮาเป็นศิษย์ มันย่อมหมายความว่าเขาเห็นความสำคัญของพรสวรรค์ยิ่งนัก
“หากข้าเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสเสวี่ยและกลายเป็นศัตรูกับผู้อาวุโสไฮ่หยุน เขาอาจไม่ปกป้องข้า ในทางกลับกัน เขาอาจกระทั่งกำจัดข้าเพื่อความสัมพันธ์อันดีกับผู้อาวุโสไฮ่หยุน” จ้าวเฟิงสรุปได้ในไม่ช้า
ผู้อาวุโสเสวี่ยนั้นไม่อาจเชื่อถือ และเพียงเอ่ยแนะนำเพื่อสร้างความพอใจให้แก่ผู้อาวุโสหนึ่ง หากเขารับผู้อาวุโสไฮ่หยุนเป็นอาจารย์ เขาย่อมกลายเป็นเนื้อที่เข้าปากเสือ
จ้าวเฟิงตัดสินใจในไม่ช้า
เปลี่ยนคำขอแทนที่จะเลือกผู้ใดเป็นอาจารย์
ผู้อาวุโสหนึ่งเป็นผู้ที่ไม่อาจรับศิษย์ได้โดยง่ายและไม่ได้เอ่ยสัญญาอย่างง่ายดาย คนเช่นนั้นจะทำทุกสิ่งเพื่อคนที่อยู่ใต้พวกเขา
โชคร้ายนัก…
จ้าวเฟิงถอนหายใจในใจและตัดสินใจ
เขาเลือกที่จะเปลี่ยนไปเป็นอีกคำขอแทนที่จะนับผู้อาวุโสเสวี่ยหรือผู้อาวุโสไฮ่หยุนเป็นอาจารย์
การตัดสินใจนี้ทำให้ศิษย์ผู้อื่นตั้งนิ่งอึ้ง เป็นเกียรติอันใดเช่นนี้ในการที่จะได้นับผู้อาวุโสเป็นอาจารย์?
ซู่เหริน เซี่ยวซุน และหลินฟ่านต่างเศร้าโศก ทว่าพวกเขาไม่ใช่จ้าวเฟิงและไม่สามารถเลือกให้อีกฝ่ายได้
ดวงตาของผู้อาวุโสหนึ่งส่องประกายแวววาวก่อนจะเอ่ยขึ้นในที่สุด
“การที่เจ้าจะละทิ้งคำขอนี้จะเป็นการบังคับให้ข้าเสียวาจา ทว่าข้าได้สาบานว่าจะไม่รับศิษย์อีกต่อไป”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวเฟิงจึงเข้าใจในที่สุด ไม่แปลกใจเลยที่อีกฝ่ายเงียบไปเมื่อได้ยินคำขอของเด็กหนุ่ม และทั้งผู้อาวุโสเสวี่ยและผู้อาวุโสไฮ่หยุนจึงพยายามที่จะทำให้เขาพึงพอใจ
ทว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ใดหรือสวรรค์ที่ได้คำนวณไว้ จ้าวเฟิงกลับปฏิเสธทั้งคู่และเลือกที่จะขอสิ่งอื่นแทน
นั่นหมายความว่าไม่ว่าผู้อาวุโสหนึ่งจะตกลงหรือไม่ ชายชราจะต้องเสียวาจาของตน
“เจ้าต้องตกลงยางอย่างก่อนหากต้องการจะเป็นศิษย์ของข้า” ผู้อาวุโสหนึ่งเอ่ยต่อ
“คืออันใดกันขอรับ?”
เด็กหนุ่มผมครามไม่รู้ว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปกะทันหัน
“ยอม แพ้ การ ฝึก ฝ่า มือ วา ยุ อัส สะ นี!” ชายชราเอ่ยทีล่ะคำ
จ้าวเฟิงนิ่งอึ้ง เหตุใดอีกฝ่ายจึงต้องการให้เขายอมแพ้ในการฝึกฝ่ามือวายุอัสนี?
เหตุใดเขาจึงเลือกที่จะไม่รับศิษย์เพิ่มอีก
ทันใดนั้น ทุกสิ่งก็ลงล๊อค
เด็กหนุ่มนึกถึงสิ่งที่ศิษย์พี่หยวนได้เอ่ยไว้
“หยางก่านได้มีสหายที่ฝึกฝนฝ่ามือวายุอัสนี ทว่าหลังจากนั้น…”
ย้อนกลับไปยังการวมตัว หยางก่านได้เอ่ยเตือนจ้าวเฟิงไว้ว่า ชีวิตนั้นมีค่ากว่าฝ่ามือวายุอัสนี
หรือเป็นว่าหยางก่านผู้นั้นคือศิษย์ของผู้อาวุโสหนึ่ง? และสหายของเขาเองก็เป็นเช่นกัน ทว่าเขาได้ฝึกฝนฝ่ามือวายุอัสนีและสิ้นชีวิต?
“ผู้อาวุโสหนึ่ง ท่านคืออาจารย์ของหยางก่านหรือ?” จ้าวเฟิงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
หยางก่านนั้นนับเป็นอันดับสองในสิบศิษย์หลัก และวินาทีที่เด็กหนุ่มพูดออกไปนั้น ทุกคนใกล้ๆ ก็ได้ผงกศีรษะ
ผู้อาวุโสหนึ่งนิ่งเงียบ ดวงตาหมองหม่น จ้าวเฟิงจับเศษเสี้ยวความรู้สึกเกลียดชังและเจ็บปวดได้จากดวงตาของอีกฝ่าย มันสามารถจินตนาการได้เลยว่าบุคคลที่ฝึกฝนฝ่ามือวายุอัสนีนั้นนับเป็นอัจฉริยะโดยแท้ ทว่าเขาได้จากไปเพราะวิชานี้
“จ้าวเฟิง มันจะเป็นอันใดไปกับการยอมแพ้วิชาหนึ่งเพื่อเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสหนึ่ง?”
ในยามนี้ ผู้เฒ่าจางแห่งตำหนักภารกิจสำนักไม่อาจอดทนได้และเอ่ยปากเตือนเด็กหนุ่ม อย่างไรก็ตาม เขานั้นก็นับเป็นผู้สั่งสอนของอีกฝ่าย
“ยอมแพ้ฝ่ามือวายุอัสนี?”
ดวงตาของจ้าวเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความเด็ดขาด
ความต้องการของเขาจะถูกสั่นคลอนโดยผู้อื่นได้อย่างไร?
เด็กหนุ่มไม่เคยเสียใจที่เลือกวิชานี้ ระหว่างการฝึกฝน เขามักจะใช้ดวงตาซ้ายของเขาควานหาข้อผิดพลาดและทำให้อันตรายอยู่ในจุดต่ำสุดเสมอ
เขานั้นกระทั่งวิเคราะห์ไว้ครั้งหนึ่งว่าฝ่ามือวายุอัสนีนี้ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างหยาบๆ ราวกับผู้สร้างยังไม่ได้ทำมันให้สมบูรณ์ ดังนั้นแล้ว จ้าวเฟิงจึงไม่เพียงแค่ฝึกฝนวิชานี้ เขากำลังพัฒนาและทำให้มันสมบูรณ์อยู่
“เจ้าคงไม่เต็มใจ! เจ้าคล้ายคลึงกับเฉินเอ๋อร์ยามก่อนนัก เขามีสีหน้าเช่นเดียวกับเจ้าในยามนั้นและเอ่ยในสิ่งเดียวกัน… หากข้าไม่รับเขาเป็นศิษย์ ข้าจะต้องเสียใจ!” ผู้อาวุโสหนึ่งมองไปยังเด็กหนุ่มด้วยสายตาซับซ้อน ราวกับว่าเขาเป็นผู้อื่น
“ผู้อาวุโส! ข้าจะสัญญาในสิ่งที่เขาเคยเอ่ยเช่นกัน สิ่งที่เขาไม่อาจทำให้สำเร็จได้ ข้าจะทำเอง”
ความมั่นใจได้ทะลักล้นออกจากร่างของจ้าวเฟิง
“จองหอง!”
“โกหก!”
ทันทีที่คำพูดของเขาหลุดรอดออกจากริมฝีปาก ผู้คนใกล้ๆ ก็เริ่มตะโกนออกมา กระทั่งคิ้วของผู้อาวุโสทั้งสองก็ยังเลิกสูง
บางคนได้กังวลว่าจ้าวเฟิงจะถูกจัดการด้วยความโกรธของผู้อาวุโสหนึ่ง ทว่าตัวเด็กหนุ่มเองนั้นไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย
เพราะในตอนนี้ เขาได้กลายเป็นตัวแทนที่สมบูรณ์แบบของศิษย์ที่ผู้อาวุโสหนึ่งรักใคร่มากที่สุดแล้ว
“เจ้ามีบางสิ่งที่ต่างจากเขา” ผู้อาวุโสหนึ่งสำรวจเด็กหนุ่มก่อนจะหัวเราะออกมา
หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุก หรือผู้อาวุโสหนึ่งได้รับรู้แล้วว่าเขากำลังใช้อารมณ์ของอีกฝ่ายเป็นเครื่องมือ?
“เจ้าเหมือนเขา มั่นใจเสียจนเอ่ยได้ว่าจองหอง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต่างออกไป เจ้าเยือกเย็นนัก”
ชายชราจ้องไปยังอีกฝ่ายเป็นเวลานานก่อนจะเอ่ยขึ้น
เยือกเย็น
มันเป็นการเปลี่ยนแปลงหลักหลังจากที่จ้าวเฟิงได้หลอมรวมเข้ากับดวงตาซ้าย ไม่ว่าเขาจะประสบความสำเร็จมากมายเพียงใด เขาก็ไม่เคยสูญเสียตนเองไปกับพลังนั้น ความจองหองก่อนหน้าเพียงแสดงออกเพื่อให้เขาสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ
จ้าวเฟิงจับจ้องไปยังชายชราและอีกฝ่ายนั้นมีอารมณ์ที่ซับซ้อนขณะที่เขาตัดสินใจอย่างยากลำบาก
หลังจากผ่านไปนาน ชายชราจึงได้พ่นลมหายใจออก
“เมื่อเจ้าไม่ต้องการที่จะยอมเลิกฝึกฝ่ามือวายุอัสนี ข้าก็ทำได้เพียงรับเจ้าเป็นศิษย์สายนอกของข้า แน่นอนว่าหากเจ้าไม่ต้องการ เจ้าสามารถนับผู้อาวุโสผู้อื่นเป็นอาจารย์ได้เช่นกัน หรือไม่เช่นนั้นก็เปลี่ยนคำขอของเจ้า นี่คือสิ่งที่ข้าให้ได้มากที่สุด”
ข้าให้ได้มากที่สุด
จ้าวเฟิงเข้าใจถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย ศิษย์ที่เขารักใคร่ที่สุดได้สิ้นชีพลงเพราะฝึกฝนฝ่ามือวายุอัสนี และเขาได้สาบานว่าจะไม่รับศิษย์อีก
ทว่า เขาได้สัญญาว่าจะให้สิ่งที่เด็กหนุ่มปรารถนาและคำขอนั้นก็ไม่ได้เกินกว่าที่จะรับได้
ดังนั้น ผู้อาวุโสหนึ่งจึงได้ยอมถอยและเอ่ยว่าหากจ้าวเฟิงยอมแพ้ในวิชาฝ่ามือวายุอัสนี เขาจะรับอีกฝ่ายเป็นศิษย์ ชายชราจะอยากเห็นเหตุการณ์เดิมเกิดขึ้นอีกครั้งได้เช่นไร?
ทว่าปัญหานั้นคือเด็กหนุ่มผมครามนั้นคล้ายคลึงกับศิษย์คนก่อนของเขามากเกินไป หลังจากดิ้นรนเป็นเวลานาน ผู้อาวุโสหนึ่งจึงทำได้เพียงสัญญาว่าจะรับอีกฝ่ายเข้าเป็นศิษย์สายนอก
ความแตกต่างของศิษย์นอกและศิษย์หลักนั้นมากมายนัก อย่างแรกนั้นเป็นเพียงศิษย์อาจารย์ในคำเรียกขาน และแม้ว่าศิษย์จะทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงก็จะไม่ส่งผลไปถึงผู้เป็นอาจารย์
“ศิษย์คารวะท่านอาจารย์”
จ้าวเฟิงค้อมคำนับอีกฝ่ายโดยไร้ซึ่งความลังเล ทว่ากลับถูกหยุดไว้โดยผู้อาวุโสหนึ่ง
“มีเพียงศิษย์หลักที่จำเป็นต้องเคารพเพียงนั้น”
ผู้อาวุโสหนึ่งไม่ต้องการมีความสัมพันธ์กับเด็กหนุ่มมากนักเพราะอีกฝ่ายได้ฝึกฝนฝ่ามือวายุอัสนีที่เหมือนกับระเบิด
จ้าวเฟิงแย้มยิ้มบาง เขามีเพียงเหตุผลเดียวที่ต้องการให้อีกฝ่ายเป็นอาจารย์ เขาต้องการผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่ง!
จากมุมมองของเขา ศิษย์สายนอกของผู้อาวุโสหนึ่งนั้นดีกว่าศิษย์หลักของผู้อาวุโสเสวี่ย
อย่างแรก ผู้อาวุโสหนึ่งนั้นมีอำนาจสูงและไม่รับศิษย์มาก นอกจากนั้น หลายคนไม่แม้แต่จะกล้าแตะต้องศิษย์สายนอกของเขา อย่างที่สอง ผู้อาวุโสหนึ่งเชื่อถือได้ แม้ว่าจ้าวจะเป็นเพียงศิษย์สายนอก เขาก็จะยังคงปกป้องเด็กหนุ่มอยู่ดี
หลังจากกลายเป็นศิษย์ของผู้อาวุโส เด็กหนุ่มผมครามก็รับรู้ได้ถึงสายตาอิจฉาจากศิษย์ผู้อื่นใกล้ๆ ได้
แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงศิษย์สายนอกของผู้อาวุโสหนึ่ง มันก็ยังคงทำให้ผู้อื่นริษยา ชายชราไม่ได้รับศิษย์จำนวนมาก และจ้าวเฟิงเป็นศิษย์เพียงคนเดียวนอกเหนือไปจากหยางก่าน
นอกจากนั้น อำนาจของผู้อาวุโสหนึ่งนั้นเหนือกว่าผู้อาวุโสคนอื่นมาก และกระทั่งจ้าวสำนักก็ยังมีความเคารพในตัวชายชรา
“ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้เด็กเหลือขอนั่นทำสำเร็จ…”
ผู้อาวุโสไฮ่หยุนชะงักไปเล็กๆ พร้อมกับที่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน เขารู้สึกราวกับว่ามันได้เป็นปัญหามากขึ้นอีก ตำแหน่งของผู้อาวุโสหนึ่งนั้นพิเศษในสำนัก และแม้ว่าจ้าวเฟิงจะเป็นเพียงศิษย์สายนอก สิ่งที่เขาจะได้รับก็ไม่ด้อยไปกว่าศิษย์หลักของผู้อาวุโสคนอื่น
ในตอนนี้ หัวใจของจ้าวเฟิงผ่อนคลายลง เขาได้สำเร็จเป้าหมายที่สองที่ถูกตั้งขึ้นโดยจ้าวเมืองกว่านจวินแล้ว
- 1. เป็นศิษย์สายใน
- 2. หาผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่ง
‘คนหนุนหลัง’ ของเขานั้นไม่เพียงแข็งแกร่ง มันสามารถเห็นได้จากดวงตาหวาดระแวงของหยวนจื่อและกวานเฉิน
ในเวลาไม่กี่วันต่อมา สำนักจันทร์สลายได้ค้นหาไปในระยะกว่าพันลี้รอบพื้นที่ของตระกูลซิ่งเพื่อค้นหาผู้คุ้มครองศพโลหิต ทว่ากลับไร้ซึ่งร่องรอย อีกฝ่ายนั้นบาดเจ็บสาหัสและไม่ควรที่จะสามารถหลบหนีไปได้ไกลกว่าสองร้อยลี้ แต่ไม่มีผู้ใดกระทั่งพบเห็นเงาของมัน แม้ว่าผู้อาวุโสจะออกค้นหาด้วยตนเอง
สำนักจันทร์สลายนั้นไม่รู้ว่าจ้าวเฟิงมีโอกาสห้าถึงหกส่วนในการหาร่องรอยของศพโลหิตพบ
แต่โชคร้ายนักที่เป้าหมายของเด็กหนุ่มสำเร็จหมดแล้ว… เขาแสดงตนเหนือกว่ามานานและถึงเวลาที่ต้องกลับไปทำตัวต่ำต้อยเช่นเดิมเพื่อที่จะซึมซับทุกสิ่งที่เขาได้รับและฝึกตน…