บทที่ 172 : ล้างด้วยโลหิต
ศิษย์ทั้งหมดเจ็ดคนได้รวมตัวกันที่หน้าทางเข้าใหญ่ ทว่าน่าประหลาดใจนักที่ไม่มีผู้ใดถูกเตะออกไป แม้ว่ามันจะยากขึ้นอย่างมากก็ตาม
สิ่งที่แปลกประหลาดนั้นคือจ้าวเฟิง หลินฟ่าน และหลิวเยว่เอ๋อร์ดูผ่อนคลายอย่างมาก พวกเขานั้นไม่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้า แต่กลับเต็มไปด้วยพลังงาน
“ศิษย์น้องจ้าว… เจ้าได้ทะลวงนภาแล้ว?”
หยางก่านรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่แปรเปลี่ยนไปจากร่างของผู้เป็นศิษย์น้อง เพราะเด็กหนุ่มได้ทะลวงนภา กลิ่นอายของเขาจึงรุนแรงและกราดเกรี้ยว มันไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ควบคุมได้เช่นปกติ
สีหน้าของเป่ยโม่ยและกวานเฉินแปรเปลี่ยนไปเล็กๆ รับรู้ได้ถึงความกดดันของความรวดเร็วในการฝึกตนของจ้าวเฟิง ทั้งสองมองหน้ากันด้วยสายตาซับซ้อน โดยเฉพาะเป่ยโม่ย เมื่อความแตกต่างของพลังฝึกตนของพวกเขานั้นบัดนี้นับว่าไม่มีอยู่
จิตต่อสู้พลุ่นพล่านขึ้นจากร่างของเด็กหนุ่มตระกูลเป่ยขณะที่เขาคิดว่านี่เป็นโอกาสดียิ่งในการที่จะประลองกับอีกฝ่ายในการประลองที่ยุติธรรม ตัวเขานั้นมีความมั่นใจอย่างสิ้นเชิงในพลังของตนเอง เขาไม่แม้แต่จะเอาจริงในการแข่งขันก่อนหน้า
“ข้าต้องไม่ปล่อยให้มันออกจากตำหนักยอดนภาทั้งมีชีวิต…”
สีหน้าของกวานเฉินมืดหม่นและหวาดระแวง สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าหากเขาไม่กำจัดจ้าวเฟิงในเร็วๆ นี้ อีกฝ่ายจะกลายเป็นสิ่งคุกคามอันใหญ่หลวงของเขาได้
“มีหลายสิ่งในการทดสอบนี้ที่ช่วยเหลือในการฝึกตนของข้า” จ้าวเฟิงเอ่ยตอบอย่างผ่อนคลาย
ศิษย์ทั้งเจ็ดที่มีชีวิตรอดจนถึงยามนี้ในการทดสอบต่างมีความพัมนาขึ้น มันไม่ใช่เพียงแค่จ้าวเฟิงที่พัฒนา ทว่าเด็กหนุ่มนั้นคือผู้ที่พัฒนามากที่สุด โดยที่มีหลินฟ่านและเป่ยโม่ยตามไปติดๆ
“ได้ เช่นนั้นเราทั้งเจ็ดร่วมมือกัน เราสามารถเข้าไปในถ้ำนี้ได้ ข้ามีความรู้สึกว่าหากเราสามารถทะลวงจุดนี้ไปได้ มันย่อมเป็นเรื่องง่ายมากในการสำเร็จการทดสอบนี้”
หยางก่านเริ่มวางแผน
จ้าวเฟิงรู้ว่าภายในถ้ำค้างคาวนั้นมีค้างคาวนับพัน และพวกมันทุกตัวล้วนอยู่ในนภาที่หนึ่งแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณเป็นอย่างต่ำ
จากนั้นเป่ยโม่ยจึงเอ่ยขึ้นกับทุกคน
“จากที่ข้าพบ มีจักรพรรดิค้างคาวอยู่ภายในถ้ำที่มีพลังฝึกตนในนภาที่หกแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ นอกจากจักรพรรดิแล้ว ยังมีค้างคาวขุนนางอีก 6 ตัวที่มีพลังฝึกตนในระหว่างนภาที่สี่ถึงห้าแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ โชคดีที่ค้างคาวขุนนางพวกนี้แยกย้ายอยู่ห่างกันไปรอบๆ ถ้ำใหญ่นั่น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนต่างก็นิ่งอึ้ง
ข่าวนี้ถูกพบโดยเป่ยโม่ยที่ได้เข้าไปในถ้ำพร้อมกับหยางก่านโดยที่ฝ่ายหลังดึงดูดความสนใจของค้างคาวที่แข็งแกร่งกว่าไว้
โดยรวมนั้น ความแข็งแกร่งของค้างคาวทั้งหมดเหนือกว่าผู้เข้ารวมการทดสอบทั้งในด้านของปริมาณและคุณภาพ
เมื่อเผชิญหน้ากับการเอาจำนวนเข้าว่าเช่นนี้ กระทั่งผู้ที่แข็งแกร่งเช่นหยางก่านยังต้องวิ่งหนี ในขณะที่ศิษย์ผู้อื่นที่อ่อนแอกว่านั้นไม่มีแม้กระทั่งความแข็งแกร่งที่จะปกป้องตนเอง
“เราไม่อาจสู้กับมันตรงๆ ได้แน่นอน… เราต้องจัดการค้างคาวขุนนางลงจำนวนหนึ่งก่อนที่จักรพรรดิค้างคาวจะปรากฏตัว ถ้าสำเร็จ เราก็จะได้รับสมบัติจำนวนหนึ่งแบบนี้ หากไม่ สิ่งที่เราทำได้ก็มีเพียงแค่สู้จนกว่าจะถึงทางออก สถานการณ์ที่แย่ที่สุดคือทุกคนกระจายกันไปในทุกทิศทาง…”
หยางก่านเอ่ยถึงแผ่นของเขาให้กับทุกคนฟัง และมันมีสถานการณ์ที่เป็นไปได้ 3 อย่าง
1.สถานการณ์ที่ดีที่สุดคือทั้งกลุ่มสามารถขโมยสมบัติบางส่วนไปได้ระหว่างที่พวกเขาฝ่าไปยังที่อื่น
2.ทั้งกลุ่มร่วมมือกันสู้ไปจนถึงทางออกโดยที่ปกป้องแค่ตนเอง
3.ทั้งกลุ่มเข้าตาจน หมายความว่าไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้
หลังจากหยางก่านเอ่ยบอกแผนของเขาแล้วเขาก็ถอนหายใจอยู่ในใจ จากการวิเคราะห์ของเขา โอกาสที่แผนการแรกจะสำเร็จนั้นต่ำกว่าหนึ่งในสิบส่วน ในขณะที่แผนที่สามนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากที่สุด
มันเป็นเพราะว่าค้างคาวมีมากเกินไป รวมทั้งค้างคาวขุนนาง ความลังเลเพียงชั่วขณะย่อมหมายถึงอันตรายในเสี้ยววินาที
“แผนการนี้ไม่นับว่าแย่ ทว่าโอกาสที่จะชนะในการปะทะกับจักรพรรดิค้างคาวเล่า?”
จ้าวเฟิงเอ่ยถาม
พลังของจักรพรรดิค้างคาวนั้นได้เข้าสู่นภาที่หกแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ เช่นเดียวกับผู้คุมกฎบางคนในสำนัก
“ข้าไม่มีโอกาสในการเอาชนะมากนัก ทว่าข้าสามารถต่อกรกับมันได้ชั่วครู่” หยางก่านเอ่ยเอ่ยตอบหลังจากครุ่นคิดไปชั่วครู่
จ้าวเฟิงประหลาดใจเล็กๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดูเหมือนว่าพลังของศิษย์พี่ของเขาผู้นี้จะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาด
หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อย ทั้งกลุ่มก็ได้เตรียมตัวที่จะจากไป
“ศิษย์พี่หยาง ข้าคิดว่าท่านลืมความเป็นไปได้อย่างหนึ่งไป”
จ้าวเฟิงแย้มยิ้มบาง
“ความเป็นไปได้อันใด?”
หยางก่านรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ในความคิดของเขา สถานการณ์ที่แย่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ได้ถูกเอ่ยออกไปแล้ว
“ล้าง ถ้ำ ค้าง คาว ด้วย โล หิต”
จ้าวเฟิงค่อยๆ เอ่ยออกทีล่ะคำแก่อีกฝ่าย ประกายความตื่นตะลึงแล่นวาบในดวงตาของหยางก่านก่อนที่เขาจะสั่นศีรษะอย่างขมขื่น
“ศิษย์น้องจ้าว หยุดล้อเล่นเถอะ”
จากนั้นหยางก่านจึงนำทั้งกลุ่มพุ่งตรงไปยังศูนย์บัญชาการของถ้ำค้างคาว
ทั้งเจ็ดล้วนมีพลังต่อสู้เทียบเท่าได้กับนภาที่สามแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณเป็นอย่างน้อย โดยที่ส่วนมากเทียบเท่าได้กับนภาที่สี่หรือสูงกว่า
ดังนั้นแล้ว ค้าวคาวที่แยกตัวกันไปรอบๆ นั้นจึงถูกจัดการลงได้อย่างง่ายดาย
“ทุกคนไปต่อเช่นนี้ หากเราเผชิญหน้ากับค้างคาวขุนนาง เราจะร่วมมือกันฆ่ามัน” หยางก่านเอ่ยสั่ง
ทั้งกลุ่มมุ่งเข้าไปลึกกว่าเดิม และไม่ช้าก็เผชิญหน้ากับฝูงค้าวคาวราวๆ 100 ตัวที่นำมาโดยค้างคาวขุนนางที่มีพลังใกล้เคียงกับนภาที่ห้าแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ
ฝ่ามือพลิกเมฆา!
หยางก่านผลักดันฝ่ามือของเขาไปยังฝูงค้างคาวเบื้องหน้า ฆ่าไป 5-6 ตัวในคราเดียว
เพียงหนึ่งกระบวนท่าก่อนหน้า ค้างคาวขุนนางก็ได้รับบาดเจ็บจากชายหนุ่มแล้ว
จ้าวเฟิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ หยางก่านนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดนัก ไม่แปลกใจเลยที่อีกฝ่ายจะครองอันดับสองในบรรดาศิษย์หลักและมีคุณสมบัติในแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าศิษย์
ผึง ฟุ่บบบ
ประกายแสงสีครามเข้มพุ่งวูบไปยังคอของค้างคาวขุนนาง
ตุบ!
ร่างใหญ่โตของค้างคาวขุนนางร่วงหล่นลงบนพื้น
หยางก่านมองไปยังจ้าวเฟิงด้วยสายตาประหลาดใจเล็กๆ คันศรโหลวฮัวของอีกฝ่ายนั้นทรงพลังยิ่งนัก ทั้งยังสามารถคุกตามผู้ฝึกตนในนภาที่สี่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นการลอบโจมตี
หลังจากค้างคาวขุนนางตายลง ค้างคาวที่เหลือก็แตกกระจายไปด้วยความหวาดกลัว โดยที่เกินครึ่งนั้นตายหรือบาดเจ็บ
“ศิษย์น้องจ้าว เจ้ามีทักษะธนูที่ยอดเยี่ยม เราสามารถฆ่าค้างคาวขุนนางอีกจำนวนหนึ่งได้ด้วยกัน แล้วข้าจะให้ส่วนแบ่งรางวัลกับเจ้าเพิ่มมากขึ้น”
หยางก่านแย้มยิ้ม
“แน่นอน” จ้าวเฟิงผงกศีรษะอย่างยอมรับ ทว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่สมุนไพรจำนวนเล็กน้อยที่รวบรวมมาด้วยความเร่งรีบ เขาต้องการมากกว่านั้น
ทั้งกลุ่มยังคงมุ่งไปเบื้องหน้าพร้อมกับที่ค้างคาวขุนนางอีกตัวปรากฏขึ้นในไม่ช้า ครานี้มันได้นำฝูงค้างคาวราวๆ 100-200 ตัวซึ่งรวมตัวที่บินหนีไปก่อนหน้าด้วย
ค้างคาวขุนนางตัวนี้ได้เข้าสู่นภาที่ห้า และในครานี้หยางก่านได้สามารถได้เปรียบโดยที่ไม่สามารถฆ่ามันได้ในระยะเวลาสั้นๆ
“ธาราเหนือสวรรค์ทมิฬ ผ่าคลื่นยักษ์!”
เป่ยโม่ยตวาดขณะที่ร่างของเขาทะยานขึ้นสู่อากาศ ทิ้งภาพติดตาจำนวนหนึ่งไว้เบื้องหลังขณะที่เขาส่งฝ่ามือที่กระเพื่อมเป็นระลอกที่ราวกับหนัก 5,000 กิโลกรัมออกไปยังร่างของค้างคาวขุนนาง
ตูม!
ร่างของจ่าฝูงค้างคาวกระแทกลงกับพื้นด้วยการรวมพลังกันของเป่ยโม่ยและหยางก่าน
หัวใจของทุกคนกระตุกวูบ พวกเขาไม่คิดว่าเป่ยโม่ยจะแข็งแกร่งเพียงนี้
จ้าวเฟิงวิเคราะห์วิชาธาราเหนือสวรรค์ทมิฬของอีกฝ่ายอย่างเงียบงันว่าเทียบเท่าได้กับฝ่ามือวายุอัสนีของเขาเป็นอย่างน้อยหากไม่เหนือกว่า
จากนัน้ทั้งเจ็ดจึงได้ร่วมมือกันจัดการค้างคาวขุนนาง
“ยอดเยี่ยมมาก เราจัดการไปแล้วสอง เราแค่ต้องจัดการเพิ่มอีกสองแล้วทุกสิ่งก็จะเรียบร้อย”
หยางก่านหัวเราะ
ช้าก่อน!
สีหน้าของจ้าวเฟิงพลันแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
“ค้างคาวที่เหลือไม่ได้หนีไป”
ทันทีที่เด็กหนุ่มเอ่ยจบ เสียงร้องที่สั่นสะท้านดวงวิญญาณก็ได้ดังขึ้นพร้อมกับสายลมรุนแรงที่ปรากฏขึ้นกระแทกเข้ากับกำแพง เผยให้เห็นร่างของจักรพรรดิค้างคาวที่มีปีกกว้างกว่า 3.5 เมตร
ค้างคาวใกล้ๆ พลันร้องตอบรับในทันที ขวัญกำลังใจของพวกมันเพิ่มสูงขึ้นจากการปรากฏตัวของผู้นำพวกมัน
“ไม่ดีแล้ว! เราดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิค้างคาวเร็วเกินไป”
หยางก่านสูดลมหายใจลึกและชักดาบยาวสีทองเก่าแก่ของเขาออกก่อนจะทะยานร่างขึ้นสู่อากาศ จากนั้นจึงฟาดฟันอย่างรุนแรงไปยังร่างของจักรพรรดิค้างคาว ผ่าร่างของค้างคาวนับสิบที่ขวางทาง
ดาบยาวสีทองนั้นเป็นอาวุธมนุษย์ระดับกลาง และด้วยพลังฝึกตนของชายหนุ่ม เขากระทั่งสามารถคุกคามผู้ฝึกตนในนภาที่หกได้
หวู่ ฟุ่บบ
จักรพรรดิค้างคาวได้กรีดร้องเสียงลั่นก่อนจะพุ่งออกจากการโจมตีของดาบนั้น ลบล้างความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับตัวมันไป
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ค้างคาวนับร้อยเริ่มรวมตัวกันจากทุกทิศทางจากการเรียกของจักรพรรดิของพวกมัน
นอกจากค้างคาวธรรมดานับร้อยแล้ว ค้างคาวขุนนางอีกสี่ตัวเองก็ได้มาล้อมรอบทั้งกลุ่มเช่นกัน
พวกเขาถูกล้อมไว้โดยสมบูรณ์!
สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไป สถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุดที่หยางก่านได้คาดการณ์ไว้ได้เกิดขึ้นแล้ว ทว่านี่มันกระทั่งแย่กว่าที่คิด มันยังมีค้างคาวอีกนับร้อยที่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดปราณที่ล้อมรอบทั้งหมดไว้ดว้ย
ทั่วทั้งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยเสียงร้องแหลมซึ่งทำให้ทุกคนเว้นหยางก่านยากที่จะเคลื่อนไหวร่างกาย
คลื่นเสียงที่ไม่อาจจับต้องได้เป็นการโจมตีพลังจิตที่สามารถส่งผลต่อสมองของพวกเขาได้
“คิคิคิ มีค้างคาวจำนวนมากที่อยู่ติดกันเป็นก้อน”
จ้าวเฟิงมีรอยยิ้มระบายเต็มใบหน้า
กวานเฉินและคนอื่นๆ ที่เผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่หนักหน่วงจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มด้วยความโกรธเคืองอย่างช่วยไม่ได้ เขาหัวเราะในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร?
กี๊
จ้าวเฟิงเปิดปากของเขาพร้อมกับที่คลื่นเสียงพลังจิตได้พุ่งออก
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ฝูงค้างคาวร่วงลงบนพื้น
ในเสี้ยววินาที ค้างคาวกว่า 20-30 ตัวได้ร่วงลงบนพื้นพร้อมกับที่ช่องว่างปรากฏขึ้นเบื้องหน้าจ้าวเฟิง
สิ่งที่แปลกนั้นคือการโจมตีทางเสียงนั้นดูเหมือนจะมีผลต่อค้างคาวเท่านั้น และไม่ได้สร้างอันตรายแก่ผู้คนใกล้ๆ ในทางกลับกัน มันดูเหมือนจะช่วยต่อต้านการโจมตีพลังจิตของเหล่าค้างคาวแทน
กี๊! กี๊! กี๊!
จ้าวเฟิงเปิดปากของเขาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับที่ค้างคาวตัวแล้วตัวเล่าได้ร่วงลงบนพื้น ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งแตกกระจายไปด้วยความหวาดกลัว
ภาพนั้นได้ทำให้ผู้อื่นนิ่งอึ้ง
การโจมตีด้วยเสียงจากพลังจิตนั้นดูเหมือนจะสามารถตอบโต้ค้างคาวเหล่านี้ได้ และกระทั่งค้างคาวขุนนางยังหวาดกลัวเมื่อยามที่มันเข้าใกล้จ้าวเฟิง
ความจริงนั้นการโจมตีทางเสียงของเด็กหนุ่มนั้นได้เปลี่ยนไปตามร่างของค้างคาวและมีผลต่อพวกมันอย่างมาก
ในด้านของการฟังนั้น มันมีความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับค้างคาวอย่างมาก ดังนั้นแล้วมนุษย์คนอื่นๆ จึงไม่รู้สึกอันใด
ฟุ่บ ผึงงง
จ้าวเฟิงรั้งสายคันศรโหลวฮัวของเขาพร้อมกับที่ประกายแสงสีครามเข้มได้พุ่งไปยังร่างของค้างคาวขุนนางในนภาที่สี่แห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ
ปากของผู้อื่นที่อยู่ใกล้ๆ อ้าค้าง
จ้าวเฟิงนั้นราวกับนักล่าค้างคาวที่สามารถตอบโต้เหล่าค้างคาวได้ด้วยทักษะธนูและทักษะพลังเสียงของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ศิษย์น้องจ้าว ทำได้ดีมาก!”
หยางก่านที่กำลังต่อสู้อยู่กับจักรพรรดิค้างคาวยินดีอย่างมาก
กี๊ กี๊ กี๊
จ้าวเฟิงยังคงเปิดปากและส่งการโจมตีคลื่นเสียงพลังจิตของเขาอย่างต่อเนื่องซึ่งราวกับกระแสคลื่นที่ฆ่าค้างคาวไปตัวแล้วตัวเล่า
ในมิติในดวงตาซ้ายของเขา นรกสีครามได้หมุนวนรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ สร้างพลังจิตให้แก่เด็กหนุ่ม
ในเวลาเพียงแค่สิบกว่าลมหายใจ เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวก็ได้ฆ่าและบังคับให้ค้างคาวกว่า 100-200 ตัวล่าถอย
ค้างคาวที่ถูกกดดันให้ล่าถอยนั้นมีอาการบาดเจ็บทางจิตใจและไม่ตอบรับการเรียกของค้างคาวขุนนาง
ทุกคนมองไปทางจ้าวเฟิงด้วยความหวาดกลัวและตื่นตะลึง
ค้างคาวขุนนางอีกสามตัวมองไปยังร่างของเด็กหนุ่มผมครามด้วยความระมัดระวังและไม่กล้าที่จะเข้าใกล้
“ทุกคนปกป้องข้า แล้วเราจะล้างถ้ำค้างคาวนี้ด้วยโลหิต!”
น้ำเสียงของจ้าวเฟิงที่เต็มไปด้วยจิตอาฆาตดังก้อง ทำให้ผู้อื่นรู้สึกได้ถึงจิตต่อสู้และความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านขึ้นในร่าง